ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักวุ่นๆของมนุษย์ต่างดาว

    ลำดับตอนที่ #6 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 52


    เฮ้ออออ หาไม่เจอซะที คนตาสีเทากับผมสีเทานี่ไม่น่าหายากเลยนะบ่นกับตนเองพร้อมเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเครื่องดื่มแก้กระหาย พลันสายตาก็มองไปพบกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งห่างไปประมาณ 15 เมตร ที่มีสีผมสีเงินสว่างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อายุไม่น่าจะเกิน 30ปี กำลังจ้องมาที่ตน เฟทรีบก้าวเข้าไปใกล้ พร้อมกับปล่อยพลังเล็กน้อยไปทดสอบ เฟทเห็นชายคนนั้นปล่อยออร่าสีเงินมารอบๆตัว จึงรีบเดินไปทักอย่างดีใจว่า

     

                ท่านอารอนหรือองค์ชายทั้งสองใช่หรือไม่พะยะค่ะ ถามเป็นภาษาดาวออฟีอุส โดยแอบคิดในใจว่าถ้าตนเองเข้าใจผิดไป คนคนนั้นคงคิดว่าเค้าพูดภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลยหรือไม่ก็คิดว่าเค้าบ้าแน่ๆ

     

                ชายผมเงินกลับตอบมาเป็นภาษาอังกฤษว่า ใช่ เจ้าคือคนของท่านครูสใช่หรือไม่

     

                ใช่พะยะค่ะตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไป ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตุคนตรงหน้าไปพลาง

     

                ครูสบอกถึงลักษณะของคนทั้งสามว่า

                ท่านอารอนเป็นชายร่างสูงใหญ่ ผมและตาสีเทาเหลือบเงิน อายุน่าจะประมาณ 40-50ปี แววตาใจดี

                องค์ชายทั้งสองท่านพ่อพบครั้งสุดท้ายเมื่อ 20ปีก่อนขณะนั้นอายุ 15และ 13ปีตามลำดับ องค์ชายอัลฟอนท์องค์โตมีผมและตาสีเงิน แววตาค่อนข้างดุ ปากหยักได้รูปมักจะเม้มแน่นเสมอเวลามีใครกล้าขัดพระทัย ส่วนองค์ชายเอลเซ่จะรูปร่างผอมบางกว่า ผิวขาวกว่า และยิ้มอยู่แทบจะตลอดเวลา

                เฟทคิดทบทวนได้เช่นนั้น จึงถามออกไปว่า พระองค์คือ เจ้าชายอัลฟอนท์ใช่หรือไม่พะยะค่ะ

     

                ใช่ เราคืออัลฟอนท์ แล้วเจ้าล่ะคือใครถามทั้งที่คิ้วเข้มทั้งสองข้างยังขมวดติดกัน

     

                กระหม่อมชื่อเล่นว่าเฟทพะยะค่ะ เป็นลูกชายคนเล็กของท่านพ่อครูสกับท่านแม่อานิส แล้วนี่พระองค์อื่นๆไปอยู่ที่ไหนล่ะพะยะค่ะ ถามเมื่อมองไปรอบๆตัวไม่มีคนที่ลักษณะเข้าได้กับบุคคลที่เหลืออยู่ใกล้ๆ

     

                เสด็จพ่อและเอลเซ่นั่งรอข้าอยู่ในร้านนั้น ตอบพร้อมชี้นิ้วเรียวยาวไปที่ร้านอาหารทางด้านขวามือ ข้าไม่อยากนั่งรอเปล่าๆ จึงเดินออกมา แต่เมื่อสักครู่จับได้ถึงกระแสพลังงานจึงเดินตามมาดู พบเจ้ากำลังเดินอยู่กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จึงเดินสะกดรอยตามมา

     

                กระหม่อมต้องขอโทษ เอ้ย ขอประทานอภัยด้วยพะยะค่ะ ที่กระหม่อมมาตามหาช้า โอ้ย พูดราชาศัพท์นี่ยากจังแฮะกัดลิ้นตัวเองเลย แอบบ่นในใจ

     

                งั้นเรารีบไปทูลเชิญท่านอารอนและเจ้าชายเอลเซ่ เสด็จไปพักที่บ้านของกระหม่อมเถอะพะยะค่ะ กล่าวจบจึงผายมือให้เจ้าชายอัลฟอนท์เดินนำไป พร้อมกับโทรบอกพี่ชายและพ่อของตนว่าพบกับคนที่มาตามหาแล้ว

     

     

    ที่คฤหาสน์สกลธรรมรงค์

     

                ครูสคุกเข่าลงทันทีที่เห็นอารอนเดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์

     

                กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์ทรงลงพระอาญาด้วยกล่าวเสียงหนักแน่นโดยที่ยังคงก้มหน้ามองลงพื้น

     

                เจ้านี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ครูส เอะอะก็โทษตนเองเสมอหัวเราะตามหลังคำพูดตนเอง เนื่องจากตั้งแต่สมัยก่อนก็มักเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยๆ ไม่ต้องพิธีรีตรองมาก ลุกขึ้นเถอะ

     

                พะยะค่ะ

     

                ถวายบังคมท่านอารอนและองค์ชายทั้งสองเพคะอานิสกล่าวพร้อมกับถอนสายบัว แล้วจึงหันไปบอกลูกๆของตนให้ทำความเคารพตาม

     

                ไม่ต้องมากพิธี เราต่างเป็นญาติกัน เราเคยบอกครูสเป็นพันๆครั้งแล้วมั้งว่าไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับเรา

     

                กระหม่อม นี่ลูกๆของกระหม่อม คนโตชื่อโฮบและคนเล็กชื่อว่าเฟทพะยะค่ะครูสแนะนำลูกๆต่ออารอนและองค์ชาย

     

                ข้าเจอเจ้าเฟทแล้วล่ะ เค้าเป็นคนไปเจอกับอัลน่ะ ส่วนนี่ลูกชายข้าอัลฟอนท์และเอลเซ่ คงเป็นพี่พวกเจ้าหลายปีอยู่นะ สนิทกันไว้ล่ะ

     

                หลังจากแนะนำตัวกันเสร์จ ครูสเห็นว่าขณะนั้นได้เวลาอาหารเย็นพอดี จึงเสนอกับอารอนว่าจะออกไปหาร้านอาหารทานข้างนอก ทั้งหมดต่างเห็นด้วยจึงตกลงร้านอาหารแล้วพากันออกจากบ้านไป โดยอารอนไปกับครูสและอานิส ส่วนองค์ชายทั้งสองไปกับโฮบและเฟท

     

     

    ขณะเดินทาง

     

                ที่นี่แปลกดีนะ ดูโดยรวมนับว่าเจริญในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เท่าที่ออฟีอุสก็เถอะ เอลเซ่ชวนคุยขึ้น

     

                แปลกตรงไหนหรือ กระหม่อมโฮบซึ่งกำลังขับรถอยู่ถามกลับไป

     

                ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าหรอก ท่านพ่อก็บอกแล้วนี่ว่าเราเป็นญาติกัน ส่วนที่ข้าว่าแปลกก็คือสภาพอากาศน่ะ ที่นี่ดูขมุกขมัว ไม่เหมือนที่ดาวของข้าตอบพร้อมยิ้มให้ แล้วจึงชวนคุยต่อว่า แต่พวกเจ้าไม่เคยไปที่ออฟีอุสนี่นะ ที่นั่นอากาศจะปลอดโปร่งกว่าที่นี่มาก เนื่องจากเราเคยมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน เราจึงค้นคว้าหาพลังงานอื่นมาทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ

     

                แล้วพลังงานนั่น สามารถนำมาใช้ที่โลกได้หรือไม่ล่ะพะยะค่ะเฟทถามต่ออย่างสนใจ

     

                ถ้าเจ้ายังพูดกับเราอย่างงั้น เราจะไม่คุยกับพวกเจ้าอีกนะเอลเซ่ขู่

     

                โธ่ ถ้ากระหม่อมไม่พูด ท่านพ่อของกระหม่อมต้องลงโทษกระหม่อมกับน้องแน่ๆ

     

                ไม่เป็นไร บอกไปว่าข้าสั่ง เรียกข้าสั้นๆว่าเอลก็ได้ ข้าอยากมีน้องมานานแล้ว

     

                งั้นข้าเรียกท่านว่าพี่เอลแล้วกันนะ แล้วพี่เอลก็เรียกข้าว่าเฟทเฟทหันมาตอบกลับอย่างรวดเร็วตามนิสัยเข้ากับคนง่าย

     

                แล้วพี่ล่ะ จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอเอลหันไปถามอัลฟอนท์ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ

     

                อัลฟอนท์เงียบอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า เรียกข้าว่าอัล

     

                พี่อัลพูดไม่เก่งอย่างนี้แหละ ทำให้ข้าเป็นคนพูดมาก เนื่องจากไม่มีคนคอยแย่งพูด เอลล้อพี่ชาย แล้วหันไปคุยกับเฟทและโฮบต่อ

     

                พลังงานที่ข้ากล่าวถึง ที่โลกคงใช้ไม่ได้หรอก เนื่องจากธาตุที่ว่ามันแข็งมาก ต้องใช้พลังงานปริมาณมากในการเปลี่ยนรูปแบบพลังงาน ที่ออฟีอุส เราต้องใช้กลุ่มคนที่มีพลังภายในคล้ายที่เรามีประมาณ10คนในการสกัดพลังงาน เพราะพวกนั้นมีพลังด้อยกว่าพวกเชื้อพระวงศ์อย่างเรา ถ้าเป็นพวกเราแค่ 1-2คนก็พอ

     

                พวกเฟทเดินทางมาถึงร้านอาหารพอดี หลังเอลพูดจบ ต่างคนจึงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วไปทานข้าวกันอย่างสนุกสนาน เอลและเฟทแทบจะเป็นคนคุยตลอด ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยมีโฮบ,ครูสและอารอนคอยร่วมด้วยเป็นครั้งคราว ส่วนอัลกลายเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด ได้แต่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ  เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ครูสจึงเสนอให้ทุกคนพักผ่อน ก่อนจะมาวางแผนวันต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×