คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : งานสำคัญ
“ฉันชนะ...ค่ะ”สาวน้อยร่างบางเจ้าของเรือนผมสีทองกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแต่แฝงความพึงพอใจเอาไว้ ว่าแล้วก้วางไพ่ในมือลงบนโต๊ะ ชายวัยกลางคนสามคนที่นั่งล้อมเธออยู่นั้น ชะเง้อมองไพ่ที่ถูกวางลงบนโต๊ะ แล้วขว้างไพ่ทิ้งลงบนพื้นอย่างหัวเสีย นี่พวกเค้าเล่นมาหลายเกมแล้ว เธอคนนี้มีแต่ชนะกับชนะ
เด็กสาวยิ้มให้ตัวเองก่อนจะหยิบแหวนเพชรวงโตที่วางอยู่กลางโต๊ะมาสวมที่นิ้วชี้ข้างขวา และหมุนไปมาดูอย่างพอใจ “สวยดี” เธอกล่าวเรียบๆก่อนจะหยิบจี้ทองคำขาวลายมงกุฎที่ถูกประดับประดาไปด้วยเพชรสีฟ้า และรูบี้ขึ้นมา เธอมองดูอย่างสนใจเล็กน้อยก่อนโยนลงกระเป๋าเป้ และกวาดเหรียญทองหลายสิบเหรียญที่ถูกวางไว้บนโต๊ะลงเป้เช่นเดียวกัน
“อีกรอบ” ชายคนที่นั่งข้างซ้ายเธอกล่าวก่อนจะปานาฬิกาที่มีราคาไม่น้อยลงบนโต๊ะ ชายที่นั่งด้านขวาแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ถอดแหวนวางไว้บนโต๊ะเช่นกัน ดูเหมือนจะมีเพียงชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอคนเดียวเท่านั้นที่อารมณ์เย็นอยู่เค้าหยิบเข็มกลัดมุขออกมา มันเป็นรูปทรงกลมธรรมดา ล้อมด้วยเพชร แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่สำหรับสาวน้อยคนนี้มันดึงดูดใจมากทีเดียว
“ฉันชนะค่ะ” หลังจากเล่นไปได้ไม่กี่นาที ริมฝีปากสีแดงอิ่มก้เอ่ยออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบเข็มกลัดที่เล็งไว้ขึ้นมาดู แล้วเก็บลงกระเป๋า ก่อนหยิบนาฬิกาและแหวนขึ้นมา
“ชนะอีกแล้วอีเด็กนี่ โกง...โกงแน่ๆ” ชายคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความโมโห “ฉันไม่มีอะไรจะให้แกแล้ว นังเด็กบ้า” เด็กสาวไม่ได้พูดอะไรแต่นิ่งเงียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายไว้ “ฉันไม่ต้องการอะไรมากนักหรอก ก้แค่มาจัดการงานให้เสร็จๆ........”
ตึง! ตึง! ร่างของชายสองคนข้างเธอล้มลงเพียงชั่วพริบตา เธอแสยะยิ้มบางๆที่ดูไม่เหมาะกับใบหน้าขาวหมดจดของเธอเสียเลย แล้วเชยตาขึ้นมองชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอ สีหน้าเค้าไม่มีแววความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับที่ชายสองคนล้มตายลงตรงหน้าเป็นเรื่องปกติธรรมดายังไงยังนั้น
“ไม่เลวหนิยัยหนู” ชายคนนั้นเอ่ยพร้อมกับตบมือดังเปาะแปะ มุมปากขวาถูกขยับขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันมีงานให้เธอ ส่วนค่าเก็บสองคนนี้ดูเหมือนเธอจะชนะไปหมดแล้ว” ชายคนนั้นยื่นซองจดหมายให้หญิงสาว ก่อนจะหันหลัง “อ้อ บอกพ่อเธอว่าเอาเธอเท่านั้น” เค้ากล่าวก่อนประตูจะปิดพอดี
เธอเลิกคิ้ว บางทีไม่บอกคงจะดีกว่ามั้ง
“กลับมาแล้ว...” เอเลนอร์ ไนท์กล่าว ร่างเล็กนั้นเดินผ่านโถงใหญ่ของบ้านแล้วทิ้งดาบเงินสีเงินตัดฟ้าเป็นประกายยาวลงบนโต๊ะตรงสุดทางเดิน ก่อนจะเลี้ยวขวาเปิดประตูไม้บานใหญ่เข้าไปในห้องทำงานของบ้าน
“งานเป็นไงบ้าง” ดอรัส พ่อของถาม “ก้ดีค่ะ เค้าฝากงานใหม่มา” เอเลนอร์ตอบพร้อมถอดเข็มขัดที่เธอเก็บมีดสั้นของเธอออกมาแขวนเอาไว้ตรงหิ้ง แล้วยื่นซองจดหมายให้พ่อของเธอ
“พ่อว่าเค้าคงอยากให้แกทำแหละ งานชิ้นนี้... อาจต้องใช้เวลานานหน่อยเพราะเข้าถึงได้ยาก แต่คงไม่เกินความสามารถลูกหรอก” ผู้เป็นพ่อกล่าวสั้นๆแล้วยื่นซองจดหมายกลับไปให้ลูกสาวคนเล็ก “ให้เควินทำดีกว่ามั้งพ่อ พี่เค้าน่าจะทำได้ดีกว่าอ่ะ” เอเลนอร์ เสนอพลางหยิบเอกสารข้างในออกมาอ่านทีละแผ่น “ไม่ดีกว่ามั้งเควินแก่กว่าที่ต้องการคงไม่เหมาะ แล้วลูกค้าอยากให้ลูกทำด้วย” พ่อของเธอกล่าวทิ้งไว้ก่อนเดินไปเข้านอน
เอเลนอร์ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบเอกสารใบสมัครเข้าเรียนที่เอเธน่า เกรโนเบลขึ้นมาเซ็น แล้วกรอกประวัติต่างๆนานาลงไป กว่าจะเสร็จก้รุ่งเช้าพอดี เธอจึงหานมกินแล้วเอาใบสมัครไปเผาที่คบเพลิงไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุด เอเลนอร์ไม่ค่อยเข้าใจวิธีที่มันทำงานนักหรอก แต่พอรู้คร่าวๆว่าถ้าเอาจดหมายไปเผาตรงนั้นแล้ว น้ำหมึกที่ใช้ซึ่งปกติจะผสมเลือดนกวายุนั้นจะถูกเมมเอาไว้ แล้วไปโผล่ ณ ที่ๆต้องการ คบเพลิงนี้จะต่างจากคบเพลิงธรรม ดาก้ตรงที่ไฟมันเป็นสีเขียวมะนาวนั่นแหละ การที่คนที่มีพลังพิเศษแบบบ้านของเอเลนอร์จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดามันเลยจะต้องมีการแยกบ้าง เพื่อให้รุ้ว่าอะไรเป็นอะไร
ระหว่างทางกลับบ้านเอเลนอร์ก้แวะเข้าร้านของพี่ชายคนโตของเธอ แมทธิว เค้าเปิดร้านขายของเก่าอยู่ตรงหัวมุมถนนเอลป์ เอเลนอร์ผลักประตูกระจกใบใหญ่เข้าไป เกิดเสียงประตูดังแอ๊ดขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กระดิ่งที่ห้อยไว้ตรงหน้าประตูส่งเสียงบอกถึงการมีผู้มาเยือน
แมทธิวยื่นหัวออกมาดูจากหลังร้าน เมื่อพบว่าเป็นน้องสาวตนแมทธิวก้กวักมือเรียกเป็นเชิงให้เดินเข้าไปหลังร้าน เอเลนอร์ยิ้มที่มุมปากแล้ววิ่งเข้าไปหลังร้านทันที พลางกวาดสายตามองของที่พี่ชายเธอมีอยู่มากมายเงียบๆ “วันนี้เอาไรล่ะ” ผู้เป็นพี่ถามเรียบๆก่อนหยิบกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะทรงกลมตัวเก่าขึ้นมาจิบ
เอเลนอร์ถอนหายใจเบาๆแต่ไม่ยอมตอบอะไรเดินดูของต่อไปเรื่อยๆ “พ่อสั่งงานไรไว้เล่า ของที่ให้ไปก้เยอะแล้วไม่ใช่หรอฮะ” แมทธิวถามพลางเอามือศอกน้องตนเบาๆ
เอเลนอร์ทิ้งตัวลงนั่งบนหีบใส่ของใบเก่า ก่อนจะตอบเบาๆ “งานระยะยาวอ่ะ” แมทธิวกรอกตาก่อนนั่งลงข้างๆเอเลนอร์ “งานระยะยาวอะไรล่ะ เวลาตอบอ่ะให้มันเต็มประโยคหน่อยก้ได้นะ” ว่าแล้วสาวน้อยก้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“งานชิ้นต่อไป มี3ขั้น ขั้นที่หนึ่ง เข้าเรียนที่เอเธน่า เกรโนเบลให้ได้ ซึ่งใช่แล้วอย่างที่พี่รู้มีผู้สมัครนับพัน แต่เค้ารับเพียงแค่ร้อยคนเท่านั้น” เธอเน้นเสียงตรงนี้เล็กน้อย “โอ้ยแล้วอย่างฉันจะเข้าได้มั้ยเนี่ยยยยยยยพี่ ขั้นที่สอง ทำตัวสนิทสนมเข้าใกล้ทายาทคนต่อไปของวาเลเรีย ซึ่งฉันจะบอกว่าฉันยังไม่รู้เลยว่าเป็นใครคนไหนรูปก้ไม่ยอมส่งมาให้ พ่อบอกว่าเค้าคงปลอมตัวไป นักเรียนตั้งร้อยคนจะคนไหนยังไม่รู้เลย ขั้นสุดท้าย เจอแล้วก้ฆ่าทิ้งเสีย ตรงนี้อาจมีปัญหานิดนึง ตรงที่เค้าขึ้นชื่อว่าเป็นทายาท ฝีมือดาบคงต้องดีอยู่แล้วใช่ม้า ถ้าฉันจะใช้มีดสั้นแบบงานที่แล้ว ระดับนั้นก้ต้องหลบได้อ่าเด่ะ
แล้วฉันจะทำได้มั้ยเนี่ยฮ้า แค่ขั้นแรกยังไม่รู้เลยว่าทำได้รึป่าวอ่า ขั้นที่สองคงต้องหลายร้อยพันหมื่นแสนปีแน่กว่าจะเจอ ขั้นสุดท้ายฉันยังไม่เห็นทางเลย ฮือ ทำไงดีพี่ แมทช่วยฉันด้วย” เอเลนอร์บ่นยาวให้ฟังเต็มปากเต็มคำอย่างที่แมทธิวบ่นเอาไว้
“อืมม์ท่าทางจะยากแฮะยัยตัวเล็ก...ทำไมไม่ให้ไอ้เคฟทำล่ะ เกรโนเบลมันก้เรียนอยู่แล้ว ฆ่าไปแล้วคน นึง ไม่เห็นมีใครจับได้เลยหนิ ถึงแม้ว่ามันจะทำรูปแบบอุบัติเหตุ แต่กะอีแค่หาแล้วฆ่าอีกคนจะเป็นไรไปใช่มั้ย” แมทธิวร่ายทางออกแรกที่คิดได้ให้น้องคนเล็ก แล้วยิ้มให้อย่างมีหวัง แต่ทว้าเอเลนอร์กลับกรอกตาแล้วแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ใช่มันก้ใช่แต่แมท พี่ก้รู้ว่าฉันไม่โง่ นั่นน่ะทางแรกที่ฉันคิดเอาไว้เลย แต่พ่อบอกว่าไม่ บอกว่าเคฟแก่ไปแล้วจะให้สนิทกะรุ่นน้องปีแรกมันก้ไงๆอยู่ใช่ปะเพราะพี่ก้รู้ว่าปีนี้เคฟจะขึ้นปีสี่แล้วอ่ะ แล้วถ้าจู่ๆรุ่นน้องก้ตายคนอื่นเค้าคงไม่สงสัยแย่หรอพี่ ใช่มะล่ะ”เอเลนอร์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะเตะรองเท้าบู๊ตออก ผมสีทองสยายยาวลงไปตามหลัง
ผู้เป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ “...บางทีผ่านขั้นแรกแล้วอาจจะง่ายขึ้นก้ได้ ลองให้เควินมันช่วยหาแล้วค่อยฆ่าก้ได้ พี่ว่าเอเก่งอยู่แล้วต้องทำได้แหละ” แมทธิวให้กำลังใจน้อง ก่อนจะพบว่าเธอหลับคาโต๊ะไปแล้ว
เฮ้อพี่หวังดีนะเอ ขอให้ประสบความสำเร็จละกันนะบางทีพอเข้าเกรโนเบลได้แล้ว อาจพบสิ่งที่ตัวเองหาอยู่ก้ได้ แมทธิวลูบหัวน้องเบาๆก่อนหยิบกาแฟแก้วเดิมขึ้นมาดื่มหมดแก้ว แล้วเอาไปวางทิ้งไว้ที่อ่างล้างจาน
หลังจากเคลียร์งานเรียบร้อยแมทธิวก้เขียนจดหมายทิ้งไว้ ก่อนจะหยิบเสื้อโค้ตเค้าที่มีอยู่สองสามตัวมาห่มให้น้องตัวดี แล้วปิดร้านเดินออกไป...
เอเลนอร์ตื่นขึ้นมาพร้อมนาฬิกาที่ตีบอกเวลาเที่ยงแล้ว เธอเดินไปล้างหน้าก่อนหยิบขนมปังที่แมทธิวเหลือไว้มากินแล้วอ่านจดหมาย
ถึงเอเลนอร์น้องรัก
ปัญหาที่มีอยู่เชื่อพี่ เดี๋ยวก้หาทางแก้ได้เอง ลองปรึกษากับเควินดูพอเข้าเรียนได้ และเชื่อพี่เธอต้องเข้าได้แน่ๆ พี่ต้องออกไปทำงานก่อน พ่อเพิ่งส่งรายใหม่มา กว่าจะกลับคงเย็นแล้ว พี่เหลือขนมปังไว้ให้นิดนึง ตื่นเมื่อไหร่ก้กลับบ้านไปหาไรกินซะนะ อย่าลืมล็อกร้านด้วยตอนออก
ของที่หลังร้านอยากได้ไรก้หยิบไปนะ แต่พี่ว่าที่มีคงพอมั้ง ดาบกะมีดสั้นพี่มีชุดใหม่ถ้าชอบหรือเกิดอยากได้ก้เอาไปเดี๋ยวพี่คุยกะพ่ออีกทีนึง อ้อ พี่มีคทาอยู่ชุดนึง ถ้าเข้าเกรโนเบลได้แล้วมาคุยกันอีกที มีอีกหลายอย่างที่เราต้องเตรียมให้พร้อม
แล้วเจอกัน
แมทธิว...
เอเลนอร์อ่านจดหมายจบก้หยิบขนมปังอีกชิ้นขึ้นมาคาบไว้ที่ปาก แล้วหยิบบู๊ตมาใส่ สวมโค้ตแล้วเดินออกจากร้านไป โดยไม่ลืมล็อกร้าน ในกระเป๋าซ้ายมีจักรอยู่สี่ใบที่เธอหยิบมาจากหลังร้าน และก้กริชลาเอสเตอร์ตัวใหม่ ซึ่งจะเป็นกริชที่มีสองแฉก
เธอกลับถึงบ้านประมาณห้านาทีต่อมาแล้วเอาของที่หยิบมาเก็บใส่ตู้เก็บของในห้องนอน ก่อนลงไปหา อะไรกินในครัว เอเลนอร์หยิบจานกับช้อนส้อมออกมาแล้วนั่งลงตักอาหารจานโปรดของเธอ ข้างๆพี่ชายคนกลางของเธอ เควิน
“ไงยัยตัวเล็ก เห็นพ่อบอกเธอต้องเข้าเกรโนเบลหนิ ให้ฉันช่วยมั้ย” เควินทักขึ้นมาก่อน เอเลนอร์ไม่ได้พูดอะไรแต่ถอนหายใจเท่านั้น “ถ้าพี่ช่วยได้ก้ดีสีเคฟ แต่เอว่ามันคงยากอ่ะ แค่พี่ช่วยฉันให้เข้าได้ก้ยอดแล้ว” ว่าแล้วเอเลนอร์ก้ตักอาหารเข้าปาก
“จิงๆแล้วเข้าโรงเรียนน่ะมันง่าย อย่างเธอก้เข้าได้ง่ายๆ ควรจะห่วงเรื่องหาและฆ่ามากกว่า คราวที่แล้วที่พี่จัดการไปนะ นั่นมันก้แค่นักดาบของมอนโนเวีย แต่เธอสิเจองานหนัก ทายาท ยิ่งคนสำคัญแบบที่เธอได้เนี่ย จะเข้าใกล้มันก้ยากแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่าคนไหนยิ่งยากเลยแหละน้องรัก อืม แล้วต้องกังวลเรื่ององครักษ์ด้วย บางทีเธออาจจะโชคร้ายอยู่คนละหอกับเค้าด้วย มันยากเหมือนกันนะ
แล้วทายาทแต่ละคน ยิ่งเธอเจอผู้ชายด้วยเนี่ย จะมีเวทย์ไม่ก้วิชาดาบที่สูงมาก เพราะยังไงๆเค้าก้ต้องได้เป็นผู้ครองประเทศซักวันใช่มั้ยล่ะและไม่มีทายาทคนไหนหรอกที่จะไม่ฉลาด ง่ายๆว่า เธอต้องเอาจุดนี้มาใช้หาเค้า แล้วค่อยกังวลกับเรื่องฆ่าอีกที เวลาเข้าได้ให้หาคนที่หน้าหล่อๆหยิ่งๆหน่อย มีเพื่อนสนิทอยู่สองสามคน ที่ดูเหมือนจะตัวติดกันตลอด เวลาเข้าเรียนวิชาเวทย์ ไม่ว่าเวทย์ไหนก้ดูเหมือนจะทำได้ดีตลอด เวลาเข้าเรียนวิชาดาบ ก้จะวาดดาบได้ดีกว่าคนอื่น ยิ่งถ้าวาดดาบได้ดีกว่าเธอแล้วเนี่ย ใช่แน่ๆ”
เควินร่ายยาวสอนน้องสาว พลางนึกกลับไปเมื่อประมาณสี่ปีก่อนที่เค้าเข้าเกรโนเบลใหม่ๆ แล้วตักมีทโลฟเพิ่มก่อนจะหันไปมองน้องสาวว่าเป็นไงมั่ง เอเลนอร์เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ฟังเควินเลย เธอนั่งฟุบอยู่กับโต๊ะ เอาส้อมจิ้มเนื้อในจาน แล้วเอาเข้าปาก
“ยังเข้าโรงเรียนไม่ได้เลยเคฟ อย่าเพิ่งมาหวังอะไรตอนนี้” สาวน้อยเกาหัวก่อนตักอาหารเข้าปากอีก “จิงๆแล้วฉันก้ห่วงอยู่ว่าจะเข้าไม่ได้ งานก้จบตั้งแต่รอบแรกเลยอ่ะ บางทีพี่อาจจะช่วยฉันได้ ว่าไงเคฟ” เธอพูดเมื่อนึกได้ว่าพี่ชายคนกลางของเธอก้เคยสอบเข้าไปแล้ว
“จะเอาไร ให้ทำไรก้ว่ามาสิฉันฟังอยู่” ชายหนุ่มกล่าวแล้วเอื้อมไปหยิบพริกไทยมาโรย “ก้พี่ลองบอกฉันสิว่าพี่สอบเข้าเกรโนเบลยังไง มันจะมีอะไรบ้างที่ฉันต้องทำ” เอเลนอร์กล่าว ถ้าพี่ชายเธอช่วยบางทีมันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิดก้ได้ “จะว่าไปมันก้ง่ายนะ” เควินตอบ สีหน้าเอเลนอร์ดูมีความหวังขึ้นมาทันที “สำหรับฉัน สอบจะถูกแบ่งออกเป็นสองขั้น ภาคปฏิบัติกับสอบปากเปล่า
ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะห่วงทั้งสองอย่าง ภาคปฏิบัติเนี่ย เค้าจะปล่อยเธอเข้าไปในโดม ต่อจากนั้นเธอจะต้องเอาอัญมณีซึ่งรู้สึกจะเป็นเทอร์ควอยซ์ ที่ทางเกรโนเบลเอาไปซ่อนไว้ออกมาให้ได้ ถ้าเธอได้เมื่อไหร่ก้เข้าได้ทันที มันอยู่ที่เค้าจะปล่อยผู้สมัครเข้าไปพร้อมกันสิบคนมีเทอร์ควอยซ์อยู่แค่สามอัน ใครได้ก้ผ่าน จบเท่าเนี้ยแหละ แต่อย่าเพิ่งดีใจไป มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ตอนที่ฉันเข้าไปในโดมทั้งที่มันเป็นทะเลทรายก้คือถ้าเจอเทอร์ควอยซ์ไม่ครบก้ไม่มีใครออกได้ ซ้ำถ้าเธอเจอแล้วอาจจะโดนผู้สมัครอีกคนแย่งก้ได้ มันต้องสู้กันเลยล่ะ โชคดีที่ฉันไม่ต้องสู้กับใครเลย แต่กว่าจะเจอเล่นซะหมดแรงเพราะเกรโนเบลเล่นนิมิตรทะเลทรายของจิงมาเลยล่ะ” เควินกล่าวหวังอย่างยิ่งว่ามันจะช่วยน้องสาวตัวเองได้ แต่ทว้ามันกลับยิ่งทำให้แย่ลง
เอเลนอร์แลบลิ้นออกมาเซ็งๆ “ถ้าพี่ยังแทบตายแล้วฉันมันคงรอดหรอกนะ”
“จิงๆแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวงอะแหละ พอเธอผ่านขั้นแรกแล้วก้ขั้นสอง สอบปากเปล่า อันนี้คนหัวดีอย่างเธอคงพอผ่านแหละ ไหนๆบ้านนี้ก้ขึ้นชื่อว่าเจ้าเล่ห์เป็นหนึ่งแล้ว” นั่นสิ เอเลนอร์คิด ถ้าผ่านขั้นแรกแล้วขั้นสองคงไม่น่าเป็นปัญหา “การสอบปากเปล่าเค้าจะถามไรมั่งอ่ะเคฟ” สาวน้อยถาม ถ้าผ่านด่านแรกได้ สอบปากเปล่าน่าจะหมูเลยน้า
“พี่ไม่รู้หรอกเค้าเปลี่ยนคำถามทุกปีแหละ แต่แค่เธอมีทัศนคติที่เค้าต้องการก้เข้าได้แล้ว แค่เธอต้องโชว์ให้เค้าเห็นว่าเธออยากเข้าจิงๆ เท่านี้ก้หวานหมู ว่าแต่วันสอบเข้าวันไหนล่ะฮะ ใกล้รึยัง” นับว่าคำถามของเควินทำเอาสาวน้อยอ่อนใจเข้าไปอีก
“ก้อาทิตย์หน้าแล้วอ่ะ ช่วยหน่อย” -0- แน่นอนว่าเควินไม่สามารถตอบว่าไม่อยู่แล้ว ดังนั้น...
“ตามให้ทันสิ ยัยเบื๊อก” ร่างของเควินกระโดดไปมาขึ้นเขาลาดชันที่พ่อเลือกมาตั้งไว้หลังบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เร็วๆเข้า”
“เรามีเขาบ้าๆนี่อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะเคฟ มันมาจากไหนกานนี่” บางทีคำถามที่เอเลนอร์ถามมามันควรจะเป็นอย่างอื่นเช่น-เคฟ นายลอยได้ตั้งแต่เมื่อไหร่-หรือว่า เคฟนายขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไง “พ่อสั่งให้แมทเค้าหามาให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่เธอต้องไปตามงานที่เม็กซิโกอ่ะ”
“ม่ายจิงร๊อก ใช่มั้ย” บ้ารึป่าวหาเขามาตั้งไว้หลังบ้าน “แล้ว...” ไม่ทันเริ่มประโยคคำถามต่อไปเควินก้ขัดขึ้น “อย่าเพิ่งถามหน่า เธออยากให้ฉันช่วยก้ต้องมาฝึกกัน พอเธอเข้าเกรโนเบลได้นะ น้องสาวคนนี้ของพี่ต้องถึกเหมือนผู้ชายเลย555+ เชื่อฝีมือพี่สิ ทีนี้ปีนขึ้นมาให้เวลา 10วิ”0.0 10วิ เนี่ยนะ
จะรอดมั้ยเนี่ยยยยยยย
ความคิดเห็น