ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจภาคิน (love sonata)

    ลำดับตอนที่ #1 : การกลับมา

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 53


               ปุยเมฆขาวขุ่นกลุ่มน้อยใหญ่เกาะตัวรายล้อม“นกยักษ์” ที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารกว่า 50 ชีวิต แสงแดดอ่อนๆสาดส่องผ่านกลุ่มเมฆเหล่านั้น กระทบแผ่นกระจกวาวใส ที่กั้นบรรยากาศชั้น”สวรรค์” กับพื้นที่ที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอยู่ และควรจะอยู่ อากาศภายนอกจะเป็นเช่นไรไม่อาจรู้ได้ แต่อากาศภายใน”เจ้านกยักษ์”ตัวโตนี้ หนาวเย็นจนเจ้าของเรือนกายบอบบางต้องกระชับผ้าห่มผืนบางเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
                    “หนาวเหรอคะ คุณหนู” เสียงสตรีวัยกลางคน ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบดึงสติที่ล่องลอยไปไกลของคนข้างตัวกลับคืนมา ถึงแม้เสียงนั้นจะมิได้หวานใสเหมือนเฉกเช่นเสียงของหญิงสาววัยแรกรุ่น เพราะด้วยวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิต แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความห่วงใย
                    “นิดหน่อยค่ะ” สาวน้อยวัยแรกรุ่นเอื่อนเอ่ย ในขณะที่กายยังสั่นไหวด้วยไอหนาว พลางเอื้อมกอดร่างอวบของสตรีสูงวัยข้างกาย
                    “แต่ได้กอดแม่อิ่มไว้อย่างนี้ หนาวกว่านี้ แก้มก็ไม่หวั่น” หล่อนพูดอย่างเอาใจ ระบายยิ้มอยู่บนใบหน้าเรียว
                    “ทำเป็นพูดไปเถอะคะ เดี๋ยวพอเจอคุณป๋ากับคุณแม่ คุณหนูก็ลืมแม่อิ่มคนนี้แล้ว”แม่อิ่มแกล้งน้อยใจ แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้มิใช่ลูกก็เหมือนลูก มิใช่ญาติก็เหมือนญาติ
                    “โธ่ ! แก้มจะลืมแม่อิ่มของแก้มได้ยังไงกัน แม่อิ่มของแก้มออกจะน่ารัก ถ้าไม่รักแม่อิ่มแล้ว แก้มจะไปรักใครได้”หญิงสาวต่างวัยกอดกันกลม จนลืมความหนาวเย็นของมวลอากาศรอบกาย สำหรับตัวดาริกาเองแล้วหญิงสาวในอ้อมกอดก็เปรียบเสมือนมารดาอีกคนของหล่อน แม้จะจู้จี่ เจ้าระเบียบ และเข้มงวดกับหล่อนเสียจนทำให้หล่อนผิดเผกแตกต่างจากบรรดาเพื่อนฝูงที่เติมโตมาด้วยกันในต่างแดน ก็หาได้ทำให้หล่อนรู้สึกเบื่อหน่าย รำคาญหญิงสาวข้างกายไปได้ เพราะสุดท้ายกับแม่นมของเธอคนนี้ เธอก็จะได้อย่างที่ต้องการเสมอไป
     
                    “ลูกกลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานตะโกนลั่น ทันทีที่เท้าแตะกับพื้นดินบริเวณบ้าน หล่อนก็รีบพาร่างบอบบางของหล่อนวิ่งเข้าไปหาชายหญิงผู้ที่หล่อนเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกคืนวัน ผู้ที่ให้ชีวิตและเป็นเหมือนชีวิตของหล่อน
                    “คุณแก้ม!”   หญิงสูงวัยอุทานด้วยความตกใจ ระคนดีใจที่ได้พบกับผู้ที่เป็นดวงใจของไร้แห่งนี้อีกครั้ง
            “ป้าทอง” หญิงสาวเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปสวมกอดหญิงสูงวัยที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
            “คุณหนูของป้า คุณหนูของป้าจริงๆด้วย” นางกล่าวเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอด้วยความดีใจ
           “เดี๋ยวนี้ ป้าทองขี้แยแทนแก้มแล้วเหรอจ๊ะ” 
           “คุณแก้มก็ ก็คนมันดีใจนิคะ” ป้าทองอดค้อน นายน้อยของหล่อนไม่ได้
           “ว่าแต่ป๋ากับแม่ไปไหนจ๊ะ แก้มยังไม่เห็นเลย”
           “พ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงไปงานแต่งลูกสาวนายอำเภอในตัวเมืองค่ะ เดี๋ยวค่ำๆคงจะกลับ ทำไมจะกลับมาไม่โทรมาบอกที่บ้านก่อนเลยละคะ จะได้ให้คนไปรับ นี้กลับมายังไงคะเนี่ย เหนื่อยไหมคะ ทูนหัวของป้า ” สารพัดคำถามที่หญิงวัยกลางคนพ่นออกมาเป็นชุด จนหล่อนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
           “ยายทอง พาคุณหนูไปพักก่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆเดี๋ยวเธอจะล้มป่วยเอาง่ายๆ” แม่นิ่มเอ่ยหลังจากตรวจเช็คของขึ้นจากรถ แม้ตอนนี้คุณหนูของหล่อนจะไม่ใช่เด็กน้อยขี้โรคเหมือนตอนเด็กๆอีกแล้ว แต่หล่อนก็มิวายอดห่วงไม่ได้
         “ไปนอนก่อนเถอะคะคุณหนู เดี๋ยวป้าจะไปจัดห้องให้” แม่อิ่มกล่าว ก่อนที่จะหันไปสาละวนกับบรรดาข้าวของที่ขนมา
         “แม่อิ่มไปพักก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวตื่นแล้วค่อยมาจัดก็ได้ ของแก้มไม่ได้จะละลายหายไปกับอากาศเสียเมื่อไหร่” หล่อนกล่าว ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เนี่ยแหละมั้งที่เป็นเสน่ห์ของสาวน้อยผู้เป็นนาย แม้จะซุกซน และดื้อรันในบางที แต่ก็ใส่ใจเป็นห่วงเป็นใยคนรอบกายอยู่เสมอ
     
        “ทำอะไรน่ะ” เสียงหวานใสไม่คุ้นหู ที่ดูเหมือนเจ้าของเสียงจะขัดใจอะไรบางอย่างเอ่ยขึ้น ขณะที่เจ้าตัวกำลังย่างก้าวลงมาจากบันได
         ภาพที่ปรากฏในสายตาหล่อนตอนนี้คือ ชายหนุ่มผิวสีแทนกร้านแดด ผู้เป็นเจ้าของเรือนกายบึกบึน ซึ่งถูกปกปิดด้วย เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงคร่ำครึ ที่ดูเหมือนมันใกล้จะหมดอายุการใช้งานเต็มทีแล้ว และเสื้อกล้ามสีขาวหม่น ใบหน้าและแผ่นหลังกว้างของเขาเปียกชุมไปด้วย เหงื่อจากการตราตรำงาน
        คนถูกถามเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็หันกลับมาก้มหน้าก้มตาสาละวนอยู่กับกองกระเป๋า โดยที่มิได้ให้ความสนใจแก่หญิงสาวผู้มาใหม่ ท่าทีเฉยชา ราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรของชายหนุ่ม “ผู้ไม่น่าไว้วางใจ”เรียกให้โทสะในใจของหญิงสาวประทุขึ้น
        “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ” เสียงหวานตวาดสูงขึ้น ตามอารมณ์กรุ่นของผู้ถาม
       “ได้ยินครับ” เขาตอบน้ำเสียงเรียบเสมอต้นเสมอปลาย มิได้มีความยินดียินร้ายกับอารมณ์ของคู่สนทนา
       “พูดได้นิ แล้วทำไมตอนแรกฉันถามถึงไม่ยอมตอบ” หล่อนเดินมาเท้าสะเอว ยืนจังก้าหน้าชายหนุ่มผู้แต่งตัวซอมซ่อ และอวดดีอย่างที่หล่อนไม่เคยพบ
       “ผมคิดว่าคุณเองน่าจะเห็นอยู่แล้วว่าผมกำลังทำอะไรอยู่” เขาตอบโดยไม่มิได้หันหลังกลับมา น้ำเสียงที่ดูราบเรียบเป็นปกติ มิได้มีแววยินดียินร้ายนั้นช่างขัดอารมณ์ของคู่สนทนาอย่างหล่อนยิ่งนัก
      “เอ๊ะ! นี่นาย ” เสียงสูงตวาดลั่น พร้อมเดินเข้าไปขวาง
      “นายเป็นใคร ทำไมถึงกล้าพูดจาแบบนี้ใส่ฉัน” 
      “ผมชื่อดิน ครับ” ดิน หญิงสาวครางชื่อชายหนุ่มเบาๆ รู้สึกคุ้นๆกับชื่อของเขา
      “มีหน้าที่อะไรในไร่นี้” หล่อนถามต่อ จ้องมองเขาด้วยสายตาดุๆ
      “คนงาน”
      “ฮึ! ชื่อดิน เป็นคนงาน…สมตัวนิ” หล่อนไล่มองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปรายเท้า ก่อนจะเบ้ปากอย่างดูถูก
      “จะเอากระเป๋าของฉันไปไหน”
      “ของคุณ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง มองดูกระเป๋าสลับกับใบหน้าของหล่อน
      “ของแม่นมฉัน” หญิงสาวเอ่ยอย่างขัดใจ ชายหนุ่มมองสำรวจหญิงสาวอย่างโจ่งแจ้ง
      “มองอะไร?”
      “ดูยังไงก็ไม่ใช่เด็ก”
      “แล้วยังไง”
              “แหม ก็ไม่นึกว่าคุณหนูของไร่นียานนต์จะเป็นเด็กไม่รู้จักโต ต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา” เขาต่อล้อต่อเถียงกับหล่อนอย่างนึกสนุก
             “นี่! นายกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ฮะ ฉันจะฟ้องป๋า” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เดินถือกระเป๋าก้าวยาวๆตั้งท่าจะออกไป
              เสียงยื้อยุดฉุดกระชากของเด็กสาวกับคนงานหนุ่มดังลั่นบ้านจน แม่อิ่ม เจ้าของกระเป๋าต้องเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น



    ment + vote เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  

    ขอบคุณค่ะ :)))
                   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×