ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fake Friend ใครเพื่อนคุณ ? [รีไรท์]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 กระอักกระอ่วน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 64


     

    กริ๊ง! กริ๊ง!

     

    เสียงนาฬิกาปลุกของโทรศัพท์มือถือใครสักคนแผดเสียงร้องขึ้นมา ทำให้ฉันอดสะดุ้งตื่นกับเสียงนั้นไม่ได้

     

    “โทรศัพท์ใครวะปิดเสียงดิ๊ กูจะนอนนนนนน” นิวตันโวยขึ้นมาหลังจากเสียงนั้นดังไม่เลิกเนื่องจากไม่มีใครไปปิดเสียงมัน

     

    ฉันชะโงกหน้าลงไปดูหาต้นตอของเสียงนั้นก่อนจะเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของไอนิวตันนั่นแหละที่ตั้งปลุกไว้ แถมโทรศัพท์ยังอยู่บนหัวมันด้วย!

     

    เห็นดังนั้นฉันจึงหยิบหมอนใบเล็ก ๆ แล้วขว้างใส่มัน

     

    ปึก!

     

    “โทรศัพท์มึงนั่นแหละไอนิว ปิดเสียงดิ๊ กูจะนอน”

     

    “...อ่าว โทรศัพท์กูเหรอ โทษที”

     

    นิวตัวที่โดนหมอนปาอัดหน้าลุกขึ้นมากดปิดเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ในโทรศัพท์ ก่อนจะหันมามองฉัน แล้วทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเลื่อนสายตาไปเห็นมือของซีเนียร์ที่กำลังกอดก่ายฉันอยู่

     

    “ทำอะไรอะรับผิดชอบด้วยนะ ไอซีมันเมาแล้วมึงจะไปทำมิดีมิร้ายมันแบบนี้ไม่ได้ ลูกเขามีพ่อมีแม่นะเว้ยไอเม”

     

    “มิดีมิร้ายบ้านมึงดิ แหกตาดูด้วยว่าซีกอดกู ไม่ใช่กูกอดซี”

     

    อดโวยวายไม่ได้จริงๆ ทั้งตอนนี้แล้วก็เมื่อคืน เป็นฉันที่โดนกระทำชัด ๆ!

     

    “มึงอาจจะเอามือมันมากอดก็ได้ มึงยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่ ได้นอนข้าง ๆ คนหล่อหน่อย หวังเคลมเลยน้า”

     

    “F*ck you” พูดจบก็ชูนิ้วกลางให้มันพร้อมล้มตัวนอนหันหลังไม่อยากจะเสวนากับมันต่อ

     

    แต่พอหันมาก็รู้สึกอยากจะหันกลับไปมาก เพราะตอนนี้ซีเนียร์กำลังลืมตาแป๋วมองมาที่ฉันแบบไม่กระพริบตา แล้วสายตาแบบนี้มันทำให้ฉันอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้

     

    “อ...อ่าว ตื่นแล้วเหรอ”

     

    “อือออ เสียงคุณกับนิวทะเลาะกัน”

     

    “อ่า โทษที...นอนต่อมั้ย?”

     

    ซีเนียร์ยกมือที่กอดฉันออกก่อนจะลุกขึ้น มองซ้ายมองขวาก่อนจะเอื้อมมือผ่านตัวฉันไปหยิบโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่ข้าง ๆ ฉัน กดหน้าจอมองเวลาแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของฉัน

     

    “ไม่ดีกว่า เที่ยงแล้ว เดี๋ยวผมกลับบ้าน”

     

    “อ่อ โอเค กลับบ้านดี ๆ นะ”

     

    “...อ่า โอเค กลับก่อนนะ บ๊ายบาย”

     

    “บ๊ายบาย”

     

    สีหน้าตอนท้ายของเขายุ่งเหยิง คิ้วขมวดเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด จริง ๆ ฉันก็รออยู่เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรเรื่องเมื่อคืนมั้ย เพราะดูจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่เขากินเข้าไป พูดได้เลยว่าเมามากกกกก ฉันเลยไม่กล้าเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน กลัวจะได้คำตอบว่า จำไม่ได้หรือเมาอะไรทำนองนี้ แล้วมันจะกระอักกระอ่วนซะเปล่า ๆ

     

    บางทีการปล่อยเบลอไปอาจจะดีกว่า เพราะเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ไม่แน่ใจความหมายของจูบเมื่อวานนั่นเหมือนกัน

     

    เพราะเขายังมีข้อแก้ตัวว่าเมาได้ แต่ฉันล่ะ...โอเคฉันอาจจะมึน กรึ่ม ๆ บ้าง แต่ไม่เมาแน่ ๆ สติสัมปชัญญะก็ครบถ้วน แต่ฉันก็ยังจูบกับเขา จูบกับคนที่คบกันเป็นเพื่อนกันมาสิบปีแล้วก็ต้องยอมรับว่าฉันรู้สึกดีกับจูบเมื่อคืนนั้นมาก ๆ ด้วย

     

    แต่ว่า...

     

    คนนี้ไม่ได้

     

    ถึงจะรู้สึกดีกับจูบนี้สุด ๆ ก็ไม่ได้ เขาเหมือนบุคคลต้องห้ามสำหรับฉัน

     

    ฉัน

     

    ต้อง

     

    ปล่อย

     

    วาง!

     

    โอเค คิดซะว่าเรื่องวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำตัวปกติ เป็นเพื่อนกันปกติ ซีเนียร์ก็ดูเหมือนจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ (หรือต่อให้จำได้ถ้าซีไม่พูดก็ไม่จำเป็นต้องขุดขึ้นมา)

     

    เมื่อคืนนี้ต่างคนต่างนอน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันเมาหลับปุ๋ยยันเช้า และตื่นมาตอนที่โทรศัพท์ของไอเวรนิวตันปลุกแค่นั้น

     

    ฟุ่บ!

     

    หลังจากสะกดจิตตัวเองจนพอใจฉันก็ล้มตัวนอนต่ออย่างสงบ พักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวตื่นมาอีกทีก็มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเองแหละ!

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ฉันตื่นขึ้นมาตอนเย็น ๆ ของวันนั้นก่อนจะพบว่ากองศพเพื่อน ๆ เมื่อคืนเริ่มหายกันไปหมดแล้ว เหลือแค่ฉันคนเดียวที่อยู่ในห้อง

     

    แอ๊ด

     

    เสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมา เป็นไอเจ้าของห้องที่เข้ามาในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันช่วงล่างอย่างหมิ่นเหม่ หยดน้ำเกาะตามผิวขาว ๆ ทั่วตัว ฉันไล่มองตั้งแต่หัวเปียก ๆ จนลงมาถึงซิกแพคและวีไลน์ช่วงปั้นเอวของมัน แต่ก่อนที่จะมองต่ำลงไปกว่านั้นก็มีเสียงหมา ๆ ขัดขึ้นมาก่อน

     

    "กูเพื่อนมึงไงเม ก็เข้าใจนะว่ากูหล่อ แต่สายตาที่เหมือนจะแดกกูเข้าไปนั่นคือไรวะ" ไอนิวตันดัดจริตเอามือสองข้างขึ้นมาปิดนมแล้วทำท่าหวาดกลัวฉัน

     

    'หล่อเสียของ' นี่เป็นนิยามที่ฉันมีให้มัน เวลาอยู่เฉย ๆ ก็ชวนน้ำลายหกดีอยู่หรอก แต่พอเปิดปากเท่านั้นแหละ กระเดือกไม่ลง

     

    "แดกไม่ลงหรอก กลัวท้องเสีย"

     

    "โห ดูถูกกูมาก ให้เกียรติดำแหน่งเดือนคณะตลอดกาลของกูด้วยครับเพื่อนครับ"

     

    "คนอื่นกลับบ้านกันหมดแล้วเหรอวะ" เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเฉย ๆ นี่แหละ เถียงกับมันไปก็เสียเวลา

     

    "เออ กลับไปช่วงบ่าย ๆ มั้ง กูก็ตื่นก่อนมึงได้ไม่นาน ตื่นมาก็เห็นแต่มึงนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียวละ"

     

    ฉันมองหาโทรศัพท์มือถือที่ไม่รู้ไปวางไว้ไหน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเสื้อคลุมกับนาฬิกาที่คุ้น ๆ วางอยู่ไม่ไกลจากโทรศัพท์ของฉัน ฉันลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ดูเวลา อืม…หกโมงครึ่ง นี่นอนหรือซ้อมตายนะเรา แล้วเสื้อกับนาฬิกานี่...คุ้นๆ เหมือนเป็นคนถอดแล้ววางไว้เองกับมือเลย

     

    "เออไอเม นั่นใช่เสื้อกับนาฬิกาไอซีป้ะ มันให้กูหาให้ บอกลืมเอากลับไป"

     

    "อ่า…น่าจะใช่"

     

    "พอดีเลย เดี๋ยวมันจะแวะมาเอา มึงจะกลับกับมันเลยป้ะ บ้านก็ทางเดียวกันอยู่แล้วหนิ"

     

    "ไม่ ๆๆ กูหิวข้าว เดี๋ยวกูไปอาบน้ำแล้วมึงก็พาก็ไปกินข้าว กินเสร็จก็พากูไปส่งบ้านด้วย" ฉันบอกมันเสร็จสรรพ ก่อนจะรื้อกระเป๋าหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำแบบไม่ฟังเสียงบ่นของมัน

     

    "นี่กูเป็นเพื่อนหรือผัวมึงวะเม กูแนะนำให้มึงรีบ ๆ มีผัวซะนะจะได้ไม่เป็นภาระกู!"

     

    เสียงตะโกนของนิวตันดังแว่ว ๆ เข้ามาในห้องน้ำ แต่ฉันต้องแคร์มั้ย? มีเพื่อนก็ต้องใช้งานเพื่อนให้คุ้มสักหน่อย ทีมันยังใช้ฉันทำงานส่งอาจารย์ ใช้เป็นไม้กันสาว ๆ ของมันอยู่เรื่อยเลย กะอีแค่พาไปกินข้าวไปส่งแค่นี้ทำมาเป็นบ่น!

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    "อิรัชชัยมาเสะ!"

     

    เสียงพนักงานต้อนรับดังขึ้นเมื่อฉันกับนิวตันเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังเจ้าหนึ่ง หลังจากเถียงกันมาสักพักว่าจะกินชาบูหรืออาหารญี่ปุ่น สุดท้ายก็มาจบลงที่อาหารญี่ปุ่นในคอมมูนิตี้มอลล์แถว ๆ บ้านนิวตัน

     

    "มึงกับซึเป็นไรกันวะ ทำไมทำตัวแปลก ๆ" อยู่ ๆ นิวตันก็ถามขึ้นมา ขนาดคนสมองกลวงอย่างนิวตันยังจับสังเกตได้ นี่ฉันต้องทำตัวแปลกแค่ไหนเนี่ย!

     

    "เปล่านี่ แปลกยังไงวะ?" แอบหลอกถามมันหน่อยดีกว่า จะได้ทำตัวให้มันปกติ

     

    "อืม...มันก็แบบ พวกมึงดูปวดขี้กันทั้งคู่อะ"

     

    "ฮะ?"

     

    "ก็กูอธิบายไม่ถูกอะ! แบบพวกมึงเหมือนคนปวดขี้ไง อย่าถามกูมาก หิวข้าวแล้ว สั่งดิสั่ง!"

     

    ฉันผิดเองแหละที่ไปหวังอะไรกับสมองคนอย่างมัน กวาดสายตาดูเมนูไปงั้น ๆ สุดท้ายก็สั่งเมนูประจำกันเหมือนเดิม

     

    "หมูผัดซอสญี่ปุ่นกะทะร้อน ไก่คาราอาเกะสไปซี่ ไข่ตุ๋น แล้วก็ชาเขียวเย็นค่ะ"

     

    "เหมือนกันครับ"

     

    "ขออนุญาตทวนรายการอาหารนะคะ หมูผัดซอสญี่ปุ่นกะทะร้อน 2 ที่ ไก่คาราอาเกะสไปซี่ 2 ที่ ไข่ตุ๋น 2 ที่ แล้วก็ชาเขียวรีฟิลเย็น 2 ที่นะคะ"

     

    พยักหน้ากับรายการการอาหารที่สั่งไปนั้น ไม่นานนักอาหารก็มาเสิร์ฟ ฉันกินไป เขี่ยโทรศัพท์เล่นไป แล้วก็มาสะดุดกับการแจ้งเตือนนึงเข้า

     

    Senior Thanapob ได้แสดงความคิดเห็นบนโพสต์ของคุณ

     

    ฉันคลิกเข้าไปดูและพบว่าเป็นโพสต์ที่ฉันเพิ่งโพสต์รูปอาหารที่เพิ่งมาเสิร์ฟเมื่อกี้นี้ เลื่อนดูความคิดเห็นส่วนใหญ่ก็มาแซวเพราะว่าฉันแท็กไอนิวตันด้วย อ่อ ฉันกับนิวตันเพื่อน ๆ ชอบล้อว่าพวกเราเป็นแฟนกันน่ะ

     

    Sunior Thanapob : อ้วน

     

    อะไรอะ...

     

    งงไปหมดแล้ววว ปกติเขามาคอมเมนท์ฉันซะที่ไหน แค่กดไลก์โพสต์ยังยากเลย นี่มาคอมเมนท์เนี่ยนะ ฉันคิดอยู่พักนึงก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป

     

    April Sasirin : ผอมมากกกกก ไม่เชื่อมากอดดูได้

     

    เขี่ย ๆ โทรศัพท์สักพัก ซีเนียร์ก็ตอบกลับมา ในตอนที่ฉันเข้าไปดู อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเลือดมารวมอยู่ที่หน้าเป็นจุดเดียว ฉันวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปสนใจอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ในระหว่างกินก็อดเหลือบไปมองโทรศัพท์ไม่ได้ เลยเรียกสติตัวเองด้วยการแอบหยิกแรง ๆ ที่หน้าขาจนน้ำตาคลอ

     

    "มึงเป็นไรวะ ทำไมหน้าแดง ๆ "

     

    "ฮะ...อ๋อ ร้อนอะ แอร์ไม่เย็นเลยเนอะ"

     

    "หืม กูว่าเย็นออก หนาวจนขนลุกแล้วเนี่ย"

     

    "แต่กูร้อนไง! มึงหนาวก็เรื่องของมึง"

     

    "เสียงดังทำไมวะ เบา ๆ ดิ เออ ๆ ร้อนก็ร้อน รีบกินดิจะได้กลับบ้าน"

     

    สาเหตุของสิ่งที่ทำให้ฉันร้อนขนาดนี้มันไม่ใช่แอร์หรอก แต่เป็นคนในโทรศัพท์ต่างหาก เพราะคอมเมนท์บ้า ๆ นั่นทำให้ฉันอดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้งไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่คิดว่ากำลังจะลืมได้แล้วแท้ ๆ

     

    Senior Thanapob : อืม ก็กอดไปแล้วนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×