ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark world yuri

    ลำดับตอนที่ #1 : Dark world 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 55


    "ท่านแม่เรียกข้ามาพบมีสิ่งใดงั้นรึ"
    ร่างเล็กผิวขาวผ่องในชุดขาวสะอาดคุกเข่าลงเยื้องหน้าหญิงสาวทรงอำนาจผู้ถูกกล่าวขานว่าเทพีแห่งความงาม
    มือบางกระชับคันศรสีทองสว่างเช่นเดียวกับสีผมของตนเองในมือเสียแน่น ด้วยเกรงว่าคราวนี้ตนเองจะไปทำอะไรขัดใจมารดาอีก

    "ข้าเรียกเจ้ามาจำเป็นต้องมีธุระด้วยงั้นรึ อีรอส"
    เสียงเข้มของนางดังกังวาลฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในข้อนี้แทยอนก็มั่นใจดีว่าไม่น่าจะเป็นเพราะคำถามของเธอ

    "เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าสงสัยนัก ข้าก็จะไม่รีรออีกต่อไป"


    "เจ้าพอได้ยินมาบ้างรึไม่ว่าบัดนี้มนุษย์ในโลกได้เลิกบูชาข้าไปแล้ว"
    แทยอนเงยหน้าขึ้นมา ตอบรับในลำคอ


    "เจ้าจงไปแผลงศรให้นางทิฟฟานี่ หญิงสาวผู้เป็นที่ล่ำลือว่างดงามนัก ...ไปแผลงศรให้นางกับชายโฉดหน้าตาอัปลักษณ์ตกอยู่ในภวังค์แห่งรักซะ"
    แทยอนขมวดคิ้ว จ้องหน้ามารดาของตัวเองเขม็ง กลั้นใจตอบกลับมารดาไปในทันที "ข้าเกรงว่าข้าคงทำตามคำสั่งของท่านแม่ไม่ได้ เรื่องนี้มันผิดศีลธรรม"

    สิ้นถ้อยคำคัดค้าน ผืนแผ่นฟ้าที่เธอเหยียบอยู่ก็สั่นสะเทือน แทยอนพยายามทรงตัวให้อยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นดูอีกทีก็พบว่าเทพวีนัสยืนอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว ใบหน้างดงามนั่นกำลังจ้องคาดโทษราวกับจะฆ่าเธอ มือขาวผ่องเอื้อมมาบีบคอเธอแน่น เสียงเข้มออกมาจากลำคอของนางกึ่งตะคอกเธอ 


    "คำสั่งของข้าเจ้าไม่มีสิทธิ์ขัดขืน ...จงจำไว้ ข้าเป็นผู้ให้กำเนิดเจ้าได้ ข้าก็ทำลายเจ้าได้เช่นกัน!!!"



    เทพอีรอสมีหน้าที่แผลงศรเพื่อให้เหล่ามวลมนุษย์ได้ตกอยู่ในภวังค์รัก ข้อนั้นแทยอนตระหนักตั้งแต่ถือกำเนิดและเธอก็เริ่มทำหน้าที่นี้ตั้งแต่ในวัยเยาว์ แต่เธอก็ไม่เคยต้องทำอะไรที่มันผิดศีลธรรมเช่นนี้ แทยอนครั่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะทำหน้าที่ของตนเองหรือเลือกศีลธรรม หากแต่สุดท้ายแล้ว...จิตใต้สำนึกของเธอบอกให้เลือกตอบแทนบุญคุณของมารดา

    แทยอนลักลอบเข้าไปในห้องนอนของทิฟฟานี่ในยามค่ำคืน เมฆบดบังแสงจากดวงจันทร์ เหลือเพียงเสียงเล็กน้อยที่สาดส่องเข้ามาพอให้เธอเดินตรงไปยังเตียงได้ ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงกำลังทำให้สิ่งที่แทยอนตั้งใจมาทำสั่นครอน นางผู้นี้ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วจะให้เธอทำให้นางตายทั้งเป็นด้วยวิธีนั้นได้อย่างไร  แทยอนเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มที่ร่นลงไปถึงเอวของนางให้ขึ้นมาคลุมตัวนางเพื่อให้ความอบอุ่น แต่แล้วมือของเธอกลับถูกจับต้องไว้ด้วยมือของหญิงสาวผู้นั้นที่ดูเหมือนว่าจะได้สติขึ้นมาแล้ว

    ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความรักออกอาการตกใจจนแทบจะดึงมือกลับเมื่อนึกได้ว่าจะให้ใครมาเห็นหน้าเธอไม่ได้ แต่แล้วเธอก็นึกได้ว่าเมื่อไร้ซึ่งแสงจันทร์แบบนี้สิ่งที่หญิงสาวผู้นั้นเห็นคงเป็นเพียงเงาอันเลือนลางของเธอ

    "หลับซะเถิด"
    เธอจึงได้กล่าวบอกหญิงสาวบนเตียงด้วยน้ำเสียงนุ่มซึ่งไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดได้ยินมาก่อน แทยอนรู้สึกได้ถึงความอุ่นของมือที่ทาบทับมือของเธออยู่


    "เจ้าเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง"
    หากแต่มันกลับไร้ซึ่งประโยชน์ใด เมื่อหญิงสาวผู้นั้นผุดลุกขึ้นจากเตียง แล้วคว้าแขนของเธอจนแทยอนผู้ซึ่งลืมระมัดระวังตัวทรุดนั่งลงบนเตียงของนางตามแรงดึง

    แสงจันทร์ที่ค่อยๆสาดส่องเข้ามาทำให้แทยอนรีบหันไปมองนอกหน้าต่างพบว่าก้อนเมฆที่เคยบังอยู่นั่นเริ่มเคลื่อนตัวออกไปแล้ว อีกสักพักพระจันทร์คงจะได้สาดแสงกลับมาอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่จะต้องรีบไปแต่ร่างกายกลับไม่ทำตามที่สมองสั่ง เธอจึงยังคงนั่งนิ่งอยู่จนเห็นว่เมฆเคลื่อนพ้นไปหมดแล้ว

    แทยอนหันกลับมามองหน้าหญิงสาวบนเตียง จากความอบอุ่นใจที่มาจากการสัมผัสของนาง ตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะหัวใจของเธอที่เริ่มเต้นแรงขึ้น สิ่งที่แทยอนคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเทพอย่างเธอได้ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นโดยที่เธอรู้ตัวดี

    ใบหน้างดงามของหญิงสาวเป็นอย่างที่ใครร่ำลือ ดวงตาหวานคู่นั้นสะกดให้เธอจ้องมอง ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ เวลานี้แทยอนลืมนึกถึงสิ่งที่เธอจะต้องมาทำจนหมดสิ้น สิ่งที่อยู่ในสมองของเธอตอนนี้มีเพียงใบหน้างดงามนั่น


    ทิฟฟานี่เมื่อได้มองหน้าของผู้บุกรุกยามวิกาลแรงบีบรัดแขนของเขาผู้นั้นก็ลดลง บุคคลตรงหน้าคือหญิงสาวรูปร่างหน้าตาราวกับรูปปั้นเทพเจ้าที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ช่างดูน่าหวั่นเกรงและสะกดใจชวนให้มอง ไม่ใช่ชายฉกรรณ์ที่คิดจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายเธอแต่อย่างใด

    "ข..ข้าต้องไปแล้ว"
    หญิงสาวรูปงามผู้นั้นยันกายขึ้น ใบหน้าตกตะลึงนั่นเป็นสิ่งที่เธอได้เห็นจากคนปกติทั่วไปที่พบเจอเธอ แต่ครั้งนี้กลับดูน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก


    "ไปไหนงั้นรึ"
    เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจะถามสิ่งนี้ไปทำไม แต่คนที่หันกลับมาเพียงเสี้ยวหน้ากลับตอบเธอสั้นๆด้วยสิ่งที่เธอไม่เข้าใจแล้วหายลับตาไปในเวลาไม่นาน


    "ระวังตัวให้ดี"



    เสียงนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงทำให้แทยอนตื่นขึ้นจากความฝัน ความฝันแปลกๆที่มักจะมีเธออยู่ในนั้นด้วยเสมอ แล้วความรู้สึกนั่น...
    แทยอนยกมือขึ้นสัมผัสเหนือหัวใจของตัวเอง มันยังคงเต้นแรงจนถึงตอนนี้ ใบหน้าของเธอผู้นั้นตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เพราะเธอผู้นั้นก็เป็นอีกคนที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในฝันของเธอ


    "อาหารเช้าเสร็จแล้ว รีบทานเถอะลูก.. "
    เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เธอเดินลงบันไดมา มองตรงไปก็เห็นคุณพ่อผู้ชาญฉลาดในชุดเสื้อกราวน์ทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้าที่เธอเป็นคนเลือกเองกับมือกำลังนำจานอาหารมาวางบนโต๊ะทานข้าว


    "ค่ะพ่อ"

    แทยอนติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนพลางรีบวิ่งลงไป จับจองเก้าอี้ประจำท่ามกลางรอยยิ้มของพี่ชายที่นั่งรอประจำที่ของตัวเองอยู่ก่อนหน้านั้น คาดว่าไม่นานเธอคงต้องได้ยินเสียงบ่นแน่ๆ 


    "พ่อบอกแล้วไงว่าอย่างวิ่งลงบันได ถ้าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง ...พูดหลายรอบไม่เคยจำ หรือพ่อควรจะพาลูกไปพบจิตแพทย์เฮอะแทยอน"
    ว่าไว้แล้วเชียว แทยอนหัวเราะแหะๆ ยกแก้วนมขึ้นจิบ ไม่สนใจพ่อที่กำลังหัวเสียที่เดินมานั่งหัวโต๊ะ และยังคงบ่นต่อไปในช่วงเวลาอาหารเช้า


    "รีบไปกันเถอะ"
    พี่ชายรูปหล่อของเธอพูดขึ้นในทันทีที่เธอรวบมีดและส้อมหลับจากอาหารและนมหมดเกลี้ยง แทยอนลุกขึ้นโดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มผู้เป็นพ่อของเธอ ดูสิ..บ่นอยู่นั่นแหละ อาหารในจานยังหมดไปไม่ถึงครึ่งเลย


    "เย็นนี้ก็รีบๆกลับมาล่ะ วันนี้แดเนียลเลิกงานดึกใช่มั้ย.. เราต้องกลับเองก็อย่าเถลเถลล่ะเพราะ..."



    "ไม่มีอะไรที่ไว้ใจได้"
    แทยอนพูดแทรกขึ้นมา แล้วรีบหยิบกระเป๋าเป้ที่เธอวางทิ้งไว้บนโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นเมื่อคืนหลังจากจัดตารางสอนเสร็จ ฝีเท้าของเธอเร่งตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชายร่างสูงใหญ่ไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของสองพี่น้องที่ได้ยินเสียงบ่นจากผู้เป็นพ่อตามหลังมา


    "ให้ตายสิ ทั้งลูกทั้งแดเนียลก็เป็นอย่างนี้กันหมด... ฟังพ่อบ้างสิ พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ"





    ออดหมดคาบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงจ๊อกแจ๊กของนักศึกษาทั่วทั้งห้องที่เริ่มคุยกันเรื่องนู่นเรื่องนี่ ..เธอไม่ได้อยากจะฟังหรอกนะ แต่คนพวกนั้นพูดดังจนเธอแทบอยากจะหาอะไรไปอุดปาก มันน่ารำคาญจริง   แทยอนถอนหายใจก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือเรียนบนโต๊ะลงกระเป๋า วันนี้เธอต้องกลับเองนี่หน่า...  แต่กลิ่นน้ำหอมที่โชยเข้าจมูกมาทำให้เธอต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง แทยอนเบ้หน้า หันไปมองที่มาของกลิ่นที่เดินมาประชิดตัวเธอเมื่อครู่


    หญิงสาวหน้าตาน่ารัก ผู้เหลือเป็นคนสุดท้ายในห้องที่คิดจะพูดคุยกับเธอกำลังแตะแขนเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
    "วันนี้ไปกินไอติมกับเรานะ"


    ถึงแม้แทยอนอยากจะปฏิเสธทันทีที่ได้กลิ่น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังจะตัดมิตรภาพอันเหลือน้อยนิดของเธอไป เธอถึงได้ปั้นหน้ายิ้มแล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ผิดกับหญิงสาวผู้มาชวนที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข




    "แล้วแทยอนจะกลับยังไงจ๊ะ"
    ทันทีที่ไอติมมาเสิร์พ ยังไม่ทันที่แทยอนจะยกช้อนขึ้นมา หญิงสาวตรงหน้าก็ยิงคำถามล่วงหน้าไปซะแล้ว
    แทยอนวางช้อนไอติมช็อคโกแล็ตของโปรดลง "เดี๋ยวพี่มารับ"
    เธอพูดโป้ปดตอบกลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดหน้าคิดหลัง


    "เดี๋ยวกลับกับเราเลยก็ได้ ไม่ต้องรบกวนพี่ชายหรอก"
    แทยอนถอนหายใจ คิดหาคำปฏิเสธ จะให้เธอต้องมาทนกลิ่นน้ำหอมราคาแพงของคุณหนูฮันซึงยอนผู้นี้ไปตลอดทางกลับบ้าน เธอขอยอมนอนค้างที่ร้านี้ยังดีซะกว่า "ไม่เป็นไรหรอก เราเกรงใจ"


    "ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ เราเต็มใจ"
    ดูเหมือนคนที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอจะยังคงไม่เข้าใจเจตนาของเธอ


    แทยอนจับช้อนขึ้นมา จ้วงตักไอติมเข้าปากไปคำใหญ่ๆ ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวตรงหน้าก็นั่งยิ้มหวานไป แทยอนก็นั่งก้มหน้าก้มตากินไอติมไป เธอไม่เคยคิดจะพิศวาสอะไรคุณหนูคนนี้นัก ที่ผ่านมาก็อุตส่าห์พูดจาตัดสัมพันธ์แบบอ้อมโลกไปตั้งหลายครั้ง ไม่รู้ว่าซึงยอนไม่เข้าใจหรือว่าแกล้งไม่เข้าใจกันแน่

    หลังไอติมหมดถ้วย แทยอนก็ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเอามือถือขึ้นมาพูดอยู่สองสามประโยคแล้วเก็บกลับลงไป

    "พี่เรามารอที่หน้าร้านแล้ว เราขอตัวนะ..."
    แทยอนหยิบเงินส่วนของตัวเองวางลงบนโต๊ะ คว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย แต่เธอกลับถูกซึงยอนดึงมือของเธอไว้ ข้างเดียวกันแบบเดียวกันกับเมื่อคืนในฝัน แทยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เปลี่ยนคนที่กระทำ มันจะทำให้ความรู้สึกต่างกันขนาดนี้


    "แทก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับแท ทำไมต้องทำอย่างนี้อยู่เรื่อย"
    แทยอนรู้สึกแย่ทั้งกับมือที่พยายามจะดึงเธอไว้แล้วยังคำถามนี้อีก ซึงยอนรู้ว่าเธออ้างเรื่องที่พี่ชายโทรมา เธอไม่พึงพอใจกับการกระทำของหญิงสาวคนไหนสักคน...นอกจากทิฟฟานี่ นางในฝัน  แทยอนสะบัดหัวไล่ความคิดที่วกวนไปหาเธอผู้นั้นออกไปซะ แล้วแกะมือของอีกคนออกถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามรั้งต่อก็ตาม


    "เราไม่ดีตรงไหน แทก็พูดมาสิ เราจะได้.."


    "พอเถอะซึงยอน เธอดีทุกอย่าง แต่เราคิดกับเธอแค่เพื่อน เราก็บอกมาตั้งหลายครั้งแล้ว.. แล้วถ้าเธอยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่ก็อย่าทำแบบนี้อีก"
    แทยอนสะบัดมือออก รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากร้านไป ไม่สนคำที่ตระโกนตามหลังมา "ฉันไม่หยุดแค่นี้แน่ ฉันไม่ยอม!!!"



    วันสังสรรค์แบบนี้นับว่าเป็นโชคดีของเธอที่จะไม่ต้องเดินเบียดเสียดกับใคร มีเวลามองนู่นมองนี่ ไม่ต้องมีใครมาแตะเนื้อต้องตัว หลังจากออกจากร้านมาเธอก็รีบวิ่งสุดฝีเท้าจนคิดว่าอีกคนคงจะไม่ตามมาแล้ว ริมฝีปากถึงได้กลับมายกยิ้มขึ้นอีกครั้ง

    เสียงอะไรบางอย่างที่ดังแผ่วๆมาจากข้างหลังเรียกให้เธอหันกลับไปมองทันที แต่แล้วกลับไม่มีอะไร เธอคงคิดไปเอง...แทยอนคิดว่าอย่างนั้น เธอคิดไปเองอย่างนี้ทุกวัน สงสัยจะระแวงมากเกินไป

    "เฮ้ แท"
    เสียงทักทายดังมาจากสนามบาสระหว่างทางเดินกลับบ้านของเธอ ร่างสูงใหญ่เพื่อนซี้ของเธอวิ่งตรงมาทางนี้ในชุดบาส เหงื่อเปียกชุ่มเสื้อ

    "แกอย่าคิดจะกอดฉัน"


    "โหย รู้ทันอยู่เรื่อยเลยว่ะ"
    ยูบินทำหน้าจ๋อยเมื่อถูกเธอดักทาง สาวร่างสูงหันกลับไปตระโกนบอกลาเพื่อนในสนามแล้วพยัดเพยิดให้เธอออกเดิน แทยอนรับรองได้ว่าหันไปมองพวกนั้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่สายตากับท่าทางของคนพวกนั้นมันกลับอยู่ในความคิดของเธอตลอดเวลาที่เดินทางกลับ


    ยูบินชกแขนเธอเบาๆ(เบาแรงของมันแต่เท่ากับหนักหนาสาหัสสำหรับเธอ) แทยอนหันไปมอง
    "แกคิดมากอีกแล้วหรอวะ พวกนั้นมันบ้าแกก็รู้อยู่"


    "งั้นคนทั้งมหาลัยก็คงบ้ากันไปหมด ยกเว้นแก ฉัน แล้วก็ซึงยอนงั้นสินะ"
    เธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ คนพวกนั้นทำอย่างกับว่าเธอเปนสิ่งชั่วร้ายที่ไม่น่าเข้าใกล้ มิตรของเธอก็หดหายไปเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่ไม่กี่คน อ่อ..ตอนนี้คงเหลือแค่คนเดียว เพราะซึงยอนคงไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว

    สีหน้าลำบากใจของยูบิน แทยอนรู้ดีถึงได้หลีกเลี่ยงการพูดเรื่องนี้มาตลอด มันเกิดจากอะไรตัวเธอก็รู้อยู่ ถึงอยากจะเถียงขาดใจว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ แต่ใจของเธอกลับคัดค้าน


    "ฉันรู้ว่าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับแก"


    "ใช่...ฉันก็รู้...ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ"แทยอนมองยูบินที่ตบไหล่เธอ "แกต้องรีบกลับรึเปล่า"แล้วคำถามนั้นมันก็เรียกสติเธอกลับมา แทยอนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันเลยเวลาที่เธอควรจะเข้าบ้านแล้ว นี่มันใกล้จะหกโมงแล้ว


    "รีบไปกันเถอะ มันจะมืดแล้ว"แทยอนพูดกับยูบิน อีกฝ่ายก็พยักหน้ากลับมาเมื่อเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ยังสงสัยจนต้องถามอีก"แกจะรีบกลับทำไมทุกวัน"


    "พ่อฉันบอกว่าไม่มีอะไรที่ไว้ใจได้"แทยอนตอบกลับไปแค่นั้น เพราะเธอเองก็ยังสงสัยในเหตุผลข้อนี้อยู่เหมือนกัน เพียงชั่วครู่เท่านั้นที่เธอเห็นสายตาของยูบินที่จ้องมองมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเฝื่อนๆ"รวมทั้งฉันด้วยสินะ"  ที่มันบอกว่ายูบินนั้นน้อยใจเพียงใด




    เธอเปิดประตูบ้านเข้าไป นาฬิกาเรือนโตในบ้านส่งเสียงดังขึ้นเมื่อถึงเวลาหกโมงพอดีเป๊ะ"เกร๊งๆๆๆ"
    แทยอนยิ้มให้กับตัวเอง เธอกลับมาทันเวลานี่มันดีจริงๆ พอเริ่มมืดเธอก็จะเริ่มปวดหัว เพราะฉะนั้นเธอก็ควรจะรีบกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวลงมาทานข้าวเย็นซะ ไม่แน่พ่อของเธออาจจะไม่รู้เรื่องที่เธอกลับมาช้าก็ได้

    "พ่อบอกไว้ว่ายังไง"
    เสียงเข้มที่ดังข้างหลังมันทำให้เธอสะดุ้งหันทั้งตัวกลับไปสิ่งยิ้มแหะๆ คุณพ่อรูปหล่อยืนพิงฝาผนังใกล้ๆกับประตูที่เธอเปิดเข้ามา เมื่อกี๊เธอคงสนใจแต่นาฬิกานั่นจนลืมสังเกต

    "ขอโทษค่ะ"ทันทีที่ตั้งตัวทันแทยอนก็ตรงเข้าไปกอดแขนคุณพ่อ ไถหัวไปกับแขนของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน จนคนเป็นพ่อถอนหายใจที่ดูแล้วเขาคงแพ้การอ้อนของแทยอนอีกเช่นเคย

    "มันอันตราย พ่อก็บอกไปแล้ว...อันที่จริงพ่อไม่อยากให้ลูกออกไปจากบ้านด้วยซ้ำ"


    "มันอันตรายยังไงล่ะคะ ก็ไม่ได้ดึกมากซะหน่อย"
    เธอพูดแค่นั้นคนเป็นพ่อก็ดึงแขนข้างที่เธอกอดอยู่ออก หันกลับมาจ้องเธอพูดอย่างชัดเจนในนคำตอบเดิมๆ"รู้แค่ว่ามันอันตรายก็พอ"



    เทพอีรอสเฝ้ามองดูนางอันเป็นที่รักอยู่ทุกวี่ทุกวัน เธอไม่กล้ากลับไปสู่สวรรค์เนื่องด้วยกลัวว่าผู้เป็นมารดาจะรู้เข้าว่าเธอไม่ทำตามคำสั่ง ยิ่งมองดูแทยอนก็ยิ่งหลงไหลจนแน่ใจแล้วว่าคงไม่อาจจะทำร้ายนางได้ ที่ทำได้คงเป็นเพียงเฝ้าคอยคุ้มครองดูแลนางอยู่ห่างๆ


    ทิฟฟานี่รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่พบว่าเตียงของเธอถูกเก็บอยู่เรียบร้อย พร้อมกับอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง หลังจากที่เธอไปอาบน้ำเพียงแค่ไม่นาน มันเป็นอย่างนี้ทุกเช้าหลังจากคืนที่เธอพบหญิงสาวลึกลับ วันนี้เธอจึงตั้งใจไว้ว่าจะคอยดูว่าใครเป็นคนมาทำสิ่งเหล่านี้

    ทิฟฟานี่แกล้งทำเป็นลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเผลอปัดเทียนไขหัวเตียงตกลงไปที่เตียงก่อนที่ตนเองจะออกจากห้อง เธอมั่นใจว่าคราวนี้คงได้รู้อย่างแน่แท้ว่าใครที่คอยช่วยเหลือเธอ ทิฟฟานี่แง้มประตูเอาไว้ พลันเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นคนเดิมที่เธอเห็นเมื่อคืนนั้นเข้ามาในห้องพร้อมกับสิ่งของประจำกายที่เธอพึ่งนึกได้ว่าครั้งนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็พกมัน คันธนูทองคำ    หญิงสาวลึกลับผู้นั้นทำเพียงยกมือขึ้นโบกเหนือเตียง ไฟที่กำลังลุกอยู่ก็ดับลงพร้อมกับเตียงที่กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ทิฟฟานี่เผลอยิ้มตามเมื่อเห็นหญิงสาวผู้นั้นยิ้มแย้มแจ่มใส

    แต่แล้วเธอกลับเผลอทำเสียงดังให้หญิงสาวลึกลับหันกลับมามองด้วยสีหน้าตกใจ


    "เจ้า...นี่เจ้าจงใจทำอย่างนี้งั้นรึ"



    "ข้าไม่ได้ตั้งใจ"
    ทิฟฟานี่รีบก้าวเข้ามาแต่กลับช้าไปซะแล้ว เมื่อหญิงสาวลึกลับหายไปจากทางหน้าต่าง ทิฟฟานี่ชะโงกหน้าออกไปดูแต่ก็ไม่พบใคร เธอผู้นั้นหายไปอย่างไร้วี่แวว



    หลังจากวันนั้นแทยอนก็ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น เธอไม่ปรากฏกายไปให้ทิฟฟานี่เห็นอีก เธอทำผิดกฏมาถึงสองครั้งสองหน และเธอก็เฝ้าคอยดูแลหญิงสาวเสียจนไม่ได้ไปทำหน้าที่ของตัวเอง แทยอนรู้ว่ามันผิดแต่กลับยากที่จะห้ามใจ 

    เช้านี้ทิฟฟานี่ดูจะสดใสร่าเริงกว่าทุกๆวัน แทยอนเห็นนางแต่งตัวงดงามกว่าปกติ แทยอนเพียงยืนมองอยู่จากตรงนี้ นางยืนอยู่รวมกับเหล่าสาวๆลูกขุนนาง แต่กลับดูเปล่งประกายเสียจนเธอตาพร่า 

    "เจ้าชายเสด็จมาแล้ว"
    แทยอนหันมองไปอีกทางไม่ใช่หันตามเสียงนั่น แต่เธอหันตามสายตาของหญิงสาวในดวงใจต่างหาก

    เจ้าชายรูปงามในรถม้า มีรอยยิ้มโปรยปรายให้ชาวบ้านทุกคน และดูเป็นที่สนใจของหญิงสาวทั้งหลาย แทยอนอยากจะภาวนาขอเพียงทิฟฟานี่คนเดียวเท่านั้น ได้โปรดอย่าสนใจชายผู้นั้นเลย...แต่แล้วเธอกลับต้องผิดหวังเมื่อสายตาคู่นั้นของทิฟฟานี่จ้องมองชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความรัก

    "เจ้ามันใจง่าย"แทยอนพูดกับตัวเองด้วยความฉุนเฉียว เธอรึเฝ้าทำดีอยู่ทุกวัน ดูๆแล้วก็รูปงามกว่ามนุษย์ธรรมดาที่มีศักดิ์เป็นเจ้าชายนั่นมาก แต่เธอกลับไม่เคยเห็นสายตานั้นเลย สายตาแบบที่เธอเฝ้ามองทิฟฟานี่แต่กลับเป็นสายตาที่ทิฟฟานี่ใช้มองเจ้าชาย


    "ข้าหวังว่าเจ้าชายจะชอบดอกไม้นี่"
    เธอมองทิฟฟานี่ที่พรึมพำกับตัวเอง หญิงสาวกดจมูกลงบนช่อดอกไม้ที่นางเรียงร้อยด้วยตัวเองอย่างประณีต ใบหน้าที่มีความสุขในการทำสิ่งนี้ให้กับคนที่ตัวเองรัก ทำไมแทยอนจะไม่รู้ในเมื่อใบหน้าของเธอก็เป็นแบบเดียวกันเมื่อได้คอยดูแลทิฟฟานี่

    แทยอนข่มใจบีบมือตัวเองแน่นเมื่อเห็นทิฟฟานี่เอาดอกไม้ไปถวายเจ้าชายในระหว่างพักซ้อมดาบ เจ้ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นรับมันมาโดยไม่มีที่ท่ารังเกียจ จะรังเกียจได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อหญิงสาวที่เอามาให้เป็นถึงลูกของหมอหลวงประจำราชวัง

    ใบหน้าเขินอายของทิฟฟานี่มันทำให้เธอปวดใจ หลังจากที่หญิงสาวเดินออกมาดูไม่ห่างนัก ไม่นานก็มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาหาเจ้าชาย เจ้าชายรูปงามวางดอกไม้ของทิฟฟานี่ลงใกล้ๆนั่นแล้วลุกไปต้นรับหญิงสาวผู้นั้นด้วยท่าทางมีความสุข





    "เจ้าเจ็บมากใช่รึไม่"แทยอนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงของทิฟฟานี่ ยกมือขึ้นลูกหัวของอีกคนแผ่วเบา มองดูคราบน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแก้มของนาง


    "ฮึก...ข้าเจ็บเหลือเกิน"ผิดคาดเมื่อหญิงสาวที่แทยอนคิดว่าหลับพลิกตัวมาดึงตัวเธอเข้าไปกอดแล้วร่ำไห้ออกมา แค่เพียงอ้อมกอดเดียวเท่านั้นก็ทำให้แทยอนลืมเรื่องโกรธเคืองหญิงสาวไปเสียสนิท เธอยกมือขึ้นกอดตอบ ลูบหลังอีกฝ่าย


    "ถ้าเจ้ารักคนที่เขารักเจ้า เจ้าก็จะไม่ต้องเจ็บเช่นนี้"



    "................"
    ไร้ซึ่งคำพูดตอบโต้ หญิงสาวเพียงซบหน้าลงที่ไหล่ของเธอพร้อมกับน้ำตาที่เปียกชื้นจนเธอรู้สึกได้ คันธนูของเธอถูกวางลงข้างเตียงของหญิงสาวผู้นี้  ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบงัน แทยอนเอนร่างของตัวเองและหญิงสาวลงบนเตียงนอน กอดกระชับอีกฝ่ายไว้แนบแน่น สูดลมหายใจเข้าให้มากที่สุดอย่างไม่รู้จักเพียงพอกับกลิ่นที่ได้รับ


    "ข้ารักเขา รักมาตั้งนานแล้ว"
    แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในถ้อยคำที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจ ทำเพียงข่มตาให้หลับลงพร้อมกับหัวใจที่บีบรัด

    "แต่ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา จะไปสู้เจ้าหญิงต่างเมืองได้อย่างไร"


    "ไม่ใช่...เจ้าคือหญิงสาวที่ล้ำค่าสำหรับข้า"
     แทยอนตอบกลับ เพียงเพื่อหวังให้ทิฟฟานี่เลิกตัดพ้อหรือเอ่ยอะไรที่น้อยเนื้อต่ำใจเช่นนั้นอีก

    "เช่นนั้นรึ..ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะทำเพื่อข้าได้รึไม่"



    "ได้สิ ข้าทำได้ทุกอย่างขอเพียงเจ้าหยุดคร่ำครวญเถิด"
    คำพูดของเทพเจ้าถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ หากได้เอ่ยไปแล้ว ย่อมต้องรักษาคำพูด แทยอนรู้ดี แต่ในเวลานี้เธออยากให้หญิงสาวในอ้อมกอดของเธอมีความสุข เพราะนางเปรียบดั่งหัวใจของเทพอีรอสผู้นี้ตั้งแต่แรกสัมผัส

    "เช่นนั้นก็ทำให้ข้ากับเขาได้รักกัน ถ้าทำได้เช่นนั้นข้าคงจะไม่มีเรื่องใดให้ทุกข์ใจอีก"
    โดยไม่รู้เลยว่าหัวใจของเธอนั้นจะทำให้เธอเจ็บปวดกับสิ่งที่นางพูดพร่ำขอร้องออกมาถึงเพียงใด




     
    "อีรอส เจ้า!!!! เจ้าทำผิดกฏสวรรค์ไปกี่ข้อรู้หรือไม่ เจ้าลูกไม่รักดี"
    แทยอนก้มหน้ารับคำต่อว่าของผู้เป็นพ่อ เธอถูกเรียกตัวกลับสวรรค์ตอนที่เธอออกมาทำใจกับคำพูดของทิฟฟานี่ เมื่อมาถึงเทพเจ้าแห่งสงครามก็แทบจะฆ่าเธอด้วยพลังอันมากล้นของเขา

    "ข้าขอประทานอภัย"

    "ขอประทานอภัยงั้นเรอะ!!! เจ้าคิดว่ามันง่ายถึงเพียงนั้นเชียวเรอะ"
    เสียงตะคอกที่ทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือน ด้วยฤทธิ์อำนาจที่รุนแรงกว่าเทพวีนัสผู้เป็นมารดาของเธอเสียอีก
    แทยอนกัดฟันพร้อมรับโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะไปโทษใครได้ในเมือมันเป็นความผิดของเธอเอง

    "แม้นได้โอกาสอีกกี่ครั้ง ข้าก็ยืนยันจะทำเพื่อนางอันเป็นที่รักเช่นนี้"

    "เจ้า!!!!! มนุษย์ต่ำต้อยด้อยข้าผู้นั้นงั้นเรอะที่เจ้าบอกว่าเป็นนางอันเป็นที่รัก ...ทุเรศสิ้นดี"
    แทยอนยันตัวเองลุกขึ้นจากการนั่งคุกเข่า ประชันหน้าผู้เป็นพ่อ"นางไม่ได้ต่ำต้อย หากนางต่ำต้อย หัวใจข้าผู้นี้ที่เป็นลูกของท่านก็ต่ำต้อยเช่นกัน
     ...เพราะนางผู้นั้นเป็นผู้ครอบครองมันทั้งหมด"

    "เจ้า!!!!!"เทพแห่งสงครามทำเพียงจ้องมองบุตรีหนึ่งเดียวของตัวเองอย่างไม่พอใจ เขาทำอะไรไม่ได้เมื่อลูกออกปากเองเช่นนี้


    "เอาเถอะ...ข้าจะทำเป็นลืมๆมันไปซะ แต่หากเจ้าทำผิดอีกครั้ง ร่างของเจ้าจะสลายไป ...ข้าคงเตือนเจ้าได้เพียงเท่านี้"
    แทยอนยิ้มรับคำพูดดังกล่าว ถึงแม้ผู้เป็นบิดาจะหันหน้าหนี ทำเป็นโกรธเคืองเพียงใด แต่เธอก็รู้ว่าเขาหวังดี "แม้นหากชาติภพหน้ามีจริง ลูกจักขอเป็นลูกของท่านอีก ...ขอบพระทัยจริงๆ"



    ทิฟฟานี่กอดคันธนูของเธออยู่ในอ้อมแขน แทยอนแค่นยิ้มบางๆ ระหว่างที่ตัวเองกำลังตัดสินใจ ทิฟฟานี่รักชายผู้นั้น และต่อให้เธอจะทำดีสักกี่ครั้งเธอก็คงไม่มีทางได้สมหวังกับนางเป็นแน่แท้  ตอนนี้มารดาของเธอคงรู้เรื่องที่เธอฝ่าฝืนคำสั่งแล้ว อีกไม่นานนางอาจหาวิธีให้ทิฟฟานี่ไปลงเอยกับชายต่ำทรามด้วยตนเองก็เป็นได้  ...แม้ตอนนี้หัวใจของเธอจะเจ็บ แต่มันคงอีกไม่นานนักหรอก

    แทยอนก้าวเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนมองเจ้าชายอยู่ สูดลมหายใจเข้าพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆบนใบหน้า"ขอคันศรของข้าคืนได้หรือไม่"
    ทิฟฟานี่สะดุ้ง หันกลับมามองเธอ ค่อยๆยื่นคันศรกลับคืนมาให้เธอ

    "เจ้าเป็นใครกันแน่ถึงได้มีของมีค่าเช่นนี้"
    แทยอนยิ้มบางๆกับคำถามนั่น แต่ไม่ตอบสิ่งใด"ข้าขอกอดเจ้าอีกทีได้หรือไม่"
    ไม่รอคำตอบ แทยอนดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด กอดแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลับตาลงซึมซับช่วงเวลาสั้นๆที่เหลืออยู่ สูดลมหายใจเพื่อจดจำสิ่งสุดท้าย แม้เธอจะต้องจากไปแต่สิ่งที่เธออยากให้มันอยู่กับเธอเสมอคือสิ่งนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับนางอันเป็นที่รัก

    คนตรงหน้าขยับตัวดันเธอ แทยอนยอมปล่อยอีกฝ่ายออกมา"ข้ามีหน้าที่แผลงศรให้คนรักกัน ...กฏสำคัญสำหรับข้าคือห้ามมิให้ผู้ใดได้เห็นหน้า ห้ามตกหลุมรักมนุษย์ ห้ามไม่ให้ผู้ใดรู้ตัวตน และสุดท้าย...ห้ามแผลงศรขัดโชคชะตา"

    ถึงแม้จะเห็นทิฟฟานี่ตกตะลึงแต่แทยอนก็ยังคงพูดต่อ"อยากเห็นมั้ย ข้าจะทำให้ดู" แทยอนฝืนยิ้ม กลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกไป รีบเสกลูกศรสองลูกออกมาบนมือ กำลูกศรลูกนึงแน่น สลับกับมองคนตรงหน้า สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจปักมันลงบนอกของทิฟฟานี่ด้วยมือที่สั่นเทา

    "เจ้าจะทำอะไรน่ะ" แทยอนไม่ฟังเสียงของอีกคน ยกคันศรขึ้น ใส่ลูกศรลงไปเล็งแล้วกลั้นใจยิ่งมันออกไปที่ตำแหน่งหัวใจของชายผู้ที่ทิฟฟานี่รัก ทันทีที่ทำเสร็จทิฟฟานี่ก็ผลักเธอด้วยแรงมากที่สุดที่ผู้หญิงคนนึงจะทำได้ มือบางลงมือทุบตีเธอ ร่างกายของเธอไม่ได้เจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่หัวใจของเธอกลับบีบรัดมากขึ้นทุกที อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกหมดแรงเสียดื้อๆ คันศรในมือของเธอกำลังแหลกเป็นผุยผงลงสู่พื้นดิน แทยอนบีบมือแน่นเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บปวดกาย แต่นั่นไม่ได้มาจากการทำร้ายของหญิงสาวที่ร่ำไห้ด่าทอเธออยู่

    "หากข้าฝ่าฝืนกฏครบทุกข้อ ร่างกายของข้าจะสลายไป"แทยอนทรุดตัวลงอย่างหมดแรง ทิฟฟานี่ถอยห่างอย่างตกใจ ไม่นานหญิงสาวก็กลับเข้ามาใกล้เธอด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ"เจ้าเป็นอะไรไป"
    เธอถามอย่างนั้น แทยอนอยากจะตอบ แต่ตอนนี้เธอกำลังรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายก่อนสิ้นลม ทิฟฟานี่เข้ามาพยุงเธอแต่กลับสัมผัสตัวเธอไม่ได้ ภาพหญิงสาวมีน้ำตา ตระโกนหาคนมาช่วยเธอยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด ต่อจากนี้เทพวีนัสจะทำอะไรทิฟฟานี่ไม่ได้อีก และหญิงสาวผู้นี้ก็จะมีความสุขกับคนที่นางรักตลอดกาล

    หยดน้ำตาของแทยอนหลั่งรินลงมา น่าแปลกที่มันกระทบกับฝ่ามือของหญิงสาวผู้นี้ได้ แทยอนกลั้นใจพูดสิ่งสุดท้ายที่ต้องการทำ"อาจดูเป็นเรื่องที่โง่เขลา แต่ข้ายอมทำผิดกฏทุกข้อได้เพื่อเจ้า...เจ้าผู้เป็นดั่งดวงใจแห่งเทพอีรอสผู้นี้"แทยอนยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง ร่างกายของเธอค่อยๆสลายลงไปพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือภาพเจ้าชายที่พึ่งมาถึงเข้ามาประคองทิฟฟานี่ด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก
    ...........อย่างน้อยครั้งนี้ ความตั้งใจของเธอก็สำเร็จ เท่านั้นก็เพียงพอ....................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×