คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : เรื่องคืนนั้น
ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มันมาจากอะไร ก็คงจะต้องย้อนกลับในคืนนั้นเมื่อ 3 ปีก่อน
.
.
.
31 December 2016
23:59 น.
"5 4 3 2 1"
เกร๊ง!
1 January 2017
00:00 น.
"แฮปปี้นิวเยียร์!!! หมดแก้ววววววว"
เสียงชนแก้วเบียร์ และคำอวยพรวันปีใหม่ดังขึ้นเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของปี 2010 ที่ดูแล้วน่าจะเมายับตั้งแต่ต้นปีกันเลยล่ะมั้ง
"อะ ๆๆๆ ไอเม กูเห็นน้า มึงกินไม่หมดอะ อย่ามาเนียน หมดแก้วเว้ยหมดแก้ว"
ฉันที่เนียน ๆ จิบเบียร์จำต้องยอมยกแก้วที่เหลือกระดกดื่มให้หมดในคราวเดียว เพราะโดนไออาร์มเพื่อนตาดีป่าวประกาศประจานความเนียนตัวเองกลางวงเหล้า
"เอออออ หมดแล้ว กูเมาแล้วเนี่ย ให้กูพักหน่อยเถอะ"
"พักไรว้า คืนนี้ยังอีกยาวไกลเว้ย ยันหว่างอะ ยันหว่างงงง"
"ไอเมกากว่ะ เพิ่งจะเที่ยงคืนเองจะรีบเมาไปไหน"
อาร์มกับพีท พากันร้องพากันรับเข้าขาเป็นลูกคู่ที่ดีแซวฉันที่เริ่มกรึ่ม ๆ ก็ใช่สิ ตัวเองแทบจะไม่ได้กิน แต่ฉันนี่สิ แพ้เกมโดนรุมแกล้งให้กินยังไม่ได้พักเลย แถมยังผสมนู่นนี่มั่วไปหมด จะเมาก็ไม่แปลกหรอกนะ
"พวกมึงจำไว้เลยนะ อย่าให้เป็นทีของกูละกัน มา! แจกไพ่เลย"
พิรามิด เกมที่ถ้าไม่มีพวกก็อาจจะโดนรุมแกล้งจนเมาหัวทิ่มกันได้ง่าย ๆ เป็นเกมที่แจกไพ่เป็นลำดับขั้น ขึ้นเป็นฐานพิรามิด 5 4 3 2 และ 1 ใบ คว่ำไว้ แล้วแจกไพ่ที่เหลือให้กับสมาชิกในวงจนกว่าจะหมด
หากเปิดฐานพิรามิดแล้วใครมีเลขหรือตัวอักษรเดียวกันนั้น จะสามารถสั่งให้ใครก็ได้ในวงกินตามลำดับขั้น เช่น ฐาน 5 ใบกิน 3 อึก ฐาน 4 ใบกิน ครึ่งแก้ว ฐาน 3 ใบกิน 1 แก้ว ฐาน 2 ใบกิน 1 แก้วครึ่ง และสุดท้าย ฐาน 1 ใบ รับไปเลยสองแก้วเต็ม ๆ
เกมดำเนินไปเรื่อย ๆ เป้าหมายในการกลั่นแกล้งก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเหมือนเพื่อนๆ จะไม่ได้รุมแกล้งฉันเกินไปนัก เพราะตอนนี้เหยื่อที่เพื่อน ๆ รักเป็นพิเศษคือ ซีเนียร์ ที่ตอนนี้ไม่ว่าใครได้ฐานไหนก็พากันชี้ให้ซีเนียร์กินซะหมด จนตอนนี้แก้มขาวๆ ของเขาเริ่มขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ และตัวก็เริ่มเอนเอียงไปมา จนหัวมาซบกับไหล่ของฉัน
"ซี...ไหวป้ะเนี่ย"
ฉันสะกิดถาม
"ไหวววว ผมยังไหววววว"
ไม่ไหว...ฉันนึกในใจอย่างขำ ๆ นึกตลกเพื่อนคนนี้ไม่น้อย จริง ๆ ฉันกับกับซีเนียร์รู้จักกันมาปีนี้ก็น่าจะ 10 ปีเต็มได้แล้ว แต่อาจจะไม่ได้สนิทกันมากนัก
เพิ่งมาช่วงหลังๆ มานี่ที่เจอกันบ่อยเพราะเพื่อนสนิทของฉันที่มหาลัยเป็นเพื่อนสนิทของซีเนียร์ตอนมัธยมปลาย แล้วนัดปาร์ตี้กันเรื่อยๆ เลยทำให้เราสองคนได้เจอกันบ่อยแล้วสนิทกันไปโดยปริยาย
"ปากดี ถ้าไหวมึงกินไปเลยอีกแก้ว กูมี 3 เว้ย! "
ไพ่ฐานสามใบที่เปิดออกมาเป็นเลข 3 ไอนิวตัน เพื่อนสนิทของฉันและเป็นเจ้าของบ้านที่กำลังปาร์ตี้กันอยู่นี่ เลยยกแก้วนี้ให้ซีเนียร์ที่ไม่ดูสภาพตัวเองไปอีกแก้ว
"ไอนิว ไอเวร เบาก่อนเดี๋ยวได้พากันเก็บศพเพื่อนขึ้นห้อง ฮ่า ๆๆๆๆ"
เสียงไออาร์มขัดนิวตันที่จะแกล้งซีเนียร์ให้กินอีกแก้ว
"อะ ๆๆ งั้นไอซี มึงไม่ต้อง ห้ามนักใช่มั้ย มึงเลยไออาร์ม หมดแก้ว!"
"กลัวที่ไหนคร้าบบบ กูอะคนจริงโว้ย"
เสียงเอะอะโวยวาย เฮฮากันดังสนั่น แต่เหมือนจะรบกวนการนอนของคนข้างๆ ฉันไม่ได้เลย แถมมีการขยับหัวหามุมเหมาะในการเอาหัวมาซบอีกแหน่ะ แก้มแดง ๆ ใส ๆ นั่นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะแอบจิ้มเบา ๆ
"ขึ้นไปนอนข้างบนดี ๆ มั้ย เดี๋ยวเราให้เพื่อนพาขึ้น"
ฉันถามซีเนียร์เพราะการมานอนซบไหล่ฉันแบบนี้ก็ไม่ได้สบายนักหรอก จะปวดคอซะเปล่า ๆ
"ไม่เอาาา ผมอยากร้องเพลง!"
อยู่ๆ คนที่ซบไหล่ฉันก็เด้งตัวขึ้นแล้วยกมือตะโกนขึ้นมา จนเพื่อน ๆ หันมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่ซีเนียร์จะเอามือลงแล้วเอนหัวมาซบกับไหล่ฉันเหมือนเดิน แล้วเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นในวงเพื่อน
"ฮ่า ๆๆๆๆ ไป ๆ กูว่าพามันขึ้นไปนอนดีกว่า ตีสามแล้วด้วย"
"เออ มา ๆ เดี๋ยวกูพยุงมันขึ้นไปเอง"
อาร์มกับพีทหิ้วปีกซีเนียร์คนละข้างแต่เหมือนคนเมาจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก ทิ้งน้ำหนักตัวไม่ยอมจะขึ้นไปนอนท่าเดียว แถมยังเอาแต่พูดว่า 'จะร้องเพลง ๆ' อยู่นั่นแหละ ทุลักทุเลทีเดียวกว่าจะแบกคนเมาที่โคตรดื้อขึ้นไปนอนได้
"ป้ะ ปล่อยให้มันนอนนี่แหละ ลงไปกินต่อดีกว่าพวกเรา"
หลังจากจัดท่านอนให้ซีเนียร์ดีๆ แล้ว พวกเราก็พากันลงไปข้างล่างเพื่อปาร์ตี้ต่ออีกนิดหน่อย ไม่นานนักก็ขึ้นมานอน แต่ละคนสติไม่ค่อยสมบูรณ์นักเนื่องจากกินเหล้าเบียร์ราวกับน้ำเปล่า ขยันเทขยันชนจนแน่นท้องไปหมด
เตียงขนาดหกฟุตตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้ชายตัวโต ๆ 2 คน กับผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็คือฉัน และยังมีอีกหลายคนที่นอนโซฟาและฟูกด้านล่าง ออกัสเพื่อนชายใจหญิงในกลุ่มเลือกนอนริมด้านในเตียง
ถัดมาเป็นซีเนียร์ที่ครองเตียงเกือบครึ่งและตามด้วยฉันที่เหลือสเปซเล็ก ๆ พอให้แทรกตัวลงไปนอนได้อย่างพอดิบพอดี
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนหลังจากขึ้นมานอน รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนโดนอะไรบางอย่างรัดจึงลืมตาตื่นขึ้นมาดู เป็นซีเนียร์นั่นเองที่เบียดเบียนที่นอนของฉัน จากที่มีแค่พื้นที่เล็กๆ อยู่แล้วให้ยิ่งแคบเข้าไปอีก และคงคิดว่าฉันเป็นหมอนข้างล่ะมั้ง ถึงได้เอาแขนขาก่ายฉันแบบนี้
ฉันไม่ได้โวยวายอะไร จริงๆ เราสองคนก็สกินชิพแบบนี้กันบ่อย ๆ ส่วนมากเป็นฉันที่เข้าไปลวนลามก่อนด้วยซ้ำ ก็…ใครใช้ให้เขาหน้าตาน่ารักน่าลวนลามแบบนั้นกันล่ะ
เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็หลับตานอนต่ออย่างสุขใจ ได้นอนหลับในอ้อมกอดของผู้ชายหน้าตาดีนับว่าเป็นกำไร ไม่มีอะไรเสียหายเลยสักนิด
ขณะที่สะลึมสะลือกำลังจะหลับก็รู้สึกถึงอะไรยุกยิก ๆ บริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก เหมือนมีอะไรปักผ่านจนจั๊กจี๋นิดหน่อย จึงได้ขยับหนี แต่เหมือนว่าสิ่งที่ยุกยิกบนใบหน้าฉันจะขยับตามมาด้วย จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ รดบริเวณปลายจมูกของฉัน
และในตอนนั้นเองก็มีสัมผัสนุ่มๆ กดทับลงมาที่ริมฝีปากของฉัน กดหนัก ๆ ก่อนจะผละออก แล้วก็กดแผ่ว ๆ ย้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ราวกับจะทดสอบ เมื่อฉันไม่ได้หลบหนีหรือหลีกเลี่ยง สัมผัสนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
แรงขบเม้มบริเวณริมฝีปากหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจที่รดใบหน้าฉันก็เริ่มร้อนขึ้นตามแรงอารมณ์ เป็นซีเนียร์ที่กำลังละเลียดชิมริมฝีปากฉันประหนึ่งว่ามันเป็นขนมหวานอะไรสักอย่าง ยิ่งถอยยิ่งรุกไล่เข้ามามือข้างนึงเลื่อนขึ้นมาจับต้นคอและเอียงองศาให้เราสัมผัสกันแนบแน่นมากขึ้น
ลิ้นอุ่นร้อนเริ่มรุกรานเข้ามาภายปากของฉัน พัวพันจนสติของฉันที่เดิมมีน้อยอยู่แล้วยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ กดจูบแล้วผละออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น เมื่อฉันเริ่มหายใจไม่ออกเขาก็ผละออก พอสักพักเขาก็กดจูบลงมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่ที่เราสองคนจูบกันอยู่แบบนั้น แต่เมื่อมือของเขาเริ่มซุกซนแตะไต่เข้ามาในเสื้อยืดสัมผัสผิวเนื้อของฉันตรง ๆ ความเย็นจากปลายนิ้วทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันจึงผละริมฝีปากออกจากเขา ลืมตาจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังขโมยจูบฉันอยู่
“รู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าทำอะไรอยู่?”
ฉันถามเขาที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันเหมือนกัน แววตาคนตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกวูบไหวผิดปกติ
เมา...หรือไม่เมา?
แต่เหมือนว่าคำถามของฉันจะไม่มีวันได้คำตอบซะแล้ว เพราะทันทีที่จบคำถาม ริมฝีปากของฉันก็ถูกครอบครองอีกครั้ง สัมผัสที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจ ลมหายใจที่เจือกลิ่นเบียร์จาง ๆ ทำให้รู้สึกมึนงงยิ่งกว่าเดิม เหมือนเขามอมฉันด้วยรสจูบนี้ หัวฉันโล่งไปหมดคิดอะไรแทบไม่ออก ฉันคิดได้แต่สัมผัสจากคนตรงหน้า
ร่างกายเราทั้งสองคนแนบชิดกันไปทุกสัดส่วน มือทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายอย่างซุกซน ปัดป่ายไปแทบจะทุกส่วนที่สามารถสัมผัสได้
ฟึ่บ!
“อืมมม หม่าม๊า กัสกินไม่ไหวแล้ว”
กึก!
ทันทีที่ได้ยินเสียงออกัสขยับตัวและละเมอออกมาทำให้ฉันคิดได้ว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ฉันกับซีเนียร์ แต่ยังมีเพื่อน ๆ นอนเรียงรายกันอีกมากมาย
อีกทั้งยังมีออกัสที่นอนอยู่ข้าง ๆ ซีเนียร์อีก ฉันจึงหยุดการกระทำที่อาจทำให้เพื่อน ๆ เข้าหน้ากันไม่ติดถ้าเกิดตื่นมาเห็นฉากอะไรที่ไม่ควรจะเห็นแบบนี้เข้า
“พ...พอก่อน”
ฉันรีบยกมือขึ้นทาบปิดริมฝีปากของคนตรงหน้าฉันเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจูบฉันอีก
“อื้อออ”
เขาส่งเสียงขัดใจที่เขาไม่สามารถทำสิ่งที่เขาต้องการจะทำได้
แต่เด็กดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดื้อ แถมเป็นเด็กโข่งตัวเท่าควายที่ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ อีกด้วย เมื่อจูบที่ปากไม่ได้ ก็เริ่มขบเม้มฝ่ามือของฉันที่ใช้ปิดปากเขา สัมผัสประหลาดทำให้ฝ่ามือฉันร้อนผ่าวจนต้องขยับมือหนี
แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น มืออีกข้างที่ว่างเว้นจากการโอบกอดฉันขยับมาจับรัดที่ข้อมือ เขาค่อย ๆ พรมจูบไปที่ฝ่ามือ ก่อนจะไล่จูบไปทีละนิ้ว โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูการกระทำของตัวเองด้วยซ้ำ!
แต่ฉันที่เห็นทุกอย่างที่เขาทำมันทำให้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า จะหลบก็ถูกจับข้อมือไว้ จะพลิกหนีก็มีอีกมือโอบไว้ไม่ให้ไปไหน ได้แต่มองการกระทำที่หน้าไม่อายของคนตรงหน้า และดูเหมือนว่าเขาจะจูบที่มือของฉันจนพอใจแล้วจึงได้คลายมือที่รัดข้อมือฉันออก และเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นริมฝีปากของฉันอีกครั้ง
เอาเถอะ จะจูบก็จูบไป ฉันสู้อะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ อีกทั้ง...ก็ยังรู้สึกดีกับรสจูบนี้เอามาก ๆ ซะด้วยสิ
เราจูบกันอยู่อย่างนั้น ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เหนื่อยก็ผละออกจากกันแล้วก็วนกลับมาจูบใหม่ ไล่ป้อนความหวานให้กันและกัน จนกระทั่งฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่คืนนั้น น่าจะเป็นค่ำคืนที่หวานที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาเลย...
ความคิดเห็น