คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แรกพบ
“เฮ้ออออ หาไม่เจอซะที คนตาสีเทากับผมสีเทานี่ไม่น่าหายากเลยนะ”บ่นกับตนเองพร้อมเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเครื่องดื่มแก้กระหาย พลันสายตาก็มองไปพบกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งห่างไปประมาณ
“ท่านอารอนหรือองค์ชายทั้งสองใช่หรือไม่พะยะค่ะ” ถามเป็นภาษาดาวออฟีอุส โดยแอบคิดในใจว่าถ้าตนเองเข้าใจผิดไป คนคนนั้นคงคิดว่าเค้าพูดภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลยหรือไม่ก็คิดว่าเค้าบ้าแน่ๆ
ชายผมเงินกลับตอบมาเป็นภาษาอังกฤษว่า “ใช่ เจ้าคือคนของท่านครูสใช่หรือไม่”
“ใช่พะยะค่ะ”ตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไป ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตุคนตรงหน้าไปพลาง
ครูสบอกถึงลักษณะของคนทั้งสามว่า
ท่านอารอนเป็นชายร่างสูงใหญ่ ผมและตาสีเทาเหลือบเงิน อายุน่าจะประมาณ 40-50ปี แววตาใจดี
องค์ชายทั้งสองท่านพ่อพบครั้งสุดท้ายเมื่อ 20ปีก่อนขณะนั้นอายุ 15และ 13ปีตามลำดับ องค์ชายอัลฟอนท์องค์โตมีผมและตาสีเงิน แววตาค่อนข้างดุ ปากหยักได้รูปมักจะเม้มแน่นเสมอเวลามีใครกล้าขัดพระทัย ส่วนองค์ชายเอลเซ่จะรูปร่างผอมบางกว่า ผิวขาวกว่า และยิ้มอยู่แทบจะตลอดเวลา
เฟทคิดทบทวนได้เช่นนั้น จึงถามออกไปว่า “พระองค์คือ เจ้าชายอัลฟอนท์ใช่หรือไม่พะยะค่ะ”
“ใช่ เราคืออัลฟอนท์ แล้วเจ้าล่ะคือใคร”ถามทั้งที่คิ้วเข้มทั้งสองข้างยังขมวดติดกัน
“กระหม่อมชื่อเล่นว่าเฟทพะยะค่ะ เป็นลูกชายคนเล็กของท่านพ่อครูสกับท่านแม่อานิส แล้วนี่พระองค์อื่นๆไปอยู่ที่ไหนล่ะพะยะค่ะ” ถามเมื่อมองไปรอบๆตัวไม่มีคนที่ลักษณะเข้าได้กับบุคคลที่เหลืออยู่ใกล้ๆ
“เสด็จพ่อและเอลเซ่นั่งรอข้าอยู่ในร้านนั้น” ตอบพร้อมชี้นิ้วเรียวยาวไปที่ร้านอาหารทางด้านขวามือ “ข้าไม่อยากนั่งรอเปล่าๆ จึงเดินออกมา แต่เมื่อสักครู่จับได้ถึงกระแสพลังงานจึงเดินตามมาดู พบเจ้ากำลังเดินอยู่กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จึงเดินสะกดรอยตามมา”
“กระหม่อมต้องขอโทษ เอ้ย ขอประทานอภัยด้วยพะยะค่ะ ที่กระหม่อมมาตามหาช้า” โอ้ย พูดราชาศัพท์นี่ยากจังแฮะกัดลิ้นตัวเองเลย แอบบ่นในใจ
“งั้นเรารีบไปทูลเชิญท่านอารอนและเจ้าชายเอลเซ่ เสด็จไปพักที่บ้านของกระหม่อมเถอะพะยะค่ะ” กล่าวจบจึงผายมือให้เจ้าชายอัลฟอนท์เดินนำไป พร้อมกับโทรบอกพี่ชายและพ่อของตนว่าพบกับคนที่มาตามหาแล้ว
ที่คฤหาสน์สกลธรรมรงค์
ครูสคุกเข่าลงทันทีที่เห็นอารอนเดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์
“กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์ทรงลงพระอาญาด้วย”กล่าวเสียงหนักแน่นโดยที่ยังคงก้มหน้ามองลงพื้น
“เจ้านี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ครูส เอะอะก็โทษตนเองเสมอ”หัวเราะตามหลังคำพูดตนเอง เนื่องจากตั้งแต่สมัยก่อนก็มักเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยๆ “ไม่ต้องพิธีรีตรองมาก ลุกขึ้นเถอะ”
“พะยะค่ะ”
“ถวายบังคมท่านอารอนและองค์ชายทั้งสองเพคะ”อานิสกล่าวพร้อมกับถอนสายบัว แล้วจึงหันไปบอกลูกๆของตนให้ทำความเคารพตาม
“ไม่ต้องมากพิธี เราต่างเป็นญาติกัน เราเคยบอกครูสเป็นพันๆครั้งแล้วมั้งว่าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับเรา”
“กระหม่อม นี่ลูกๆของกระหม่อม คนโตชื่อโฮบและคนเล็กชื่อว่าเฟทพะยะค่ะ”ครูสแนะนำลูกๆต่ออารอนและองค์ชาย
“ข้าเจอเจ้าเฟทแล้วล่ะ เค้าเป็นคนไปเจอกับอัลน่ะ ส่วนนี่ลูกชายข้าอัลฟอนท์และเอลเซ่ คงเป็นพี่พวกเจ้าหลายปีอยู่นะ สนิทกันไว้ล่ะ”
หลังจากแนะนำตัวกันเสร์จ ครูสเห็นว่าขณะนั้นได้เวลาอาหารเย็นพอดี จึงเสนอกับอารอนว่าจะออกไปหาร้านอาหารทานข้างนอก ทั้งหมดต่างเห็นด้วยจึงตกลงร้านอาหารแล้วพากันออกจากบ้านไป โดยอารอนไปกับครูสและอานิส ส่วนองค์ชายทั้งสองไปกับโฮบและเฟท
ขณะเดินทาง
“ที่นี่แปลกดีนะ ดูโดยรวมนับว่าเจริญในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เท่าที่ออฟีอุสก็เถอะ” เอลเซ่ชวนคุยขึ้น
“แปลกตรงไหนหรือ กระหม่อม”โฮบซึ่งกำลังขับรถอยู่ถามกลับไป
“ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าหรอก ท่านพ่อก็บอกแล้วนี่ว่าเราเป็นญาติกัน ส่วนที่ข้าว่าแปลกก็คือสภาพอากาศน่ะ ที่นี่ดูขมุกขมัว ไม่เหมือนที่ดาวของข้า”ตอบพร้อมยิ้มให้ แล้วจึงชวนคุยต่อว่า “แต่พวกเจ้าไม่เคยไปที่ออฟีอุสนี่นะ ที่นั่นอากาศจะปลอดโปร่งกว่าที่นี่มาก เนื่องจากเราเคยมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน เราจึงค้นคว้าหาพลังงานอื่นมาทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ”
“แล้วพลังงานนั่น สามารถนำมาใช้ที่โลกได้หรือไม่ล่ะพะยะค่ะ”เฟทถามต่ออย่างสนใจ
“ถ้าเจ้ายังพูดกับเราอย่างงั้น เราจะไม่คุยกับพวกเจ้าอีกนะ”เอลเซ่ขู่
“โธ่ ถ้ากระหม่อมไม่พูด ท่านพ่อของกระหม่อมต้องลงโทษกระหม่อมกับน้องแน่ๆ”
“ไม่เป็นไร บอกไปว่าข้าสั่ง เรียกข้าสั้นๆว่าเอลก็ได้ ข้าอยากมีน้องมานานแล้ว”
“งั้นข้าเรียกท่านว่าพี่เอลแล้วกันนะ แล้วพี่เอลก็เรียกข้าว่าเฟท”เฟทหันมาตอบกลับอย่างรวดเร็วตามนิสัยเข้ากับคนง่าย
“แล้วพี่ล่ะ จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”เอลหันไปถามอัลฟอนท์ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ
อัลฟอนท์เงียบอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “เรียกข้าว่าอัล”
“พี่อัลพูดไม่เก่งอย่างนี้แหละ ทำให้ข้าเป็นคนพูดมาก เนื่องจากไม่มีคนคอยแย่งพูด” เอลล้อพี่ชาย แล้วหันไปคุยกับเฟทและโฮบต่อ
“พลังงานที่ข้ากล่าวถึง ที่โลกคงใช้ไม่ได้หรอก เนื่องจากธาตุที่ว่ามันแข็งมาก ต้องใช้พลังงานปริมาณมากในการเปลี่ยนรูปแบบพลังงาน ที่ออฟีอุส เราต้องใช้กลุ่มคนที่มีพลังภายในคล้ายที่เรามีประมาณ10คนในการสกัดพลังงาน เพราะพวกนั้นมีพลังด้อยกว่าพวกเชื้อพระวงศ์อย่างเรา ถ้าเป็นพวกเราแค่ 1-2คนก็พอ”
พวกเฟทเดินทางมาถึงร้านอาหารพอดี หลังเอลพูดจบ ต่างคนจึงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วไปทานข้าวกันอย่างสนุกสนาน เอลและเฟทแทบจะเป็นคนคุยตลอด ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยมีโฮบ,ครูสและอารอนคอยร่วมด้วยเป็นครั้งคราว ส่วนอัลกลายเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด ได้แต่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ครูสจึงเสนอให้ทุกคนพักผ่อน ก่อนจะมาวางแผนวันต่อไป
ความคิดเห็น