ฟักของพ่อ - ฟักของพ่อ นิยาย ฟักของพ่อ : Dek-D.com - Writer

    ฟักของพ่อ

    ความผูกพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต2สายพันธุ์ เกิดขึ้น และจบลง อย่างไร..

    ผู้เข้าชมรวม

    837

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    837

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ม.ค. 49 / 10:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

         เสียงไก่ขันปลุกให้ผมตื่นขึ้นมารับอากาศก่อนที่ดวงตะวันจะลอยขึ้นสู่โค้งขอบฟ้า  เวลาตีห้าพ่อตื่นขึ้นมาพาผมไปวิ่งออกกำลังกายที่ท้องทุ่งในยามเช้า  มันถือว่าเป็นกิจวรรจประจำวันของผมเลยทีเดียว  ผมอยู่กับพ่อเพียงสองคนมาช้านาน  พ่อคอยดูแลผม คอยสอนผม  ผมพยายามตอบแทนบุญคุณของพ่อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ผมรักพ่อแล้วพ่อก็รักผม พ่อไปไหนผมก็ไปด้วย  ตั้งแต่พ่อยังเป็นหนุ่ม ตอนนี่พี่อายุ๖๕แล้ว     อากาศหนาวจับใจเวลา๗โมงกว่าๆ ตะวันเริ่มทอแสงเด่นชัดตรงโค้งขอบฟ้า  ผมเดินตามพ่อไปที่ทุ่งนา พ่อบอกผมว่าให้ผมนั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงตอนเย็น  ก่อนจะมาพ่อบอกผมไว้อีกอย่างว่า ให้ผมช่วยไล่ต้อนวัวที่พ่อเลี้ยงไว้มากินหญ้าแถวนั้นด้วย  ผมตอบรับด้วยความยินดี  ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณพ่อ   พ่อพูดอยู่เสมอว่าไม่อยากให้ผมทำงานหนักเพาะผมยังเด็กเกินไป    แต่เรามีกันอยู่แค่สองคนถ้าไม่ช่วยกันก็คงไม่มีอะไรกิน  ผมเห็นใจพ่อ แต่สภาพร่างกายของผมคงช่วยอะไรพ่อไม่ได้มากนัก   ไม่ใช่ว่าผมไม่แข็งแรงหรอกแต่ผมรู้สึกว่าผมแตกต่างจากพ่อเหลือเกิน  ผมทั้งเคารพและเทิดทูนพ่อ  แต่ผมแค่แปลกใจว่าทำไมพ่อถึงชอบพูดว่าผมยังเป็นเด็ก  หรือพ่อไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมโตเร็วกว่าเด็กแถวบ้านพ่อตั้งเยอะ ผมก็เล่นกับพวกเค้าออกบ่อยผมยังรู้สึกว่าผมโตกว่าอยู่ดี    ช่างมันเถอะสงสัยพ่อคงจะเอ็นดูผมมากไปหน่อย  จริงๆแล้วอยู่กันอย่างนี้ก็สบายดีเหมือนกัน  ที่ผมช่วยได้ก็ช่วยไป เรื่องที่ผมช่วยก็มีอย่างเช่นว่า คอยต้นวัวของพ่อออกมากินหญ้า แล้วพากลับบ้าน  คอยเฝ้าดูรวงข้าวของพ่อเวลามีฝูงนกฝูงกามาแทะกิน  หรือไม่ก็คอยเฝ้าดูขโมยขโจรตอนท่พ่อนอนพักผ่อนอยู่บ้าน  ผมคอยตามรับใช้พ่อตลอกเวลา  วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ผมต้อนวัวของพ่อออกมากินหญ้า  แต่วันนี้พ่อไม่ได้มานั่งเล่นที่ทุ่งนี้เหมือนทุกวัน  พ่อมาทำงาน  เข้าฤดูหนาวถึงเทศกาลเก็บเกี่ยวแล้ว  พ่อจ้างคนแถวบ้านมาช่วยกันเยวข้าวที่ปลูกไว้  ใช้เวลาจะเป็นครึ่งวันกว่าจะเสร็จก็เย็นพอดี  ผมเดินกลับบ้านพร้อมกับพ่อ  ทางเดินกลับบ้านมันเปลี่ยวดูวังเวงยังไงชอบกล ไฟฟ้าก็ไม่มี  ผมเดินนำพ่อโดยมีตะเกียงน้ำมันติดตัวมา  เดินนำทางพ่อมาจนถึงบ้าน  พอถึงบ้านพ่อทำกับข้าวให้ผมกิน วันนี้ผมกินข้าวกับไข่เจียวส่วนพ่อกินข้าวราดแกงที่ซื้อมาก่อนกลับบ้านเมื่อเช้าผมว่าไข่เจียวของพ่ออะหร่อยที่สุดเลยหละ  ถึงแม้ผมจะไม่เคยกินกับข้าวฝีมือคนอื่นผมก็เชื่อว่าอย่างนั้น  หลังกินเสร็จพ่อพาผมขึ้นบ้าน  บ้านของพ่อเป็นบ้านสองชั้น ถึงพ่อจะเป็นชาวนา แต่พ่อก็มีฐานะที่ใช้ได้อยู่  พ่อของผมเป็นคนหนักเอาเบาสู้  นอกจาพ่อจะทำนาแล้วพ่อยังเลี้ยงไก่ไว้ขายและขายไข่อีกด้วย ทำให้เรมีกินมีอยู่กันทั้งปี  พ่อบอกผมว่าห้ามไปยุ่งกับไก่เรื่องนี้พ่อจะดูและเอง  กลัวผมจะติดเชื้อแล้วไม่สบาย   ผมวิ่งตามพ่อไปตามทางเดินบันได พ่อสั่งให้ผมล้างเท้าก่อนเข้าไปในห้อง  ที่จริงไม่ต้องสั่งก็ร็ครับก็ผมไปนอนบนห้องกับพ่ออกบ่อยไปในห้องนอนของพ่อพ่อจัดส่วนที่นอนของผมไว้เรียบร้อยแล้ว  ผมนอนกลิ้งไปมาบนผืนผ้าห่ม  หลายครั้งที่ผมนอนก่อนพ่อแต่ตื่นทีหลังพ่อ  แต่พ่อไม่เคยด่าว่าผมขี้เกียจเลยสักครั้งพ่อบอกว่ามันเป็นเรื่งธรรมชาติของผม

         วันรุ่งขึ้นวันนี้ผมตื่นก่อนพ่อผมกระโดดขึ้นเตียงพ่อแล้วเริ่มปลุกพ่อด้วยเสียงหายใจดังๆของผมผมใช้มือของผมแตะที่แก้มพ่อเบาๆ  เมื่อพ่อลืมตาขึ้นพ่อก็ฉีกยิ้มกว้าง

      รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า ป้ะไปกินข้าวกัน

      ผมกระโดดลงจากเตียงอย่างดีใจ เพราะที่จริงแล้วผมก็หิวอยู่เหมือนกันมื้อเช้าของผมวันนี้เป็นข้าวผัดราดซอสอะไรซักอย่างผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่สำคัญมีเนื้อปลาทูคลุกอยู่ด้วย  ถือว่ามันเป็นมื้อพิเศษของผมเลยทีเดียว  กินเสร็จแล้วพ่อพาผมไปวิ่งเล่นแถวนอกบ้านสักพักเป็นการย่อยอาหาร   วันนี้พ่ออาบน้ำให้ผมฟอกสบู่เสียหอมฟุ้ง  ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องลงทุนขนาดนั้นด้วยที่จริงพาผมไปกระโดดลงคลองข้างทุ่งนาของพ่อแล้วปล่อยให้ผมแช่ในนั้นสักแป๊บก็สะอาดแล้ว  พ่อดูแลผมดีขนาดนี้ผมก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของพ่อเพิ่มขึ้นอีก

      วันนี้เป็นวันเกดแกต้องพิเศษหน่อยซิ วันนี้เป็นวันของแกเลยนะพ่อบอกผม

         วันนี้วันเกิดผมเหรอ ผมไม่เห็นจำได้เลยนี่นา   หลังจจากอาบน้ำพ่อเช็ดตัวผมจนแห้ง  พ่อเอารถกระบะของพ่อออกมาจอดหน้าบ้านพาผมขึ้นรถไปกับพ่อด้วย

      จะพาแกไปเที่ยวตลาดนัดนอกเมือง  อยากได้อะไรก็ดูๆไว้แล้วกัน

         ตลาดนัดมีคนพลุกพล่าน ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดแต่ของที่ผมชอบมีอย่างเดียวเอง เป็นสร้อยคอหนัง ดูแล้วมันก็เข้ากับผมดีนะอยากได้เหมือนกันแต่ผมก็เกรงใจพ่อ  ผมเดินติดพ่อแจ  เดินไปกับพ่อรอบตลาดเป็นชั่วโมง  ประมาณบ่ายสามพ่อพาผมออกจาตลาด  ขับรถกินลมไปนอกเมือง  พาผมไปเปิดหูเปิดตา   ผมไม่ได้ออกมาเห็นบ้านเห็นเมืองมานานแล้ว   ได้ครั้งล่าสุดคือตอนผมเด็กๆที่พ่อเก็บผมมาเลี้ยง  รู้สึกว่าบ้านเมืองเปลี่ยนไปมากจริงๆ  พ่อขับรถพาผมออกมาไกลจากบ้านมาก  พ่อพาผมไปวิ่งเล่นที่สวนสารธารณะแห่งหนึ่ง  พ่อนั่งดูผมวิ่งเล่นอยู่ริมน้ำตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว  พระอาทิตย์เริ่มตกดินทอแสงสีแดงเรืองรองครึ่งดวงตรงสุดโค้งขอบฟ้าถูกขีดเส้นแบ่งครึ่งด้วยขอบริมน้ำในสวนสารธารณะ   ผมวิ่งกลับมานั่งข้างพ่อเพื่อรอพระอาทิตย์ตกดิน  พ่อเกาะไหล่ผมแน่นแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู

      พ่อมีของขวัญให้แกด้วยนะพ่อพูดค่อยๆเอามือล้วงกระเป๋าแล้วหยิบของสิ่งหนึ้งขึ้นมา    นั่นมันสร้อยที่ผมอยากได้นี่นา  พ่อสวมมันไว้ที่คอของผม  พ่อครับพ่อรู้ใจผมจริงๆเลยผมรักพ่อจริงๆเลยครับ ผมจะไม่มีวันเอาสร้อยเส้นนี้ออกหรือทำหายเลย  ผมกระโจนเข้าใส่พ่ออย่างดีใจพ่อกับผมนั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน  มืดแล้วพ่อขับรถพาผมกลับบ้าน

      วันนี้แกนอนชั้นล่างนะเมื่อเช้าพ่อเอาผ้าห่มแกไปซักยังไม่เสร็จเลยพ่อบอกผมแล้วเดินขึ้นไปบนบ้าน  ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวชั้นล่าง  คืนนี้เงียบสงัด  ฤดูหนาวช่างแตกต่างจากฤดูฝนเหลือเกิน  กลางคืนในฤดูฝนอากาศเย็นสบาย เสียงกบเขียดกล่อมให้ผมหลับไหลได้เสมอ  แต่ฤดูหนาวเงียบเหลือเกินอากาศเย็นจัด ผมรู้สึกเหงายังไงบอกไม่ถูก แต่ในที่สุดผมก็หลับลงได้

         เช้าวันต่อมาผมได้ยินเสียงพ่อเปิดประตูห้องนอน ผมสะดุ้งตื่น พ่ออาบน้ำแต่งตัวแล้วเอาอาหารมาให้ผม  พ่อใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน  แล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง

         วันนี้จะไปทพธุระที่อำเภอ แกอยู่เฝ้าบ้านให้หน่อยนะว่าแล้วพ่อก็เดินออกไป  ขับรถกระบะออกจากบ้าน  ไม่บ่อยหรอกที่พ่อปล่อยให้ผมอยู่ตามลำพัง  ผมก็ชอบอยู่หรอกที่มีอิสระแต่บางทีผมก็เหงาเหมือนกันนะ  บางทีผมก็อยู่เฉยๆ ไม่ก็เดินเล่นในบ้านตามประสา   พ่อออกบ้านไปจะครึ่งวันแล้ว  ผมชักเริ่มเบื่อ   ผมงีบหลับอยู่ตรงเฉลียงบ้านข้างเล้าไก้ของพ่อ   ผมนอนหลับไปได้ซักพัก เริ่มได้ยินเสียงไก่ที่พ่อเลี้ยงไว้ประมาณสิบกว่าตัวเดินออกมาหาอาหารตามประสาของมัน  ผมไม่ใส่ใจอะไรผมเลยนอนต่อ

         พอตอกเย็นเสียงรถกระบะของพ่อดังขึ้นหน้าบ้านพร้อมเสียงเปิดประตูรั้ว  พ่อกลับมาแล้ว  เอารถไปเก็บที่โรงรถ  ผมวิ่งไปหาพ่อด้วยความดีใจ  พ่อลงจากรถด้วยสภาพอิดโรย ผมชักเป็นห่วงพ่อแล้วซิ  พ่อลูบหัวผมเงียบๆแล้วเดินจาไป  เตรียมจะไปให้อาหารไก่

      ไอ้ฟัก!!มานี่เดี๋ยวนี้ผมได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกผม  ฟังน้ำเสียงแล้วดูท่าจะเป็นรางร้าย  ผมทำอะไรผิดเหรอ?

      แกฆ่าไก่ตายหมดเลยใช่มั๊ย มันหายไปไหนหมดผมวิ่งไปหาพ่อในเล้าไก้ด้วยความงุนงง  ไก่หายไปแล้ว แต่ผมไม่ได้ฆ่าจริงๆนะ

      ข้าบอกแกกี่ครั้งแล้วเมื่อก่อนแกไม่เคยทำพอข้าเผลอทำไมแกทรยศข้าได้ขนาดนี้  เสียแรงที่เลี้ยงมา ไม่รู้จักจำ ต้องสั่งสอนแล้วทีนี้   ผมเห็นพ่อเดินไปหลังบ้านแล้วกลับมาด้วยท่อพลาสติกอันหนาผมเริ่มหวาดกลัว จะทำยังไงเพื่อบอกให้พ่อรู้ดีนะ ผมพูดไม่ได้ พ่อเข้าใจผมผิด  ผมวิ่งหนี พ่อกระชากสร้อยคอที่พ่อซื้อให้ผมเมื่อวาน  แล้วลากผมไปหา ผมหายใจไม่ออกพยายามที่จะหนี  พ่อใช้ท่อน้ำกระหน่ำฟาดปากผมอย่างแรง  ผมร้องครวญครางอย่างทรมาณพ่อตีผมซ้ำเป็นสิบๆครั้งพร้อมกับฟาดเข้าที่ลำตัว แต่ยังไม่ถึงกับตายหรอก  ผมล้มลงพื้น  ตัวบิดงอด้วยความเจ็บปวด  ปากผมขยับหายใจไม่ได้แล้ว  พ่อเข้าใจผมผิด  แต่พ่อจ๋าไม่ว่าพ่อจะทำโทษผมยังไงจะเข้าใจผิดผมแค่ไหนผมยังไม่เคยโกรธพ่อเลยซักครั้ง ผมรู้ว่าพ่อต้องการสอนผม  ผมจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพ่อเสมอเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่พ่อเก็บผมมาเลี้ยง  ภาพทุกอย่างเริ่มเลือนลางผมหายใจหอบ เห็นพ่อยืนอยู่อย่างกัวเสีย พ่อเดินออกไปจากเล่าไก่ที่มืดทึบไปสู่ความมืดในยามวิกาล  ไกลออกไป ไกลออกไป

      โอ๊ย!!!”ผมได้ยินเสียงพ่อตะโกนด้วยความตกใจ  ตาผมเบิกกว้างลืมความเจ็บปวด  รวบรวมกำลังที่เหลือครั้งสุดท้ายวิ่งออกไปหาพ่อ  แม้ขาของผมจะเจ็บปวดและเดินกระโดกกระเดกเพียงใดผมก็วิ่งไปหาพ่อเร็วที่สุดเท่าที่กำลังขาผมจะทำได้     ผมเห็นพ่อนอนอยู่กับพื้นดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด  ใกล้กันนั้น งูเห่าตัวหนึ่งกำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยอบ่างโหดร้าย  ผมพอจะรู้เรื่องแล้วหละว่าเป็นมายังไง ถึงพ่อจะเข้าใจผมผิด แต่ผมเข้าใจไอ้งูตัวนี้ไม่ผิดแน่นอน  ผมวิ่งถลาเข้าสู่งูตัวนั้นอย่างไม่เกรงกลัว  กระโดดงับเข้าที่คอมันทันทีดดยที่มันยังไม่ทันตั้งตัว   มันตายคาที่ตรงปากของผม   ผมวิ่งไปหาพ่อ พ่อลืมตาขึ้นช้าๆที่ขาของพ่อมีรอยฟันของงูชั่วตัวนั้นฝังลึกอยู่  ผมรู้ว่าพ่อคงทรมาณมากที่โดนพิษงู  เพราะแม่แท้ๆของผมก็ตายด้วยสาเหตุนี้เหมือนกันก่อนที่พ่อจะเก็บผมมาเลี้ยง  ผมพยายามเอาพิบงูในตัวของพ่อออก  รูสึกถึงความแสบร้อนแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น ผมพยายามถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้

         ไอ้ฟักพ่อเปล่งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด

      ในเวลานั้นเองฝูงไก่ที่พ่อเลี้ยงไว้ก็กลับมาจากการหาอาหาร พากันมุดเข้ามาในรั้วข้างบ้านครบทุกตัว  ทันทีที่พ่อมองเห็นน้ำตาของพ่อเริ่มไหล  น้ำตาของพ่อเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตเลย  ที่จริงผมไม่อยากเห็นมันด้วยซ้ำ

         พ่อขอโทษเสียงของพ่อแผ่วเบา  เปลือกตาของพ่อคลาต่ำลงจนปิดสนิท  ผมเลียหน้าพ่อพยายามทำให้พ่อฟื้น  ผมพยายามกลับไปดูดพิษที่ขาของพ่อ  ความเจ็บปวดของผมเริ่มขึ้นอีกครั้งจากความเจ็บที่พ่อเพิ่งตีผม  ผมรู้สึกว่าพิษที่ผมเอาออกให้พ่อมันเริ่มไหลเข้าสู่ตัวผมเหมือนกัน  ผมเห่าหอนด้วยความเจ็บปวด  เสียงของผมดังก้องไปทั่วราตรีกาลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหายไปกลางความเยือกเย็นในฤดูหนาว  จากความเจ็บปวดทรมาณจึงกลายเป็นรู้สึกชาไปทั่วร่างกายหัวใจผมแหลกสลาย ร่างกายของผมก็เช่นกันครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกได้ก็คือแขนซ้ายของพ่อพยายามเอื้อมมือมากอดไว้ก่อนสิ้นใน  ผมนอนอยู่ข้างร่างไร้วิญญาณของพ่อ ปล่อยให้ความหนาวเข้ามาปกคลุมร่างผมกับพ่อไว้

       

      พ่อจ๋า  ผมจะไม่มีวันยกโทษให้พ่อ  เพราะผมไม่เคยโกรธพ่อเลยซักครั้ง ไม่ว่าพ่อจะทำยังไงกับผม  ผมจะซื่อสัตย์กับพ่อตลอดไป ผมจะตามไปรับใช้พ่อเสมอ ทุกที่ ทุกเวลา พ่อไปไหน  ผมจะตามพ่อไป….”

       

       

       

       

       

      T_T

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×