ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fake Friend ใครเพื่อนคุณ ? [รีไรท์]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 : เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 64


    ปาร์ตี้จบลงพร้อมกับจูบนั้น พวกเราช่วยกันเก็บเศษซากอารยธรรมที่กินกันไว้จนสะอาดเรียบร้อยดี นิวตันหิ้วยี่หวาไปส่งที่พัก กอหญ้าก็พามุกดากลับห้อง ไอเต้กับไอเหนือก็แยกย้ายไปนอน

     

    “ง่วงยัง ไปเดินเล่นกันมั้ย?”

     

    ฉันชะงักขาที่กำลังจะเดินกลับห้องก่อนจะหันมามองหน้าซีเนียร์ด้วยแววตาแปลกใจ ยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลาที่เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก ก็เลยตอบซึเนียร์กลับไปว่า

     

    “ยังอะ ไปดิ”

     

    ...ฉันมันคนใจง่ายน่ะ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    พวกเรามาเดินเล่นบริเวณชายหาดที่ไม่ไกลจากรีสอร์ทนัก ความมืดทำให้ทะเลกลายเป็นสีดำ เสียงคลื่นกระทบฝั่งแว่วเบา ๆ คลอกับเสียงลม เราทั้งสองเดินเคียงคู่กันโดยไร้ซึ่งเสียงพูดคุย 

     

    ต่างฝ่ายก็ซึมซับบรรยากาศทะเลยามกลางคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า จนมาถึงโขดหินหนึ่งซีเนียร์ก็เดินไปแล้วปัด ๆ ทรายออกจากโขดหิน แล้วตบเบา ๆ เรียกให้ฉันไปนั่ง

     

    อืม…จังหวะนี้ต้องอัปสตอรี่

     

    ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายบูมเมอแรงคลื่นกระทบหาดแล้วอัปเดตลงสตอรี่ไอจี พร้อมกับแคปชั่น ทะเลสีดำ

     

    “ดาวสวยเนอะ” หันไปพูดกับคนข้าง ๆ เขาชวนฉันมาแท้ ๆ แต่กลับไม่พูดอะไรเลย

     

    “อืม...สวย”

     

    จบลงง่าย ๆ อย่างนั้น...พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เหมือนจมอยู่กับความคิดอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ฉันขยับตัวยุกยิกด้วยความอึดอัด

     

    “ยังได้ติดต่อกับวินบ้างป้ะ?”

     

    กึก

     

    ชื่อนั้นทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย หันไปมองหน้าคนถามเพื่อหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำถามนั้น แต่ก็ไม่พบอะไรเลย...

     

    เขาถามเหมือนถามฉันว่ากินข้าวหรือยังอะไรแบบนั้น แต่เป็นคำถามที่ทำให้ฉันรู้สึกจี๊ด ๆ ขึ้นมานิดหน่อย วิน หรือ มาวิน เป็นชื่อที่ฉันไม่ได้ยินและไม่ได้อยู่ในวงโคจรชีวิตฉันมาสักพักใหญ่ ๆ ตั้งแต่เรื่องคราวนั้นที่ทำให้ฉันตัดความสัมพันธ์กับเขาไปเลย

     

    “ไม่เลย...เราบล็อกหมดอะ คุณถามทำไมเหรอ?”

     

    “แล้วยังรู้สึกอะไรอยู่มั้ย?” ไม่ตอบคำถามฉัน แต่กลับตั้งคำถามขึ้นมาอีก

     

    “รู้สึกแบบไหนอะ ถ้าหมายถึงว่ายังรักมั้ย...ตอบได้เลยว่าไม่ แต่ถ้าถามว่ายังรู้สึกโมโหมั้ย...ก็ตอบได้เลยว่ามาก!”

     

    ซีเนียร์หัวเราะกับคำตอบของฉัน ก่อนจะเอื้อมมือมายีผมฉันจนยุ่ง

     

    “เจ้าคิดเจ้าแค้นนะคุณอะ”

     

    “ก็มันน่าโมโหมั้ยล่ะ!”

     

    อดเบ้ปากไม่ได้เมื่อคิดถึงคน ๆ นั้น คนที่ทำให้ฉันเป็นควายอยู่ได้ตั้งเป็นปี ๆ วินเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันและซีเนียร์สมัยม.ต้น

     

    พวกเราสนิทกันมาเห็นกันมาตั้งแต่ตอนยังหน้าตาเด๋อ ๆ ถักเปียสองข้างใส่กระโปรงนักเรียนลายสก็อต จนห่างกันไปแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่งานรียูเนี่ยน

     

    ตอนนั้นวินเข้ามาจีบฉันที่ก็กำลังว่าง ๆ ไม่มีใครแถมเพิ่งอกหักมาอีก ฉันเลยเปิดใจรับเขาอย่างง่ายดาย เพราะคิดว่ารู้จักกันมาตั้งนาน เห็นนิสัยกันหมดแล้วก็เป็นคนดีใช้ได้ เลยตัดสินใจลองคุย ๆ ดู

     

    แต่วินก็ทำให้ฉันเจ็บใจซ้ำแล้วซ้ำอีก เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย ฉันก็ให้โอกาสเขาเรื่อย ๆ เพราะเวลาที่เขาดีกับฉันเขาก็ดีมาก

     

    จนครั้งสุดท้ายที่ฉันไม่ไหวจะทนก็คือวันที่ฉันไปเจอเขาอยู่กับผู้หญิงอีกคนนึง ฉันตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์เขาแต่กลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเอง

     

    จำได้ว่าฉันเสียใจร้องไห้เป็นวัน ๆ จนไอนิวตันเกือบไปกระทืบมาวินแล้วแต่ฉันก็ห้ามไว้ นึกแล้วเจ็บใจ ฉันไม่น่าห้ามเลยน่าจะปล่อยให้โดนกระทืบให้เข็ด!

     

    “ไม่รักก็ดีแล้ว...วินมันมาปรึกษาพวกผมว่าอยากจะขอคุณคืนดี แต่พวกผมก็ด่ามันให้แล้วนะ โดยเฉพาะกอหญ้ากับมุกดา ด่าซะจนผมกลัวแทน”

     

    “ไม่เห็นพวกนั้นเล่าให้ฟังเลย”

     

    “คงไม่อยากให้คุณคิดมากมั้ง”

     

    ฉันมองหน้าซีเนียร์ที่ยังคงเล่นกับผมฉันไม่เลิก ดวงตาเรียวรี จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วไม่เข้มไม่บางรับกับใบหน้า ริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ผิวขาว ๆ ใส ๆ ยิ่งกว่าฉีดกลูต้านั่นอีก

     

    หน้าตาที่จะบอกว่าหล่อก็หล่อ หรือหากจะมองว่าสวยก็ว่าได้ เวลายิ้มทีโลกก็ดูสดใสไปหมด ยิ่งมองก็ยิ่งตรงสเปคไปซะหมดทุกอย่าง

     

    ฉันมันแพ้พวกผู้ชายหน้าหวานน่ะ…

     

    แต่ก็นะ...ฉันไม่อยากให้เรื่องราวมันลงเอยแบบเรื่องวิน เกิดฉันได้คบกับเขาแล้วปรากฏว่าเลิกกัน ก็ต้องเสียเพื่อนดี ๆ ไปอีกคนนึง ฉันเสียเพื่อนมาหลายคนแล้ว ไม่อยากจะเสียเพิ่มอีกแม้แต่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงเหมือนผู้ชายต้องห้ามสำหรับฉัน...

     

    “นี่...ไม่เคยมีใครบอกคุณเหรอว่าเวลาลูบหัวผู้หญิงแล้วเขาจะหวั่นไหว” ฉันเอ่ยแซวขำ ๆ ฉันชอบนะเวลาที่เขาลูบหัวฉันแบบนี้

     

    มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักน่าทะนุถนอมอะ ซึ่งไม่ค่อยมีใครทำแบบนี้กับฉันสักเท่าไหร่

     

    “ทำไมอะ หวั่นไหวเหรอ ชอบผมแล้วอะดิ?” ยักคิ้วสองจึกแซวฉันกลับ ไอหมอนี่มันร้ายยยยยย

     

    “ใจบางไปหมดแล้วค่ะ รับผิดชอบด้วยนะ” ฉันหันไปทำหน้าอ้อน กระพริบตาปิ๊ง ๆ ให้เขา

     

    ซีเนียร์หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับยกมือสองข้างเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล่องของขวัญเล็ก ๆ ออกมา

     

    “อะ...Happy birthday นะ”

     

    ฉันมองเขาแบบอึ้ง ๆ นิดหน่อย ก็จำได้นะว่าเป็นวันเกิดตัวเอง แต่ไม่คิดว่าซีเนียร์จะจำได้จนถึงขนาดเตรียมของขวัญมาให้เนี่ยสิ

     

    ยุคเราเพื่อนส่วนใหญ่ก็พึ่งเฟซบุ๊คเพื่อเตือนวันเกิดเพื่อนกันทั้งนั้นนี่นา บางครั้งขนาดเห็นแล้วว่าเตือนก็ยังขี้เกียจจะไปอวยพรเลย

     

    ฉันเอื้อมมือไปรับของขวัญกล่องนั้นก่อนจะบอกขอบคุณเขาเบา ๆ พอเปิดดูปรากฏว่าเป็นสร้อยที่มีจี้เป็นรูปดอกทานตะวันเล็ก ๆ ฉันเห็นแล้วก็ยิ้มกว้างถูกใจกับของขวัญชิ้นนี้

     

    ฉันเลิฟทุกสิ่งที่เป็นดอกทานตะวันน่ะ

     

    “มา เดี๋ยวใส่ให้”

     

    ซีเนียร์หยิบสร้อยออกจากกล่องก่อนจะหมุนตัวฉันให้หันหลังแล้วสวมสร้อยให้ฉัน เมื่อใส่เสร็จก็หมุนตัวฉันกลับมาแล้วทำหน้าภูมิอกภูมิใจจ้องมองที่สร้อยบนคอของฉัน

     

    “ขอบคุณมากนะ สร้อยน่ารักมากกกก เราชอบมาก ๆ เลย”

     

    “ขอบคุณไรหลายรอบ ป้ะ ดึกแล้ว กลับห้องเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก”

     

    พูดแล้วก็คว้าข้อมือฉันเดินจูงกลับไปทางรีสอร์ท

     

    ตึก ตึก ตึก ตึก

     

    เสียงหัวใจฉันเต้นแรงจนแทบไม่ต้องเอามือไปแนบก็ได้ยินเสียง...

     

    แบบนี้มันไม่ดีเลย...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ซีเนียร์พาฉันมาส่งที่ห้อง แต่ว่าเห็นที่หน้าห้องของฉันนั้นกลับมีนิวตันนั่งตบยุงอยู่ พอนิวตันเห็นซีเนียร์ที่กำลังจับข้อมือฉันคิ้วเข้มนั่นก็ขมวดนิดหน่อย ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันเป็นพ่อที่แอบจับได้ว่าลูกหนีไปเที่ยวกับผู้ชายเลยวะ...

     

    “ไปไหนกันมาอะ”

     

    มันถามแล้วลุกเดินมาทางฉัน แล้วมองที่ข้อมืออย่างกดดันจนฉันต้องแอบบิดมือจากมือซีเนียร์อย่างเนียน ๆ

     

    “ไปเดินเล่นมา แล้วมึงมาทำไรหน้าห้องกูอะ ทำไมไม่นอน”

     

    มันถอนหายใจให้กับคำถามฉัน ก่อนจะเดินไปหน้าบูดไปหยิบอะไรสักอย่างมา

     

    เค้ก...?

     

    “วันเกิดมึง กูเอาเค้กมาเซอร์ไพรส์”

     

    ฉันมองเค้กที่มีร่องรอยการละลายของเทียนเลข 21 ซึ่งเป็นอายุของฉันแล้วมองหน้ามันอย่างแอบรู้สึกผิดนิดหน่อย

     

    “ขอบคุณนะมึงงง น่ารักที่สุดเลย เอาชีสบราวนี่ของโปรดกูมาด้วย”

     

    ฉันยิ้มอ้อนมันก่อนจะเอื้อมมือจะไปรับเค้ก แต่มันกลับดึงเค้กหนี ฉันงงเล็กน้อย ก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่อมันหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดที่เทียนแล้วยื่นมาอีกที

     

    “อธิษฐานแล้วเป่าเทียนเร็ว ๆ กูนั่งตบยุงจนจะเป็นไข้เลือดออกอยู่แล้วเนี่ย”

     

    มันบ่นพลางเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ถือเค้กมาเกาแกร่ก ๆ ตามตัว ฉันจึงรีบหลับตาแล้วอธิษฐาน แล้วก็เป่าเทียน

     

    “คุณขอไร? / มึงขอไร?”

     

    ทั้งนิวตันและซีเนียร์ถามฉันแล้วหันไปมองหน้ากัน

     

    “ไม่บอก! บอกคำขอก็ไม่เป็นจริงดิ”

     

    ฉันตอบก่อนจะแย่งเค้กมาถือไว้ในมือ ไขกุญแจเปิดห้องแล้วหันไปบอกทั้งสองคนให้กลับห้องไปนอน

     

     

    ก็อก ๆๆ

     

    รู้สึกเหมือนนอนยังไม่เต็มอิ่ม ก็ต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง เหลือบตาดูเวลาในโทรศัพท์ปรากฎว่าเพิ่งจะหกโมงเช้า ใครมาเคาะห้องเช้าขนาดนี้กัน?

     

    ก็อก ๆๆ

     

    “รู้แล้วววว แปปนึง!”

     

    ตะโกนบอกคนหน้าห้องให้เลิกเคาะประตู ก่อนจะจัดเผ้าจัดผมให้พอดูได้ หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมทับเพราะฉันไม่ได้ใส่บราตอนนอน เกิดเป็นพนักงานหรือใครก็เซฟตัวเองไว้ก่อน

     

    แกร๊ก!

     

    ปลดล็อกประตูแล้วเงยหน้าดูว่าใครมา ภาพตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกช็อกและสับสนเป็นอย่างมาก

     

    “เซอร์ไพรส์! สุขสันต์วันเกิดนะเม~”

     

    เป็นมาวินที่ยืนฉีกยิ้มกว้างกำลังถือเค้กนมสดสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตอยู่ตรงหน้าฉัน

     

    ปัง!

     

    ฉันปิดประตูใส่หน้าวินแล้วล็อกห้อง ไม่สนเสียงเคาะประตูที่ดังอยู่ภายนอกไม่เลิก

     

    เซอร์ไพรส์...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เซอร์ไพรส์จริง ๆ ไอเวร!

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×