คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ++วันสอบเข้า++
“เอเลนอร์ ไนท์ คุณเธอจะนอนไปถึงไหน วันนี้วันสอบแล้วนะ จะไม่ตื่นงั้นเหรอ เดี๋ยวเถอะ” เควินตะโกนใส่หูเอเลนอร์ พร้อมฟาดหมอนข้างลงไปกลางลำตัวน้องสาวเบาๆ
“เออๆ ตื่นแล้วๆ ว่าแต่เคฟ เมื่อวานนี้กลับสายผิดปกตินะ ว่าไงไปไหนมาหรอ” เอเลนอร์กลั้นยิ้มแล้วหนีหมอนใบโตเข้าห้องน้ำ เควินนั่งลงบนเตียงเอเลนอร์ แล้วอมยิ้มคนเดียว เรื่องนั้นไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้ต้องช่วยเอมันสอบเข้าให้ได้ก่อน - -
เอเลนอร์เดินลงชั้นล่าง เธอใส่เสื้อแขนกุดสีดำ กับกางเกงขายาวสีดำแล้วใส่รองเท้าบู๊ตทับ วันนี้เป็นวันสอบแล้วต้องแต่งตัวให้ขยับง่ายๆไว้ก่อน “เคฟแจ็กเก็ตหนังฉันไปไหนแล้วอ่า ในตู้ไม่มีเลย” เธอตะโกนถามพี่ชายเธอที่นั่งกินอาหารเช้าอยู่
“เอ้า ก็เอเอาออกมาเองไม่ใช่หรอเมื่อคืนน่ะ” เควินว่าแล้วตักเอาอาหารเช้าคำโตเข้าปาก เอเลนอร์ทำตาโตก่อนยิ้มแหยๆให้พี่ชายแล้ววิ่งกลับขึ้นไปเอาแจ็กเก็ตเธอที่แขวนไว้กับพนักพิงเก้าอี้ เฮ้อ วันนี้ก็สอบแล้วสินะ ตื่นเต้นชะมัดเลย เอเลนอร์คิด
หลังจากลงไปข้างล่างแล้ว เอเลนอร์ดื่มนมเพียงแก้วเดียวก่อนเดินออกจากบ้าน เควินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ยามเช้าที่ลงข่าวเกี่ยวกับการตายของมาดามโรเซร่า
ผ่าง!! ประตูเหวี่ยงเปิดมาใหม่ “โทษทีเคฟ ฉันลืมพี่” เอเลนอร์เดินเข้ามาใหม่ เควินเองก็กระตุกมุมปากขึ้นก่อนหยิบโค๊ตแล้วเดินออกจากบ้านโดยมีเอเลนอร์ตามไปติดๆ “เอ้าอ่านซะ” เค้าปาหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่ไปข้างหลัง เอเลนอร์กระโดดรับหนังสือพิมพ์ก่อนดูรูปที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวหน้าหนึ่ง
“ราชทายาทอันดับที่ 12 ของเจโนว่า ล้มตายกลางงานฉลองของเธอเอง” เอเลนอร์อ่านพาดหัวข่าวออก มาดังๆ “ไม่เลวหนิ” เควินว่า เอเลนอร์ยักคิ้วเฉยๆเท่านั้น ตอนนี้เธอรู้สึกเบื่อและล้าเกินกว่าจะพูดอะไร ไหนจะสอบวันนี้แล้ว จิตใจเธอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย...
“ฉันส่งเธอได้แค่ท่าเรือนะเอ” เควินว่า ตอนนี้เค้าและเอเลนอร์ได้ขึ้นมานั่งรถเมล์สาย 32 ที่ตรงจากหน้าปากซอยบ้านเค้าไปถึงท่าเรือ เอเลนอร์นั่งอยู่ริมหน้าต่างและเอาหัวพิงหน้าต่างรถ ตอนนี้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเลย สอบวันนี้แล้วสินะ เธอคิดในใจ เข้าเกรโนเบลได้หรือไม่นั้นเป็นจุดใหญ่น่าดูเลย ถ้างานล่มตั้งแต่เริ่มพ่อต้องด่าตายแน่ๆเลยอ่ะ โอ้ย ทำไงดีเนี่ย
เควินนั่งเงียบอยู่ข้างๆน้องสาวมาเกือบๆจะ 1 ชั่วโมงแล้ว เอเลนอร์ยังคงมองออกนอกหน้าต่างอยู่โดยไม่พูดอะไรซักคำ
“ถึงแล้วนะเอ” เค้าสะกิดไหล่เอเลนอร์เบาๆ เอเลนอร์ลุกขึ้นแล้วหยิบเป้ที่เธอเอามาด้วยขึ้นมาสะพาย เธอยิงฟันให้เควินแล้วเดินลงรถเมล์ไป เควินเองก็เดินตามเธอไปติดๆ “ฮื่อ เรือกว่าจะออกอีก 20 นาทีอ่ะ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนละกัน” เควินว่า
“ขอบใจเคฟ แต่เดี๋ยวพี่ก็ตกรถหรอก คันที่จะกลับบ้านมันจะออกแล้วนะ” เอเลนอร์เลิกคิ้ว “พี่กลับเหอะ ฉันจัดการเองได้หน่า” เธอยิ้มแล้วสวมกอดพี่ชาย “โชคดีนะยัยตัวเล็ก” เควินตบหลังน้องสาวเบาๆก่อนทั้งสองจะผละออกจากกัน
“อ่ะ อันนี้แมทฝากมาให้” เควินยื่นลูกบอลสีขาวลูกเท่าลูกเทนนิสให้เอเลนอร์ก่อนวิ่งขึ้นรถเมล์แล้วโบกมือลาน้องสาวของเค้า
เอเลนอร์รอดูจนรถหายลับไปตามทางเลี้ยวก่อนเธอจะเดินไปซื้อบัตรขึ้นเรือ วันนี้ท่าเรือพลุกพล่านเป็นพิเศษ เพราะการสอบข้าวของโรงเรียนเอเธน่า เกรโนเบล ไม่ว่าทางไหนก็มีคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเอเลนอร์เต็มไปหมด
“หลีกไป” เสียงเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อเอเลนอร์หลบทางให้เธอก็สังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวด้วยชุดแต่งกายที่ดูหรูหรา ผมของเธอเป็นสีดำขลับยาวสลวย และนัยตาคมกริบของเธอเป็นสีเขียวมรกต ด้านหลังของเธอมีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินตามอยุ่ และถือข้าวของต่างๆมากมายในมือ ไม่ว่าจะเป็นของกิน หรือกระเป๋าเสื้อผ้าต่างๆ
น่าหมั่นไส้ชะมัดเลย คิดว่าตัวเองโก้ตัวเองหรูแล้วจะสั่งคนอื่นไปทั่วได้หรือยังไง มารยาทต่ำจิงๆเลย แต่เอเลนอร์ก็คิดในใจเพียงเท่านั้นไม่ได้เอ่ยออกมา เพราะปกติเอเลนอร์เองก็ไม่ชอบมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว
อีกสองนาทีเรือก็จะออกแล้ว เสียงหวูดเรือลำใหญ่ลั่นไปทั่วท่าเรือ เอเลนอร์ลุกขึ้นจากม้านั่งที่เธอนั่งสำ รวจไอ้ลูกกลมๆที่แมทให้มาเกือบๆจะยี่สิบนาที แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจเสียทีว่าไอ้สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่ หรือจะเป็นลูกบอลธรรมดา...? คงไม่หรอก
“บัตรค่ะ” พนักงานคนนึงที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือถามเอเลนอร์ เอเลนอร์ยื่นบัตรให้เธอดูก่อนจะเดินขึ้นเรือไป ด้านในเรือมีห้องอยู่นับร้อย ห้องๆหนึ่งจะนั่งได้ 6 คน
หลังจากเดินไปเดินมาเอเลนอร์ก็เจอห้องว่างห้องนึง เธอไม่ค่อยอยากจะนั่งกับใครมากนัก จึงเดินหาห้องว่างอยู่ตั้งนาน เธอหย่อนเป้ไว้ข้างๆแล้วนั่งลงหมุนลูกบอลในมือเล่น
“ขอโทษนะครับมีคนนั่งไหมครับ” ผู้ชายผมแดงคนนึงถามเธอ เอเลนอร์เงยหน้าขึ้นมองเค้าแล้วพยักหน้า “เชิญค่ะ” จิงๆแล้วเธออยากนั่งคนเดียวเงียบๆมากกว่า แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอก มั้ง ผู้ชายคนนั้นมีดาบอันใหญ่พกมาด้วยเค้าใส่รองเท้าบู๊ตเดินป่า และที่เข็มขัดกางเกงเค้าก็มีมีดพกเป็นสิบเสียบไว้
ด้านหลังผู้ชายคนนั้นมีผู้หญิงสองคนเดินตามเค้าเข้ามา เธอยิ้มให้เอเลนอร์แล้วคนนึงก็นั่งลงข้างๆเอเล นอร์ “หวัดดีจ๊ะ ฉันเอพริลนะ นี่เบลซ และนั่นมาริชก้า” ผู้หญิงคนนึงพูดขึ้น คนนี้เธอมีผมสีน้ำตาลอ่อนๆเป็นลอนใหญ่ๆ ตาเธอเป็นสีฟ้าดูใจดี แต่สำหรับเอเลนอร์แล้ว ดูอ่อนแอจังเลย อย่างนี้จะเข้าเกรโนเบลได้มั้ยเนี่ย ผู้ชายที่เข้ามาคนแรกชื่อว่าเบลซ ตามที่เอพริลแนะนำ ตาสีน้ำตาลเค้าดูอ่อนโยน ต่างกับร่างกายที่บึกบึนดูน่าเกรงขามส่วนมาริชก้า คงจะเป็นผู้หญิงอีกคน
ดูจากบุคลิกแล้วเธอต่างจากอีกสองคนเป็นอย่างมากเลย มาริชก้ามีผิวค่อนข้างขาว ผมเป็นสีดำขลับ มีไฮไลท์สีม่วงหน่อยๆ ตาของเธอเป็นสีน้ำเงิน แลดูเย็นชา “มองอะไร” เธอถามเอเลนอร์พลางตวัดหางตามามองเอเลนอร์
“นิสัยมาริชก้าก็ห้าวๆแบบนี้ละจ๊ะ อย่าไปถือเลย เธอล่ะชื่ออะไร” เอพริลว่า เอเลนอร์แสยะยิ้มให้มาริช ก้าซึ่งดูน่ากลัวมากกว่าจะเป็นรอยยิ้มธรรมดาที่คนยิ้มให้กัน “ฉันชื่อเอเลนอร์” เธอตอบไว้แค่นั้นก่อนก้มหน้าก้มตาเล่นลูกบอลต่อไป
“ฉันชอบเธอ เอเลนอร์” มาริชก้าพูดขึ้นมากะทันหัน แล้วกระตุกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง เสียงของเธอทุ้มต่ำ แต่น่าฟังอย่างประหลาด “เดี๋ยว เธอเป็นเลสเบี้ยนเหรอ(?)” เบลซทำตาโตแล้วละสายตาจากหน้าต่างมาจ้องหน้ามาริชก้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไปตายซะ เบลซ ฉันหมายถึงฉันชอบนิสัยเค้า มัน...ร้ายดี” มาริชก้ายักคิ้วให้เอเลนอร์“หึหึ เธอก็ใช่ย่อย... มาริชก้า” เอเลนอร์หัวเราะในลำคอ ((ต้องให้มันดูน่ากลัวหน่อย))
“นี่เอเลนอร์ ฉันอดถามไม่ได้อ่ะ เธอไม่พกอาวุธอะไรมาเลยหรอ” เบลซขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามเอเลนอร์ “หึ นายไม่รู้จักฉันดีพอเพราะ ฉัน...มีมากกว่าที่นายคิดเป็นพันเท่า” เอเลนอร์ว่า “เอาจิงหน่า” เบลซพูดอย่างไม่เชื่อ
“เหมือนฉันพูดเล่นงั้นหรอ” เอเลนอร์ยักคิ้ว เบลซยิ้มน้อยๆ มาริชก้าเองก้ยิ้ม ส่วนเอพริลมองทั้งสามสลับกันไปมาแล้วเกาหัว ฮ้า นี่ถ้ามาริชก้ากับเอเลนอร์ต้องมาแย่งเทอร์ควอ.ยซ์กันเอง คงน่าดูแย่เลย เธอคิด
ยัยคนนั้นไม่ธรรมดาแฮะ เอเลนอร์คิด ถ้าได้แข่งกันคงสนุกแย่เลย ฉับพลันที่เธอตวัดสายตาไปทางหน้าต่างตรงประตู ก็มีร่างๆนึงในเงามืดขยิบตาให้เธอแล้วหายไป “ใครน่ะ” มาริชก้าถาม เอเลนอร์เองไม่คิดว่าจะมีใครเห็นชายคนนั้นนอกจากเธออีกแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกัน” เอเลนอร์ตอบ แต่จิงๆแล้วเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร...
ความคิดเห็น