ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    love me รักฉันหน่อยสิเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 50


    ท่ามกลางย่านวัยรุ่นในเมืองหลวงของประเทศ หญิงสาววัย20ปีคนหนึ่ง ร่างเพรียวถูกเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงเเสล็คสีขาว คาดทับด้วยเข็มขัดโซ่เส้นเล็กหลายๆเส้น ดูมีรสนิยม เรียบ แต่คลาสสิก

    ฝีเท้าบู๊ทหุ้มข้อสีดำเป็นไปอย่างรวดเร็วราวกับเจ้าของรองเท้ากำลังรีบ สองมือเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งยี่ห้อเเบรนด์เนมหลากหลายตามเครื่องแต่งกาย ไรผมเริ่มมีเหงื่อซึม ผมที่รวบสูงเป็นหางม้าแกว่งตามจังหวะการเดิน

    ปริ๊นเซสเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเเหล่งท่องเที่ยวและที่ทำงานแห่งหนึ่งของเธอพลางเช็ดเหงื่อ

    ร้อน...ร้อนจริงๆ ให้ตายเถอะเมืองไทย เจอปรากฏการณ์เอลนินโญรึไงเนี่ย...

    ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าประตูห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทันที ตาสีน้ำตาลคู่สวยที่ตกแต่งมาอย่างดีมองไปรอบๆหาบางสิ่ง

    ร้านเครื่องประดับชื่อ artrist ปรากฏขึ้นตรงหน้าในบริเวณใกล้บันไดเลื่อนชั้น3ตามที่นุจจิราเพื่อนสาวของหล่อนบอกไว้ สีของร้านเป็นสีชมพูช็อกกิ้งพิ้งค์ตามคอนเซ็ปท์ของเจ้าของ ตัวอักษรชื่อทาสีดำเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบเเนวๆ มีประตูกระจกสีขาว และหน้าต่างบานใสทำให้มองเห็นภายในได้เกือบหมด  กิ๊บเก๋สุดๆ อย่างน้อยเพื่อนของหล่อนก็ว่าอย่างนั้น...

    กรุ๋งกริ๋ง.....เสียงกระดิ่งที่นุจจิราแขวนไว้ที่ประตูเพื่อต้อนรับลูกค้าดังขึ้นเมื่อปริ๊นเซสก้าวเข้าไปในร้าน คนๆหนึ่งซึ่งนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์สีดำสนิทเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่

    "สวสัดีค่ะ artist ยินดีต้อนรับค่ะ ต้องการเครื่องประดับแบบไหนคะ"เสียงใสของเด็กสาวดังขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับติดตั้งเครื่องอัดเทปไว้

    ปริ๊นเซสมองเด็กสาวอย่างแปลกใจ หล่อนไม่รู้จักเด็กคนนี้.... เอ หรือจะเข้าร้านผิด ก็ไม่น่าใช่ เพราะตัวอักษรข้างหน้าก็ถูกต้องเหมือนกับชื่อร้านของนุจจิราจริงๆ หรือเด็กนี่จะเป็นลูก....??

    "คุณ..."

    ยัยนุชไปแต่งงานตอนไหนหว่าไม่เห็นบอกหล่อน

    "คุณคะ"เสียงเรียกที่เริ่มดังขึ้นดึงออกปริ๊นเซสออกจากภวังค์ทันที

    "อ้อ เอ้อ หนุรู้จักผู้หญิงชื่อนุจจิรามั้ย"ถามถึงเพื่อน อย่าบอกนะว่าแม่หนูเองน่ะ...

    "คุณนุจจิราเป็นเจ้าของร้านค่ะ เดี๋ยวหนูไปตามให้นะคะ"

    "ไม่เป็นไรจ้ะ น้า เอ้อ พี่ไปเองดีกว่า"หล่อนเรียกเด็กไว้เผื่อมีลูกค้ามา ไอ้ปริญญาโทที่ได้มาน่ะไม่ใช่บริหารน่ะเฟ้ย... ไปไล่ลูกค้าเพื่อนหมดอายคนตาย...

    ปริ๊นเซสเดินเข้าไปบริเวณหลังร้านซึ่งเป็นเหมือนห้องเก็บของหากแต่เลยเข้าไปหน่อยก็มีประตุบานหนึ่งตระหง่านอยู่ หญิงสาวเดินอย่างระมัดระวังด้วยกลัวชนกับกองลังพะเนินที่วางอย่างเป็นระเบียบบนพื้น

    ประตูล็อค...

    ทว่าหน้าต่างบานหนึ่งเปิดเเง้มเล็กน้อยอยู่ ม่านสีดำลายดาวสีชมพูเข้มไม่ได้ถูกดึงปิดให้สนิทพอที่จะรอดพ้นสายตาของหล่อนไปได้

    ปริ๊นเซสเดินเข้าไปแง้มดู ไม่รู้เพราะสัญชาติญาณหรืออะไรบางอย่างทำให้หล่อนคิดว่ามันผิดปกติ

    นุจจิราไม่ใช่คนที่จะมาอู้งาน โดยเฉพาะงานค้าขายที่ตัวเองรัก...



    'ปิดเทอมแล้ว อีกเทอมเดียวก็จะเข้ามหาลัย แกจะเรียนอะไรวะ'

    'ไม่รุดิ่ แล้วแกล่ะ'

    'ฉันอยากจะเปิดร้านขายเครื่องประดับหรูๆสักแห่งที่ห้างว่ะ แนววัยรุ่น เท่ๆไรงี้'

    'น้ำเน่าชิบ แล้วแกจะไม่ไปอเมริกาตามที่แม่แกบอกแล้วเหรอไง'

    'ไปทำไมวะ หาเรื่องเงินไหลออกนอกประเทศ กำลังรบกับหม่ามี้อยู่นั่นแหละร่ำๆจะส่งลูกตัวเองเรียนจนหัวโตอยุ่ได้ เอาแค่บริหารในประเทศให้จบตรีแล้วมาเปิดกิจการเล็กยังน่าสนใจกว่า ป๊ากับม้าจะได้รู้บ้างว่าลูกสาวคนนี้น่ะ มีกึ๋นขนาดไหน'แววตาสีคาราเมลประกายเจิดจ้า มุ่งมั่น ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดๆแม้กระทั่งบุพการี



    อดีตทำให้หล่อนยิ้มเมื่อนึกถึง ตั้งแต่วันนั้น นุจจิราที่ต่อสู้กับคุณหญิงจันทรา ผู้เป็นแม่มาตลอดก็ได้เรียนคณะบริหารอย่างสมใจ และยังมีร้านเครื่องประดับเล็กๆที่ไม่ธรรมดากับคุณนายไฮโซทั้งหลายด้วย กิจการของเพื่อนดี เด่น หรู และแปลกเเนวกว่าเครื่องประดับแบรนด์อื่นๆ ทำให้มีผู้สนใจไม่น้อย

    แล้วหล่อนล่ะ... ปริ๊นเซส เทอร์เนอร์ บุตรสาวเจ้าของธุรกิจน้ำหอมขนาดใหญ่ในยุโรป ยอมเรียนธุรกิจตามที่บิดาสั่ง จบมาได้โทและได้ทำงานในเครือของบิดา ตามจมูกพ่อมาต้อยๆนี่เอง...

    แต่ก็อย่างว่า หล่อนเคยฝันอยากมีชีวิตอิสระในวัยรุ่น แต่ตอนนี้ เอาแค่ให้มีพอกิน พอเหลือ ไม่สิ... ต้องบอกว่าเหลือมากกว่ากินด้วยซ้ำ เหลือพอที่จะจับเครื่องบินมาบ้านเกิดเพื่อมาเยี่ยมเพื่อนและช้อปปิ้งได้ ธุรกิจของตระกูลไปได้สวย ปริ๊นเซสในสายตาของญาติๆเริ่มจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นควีน ราชินีเสียแล้วด้วยซ้ำ จะขาดก็แต่ king ราชากระมัง

    ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป หล่อนมาเยี่ยมเพื่อนนะ... มัวแต่มาคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ได้ เจอยัยนุชแล้วจะได้ให้มันพาไปเที่ยวซักที

    หญิงสาวค่อยๆก้าวไปที่หน้าต่าง ทวงท่าอย่างนักสืบในหนังที่ชอบดู มือบางกระตุกม่านลายสวยนั่นเบาๆไม่ให้เกิดเสียงก่อนจะลอบมอง

    ภาพที่เห็นทำให้หล่อนแทบจะร้องกรี๊ดเหมือนในละครทันที!!!!!!!!

    คู่รัก... คงต้องบอกอย่างนั้น คู่รักคู่หนึ่งกำลังมีสัมพันธ์สวาทกันบนเตียง!!! และฝ่ายหญิงนั้นก็หน้าตาถอดมาจากเพื่อนของหล่อนราวกับเป็นฝาแฝด ไม่สิ... นั่นน่ะ นุจจิราชัดๆ เธอกำลังอยู่ใต้ร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังลูบไล้บราเซียตัวสวยสีเเดงที่ปริ๊นเซสซื้อให้เพื่อนเป็นของขวัญวันเกิด ปากหนาประกบเข้ากับปากบางอย่างเร่าร้อน มือหนาที่ลูบไล้ค่อยๆเอื้อมไปปลดตะขอบราตัวนั้นออก 

    ปริ๊นเซสตาโตกับหนังเอ็กซ์สดๆนั่น มือบางปิดปางตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องอะไรออกไป...

    ตอนนี้ เพื่อนของเธอกำลังสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมสีทองประกายนั่น ท่อนบนเปลือยจนหมด เรียวปากยิ้มเมื่อได้ยินชายหนุ่มบอกว่าเธอสวยเพียงใด  มือของผู้ชายคนนั้นเคล้นคลึงทรวงอกของนุจจิราไปมาก่อนที่ปากจะเลื่อนต่ำลงบนยอดอก เสียงครวญครางอย่างสุขสมที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครดังขึ้น มือหนาเริ่มไล่ต่ำลงไปจนถึงขอบกางเกงยีนส์

    "อ่าส์.............อ๊า....."

    ปริ๊นเซสรู้สึกชาจนราวกับเป็นรูปปั้น เปลือกตารีบปิดลงเมื่อรู้ว่าภาพต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นคืออะไร ขาทั้งคู่ค่อยๆเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ก่อนจะเร่งจังหวะการเดิน ลำคอแห้งผากเมื่อได้เห็นเพื่อนของตนทำอะไรแบบนั้นกับเพศตรงข้าม

    หญิงสาวเดินซวนเซออกมาจากห้องเก็บของ ผ่านโต๊ะวางโชว์สร้อยสวยงามต่างๆของเพื่อน แหวนที่ฝังอัญมณีสีสันสดส่องประกายออกมา ขาสองข้างรีบเดินอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปจากร้านแห่งนี้

    "อ้าว คุณคะ"เสียงเด็กในร้านเรียกหล่อน

    "เออ ..คือ ฉันมีงานด่วนนะจ้ะ ต้องรีบไป ฝากบอกนุชด้วยนะว่าฉันคิดถึง"พร้อมกับชื่อเพื่อนที่เปล่งออกมา ภาพที่ยังติดตาปรากฏขึ้นในหัว ทำให้หญิงสาวรีบสะบัดศีรษะได้รูปนั่นอย่างแรง

    "ได้ค่ะ "

    คิดแล้วยังสยิว เพื่อนของหล่อนทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครล่ะเนี่ย...

    ปริ๊นเซสเดินแกมวิ่งออกจาก artist อย่างรวดเร็ว ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศแผ่รอบบริเวณ บู๊ทสีดำดังก๊อกๆไปจนถึงทางลงบันไดเลื่อน

    ปั้ก....

    หล่อนชนเข้ากับกำแพงหนา แล้วมันก็เอื้อมมือมากอดหล่อนไว้ไม่ให้ตก ไม่ใช่ หล่อนชนเข้ากับบุรุษคนหนึ่งตรงทางลงบันไดเลื่อนซึ่งเขากำลังเดินขึ้นมา กระแทกแรงมากจนหล่อนจะเซล้มลงเขาจึงเอื้อมมือมารับร่างบางเอาไว้

    ไออุ่นจากเสื้อสูทของชายผู้นั้นคงเป็นตัวการทำให้หล่อนแก้มแดงระเรื่อขึ้นแน่ๆ ไม่ก็เพราะความอายในความซุ่มซ่าม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือของตนเองจนเกิดเรื่องซะจนได้

    หรืออาจจะเป็นเพราะ... ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น ที่จ้องปริ๊นเซสอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเธอจะตกลงไปกับความสูงสามเมตรนั่น

    "เอ่อ ขอโทษครับ /ค่ะ"ทั้งคู่เอ่ยพร้อมกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×