ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อารยธรรมตะวันออก ; อารยธรรมจีน ✔

    ลำดับตอนที่ #17 : อารยธรรมจีน :: ความก้าวหน้าทางวิทยาการของจีน (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 54


    ความก้าวหน้าทางวิทยาการของจีน

    ตอนที่ 1 : อักษรจีน

    การปรากฎของอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ค้นพบที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อประมาณ 5,000 ปี มาแล้ว โดยอยู่ในรูปของอักษรภาพที่แกะสลักเป็นวงกลม พระจันทร์เสี้ยว และ ภูเขาห้ายอด บนเครื่องปั้นดินเผา จวบจนเมื่อ 3,000 ปี ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น อักษรที่จารึกบนกระดูกสัตว์นั่นเอง ซึ่งเป็นยุคต้นศิลปะการเขียนของจีน

    หากเรียงลำดับวิวัฒนาการจะได้ดังนี้

    อักษรจารึกบนกระดูกสัตว์เจี๋ยกู่เหวิน

    เป็นอักษรโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ตั้งแต่มีการค้นพบมา โดยอยู่ในรูปแบบ ของการทำนาย ที่ใช้มีดแกะสลักลงบนกระดูกของเต่า

    อักษรโลหะ หรือ จินเหวิน

    เป็นอักษรที่เกิดในราชวงศ์ชาง-ราชวงศ์โจว มีลักษณะพิเศษคือ ลายเส้นจะมีความหนาและชัดเจนมากเพราะได้จากากรหลอมของโลหะ ไม่ใช่การแกะสลัก

    อักษรจ้วนเล็ก

    จากสมัยชุนชินจั้นกว๋อ จนถึงราชวงศ์ฉินอักษรจีนได้คงรูปแบบเดิมไว้อยู่จากราชวงศ์โจวตะวันตก ภายหลังหลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินจีนเข้าด้วยกัน ในปี ค.ศ.221 แล้วก็ได้เกิดการปฎิรูปตัวอักษรจีนครั้งใหญ่ อักษรที่ผ่านการปฎิรูปนี้ ได้ใช้กันทั่วประเทศจีนเป็นครั้งแรกเรียกว่า อักษร จ้วนเล็ก

    อักษรลี่ซู

    ขณะที่ราชวงศ์ฉินมีการประกาศใช้อักษร จ้วนเล็กแล้ว ก็ได้มีการให้ใช้อักษรลี่ซูควบคู่กันไป โดยอักษรลี่ซู พัฒนามาจาก อักษรจ้วนเล็กอย่างง่าย อักษรลี่ซูทำให้อักษรจีน ก้าวเข้าสู่อักษรสัญลักษณ์ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่อักษรภาพเหมือนยุคแรก

    อักษรข่ายซู

    เป็นอักษรที่ใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน เป็นเส้นลักษณะที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบสี่เหลี่ยม หลุดพ้นจากอักษรภาพ ยุคโบราณอย่างสิ้นเชิง

    อักษรเฉ่าซู

    เกิดจากการที่นำลายเส้นที่มีอยู่แต่เดิม มาย่อเหลือเพีงขีดเดียว โดยฉีกรูปแบบที่จำเจของอักษรภายใต้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีแต่เดิมออกไป 

    อักษรสิงซู

    มีรูปแบบระหว่าง ข่ายซู กับ เฉ่าซู ผสมกัน หรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอักษรที่เขียนตวัด อย่างบรรจง กำหนดขึ้นใน ปลายราชวงศ์ฮั่น ทางตะวันออก

     

    ตอนที่ 2 : กระดาษและการพิมพ์

    1. กระดาษ

    วัฒนธรรมและงานของมนุษย์มีผลมาจากการที่การพิมพ์ก้าวหน้า และการพิมพ์ก็ต้องใช้กระดาษในการพิมพ์ ชาวจีนนั้นภูมใจมาก ที่ได้เป็นผู่คิดค้นกระดาษขึ้นมา แต่เดิมนั้นชาวจีนเขียนหนังสือลงบนไม้ไผ่ และต่อมาในราชวงศ์ฉิน และ ฮั่น ผู้คนต่างลงความเห็นว่า การเขียนลงบนไม้ไผ่นั้นไม่สะดวก จึงเปลี่ยมาเขียนลงบน ผ้าไหมแทน แต่ว่าผ้าไหมนั้นมีราคาแพงมาก ในราชวงศ์ฮั่น มีบุคคลชื่อว่า ใช่หลุน ได้ค้นพบวิธี นำเปลือกไม้ และ เศษผ้ามาทำเป็นกระดาษ ซึ่งจักพรรดิ์ฮั่นเหอตี้ทรงโปรดมากเพราะผู้คนทั่วโลกได้ใช้กระดาษของเขา เขาจึงเรียกชื่อกระดาษนี้ว่า กระดาษ ใช่หลุน

    2.การพิมพ์

    เทคนิคการพิมพ์ถือเป็น1ใน4สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของจีน                 ซึ่งมาต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ราว ค.ศ1041-1048 เช่นเดียวกัน เทคนิคการใช้แม่พิมพ์สลัก อนึ่งมีการถกเถียงกันว่าประเทศใดเป็นผู้ค้นพบเทคนิคนี้ เนื่องจากปี 1968 เกาหลีใต้ได้มีการค้นพบบันทึกอู่โก้วจินกังจิง ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างประเทศ แต่จีนเองก็มีงานพิมพ์ที่เก่าแก่กว่านั้นเสียอีก จีนจึงได้รับการเชื่อถือว่าเป็นผู้คิดค้นเทคนิคนี้ครั้งแรก

     

    ตอนที่ 3 : การแพทย์

    ในราชวงศ์ฮั่นนั้นถือว่าได้มีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ยาวนานที่สุด และมีประสบการณ์ และ ทฤษฎีมากที่สุด

    การแพทย์โบราณของจีนนั้นถือกำเนิดมาจากบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองของจีน ได้กำหนดแพทย์ชื่อดังจำนวนมาก และตำราแพทยศาสตร์ที่สำคัญมากมาย

    ได้มีการบันทึกการรักษาพยาบาล และโรคมากมายลงบนกระดูก กระดองเต่า จนมาถึงราชวงศ์โจว เริ่มมีการ ตรวววจวินิจฉัย 4 อย่าง คือ มอง ฟัง ถาม และ แมะ ตลอดจน วินิจฉัยโรคต่างๆ และมีการจ่ายยา และการฝังเข็ม เป็นต้น

    ในสมัยราชวงศ์ฉินและฮั่น นั้นได้มีบทประพันธ์ที่มีระบบชื่อว่า หวาง ตี้ เน่ย จิงถือเป็นตำราทางการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุด เมื่อถึงราชวงศ์ฮั่น แพทย์ศัลยกรรมเริ่มมีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว และได้เริ่มมีการใช้ยา หมา เฟ่ย ส่านเพื่อใช้เป็นยาสลบ เพื่อลดความเจ็บปวดในการผ่าตัด และ ในราชวงศ์ซ่งนั้น การฝังเข็มได้มีการปฎิรูป ครั้งสำคัญ

    ตั้งแต่ราชวงศ์หมิงเป็นต้นมาแพทย์ศาสตร์ ของตะวันตกได้เข้าไปยังประเทศจีน นับเป็นจุดเริ่มต้น ของการนำแพทย์ศาสตร์ตะวันตก กับจีน เข้าด้วยกัน

    การฝังเข็ม

    การฝังเข็มเป็นส่วนสำคัญในการรักษาของแพทย์แผนจีนโบราณ ซึ่งเริ่มแรกเป็นเพียงการรักษาขั้นพื้นฐาน ต่อมาได้พัฒนาเป็นสาขาวิชา

    การฝังเข็มนั้นมีประวัติยาวนาน หนังสือโบราณได้เคยเอ่ยถึงเข็มที่ทำมากจากหิน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรักษา เรียกว่า เข็มหิน ซึ่งเกิดในสมัยยุคหินใหม่ ซึ่งห่างจากยุคปัจจุบัน 8,000-4,000ปี ซึ่งอยู่ในระบบชาติกุลคอมมูน และเมื่อมีเทคโนโลยีในการหลอมเข้ามา ก็ได้มีการหลอมเข็มเพื่อใช้ในประโยชน์ต่างๆมากมาย

    ในสมัย ค.ศ.256-589 นั้นได้มีตำราเกี่ยวกับการฝังเข็มมากมายอย่างเห็นได้ชัด จนสมัยนี้การฝังเข็มได้แพร่ไปยัง เกาหลี และ ญี่ปุ่นแล้ว

    ในศตวรรษที่ 16 การฝังเข็มได้เผยแพร่ไปถึงยุโรป นับตั้งแต่ สาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้นใน ค.ศ.1949 เป็นต้นมาการฝังเข็มนั้นพัฒนาไปอย่างมาก ได้มีการจัดแผนกเข็มในโรงพยาบาล และให้ความสำคัณกับภูมิปัญญานี้อย่างมากมาย จึงทำให้ภูมิปัญญานี้ไม่อาจถูกลบเลือนได้ มิหนำซ้ำ ยังได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกอีกด้วย

     

    ตอนที่ 4 : ความรู้ทางวิศวกรรมโลหะ

    สมัยราชวงศ์ชางเมื่อ3,000 ปีมาแล้ว ประชาชนจีนได้รู้จักการถลุงสำริด และยังรู้จักใช้เหล็ก ในสมัยชุนชิว ได้ปรากฎเทคนิคการถลุงเหล็กกล้า ควบคู่ไปกับการเกษตรกรรม จึงทำให้เกิดชลประทานตูเจียงแย่น ที่มีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน

    สมัยราชวงศ์ช้องได้มีการพัฒนาด้านถ่านหิน และ การหลอมเหล็กกล้ามาก จีนได้สร้างอาวุธมากมายก๋งชูจื่อ เป็นวิศวกรที่ใครๆ ในสมัยนั้นรู้จักกันดี ซึ่งได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจคือ นกพยนต์ ซึ่งประดิษฐ์มาจากไม่ไผ่ซึ่งสามารถบินได้สามวันสามคืนไม่ตกพื้นเลย เพราะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์โดยการใช้วงเวียนและไม้ฉาก ซึ่งบ่งบอกมาตราฐานทางวิทยาศาสตร์ของจีนได้เป็นอย่างดี

     

    ตอนที่ 5 : การต่อเรือ

    กำเนิด และวิวัฒนาการของเรือสำเภาจีนไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเรือนี้มีอายุเท่าใดและรูปร่างลักษณะของ เรือที่แตกต่างกันนั้นได้เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใด การศึกษาสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นในทางประวัติศาสตร์ มิได้ช่วยให้พบหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับ เรือสำเภาแบบดั้งเดิมเลย

    ปีเอตรี ได้อ้างถึงตำราของชาวจีนที่เก่าแก่เล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 กล่าวว่าวิธีการต่อ เรือสำเภา” นั้นมีมาแต่สมัยโบราณในอ่าวเปอร์เชีย และชาวเปอร์เชียหรือชาวอินเดียเป็นผู้ใช้เรือนี้เป็นครั้งแรกเพื่อเดินเรือไปยังทะเลจีนทั้งนี้ก็เป็นการยากที่จะเชื่อได้ว่าชาวเปอร์เชียหรือชาวอินเดียก็ดีที่ได้ต่อเรือใบนี้ขึ้นแล้วจะเลิกแบบอย่างที่ดีนี้เสียโดยไม่ทิ้งหลักฐานในทางโบราณคดีไว้เลย    

    เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ เรือสำเภานับว่ายังไม่เพียงพอแต่ก็สามารถสรุปได้จากการศึกษาค้นคว้าของบุคคลเหล่านี้ คือ บัคเนลล์ วอร์เซสเตอร์,วิลลี่เออรส์, คัสสัน, แลนด์สตรอม, โดเนลลี ,เวลลส์ ,และเมส ดังนี้ 

    ปี พ.ศ.1841 มาร์โคโปโล ได้บรรยายถึงเรือใหญ่ลำที่เขาโดยสารไปยังตะวันออกในการเดินทางตอนหนึ่งว่า เป็น เรือใบ 4 เสา มีห้องที่กั้นน้ำด้วยฝาผนัง 13 ห้อง ห้องพักส่วนตัวสำหรับพ่อค้าที่มั่งคั่ง 60 ห้อง และเป็นเรือที่มีหางเสือ อยู่ตรงทวนท้ายเรือ นับว่าเป็นการแนะให้โลกตะวันตกได้รู้จักเรือสำเภาจีน

    นักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมได้รายงานว่าในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ได้มีผู้พบเรือของจีนอยู่ในแม่น้ำยูเฟรติส สิ่งที่แสดงถึง เรือสำเภาที่เก่าแก่ที่สุดก็คือภาพแกะสลักภายในโบสถ์แห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชาซึ่งประมาณว่าราว พ.ศ.1693

    การสร้างเรือสำเภาจีนโดยใช้ผนังกั้นเป็นห้องหลายๆห้อง และกันน้ำได้นี้นับว่ามีความสำคัญมาก และเป็นเวลา ก่อนที่ชาวยุโรปจะรู้จักและนำเอามาใช้ต่อเรือเหล็ก ในศตวรรษที่ 19 หลายพันปี

    ชาวจีนเป็นผู้ประดิษฐ์ใบแขวนชนิดห้อยและมีพรวนใบ แต่เรือชนิดอื่นไม่เคยนำไปใช้กันเลยนอกจากชาวยุโรปและชาวอเมริกันที่ได้นำมาใช้กับเรือยอชท์และเรือใบแข่งขันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

     

    ตอนที่ 6 : ดินปืน

    ดินปืนเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของจีนอีกเช่นกัน หลักฐานของจีนมีอยู่ว่า การประดิษฐ์ดินปืนนั้นสืบเนื่องมาจาก ในป่าลึกทางตะวันตกของจีนมีผีป่าน่ากลัว ชื่อซันเซา ผู้ใดพบก็จะมีอาการจับไข้ หากนำไม้ใผ่มาตัดเป็นข้อปล้องโยนเข้าไปในกองไฟ จะเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ซันเซาก็จะตกใจหนีไป คืนส่งท้ายปีเก่าของจีนจึงนิยมจุดประทัดเพื่อขับไล่ผีซันเซานี่เอง ภายหลังมีการนำเอาดินประสิวและกำมะถันมาห่อรวมกันในกระดาษทำให้เป็นประทัด นั่นคือการเริ่มต้นใช้ดินปืน ส่วนประกอบสำคัญของดินปืน คือ ดินประสิว กำมะถัน และผงถ่าน 

    สมัยซ้องมีการนำดินปืนมาประดิษฐ์อาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะสมัยซ้องใต้มีการนำมาใช้มากขึ้นไปอีก เกี่ยวกับการประดิษฐ์ดินปืน และทำกระดาษนี้ มีตำราเล่มหนึ่งบันทึกเรื่องเหล่านี้เอาไว้ เช่น ปลายสมัยราชวงศ์หมิง ซ่งอิ้งซิง ได้เขียนตำรา เทียนกงไคอู้ บรรยายการวิเคราะห์อุตสาหกรรมเคมีสมัยจีนโบราณทั้งมีภาพประกอบ นับว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก

    ตอนที่ 7 : ดาราศาสตร์และปฏิทิน

    ประเทศจีนนับเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการคำนวณหาระยะพิกัดดวงดาวจากเส้นศูนย์สูตร เนื่องจากแนวคิดทางดาราศาสตร์ของจีนนับแต่โบราณกาล มีพื้นฐานมาจากการศึกษาการเคลื่อนตำแหน่งของดวงดาว อาทิตย์และจันทร์ ในขณะที่ประเทศทางแถบตะวันตกในสมัยโบราณจะใช้ระบบวงโคจรของจักรราศีของ 12 ราศี ซึ่งจากการศึกษาทางดาราศาสตร์ในปัจจุบันพิสูจน์ว่า ระบบทั้งสองมีความแตกต่างกัน โดยระบบแรกให้ผลดีกว่าระบบหลัง ปัจจุบันวงการดาราศาสตร์หันมาใช้ระบบการหาพิกัดจากเส้นศูนย์สูตร

    คนจีนสมัยก่อน มีการบันทึกเรื่องราวบนฟ้ามากมาย เช่น การเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา มนุษย์นอกโลก แผนที่ดาว หรือแม้กระทั่งมีการบันทึกดาวหางแบบต่างๆ

     

    ตอนที่ 8 : คณิตศาสตร์และการคำนวณ

    จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจีน ได้มีการขุดพบ อักษรจารึกบนกระดูกสัตว์ในสมัยชาง และได้มีการจารึกตัวเลข 1-10 จนถึง ร้อย พัน  หมื่น สูงสุดกว่า 20,000 หลังจากนั้นมาวิธีการนับตัวเลขก็มีความก้วนหน้าตามลำดับ โดยการใช้เบี้ย และ ลูกคิดในการคำนวณ

     

    ตอนที่ 9 : เข็มทิศ

    เข็มทิศ การประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีคุณค่าที่สุดและเก่าแก่ที่สุดสิ่งหนึ่งของจีน คือ เข็มแม่เหล็ก สมัยแรกคนจีนใช้เข็มแม่เหล็กไปติดไว้บนรถ สร้างรถชี้ทิศ เพื่อใช้ในการสงครามหรือใช้เป็นเครื่องมือหาทิศทางเวลาอยู่ในป่าลึกหรือภูเขา จากหลักฐานที่บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ชาวจีนรู้จักใช้เข็มทิศหน้าปัดกลมเพื่อเดินเรือเมื่อศตวรรษที่ 12 นั่นคือในขณะนั้น จูยี่ เป็นชาวมณฑลเจ้อเจียง ได้เขียนบันทึกชื่อผิงโจวเข่อถาน บันทึกไว้ว่า ในคืนแรม ทหารเรือได้ใช้เข็มทิศหน้าปัดกลมจำแนกทิศทาง ต่อมา เจิ้งเหอ ได้เริ่มเดินทางตั้งแต่ปีค.ศ. 1405 เดินทางไปถึงอาหรับและแอฟริกาตะวันออก ไปกลับเจ็ดครั้ง รวมเวลาได้ 28 ปี เราจะเห็นได้ว่าหากไม่มีเข็มทิศแล้ว การเดินทางในมหาสมุทรระยะไกลเช่นนี้ย่อมไม่สำเร็จแน่ ชาวอิตาเลียนใช้เข็มทิศในศตวรรษที่ 14

    จีนจึงใช้เข็มทิศเร็วกว่าอิตาลีอย่างน้อยสองศตวรรษ และหากอ้างอิงถึง ทรรศะของนักประวัติศาสตร์ ชาวตะวันตกได้นำเข็มทิศหน้าปัดกลมไปจากจีนนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×