ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัตว์มหัศจรรย์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #5 : งูบาซิลิสก์-Basilisk

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 49


    Basilisk

     เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยรู้จักเจ้างูที่ชื่อบาซิลิกส์ที่อยู่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 2 The Secret of Chamber มาบ้างแล้ว  ในหนังเจ้างูตัวนี้ถูกขังอยู่ในห้องลับของโรงเรียนฮอกวอตและยังเป็นทาสรับใช้ลอร์ดเวอร์เดอมอร์ตซึ่งเป็นทายาทคนสุดท้ายของซัลลาซ่าร์  สลิธีรีนอีกด้วย  

    แน่นอนว่าความรู้พื้นฐานที่เราได้รับจากเรื่อง harry คือ  มันเป็นงูที่มีลำตัวขนาดใหญ่  หากจ้องมองใครก็ทำให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย   และนั่นก็เป็นการจุดประกายความคิด la plume ว่าไอ้เจ้าบาซิลิสก์เนี่ยเป็นสิ่งที่ เจ.เค. เขียนขึ้นมาจากจินตนาการของตัวเองหรือว่านำสัตว์ชนิดนี้มาจากสัตว์ในตำนานเหมือนกับ พวกยูนิคอร์น หรือ ฮิปโปกริฟหรือไม่   ซึ่งคำตอบที่ได้ก็จะอยู่ถัดจากนี้ไปล่ะ.............

    งูบาซิลิสก์ (basilisk) มีที่มาจากคำในภาษากรีกว่า "basileus" ซึ่งมีความหมายว่า "ราชา"   การที่มันได้รับชื่อแบบนี้ก็เพราะมันเป็นเจ้าแห่งอสรพิษ  และยังเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก  นอกจากนี้  ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ อีกว่า C ockatrix (ค็อกเคทริกซ์)  หรือ C ockatrice (ค็อกเคทริส)  เชื่อกันว่ามันมีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนเหนือของทะเลทรายในแอฟริกา  หรือแถบแคว้น Cyrenaica (ซีรีไนก้า)


    รูปร่างหน้าตา

    บาซิลิสก์มีลักษณะที่แปลกคือ  มีหัวเหมือนไก่   ลำตัวเป็นนก  ปีกเป็นปีกแบบนก  แต่บางที่ก็บอกว่ามันมีปีกเหมือนค้างคาว   นอกจากนี้ก็ยังมีหางและลิ้นเหมือนงู    ลำตัวมีสีเหลือง  บ้างก็ว่ามีสีออกดำ   มีรอยด่างสีขาวปรากฏอยู่บนหัวคล้ายๆ มงกุฎหรือมาลาครอบหัว   แต่บางทีก็ว่ามีหนามแหลมบนหัว 3 อันซึ่งแลดูคล้ายมงกุฎ (ในเรื่องแฮรี่น่าจะเป็นแบบหนามแหลมเนี่ยแหละ)   

    แต่งูตัวนี้ก็แปลกกว่างูอื่นทั่วไป  เพราะมันจะไม่ขดตัวเป็นวงๆ หรืองอตัวไปมา  แต่จะเลี้อยตรงไปข้างหน้า  แล้วก็ชูลำตัวได้สูงเหมือนลักษณะการชูคอของงูเห่า

    นอกจากนี้บาซิลิสก์ยังแบ่งออกได้เป็นอีก 3 ประเภท คือ

    1.  บาซิลิสก์สีทอง (Golden Basilisk)    เป็นชนิดที่หากใครสบตากับมันได้ไปเฝ้ายมบาลทันที

    2. บาซิลิสก์ดวงตามรณะ (Evil-eye Basilisk) เป็นบาซิลิสก์ที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตด้วยการเบิกเนตรหรือตาดวงที่ 3 ที่อยู่บนหัวสีทองของมัน

    3. บาซิลิสก์เลือด (Sanguineness Basilisk) จะฆ่าเหยื่อโดยการใช้เงี่ยงแหลมๆ บนตัวทิ่มแทงเหยื่อให้ทะลุจนถึงกระดูกของเหยื่อ  จนกว่าเหยื่อจะตาย


    พลังทำลายของบาซิลิสก์

    เชื่อกันว่าหากใครได้สบตากับงูชนิดนี้จะทำให้ตายได้ในทันที   ซึ่งมันสามารถฆ่าเหยื่อได้จากระยะไกลทั้งจากการใช้พิษและการจ้องมอง   เคยมีเรื่องเล่าว่าเคยมีคนคิดจะฆ่ามันด้วยการซัดหอกจากบนหลังม้า  แต่มันก็สามารถส่งพิษให้ซึมทะลุอาวุธชนิดนั้นที่กำลังซัดเข้าหามัน   และพิษก็พุ่งตรงเข้าไปหาเจ้าของหอก  ปรากฎว่าตายทั้งคนทั้งม้า  ส่วนหอกก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าไป

    แม้กระทั่งลมหายใจของมันก็เป็นพิษ   ไม่ว่าต้นไม้ใบหญ้าที่ได้สัมผัสไอพิษจากลมหายใจของสัตว์ชนิดนี้จะกลายเป็นหินและทรายไปในพริบตา   จนว่ากันว่าถิ่นกำเนิดที่เป็นทะเลทรายที่มันอาศัยอยู่นั้นเป็นเพราะได้รับไอพิษของมันจึงทำให้ทุกสิ่งที่มันสำผัสกลายเป็นทรายไปไม่พ้นแม้กระทั่งผืนแผ่นดิน

    นอกจากนี้แล้วเสียงขู่ฟ่อๆ ของงูบาซิลิสก์ยังสามารถทำให้งูตัวอื่นต่อสู้ได้ด้วย


    การถือกำเนิดของบาซิลิสก์

    ในสมัยตอนต้นของปีคริสศักราช   ผู้คนที่เดินทางผ่านทะเลทรายทางตอนเหนือของแอฟริกาก็ได้พบกับบาซิลิสก์ที่ที่มีรูปร่างประหลาด  คือหัวของมันที่ควรจะเป็นงูกลับกลายเป็นลักษณะของไก่ตัวผู้  ซึ่งต่อมาเรียกว่า 'Basil cock' แล้วก็เพี้ยนมาเป็น 'C okatrice' หรือ 'C okatrix' นั่นเอง

    เรื่องราวการเกิดของงูบาซิลิสก์นี้มีเรื่องเล่าว่ามันเกิดจาก  ไก่ตัวผู้ที่มีอายุ 7 ปีออกไข่ไว้บนกองปฏิกูลในวันที่กลุ่มดาวซิริอัส (Sirius) หรือกลุ่มดาวหมาใหญ่ (Dog Star) ขึ้นสู่ท้องฟ้า  โดยไข่ใบนี้มีลักษณ์เป็นทรงกลม  ไม่มีไข่แดง   แล้วก็กกไข่โดยคางคก   


    ประโยชน์ของบาซิลิก์

    ทุกท่านคงจะสงสัย  ก็ไหนว่างูชนิดนี้มีพิษร้ายกาจไงแล้วจะมีประโยชน์ได้อย่างไร  แต่มันก็มีประโยชน์จริงๆ นะ  แต่ต้องรอให้มันตายเสียก่อน   ซึ่งเล่ากันว่าซากของบาซิลิสก์ที่ตายแล้วก็จะนำไปแขวนไว้ในวิหารของเทพ Apollo (อพอลโล คือ เทพแห่งดวงอาทิตย์)  และ เทพี Diana (ไดอาน่า คือ เทพแห่งดวงจันทร์)  เพื่อไล่พวกนกนางแอ่นที่จะมาทำรัง  แล้วก็ไล่พวกแมงมุมด้วย  เพราะถึงจะเป็นแค่ซากแมงมุมก็ยังกลัวสัตว์ชนิดนี้อยู่มากทีเดียว

    นอกจากนี้พวกนักเล่นแร่แปรธาติในสมัยเรเนสซอง (Renaissance) ยังให้ความสนใจเจ้างูชนิดนี้ไม่น้อย  เพราะว่ากันว่าเถ้ากระดูกที่เป็นสีเงินของงูบาซิลิสก์  สามารถทำวัตถุที่เป็นโลหะให้กลับกลายเป็นทองคำได้


    การแทนสัญลักษณ์กับบาซิลิสก์

    ในสมัยช่วงต้นๆ ของศาสนาคริสต์  เชื่อว่าบาซิลิสก์คือสัญลักษณ์ ของสิ่งที่เป็นบาป  และการตัดสินชีวิต

    นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องราวของบาซิลิสก์เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาณาจักร ซาลามานเดอร์(Faboulous Salamander) อีกด้วย  ซึ่งบาซิลิสก์เป็นสิ่งที่แสดงถึงความหวาดกลัวของผู้คน   ไฟของมันมีอำนาจแห่งการทำลายล้าง  และสามารถแปรสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นโลหะ  นอกจากนี้ก็บาซิลิสก์ยังสื่อความหมายในด้าน  ยาอายุวัฒนะ  ศิลาอาถรรพ์  ความทรงพลังและภัยพิบัติ   การแปรสิ่งของในเป็นทองคำ  และชีวิตอันเป็นอมตะ   ซึ่งในสมัยเรอเนสซองส์   ชาวคริสเตียนได้พบข้อความใน Old Testament (หรือบัญญัติ 10 ประการของโมเสสนั่นแหละ)  ว่าบาซิลิสก์คือสัญลักษ์แห่งความชั่วร้ายและปีศาจ


    จุดอ่อนของบาซิลิสก์

    จุดอ่อนของบาซิลิสก์ก็คือเสียงไก่ขัน   พวกฝรั่งเขาบอกว่าถ้ามันได้ยินเสียงไก่(ตัวผู้) ขันเมื่อไหร่รับรองขาดใจตายเมื่อนั้น (บทจะตายง่ายก็ง่ายจริงๆ)

    อย่างที่สองให้พกกระจกไว้   เชื่อกันว่าหากเราหยิบกระจกเพื่อสะท้อนการมองกลับของงู  ผลที่ส่งมาจะย้อนกลับเข้าตัวมัน  แล้วมันก็จะซี้ม่องเท่งทันที!

    และสุดท้ายคือตัว weasel  ตัววีเซิลนี่หน้าตามันคล้ายๆ ตัวนาก (สามารถดูรูปตัววีเซิลได้ในแกลเลอรี่ภาพประกอบสัตว์มหัศจรรย์ ที่ my id ของ la plume ค่ะ) เขาบอกว่าไอ้เจ้าตัววีเซิ่ลมีภูมิต้านทานพลังสายตาของบาซิลิสก์    แล้วก็ไม่กลัวเจ้างูชนิดนี้ด้วย  มันจะตรงเข้ากัดบาซิลิสก์ชนิดไม่ปล่อย  จนกว่าบาซิลิสก์จะขาดใจตาย   หากเจ้าตัววีเซิ่ลถูกบาซิลิสก์ขบกัดเข้า  มันก็จะกินพืชที่ชื่อว่า rue (เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง) เพื่อรักษาตัวเอง   ซึ่งมีความเชื่อนี่คือพืชชนิดเดียวที่บาซิลิสก์ไม่สามารถทำให้เหี่ยวเฉาด้วพลังของมันได้  

    และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของราชาแห่งอสรพิษ  ที่มีชื่อว่าบาซิลิสก์  แต่ยังไม่หมดเท่านี้นะ  ยังมีเรื่องประหลาดๆ ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องนึงที่บังเอิญไปเจอเวบไซต์เกี่ยวกับต้นไม้เข้ามัน (<a href="http://www.killerplants.com/whats-in-a-name/20030711.asp">http://www.killerplants.com/whats-in-a-name/20030711.asp</a>) เป็นเรื่องของต้นกระเพรา........

    ต้นกระเพราะ หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Basil  เป็นพืชที่ชาวกรีกโบราณเรียกว่า 'okimon' เป็นพืชที่มีความหมายแห่งความเกลียดชัง  โชคร้าย  และความทุกขเวทนา   แต่ในช่วงปลายยุคอารยธรรมของอาณากรโรมัน  ต้นไม้ชนิดนี้ถูกเรียกใหม่ว่า basilicum (บาซิลิคัม) หรือ regula (เรกูล่า)  ซึ่งมีความหมายว่า "ราชา" หรือ "ราชวงศ์"

      ในช่วงยุคกลาง  ต้นกระเพราหรือ basil นี้ก็ถูกโยงให้ไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ในตำนาน


    ของกรีกชนิดหนึ่งนั่นก็คืองูบาซิลิสก์นั่นเอง   เชื่อกันว่า basil สามารถรักษาบาดแผลที่เกิดจากเงี่ยงหรือคมเขี้ยวที่อาบพิษร้ายแรงของงูบาซิลิสก์ได้   เรื่องการใช้กระเพรารักษาแผลนี้บังเอิ้ญ  บังเอิญเป็นความโชคดีที่ได้มาจากผู้หญิง  เพราะ basil ในยุคนั้นถือเป็นเครื่องลางแห่งความรัก   หากชายใดยอมรับกิ่งกระเพราหรือ basil จากหญิงสาว  ถือว่าเป็นการรับรักแสดงว่าเขาจะรักเธอตลอดไป

    แล้วเรื่องของบาซิลิสก์ก็มีอยู่เพียงเท่านี้แหละค่ะ   แปลกดีให้ต้นกระเพราแสดงว่าเขารับรักเราตอบ   บ้านเรากินผัดกระเพราเป็นอาหารหลัก  ho ho ho  มิเป็นการบอกรักไปทั่วหรือ  555555555   เก๋ดีนะใกล้วันวาเลนไทน์แล้วด้วย  ให้กิ่งกระเพราสื่อรัก  อาจจะเวิร์คกว่าดอกกุหลาบก็ได้นะ   เพราะดอกกุหลาบมันแพง  แต่กระเพราะถูกกว่าแถมเอาไปฝากคนที่บ้านให้ผัดกินได้อีกด้วย อิอิ


    สามารถแวะเข้าไปดูรูปทั้งค็อกเคทริกส์ และ งูบาซิลิสก์ในแกเลอร์รี่ภาพประกอบสัตว์มหัศจรรย์ที่ my id  ของ la plume ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×