ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fake Friend ใครเพื่อนคุณ ? [รีไรท์]

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9 : จังหวะของหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 64


    หลังจากที่ไอนิวตันลากฉันออกมาได้ไม่นาน วินก็ตามมาเคาะประตูห้องไอนิวตันต่ออีก มันที่กำลังหัวร้อนแทบจะพุ่งออกไปแต่ฉันก็ห้ามไว้ ไม่อยากให้มันมีเรื่องมีราว

     

    ไม่ใช่ว่ากลัววินมันจะเป็นอะไรนะ กลัวไอนิวตันนี่แหละจะเจ็บมือ…ก็หน้าวินมันหนาซะขนาดนั้น!

     

    พอเสียงดังเข้ามาก ๆ เพื่อนทุกคนก็ตื่นแล้วมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องของนิวตันกันหมด เคลียร์กันได้สักพักก็ได้ข้อสรุปว่าห้ามวินมายุ่งวุ่นวายกับฉันเกินควรแล้วให้วินอยู่เที่ยวกับพวกเราต่อได้

     

    เพราะงั้นตอนนี้ฉันเลยมานั่งหงุดหงิดอยู่บนเรือที่กำลังจะพาพวกเราไปดำน้ำดูปะการังนี่ยังไงล่ะ! เรือส่วนตัวของสีคราม รีสอร์ท กำลังพาพวกเราล่องไปทางใต้ของเกาะสีชัง ที่ขึ้นชื่อว่ามีปลาทะเลและปะการังที่สวยที่สุดในเกาะ

     

    ตอนแรกพวกเราก็ตั้งใจจะพายเรือคายัคกันมาเอง แต่ยี่หวาบอกว่าให้เก็บพลังงานไว้ตอนกลางคืน จะมีกิจกรรมพายเรือคายัคตกหมึก ก็เลยนั่งเรือกันมาแบบสบาย ๆ ก่อน

     

    เราจะมาดำน้ำแบบ snorkeling หรือเป็นการดำน้ำตื้น ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็งหรือว่ายไม่เป็นเลยก็สามารถดำได้เพราะจะมีชูชีพ ตีนกบ หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจและให้ใส่

     

    ฉันเคยดำน้ำแบบ Scuba หรือดำน้ำลึกมาก่อนแล้วจึงไม่มีปัญหาอะไรกับการดำน้ำตื้น สวมชูชีพปรับสายอะไรเรียบร้อยแล้วก็หันไปเห็นซีเนียร์ที่กำลังวุ่นวายปรับสายชูชีพและใส่ตีนกบแบบผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วย

     

    “มานี่ เดี๋ยวเราช่วยใส่” ฉันเอื้อมมือไปปลดสายล็อคชูชีพที่เมื่อกี้ซีเนียร์ล็อคผิดแล้วล็อคให้ใหม่ ปรับจนสายกระชับดีแล้วตบไหล่เบา ๆ

     

    “เอ้า! เสร็จแล้ว ป้ะ ลงน้ำดีกว่า” 

     

    ซีเนียร์ยิ้มให้ฉันก่อนจะพยักหน้าแล้วก็พากันลงน้ำไปชื่นชมความงดงามของปะการังใต้ท้องทะเล ภาพความสวยงามตรงหน้านี่ทำให้ฉันลืมความหงุดหงิดไปได้ชั่วขณะ น้ำทะเลใสแจ๋ว ท้องฟ้าสีคราม ลมที่โชยมาเบา ๆ พัดพากลิ่นน้ำทะเลที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

     

    ดีจัง...

     

     

     

     

    ดำน้ำเล่นกันสักพักก็พากันขึ้นเรือเพราะเริ่มร้อนและเริ่มหิวข้าวกันแล้ว กลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี

     

    เรามาพักกินข้าวกันที่ห้องอาหารของสีคราม รีสอร์ท และแน่นอนว่าฟรี!

     

    คนในห้องอาหารมีหลากหลายเชื้อชาติ โดยส่วนมากจะเป็นฝรั่งไปกว่าครึ่ง ฉันน่าจะมาถึงเป็นคนแรกของกลุ่ม

     

    “ทำไมไม่เช็ดผมดี ๆ เสื้อเปียกหมดแล้ว” ซีเนียร์ที่เพิ่งมาถึงทำหน้าดุใส่ฉันที่พออาบน้ำเสร็จก็ตรงมาที่ห้องอาหารเลย

     

    “มานี่ มาเช็ดผมดี ๆ ก่อน”

     

    แงงงงง ฉันหิวแล้วนะ อยากกินข้าวแล้ว

     

    ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้ท้วงอะไร ซีเนียร์ก็ลากฉันออกจากห้องอาหารมาทางที่พักเลย เขาไม่ได้พาฉันกลับห้องฉัน แต่พาไปห้องของเขา

     

    ภายในตกแต่งต่างกันนิดหน่อย แต่ก็ยังคงกลิ่นอายคันทรีตามคอนเซ็ปท์ของรีสอร์ทเช่นเคย เขากดตัวฉันให้นั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ฉันมองเขาผ่านกระจกที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กและไดร์เป่าผมมา

     

    ฟุ่บ!

     

    โยนผ้าขนหนูใส่หัวฉันแล้วก็วางไดร์ไว้ข้าง ๆ โต๊ะให้ฉัน

     

    “อะ...เป่าเร็ว ๆ จะได้รีบไปกินข้าว”

     

    “ขี้เกียจ...คุณเป่าให้เราหน่อย” ฉันดึงผ้าขนหนูออก แล้วหันไปบอกซีเนียร์

     

    อยากให้ผมฉันแห้งก็เป่าเองเถอะ!

     

    ซีเนียร์มองฉันด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมเดินมาหยิบผ้าขนหนูแล้วค่อย ๆ ซับผมให้ฉันอยู่ดี

     

    “เสื้อมันบาง...สีขาวด้วย พอเปียกน้ำก็เห็นบราหมดแล้ว” เขาซับผมฉันไปพลางแล้วก็พูดขึ้นมา

     

    ฉันดูตัวเองในกระจก มันเปียกก็จริง แต่มันก็อารมณ์เหมือนใส่บิกินี่อะ แล้วนี่เป็นทะเลไง มันไม่ได้ดูโป๊อะไรขนาดนั้น

     

    พอฉันจะเถียงเขาก็เปิดไดร์เป่าผมกลบเสียงฉันไปหมด เฮ้ออออ ไม่เถียงก็ได้

     

    ฉันมองดูเขาที่ค่อย ๆ ไดร์ผมฉันไปทีละช่ออย่างตั้งใจ ผ่านไปสักพักผมฉันก็เริ่มแห้งสนิท เสื้อที่ได้รับลมร้อมจากไดร์ก็แห้งเช่นฉัน ซีเนียร์ปิดไดร์เป่าผมแล้วม้วนเก็บ

     

    “ขอบคุณค้าบบบ ไปกินข้าวกัน หิวแล้ววว”

     

     

     

     

    พอมาถึงห้องอาหารเพื่อน ๆ ก็มากันครบหมดแล้ว กอหญ้ากับมุกดาก็ไม่เป่าผมเหมือนกันไม่เห็นเขาจะพูดอะไร ทำไมดุไม่ครบทุกคน! ฉันเดินไปนั่งที่ว่างข้างนิวตันและซีเนียร์ก็นั่งข้าง ๆ ฉันอีกทีนึง

     

    “ทำไมมาช้าจังอะ?” นิวตันหันมาถามฉัน แล้วก็ตักข้าวใส่จานให้ฉันกับซึเนียร์

     

    “จริง ๆ กูมาคนแรกเลย แต่ซีไล่ให้กูไปเป่าผมเลยมาช้า”

     

    “อ่อ...ก็ว่าอยู่คนขี้เกียจแบบมึงทำไมผมถึงแห้งไว”

     

    ได้คำตอบแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร หันไปตักข้าวกินปกติ แต่ไอคนที่นั่งตรงข้ามฉันนี่สิ...

     

    “อะ แกงส้มกุ้ง เมชอบกินหนิ” วินตักแกงส้มใส่ถ้วยเล็ก ๆ แล้วยื่นมาให้ฉัน

     

    ฉันก็รับมานะ แล้วก็ยื่นให้ซีเนียร์อีกที ไม่ได้สนสีหน้าที่ซึมไปของวิน

     

    “คุณตักอะไรไม่ถึงบอกเรานะ เดี๋ยวเราตักให้”

     

    ด้วยความที่ซีเนียร์นั่งริมโต๊ะ อาหารบางอย่างเลยค่อนข้างตักยาก ฉันก็เป็นคนหยิบคนตักมาวางที่จานเขาให้

     

    “มึงก็กินบ้างอย่ามัวแต่ตักให้ไอซี / กินกุ้งมั้ย” เสียงแรกเป็นของนิวตันที่วางปลาทอดลงในจานของฉัน แล้วเสียงที่สองก็เป็นของซีเนียร์ที่แกะกุ้งเผามาวางในจานของฉันเช่นกัน

     

    ฉันเลือกจิ้มกุ้งเข้าปากก่อน อยากกินมาสักพักละแต่ขี้เกียจแกะ ดีนะที่ซีแกะให้

     

    “กินอีกมั้ย?”

     

    ซีหันมาถามฉันยิ้ม ๆ ฉันก็พยักหน้า หันไปเห็นไอนิวตันอีกทางก็ทำหน้าบูด เป็นไรของมัน?

     

     

     

     

    พอหนังท้องตึงเราก็ไปตระเวนย่อยอาหารกันหลายที่ ส่วนใหญ่จะแวะพวกจุดชมวิวถ่ายรูปกันมากกว่า สะพานอัษฎางค์ โลเคชั่นยอดฮิตที่อยู่คู่เกาะสีชังมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สะพานไม้สีขาวทอดยาวไปถึงทะเล พอถ่ายรูปออกมาสวยอย่าบอกใคร

     

    ยัยกอหญ้ากับมุกดาใช้ฉันถ่ายรูปรัวจนน่าจะอัพอินสตาแกรมได้ยันชาติหน้า แล้วยังมีภูเขาหญ้าที่อยู่ทางไปหาดถ้ำพังที่พวกเราเพิ่งแวะไปเล่นน้ำเมื่อวาน เสร็จแล้วแวะไปศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ วิวข้างบนคือสวยมากกกกก เห็นแทบจะรอบเกาะได้มั้ง

     

    สถานที่สุดท้ายที่เรามาคือช่องเขาขาด ที่ฮอตฮิตอีกที่นึงของเกาะสีชัง เรามากันตอนที่แสงสีส้มตอนเย็นกำลังสาดส่องจึงได้ภาพสวย ๆ กันไปอีกเยอะ ยิ่งตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกยิ่งสวย อดยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้อีกหลายรูปไม่ได้

     

    แชะ!

     

    ฉันหันไปมองตามเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นมาจากด้านข้าง เป็นจูเนียร์ที่กำลังถือกล้องฟิล์มยกขึ้นมาทางฉัน เห็นดังนั้นเลยฉีกยิ้มกว้างค้างไว้ให้เขาถ่ายอีกรูป

     

    แชะ!

     

    ลดกล้องลงแล้วยิ้มบาง ๆ มาทางฉัน แสงที่สาดไล้เข้ากรอบหน้าจนเกิดเป็นเงาขึ้นมาด้านนึงมันสวยมาก ฉันเลยยกกล้องของฉันขึ้นมาถ่ายเขาด้วย เช็ครูปแล้วสวยถูกใจจึงเรียกเขามาดูภาพ

     

    “ซี! มาดูรูปเร็ว ภาพออกมาโคตรดี!”

     

    ซีเนียร์เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาดูรูป ฉันยกกล้องขึ้นให้เขามองภาพถนัด ๆ พร้อมกับเลื่อนภาพที่ฉันถ่ายเขาเมื่อกี้นี้สองสามรูปให้เขาดู

     

    “สวยเนอะ แสงดีมาก...อะ”

     

    ฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกเขาแต่ก็ต้องชะงักด้วยระยะห่างของใบหน้าฉันกับเขามันใกล้กันมาก

     

    ใกล้...

     

    จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา

     

    “อืม...แสงดีจริงด้วย ส่งรูปให้หน่อยสิ”

     

    ซีเนียร์ยืดตัวขึ้นด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ มีแต่ฉันที่เผลอไปใจเต้นแวบนึงกับการใกล้ชิดเมื่อครู่

     

    อัตราการเต้นของหัวใจฉันมันผิดจังหวะไปทุกทีเมื่ออยู่ใกล้ซีเนียร์…

     

    “อ...อื้อ แปปนะ เดี๋ยวขอบลูทูธก่อน”

     

    ฉันก้มหน้ากดยิก ๆ ที่กล้องก่อนจะเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือของฉัน เมื่อรูปส่งมาจึงเข้าไลน์ส่งรูปไปที่แชทของเขา

     

    ไลน์! ไลน์! ไลน์!

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือของซีเนียร์แจ้งเตือนข้อความเข้าที่ฉันเป็นคนส่งไป เขาเลื่อนดูรูปยิ้ม ๆ ก่อนจะกดอะไรไม่รู้ในโทรศัพท์

     

    ตื้อดือดึ้ง!

     

    เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือฉันดังขึ้นมา ฉันจึงแสกนนิ้วปลดล็อกเพื่อเข้าไปดู

     

    Senior Thanapob ได้กล่าวถึงคุณในรูปภาพของเขา...

     

    ฉันเงยหน้ามองเขาก่อนจะคลิกเข้าไปดู ซีเนียร์โพสต์ภาพที่ฉันเพิ่งส่งให้เขาเมื่อกี้พร้อมกับแคปชั่น

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ช่างภาพส่วนตัว @April Sasirin

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×