คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สารท้ารบ2
“น้องสาว เดินคนเดียวไม่กลัวผีหลอกกลางวันเหรอจ๊ะ” เสียงแซวมาจากกลุ่มหนุ่มที่กำลังก๊งกันที่หน้าร้านขายของชำกลางซอย ทำให้วารวีต้องรีบจำอ้าว เพื่อให้พ้นไปเร็วขึ้น
“ อ้าว รีบไปไหนกันน้อง พี่ไปส่งดีกว่ามั้ยจ๊ะ” คราวนี้เป็นเสียงคนใหม่ในกลุ่มเดิม
‘ เฮ้อ คนซอยนี้ ท่าทางจะไม่น่าคบซักคน’ คิดถึงหน้าปิติยะขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อจักรยานคันใหญ่เบรกดักหน้า ปิติยะซึ่งเป็นคนปั่นเมินมองอย่างเสียไม่ได้ พลางเอ่ย
“ขึ้นมาสิ” วารวีมองอย่างชั่งใจ
“ เอ้า ขึ้นสิ คุณครู ยืนบื้ออยู่ได้ เสียเวลาเรียนมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ” ปิติยะว่า
“ก็ ชั้นไม่สอนแล้ว ไม่ใช่เหรอ” วารวีว่า
“เป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ คุณครู” ปิติยะพูดราวผู้ใหญ่สอนเด็ก วารวีหน้าแดง
“งั้นเอางี้นะ ผมเรียกคุณ ครูวา แต่อย่าเรียกผมน้อง เรียกผมสั้นๆว่า ยะ ก็พอ” ปิติยะว่า
“อืมม์ เอาก็งั้นได้” วารวี นั่งเบาะซ้อนท้ายจักรยาน พลางหาที่ยึดเกาะ ปิติยะเอี้ยวคอมอง
“นี่ๆ คุณครู เกาะเอวผมก็ได้ ผมไม่บ้าจี้หรอก” เด็กหนุ่มพูดเจือเสียงขำ วารวีเผลอค้อนให้ทีนึง ก่อนจะเกาะเอวปิติยะอย่างเสียไม่ได้ ปิติยะปั่นจักรยานอมยิ้มกับวงค้อนของคุณครูคนใหม่ คิดถึงที่โดนน้าสาวโทรมาด่า แล้วก็ให้รู้สึกขำที่น้าแคร์ยัยสาวหน้า ม.ปลายนี่นัก ถึงกับขู่จะเอาเรื่องปกปิดของเขาไปบอกแม่
..............................
“โชคดีจัง มาทันรอบสี่โมงพอดีเลย นะ” มาริสายืนยิ้มรับเมื่อชนะได้ตั๋วหนังมาแล้ว ชนะดูนาฬิกา อีกสิบกว่านาทีจะสี่โมง
‘วารวีอยู่ไหนนะ ตอนนี้’
“เดี๋ยว ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เฟิร์น”
“ค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นรอตรงนี้นะ” มาริสาชี้ไปที่ม้านั่งตัวนึง
ชนะพยักหน้า แล้วเดินแยกไปอีกทาง ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
......................................
‘ตอบได้ถูกทุกคำถามเลยนี่นา’ วารวีมองกระดาษที่ปิติยะเขียนตอบ ลายมือหนาหนัก บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเอง อีกสิบนาทีสี่โมง เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาในห้องบอกอย่างนั้น วารวี วางกรดาษลง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋า
“หวัดดีคะ พี่นะ” วารวีส่งเสียงใสทักทาย
“ครับ วา อยู่ไหนรึนี่ ไม่เห็นมามหา’ลัย” เสียงปลายสายมีสำเนียงตัดพ้อเล็กน้อย
“อ๋อ วารับสอนพิเศษแทนพี่ก้อยน่ะค่ะ พี่นะ” วารวีรายงาน
“อื้ม งั้นรึ มิน่า ไม่เห็นเลย เสร็จยังล่ะนี่ พี่รบกวนไหม”
“ ไม่หรอกค่ะ พี่นะ จะหมดเวลาแล้วค่ะ เดี๋ยววาก็กลับแล้วค่ะ” วารวีว่า
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับ”
“ค่ะ หวัดดีค่ะ” วารวีวางสาย
“แอบคุยกับแฟนในเวลางานอีก” เสียงลอยมาจากประตู วารวีถอนใจ
“แอบฟังคนอื่น เสียมารยาท” วารวีว่า
“แอบที่ไหน คุยซะดัง” ปิติยะ นั่งลง หยิบกระดาษคำตอบขึ้นดู วารวีมอง
“ไม่ต้องชมหรอกนะ คนมันเก่งอยู่แล้วน่ะ” ปิติยะว่า
“ฮึ ไม่ใช่ว่า คนสอนสอนดีหรอกรึ” วารวีเก็บหนังสือ
“หือ คำถามหมูๆตะหาก คราวหน้าเอายากๆกว่านี้นะ วา” วารวีตาเขียวใส่ปิติยะ ที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่จงใจละเลยคำนำหน้าชื่อที่ตกลงกันไว้
“ออกไปพร้อมกันนะ” วารวีมองปิติยะที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสื้อกีฬาสีน้ำเงินเข้มขับหน้าคมๆให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ วารวีลุกตาม แล้วออกเดินนำออกประตูห้องทำงาน
..............................................
“พี่ก้อย นายยะนั่นน่ะ อายุเท่าไรกันคะ” วารวีโทรศัพท์ถามพี่รหัสอย่างข้องใจ
“อ๋อ เจ้ายะมันสิบเจ้ด วา แต่มันโตเร็วเกินอายุน่ะ มันทำไรรุ่มร่ามกับวาไหมนี่” พี่รหัสเอะใจ ที่จู่ๆวารวีมาถามถึงอายุปิติยะ
“ก็..ไม่หรอกนะคะ แหะๆ แต่ตัวโตชะมัด” วารวีไม่อยากเล่าถึงการต้อนรับที่ปิติยะมีให้ในวันนี้
“อื้ม ใช่จ้ะ ก็อย่างที่บอกแหละ ฝากด้วยนะวา” กรุณาเอ่ยอย่างเกรงใจ
“แหม พี่ก้อยก็ วาก็จะทำหน้าที่เต็มที่แหละค่ะ ไม่ต้องห่วงคะ สอ บอ มอ ยอ หอ ค่ะ” วารวีพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“ จ้ะ ได้ยินอย่างนี้ พี่ก็เบาใจ เดี๋ยวพี่ไปดูเด็กทานข้าวก่อนนะ วา”
“ค่ะ บายค่ะ พี่ก้อย”
กรุณาวางสาย มองโทรศัพท์แล้วถอนใจ หวังใจว่า วารวีคงจะสามารถเผชิญกับเจ้าตัวปัญหาอย่างปิติยะได้ กรุณารู้ดีว่า การให้วารวีรับงานนี้เหมือนส่งรุ่นน้องออกรบ วารวีอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ยังไง กรุณาก็คิดว่าตนเองคงตัดสินใจไม่ผิด เพราะวารวีมีเลือดนักสู้ และไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“เฮ้อ...” ถอนใจออกมาแล้วก็คิดถึงหน้าน้องรหัส
“พี่ขอโทษนะวาเอ้ย ค่อยๆเรียนรู้ไปแล้วกันนะ” กรุณาลุกขึ้นเดินออกจากเต็นท์พัก มุ่งไปทางโรงครัวที่จัดอาหารให้เด็กที่เข้าค่าย
.............................................
ปิติยะ นอนแผ่บนเตียงอย่างหมดแรง วันนี้ต้องใช้พลังงานไปมากซะจนรู้สึกล้าไปทั้งตัว เด็กหนุ่มพลิกตัวตะแคง เมื่อได้ยินเสียงเดินที่ด้านนอก ประตูเปิดออก ป้าแจ่มพร้อมนมแก้วหนึ่งเดินเข้ามา
“กลับดึกนะคะ คุณหนู” นางวางแก้วลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
ปิติยะลุกขึ้นนั่ง ยิ้มให้ผู้ที่เลี้ยงดูเขามาแต่เล็กแต่น้อย
“ครับ ขอบคุณนะครับ” ปิติยะหันไปทางแก้วนมที่ตั้งบนโต๊ะ
“คุณหนู เมื่อไรจะเลิกซักทีคะ ป้าเป็นห่วง” ป้าแจ่มทรุดนั่งขอบเตียง ลูบแขนลูบไหล่ ผู้ที่ตนดูแลมาราวกลับลูก
“อย่าห่วงเลย ผมไม่เป็นไรหรอก” เสียงห้าวขึ้น แววตาเข้มขึ้นด้วยแรงปะทุในใจ
“แต่ถ้าคุณแม่คุณหนู..”
“ช่างปะไร ป้า” ปิติยะขัด
“ดีซะอีก” เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวเกลี้ยงแก้ว แล้ววางบนโต๊ะตามเดิม
“ผมอาบน้ำนอนแล้วครับ” ปิติยะ เดินไปหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ป้าแจ่มได้แต่มองตามด้วยสายตาห่วงใย
.............................
วารวีนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงเรียก
“พี่วา หนูหุงข้าวแล้วนะ หั่นพริกหั่นผักเสร็จแล้วด้วย ตั้งน้ำจนเดือดแล้ว”
“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ” วารวีปิดหนังสือ ลุกขึ้นบิดไล่ความเมื่อยขบ บ้านหลังนี้ อาของวารวีซื้อไว้ให้ลูกๆซึ่งส่งเข้ามาเรียนในเมืองทั้งสองคนอยู่อาศัย คนที่เคาะประตูเรียกวารวีคือ หนูนิด หรือ นริศรา ลูกสาวคนเล็กกำลังเรียนชั้น ม.1 ส่วนคนโตคือหนูหนึ่ง หรือนริสา กำลังเรียนชั้น ม.4 วันนี้หนูนิดบอกว่าอยากทานต้มยำ ขอให้วารวีทำให้ทาน วารวีหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขไปยัง ปนัดดา เพื่อนรักซึ่งเรียนมัธยมมาด้วยกัน
“สวัสดีจ้ะ หนูวา” เสียงปลายสายเย้าหยอก อารมณ์ดี
“ดีจ้ะ ลูกปัด ขอคำแนะนำหน่อยสิ เชฟใหญ่” วารวีเย้ากลับ
“ทำอะไรจ๊ะ มื้อนี้” ปลายสายเย้าอย่างรู้ดี
“ต้มยำจ้ะ” วารวีบอกเจือเสียงหัวเราะ
“โอเค ไม่ยาก เครื่องพร้อมยังจ๊ะ” ลูกปัดกระตือรือร้น กับสิ่งที่โปรดปราน เรื่องกับข้าวกับปลา เป็นที่รู้ดีกันในรุ่นว่า ต้องยกให้แม่ศรีเรือนคนนี้
“คิดว่า นะ” วารวีอมยิ้ม เมื่อเดินมาถึงครัว และมองดูเครื่องที่ถูกเตรียมไว้
“งั้นจะรอช้าอยู่ไย ลงมือกันเลย” วารวีหยิบชามไก่ เดินไปยังหม้อที่ต้มน้ำเดือดปุดๆ
‘หวังว่าคงทานได้นะ มื้อนี้’ หญิงสาวคิดในใจ
..........................................
“ตั้งใจฟังหน่อยสิ” วารวีเคาะโต๊ะ เมื่อเห็นปิติยะเหม่อ
“ใจลอยนี่” วารวีว่า ปิติยะทำหน้าเบื่อๆ แล้วเอื้อมมือมาปิดหนังสือของตัวเอง พลางลุกขึ้น
“อ้าว อะไรล่ะ” วารวีหันมอง ปิติยะเหล่ตามอง แล้วหยิบหนังสือตรงหน้าวารวีปิดแล้ววางไว้ข้างๆหนังสือของเขา
“มานี่ดีกว่า” ปิติยะฉุดดึงวารวีลุกขึ้น
“อะไร” วารวีสะบัดมือออก
“ตามมานี่น่ะ” ปิติยะจับข้อมือวารวีกึ่งจูงกึ่งฉุดออกจากห้อง
“ปล่อย เดินเองได้” วารวีบิดข้อมือออก ปิติยะปล่อย แล้วเดินนำหน้าขึ้นบันได วารวีชะงัก ปิติยะหยุดเมื่อถึงบันไดขั้นที่สี่ ด้วยรู้สึกว่าหญิงสาวไม่ตามมา เขาหันกลับมามอง
“อ้าว ตามมาสิ” ปิติยะว่ายิ้มๆ
วารวียืนชั่งใจ
‘จะมาไม้ไหนละ วันนี้’
“นี่ มาสิคุณครู เดี๋ยวพาไปทำไรหนุกๆ” ปิติยะว่า ทำหน้ายิ้มละไม
“ทำอะไร”วารวีเสียงแข็ง
“อ้าว อยากรู้ก็ตามมาสิครับ” ปิติยะทำเสียงยั่ว
“เอ๋..กลัวอะไร คุณครู” ปิติยะทำตาโตล้อเลียน
“นี่ อย่าบอกนะ ว่าคิดว่าผมจะพาขึ้นไปทำมิดีมิร้ายน่ะ” ปิติยะส่งเสียงหัวเราะเย้ยๆ
“ชั้นไม่คิดอกุศลหยั่งงั้นหรอกย่ะ” วารวีเดินขึ้นบันได แล้วแซงขึ้นสู่ระบียงบนบ้าน แล้วก็หยุดด้วยมิรู้ว่าจะไปทางไหนต่อ
“ทางนี้ วา” ปิติยะเดินนำไปอีกทาง
“ครูวา เธอบอกจะเรียกชั้นอย่างนี้” วารวีเสียงเขียว แต่ปิติยะมิได้ตอบว่ากระไร
......................................
ความคิดเห็น