ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [INFINITE]Love Music Story Project(Myungsoo x Sungjong)

    ลำดับตอนที่ #2 : Baby,I Love U...

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 55


    Baby,I Love U…

     

     

    ร่างคนสองคนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก...

     

    “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ซองจงเอ่ยแล้วส่งยิ้มให้คนตรงหน้า รอยยิ้มที่มยองซูอยากจะมองไปตลอด

     

    “แล้วนี่ไม่มีคนอยู่บ้านหรอ?” มยองซูถามหลังจากที่มองไปในบ้านที่มืดสนิท

     

    “อ่อ พ่อกับแม่ไปบ้านญาติที่ต่างจังหวัดน่ะครับ วันมะรืนถึงจะกลับ”

     

    “อย่างนี้ซองจงก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ”

     

    “ครับ”

     

    “ให้พี่มานอนเป็นเพื่อนไหม?”

     

    “พี่มยองซูหมายความว่ายังไงครับเนี่ย?!!!” ถามออกไปพร้อมกับตาสวยที่เบิกกว้างออก

     

    “ก็นอนไง ซองจงคิดไปถึงไหนล่ะ” ไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กแบบกะทันหันจนซองจงสะดุ้งและถอยหลังจนเกือบจะหงาย แต่ดีที่มือแกร่งของมยองซูดึงเอวบางไว้ทันพอดี หน้าซองจงแดงระเรื่อขึ้นทันที ก่อนจะรีบผลักคนตรงหน้าออก ก่อนมือเรียวจะรีบไขกุญแจประตูบ้านแล้วรีบเดินเข้าไป ก่อนจะหันหลังกลับมา

     

    “ทำไมไม่เดินตามมาล่ะครับ จะมาอยู่เป็นเพื่อนผมไม่ใช่หรอ” เอ่ยบอกอีกคนก่อนจะรีบหมุนตัวกลับแล้วรีบก้าวเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็วเพราะหน้าเค้าต้องกำลังขึ้นสีอยู่แน่ๆ ปล่อยให้มยองซูยืนเอ๋ออยู่หน้าบ้าน เค้าหูฝาดไปหรือเปล่านะ? หรือว่าเค้ากำลังฝันไป? มือแกร่งยกขึ้นมาหยิกแก้มตัวเอง

     

    “โอ๊ย เจ็บ! ไม่ได้ฝันนี่หว่า! ซองจงรอพี่ด้วย” มยองซูรีบวิ่งตามซองจงเข้าไปในบ้านทันที

     

     

    มยองซูเดินดูรอบๆบ้านที่เค้าเพิ่งเคยเข้ามาครั้งแรก ถึงจะคบกับซองจงมาเกือบปี เดินมาส่งคนตัวเล็กอยู่ทุกวัน แต่เค้าก็ได้แค่ยืนอยู่หน้าบ้านเท่านั้น เมื่อกี้เค้าเลยคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป ก็แค่ตั้งใจจะแหย่ให้อีกคนเขินเล่นๆ แต่มันกลายเป็นว่าเค้าได้เข้ามาในบ้านซองจงจริงๆ

     

    “พี่มยองซูครับ” เสียงของคนตัวเล็กร้องเรียก

     

    “หืม?”

     

    “หิวหรือเปล่า ผมทำอะไรให้ทานไหม?” ซองจงเอียงคอแล้วถามมยองซู

     

    “ไม่หิวหรอก ข้าวน่ะ หิวอย่างอื่นมากกว่า” พูดแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่มองเค้าด้วยสายตาตื่นๆก่อนจะเดินถอยหลังไปช้าๆ จนแผ่นหลังติดกับกำแพง

     

    “อุ๊ย!” ซองจงหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่แขนแกร่งของมยองซูจะยกขึ้นมากั้นไม่ให้อีกคนหนีได้ มยองซูเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกคนช้าๆจนสัมผัสลมหายใจของกันและได้ มยองซูมองใบหน้าสวยของคนตรงหน้าที่กำลังหลับตาปี๋แล้วอดไม่ได้ที่จะขำออกมา

     

    “ฮ่าๆๆๆ ซองจงนี่ตลกชะมัด” เลื่อนใบหน้าออกมากก่อนจะยกมือไปลูบหัวคนที่กำลังมองเค้าด้วยสายตาค้อนๆ

     

    “ทำไมพี่ถึงชอบแกล้งผมจังนะ”

     

    “หรืออยากให้พี่เอาจริงล่ะ แบบนั้นก็ได้นะ” พูดแล้วเลื่อนหน้าลงไปอีกครั้ง ก่อนที่ซองจงจะเสียจูบแรกให้กับมยองซู คนตัวเล็กก็รีบลอดตัวออกจากวงแขนของมยองซู แล้ววิ่งไปยืนอยู่ห่างๆพร้อมกับหน้าสวยที่แดงระเรื่อ ซึ่งน่ามองมากสำหรับมยองซู

     

    “ตกลงพี่จะทานข้าวไหมครับ? ถ้าไม่ทานผมจะขึ้นไปอาบน้ำนอนแล้วนะ” ร่างบางตะโกนถามอีกคน

     

    “ทานสิ” บอกแล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้ ต่อให้เค้าไม่หิวเลยก็ยังอยากจะชิมฝีมือของซองจงสักครั้ง ถึงอิ่มจนท้องจะแตกก็จะบอกว่าหิว แต่จะให้เค้าหิวได้ยังไงล่ะ แค่มองหน้าคนตรงหน้าเค้าก็อิ่มแล้วล่ะ...

     

    “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะครับ! พี่มยองซูไปนั่งรอก่อน ถ้าเสร็จแล้วผมจะเรียกเอง”

     

    “แต่พี่อยากไปช่วยหนิ” พูดแล้วเตรียมจะก้าวเท้าเข้าไปหา

     

    “ไม่ต้องครับ! นะครับ พี่ไปนั่งรอเถอะนะ” พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆที่เป็นใครก็ต้องยอมทั้งนั้น

     

    “โอเคๆ” พออีกคนตอบ ซองจงก็รีบวิ่งเข้าไปในครัว ก่อนจะชะโงกหน้าออกมา

     

    “พี่มยองซูไม่ต้องเข้ามาที่ครัวเลยนะครับ” ตะโกนบอกแล้วหายเข้าไปอีกครั้ง ปล่อยให้อีกคนยืนขำกับท่าทางน่ารักๆ เพราะเป็นแบบนี้ไง...ถึงได้อยากจะแกล้งบ่อยๆ

     

    จะรู้ตัวบ้างไหมนะว่าเวลาเขินน่ะ ตัวเองน่ารักมากขนาดไหน...อี ซองจง

     

     

    “พี่มยองซูครับ พี่มยองซู” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยเรียกแล้วเขย่าคนที่หลับอยู่ขนโซฟาเบาๆ

     

    “อ๊ะ!” เพราะยังไม่ทันตั้งตัว คนที่ดูเหมือนหลับอยู่ก็ดึงตัวซองจงเข้าไปหาจนร่างเล็กล้มลงทับคนที่นอนอยู่

     

    “มายั่วกันถึงที่เลยหรอ?” จ้องมองไปที่ดวงตาสวยของตนตรงหน้าก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

     

    “บ้าหรอครับ! ใครยั่วพี่กัน ผมมาเรียกพี่ไปทานข้าวต่างหาก แล้วนี่พี่แกล้งหลับหรอ?” ซองจงพยายามจะดันตัวลุกขึ้นแต่ก็ติดอยู่ที่แขนแกร่งของอีกคนยังกอดรัดเค้าไว้ไม่ยอมปล่อย

     

    “พี่มยองซูปล่อยสิครับ ไปทานข้าวกัน” ซองจงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแล้วทองหน้าอีกคนด้วยดวงตาอ้อนวอน

     

    “ลุกก็ได้”

     

    “อ๊ะ!” เพราะมยองซูลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ซองจงที่นอนทับอยู่หงายหลังจนไปติดกับโซฟา กลายเป็นว่าตอนนี้มยองซูกำลังคร่อมร่างของซองจงอยู่ ซองจงตกใจจนตาเบิกกว้างขึ้น

     

    “แต่ไม่หิวข้าวซะแล้วสิ หิวอย่างอื่นมากกว่า” ก้มลงกระซิบข้างๆใบหูของคนที่ตัวแข็งทื่อ

     

    “ฮ่าๆๆๆ แกล้งซองจงนี่สนุกจัง” มยองซูลุกขึ้นก่อนจะดึงร่างบางที่ยังไม่ได้สติให้ลุกตามขึ้นมา

     

    “พี่นี่มัน...” ซองจงสะบัดมือออกจากมือของมยองซู่ก่อนจะเดินไปที่ครัวทันที มยองซูรีบเดินตามร่างเล็กไปทันที

     

    “ซองจงอ่า โกรธพี่หรอ” ซองจงไม่ยอมมองหน้ามยองซูเลยตั้งแต่ที่เค้าเดินเข้ามาในครัวจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่กำลังกินข้าวกันอยู่

     

    “เปล่าครับ” พูดทั้งที่ก้มหน้าจนแทบจะฟุบลงกับโต๊ะกินข้าว

     

    “ไม่โกรธแล้วทำไมไม่มองหน้าพี่ล่ะ?”

     

    “ก็ผม...ผมไม่อยากมองหนิ!” เงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะก้มลงไปทันทีที่สบตากับมยองซู เห็นท่าทางของคนตรงหน้าแล้วมยองซูพอจะเข้าใจแล้วว่าที่ซองจงไม่ยอมมองหน้าหรือคุยกับเค้าเพราะอะไร

     

    “เขินหรอ?”

     

    “ก็แล้วทำไมพี่ถึงชอบแกล้งผมนักเล่า” เงยหน้าขึ้นมาก่อนเอ่ยค้อนคนตรงหน้า

     

    “ก็ชอบเวลาที่ซองจงเขิน น่ารักดี” ทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกคน ซองจงก็หน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง พี่มยองซูกำลังทำให้หัวใจของเค้าเต้นแรงจนมันจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!

     

    “พี่เลิกทำแบบนี้นะครับ ถ้ายังทำอีก...ผม...ผมจะให้พี่กลับบ้านเลย!

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ โอเคๆ วันนี้จะไม่แกล้งแล้ว”

     

    “ต้องทุกวันสิครับ!” เงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะเจอกับสายตาของอีกคนที่มองมา ซองจงรีบลุกขึ้นก่อนจะหยิบจานข้าวแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เค้าทนสายตาแบบนั้นของพี่มยองซูไม่ไหว สายตาที่ทำแทบจะทำให้หัวใจของเค้าระเบิดออกมาซะให้ได้ พี่มยองซูอยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปแบบนี้แล้วอี ซองจงคนนี้จำทำยังไงดี?

     

    “ซองจง” เสียงเรียกเบาๆของคนที่มายืนอยู่ข้างตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังขึ้นมาเรียกสติคนที่กำลังยืนเหม่ออยู่ตรงหน้าอ่างล้างจาน

     

    “คะ..ครับ?” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาอีกคน

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเรายืนล้างจานใบนี้นานแล้วนะ ขัดมันอยู่นั่นแหล่ะ ลายมันลอกออกหรือยังก็ไม่รู้”

     

    “เอ๋? อ่อ ปะ...เปล่าหนิครับ ผมก็ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

     

    “คิดเรื่องของพี่ล่ะสิ” เอ่ยออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ รอยยิ้มที่ทำให้ซองจงแทบจะละลายลงไปที่พื้น

     

    “พี่นี่หลงตัวเองชะมัด” มองค้อนคนหลงตัวเองหน่อยๆก่อนจะรีบก้มหน้าลงไปสนใจจานที่อยู่ในมือ

     

    “หรือว่าไม่จริงล่ะ ซองจงน่ะ โกหกไม่เนียนหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ” แกล้งพูดแย่คนขี้อายก่อนจะขโมยหอมแก้มของร่างบางแล้วรีบวิ่งไปอีกฟากของโต๊ะกินข้าวทันที

     

    “พี่มยองซู!!! คราวนี้ผมไม่ยอมแล้วนะ” ตะโกนออกมาพร้อมกับวางจานที่ยังเลอะฟองอยู่ลง แล้ววิ่งไปหาอีกคนซองจงตั้งใจจะป้ายฟองในมือให้อีกคนเลอะ

     

    “เฮ้ย! ซองจง มันเลอะนะ” ตะโกนบอกขณะที่วิ่งหนีไปรอบๆโต๊ะ

     

    “ไม่รู้แหล่ะ ผมต้องจัดการพี่ให้ได้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

     

    “ถ้าหยุดพี่ก็เลอะสิ พี่ไม่หยุดหรอก” ขายาวเตรียมจะวิ่งหนีอีกครั้งก่อนจะชะงักเพราะเสียงร้องของอีกคน

     

    “โอ๊ย!” พอมยองซูหันหลังกลับมาก็เห็นซองจงนั่งพับอยู่ที่พื้นแล้ว เค้ารีบวิ่งไปอยู่คนตัวเล็กทันที

     

    “เป็นอะไรมากไหม? เจ็บมากหรือเปล่า?” เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับก้มลงดูข้อเท้าเล็กของซองจง

     

    “เจ็บมากเลยครับ พี่มยองซูช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นที” ซองจงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ตาแดงกล่ำของอีกคนทำเอามยองซูแทบจะทำอะไรไม่ถูก รีบพยุงซองจงขึ้นทันที

     

    “พี่มยองซู”

     

    “หืม? มีอะไรหรอ?” ถามร่างเล็กที่กำลังสั่นเทา ใจของมยองซูกระตุกหวูบ ซองจงกำลังร้องไห้หรอ?

     

    “ขอโทษนะครับ ฟวู่!!!” มยองซูยังไม่ทันหายงงกับคำขอโทษของอีกคน ซองจงก็ยกมือที่เต็มไปด้วยฟองขึ้นมาก่อนจะเป่าใส่มยองซูทันที

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” พอแกล้งคนขี้ห่วงได้แล้ว ซองจงก็รีบวิ่งออกให้ห่างอีกคนทันที

     

    “อี ซองจง! นายโกหกพี่หรอเนี่ย?!!!” ตอนที่เห็นดวงตาที่แดงกล่ำเค้าก็นึกว่าร่างบางเจ็บจนน้ำตาไหล ตอนที่เห็นร่างบางสั่นเทาก็คิดว่ากำลังร้องไห้อยู่ แต่มันไม่ใช่...อี ซองจงกำลังกลั้นขำต่างหาก!!!

     

    “ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมก็แกล้งพี่คืนไม่ได้สิ หน้าพี่ตอนที่มีฟองอยู่ ก็ดูหล่อไปอีกแบบนะครับ คิคิ” ร่างบางหัวเราะชอบใจกับผลงานของตัวเอง

     

    “แบบนี้มันต้องเอาคืน!” มยองซูวิ่งไปที่อ่างล้างจานก่อนจะใช้มือกวาดฟองให้เต็มมือ แล้วหันกลับมามองซองจงก็กำลังหาทางหนีอย่างตื่นๆ

     

    “เราต้องเลอะด้วยนะซองจง...” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่นเบา แต่คนฟังอย่างซองจงรู้สึกว่าเป็นเครื่องเตือนภัยอันตรายที่กำลังจะมาเยือน

     

    “อย่านะครับ พี่มยองซู ว๊ากกกกก!!!” ขาเรียวสวยรีบวิ่งหนีทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามาหา

     

    หากมีใครมองเข้ามาจากข้างนอก จะเห็นร่างสองร่างกำลังวิ่งวุ่นกันอยู่ภายในห้องครัวพร้อมกับมือที่เต็มไปด้วยฟอง ต่างคนต่างพยายามเป่าฟองใส่อีกคนอย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมกับเสียงตะโกนโวกแวกโวยวายและเสียงหัวเราะของทั้งสอง ก็คงจะเป็นภาพที่ทำให้คนมองยิ้มตามได้ไม่อยาก

     

     

     

    “เหนื่อยจัง” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นก่อนนั่งจะลงบนโซฟาข้างๆร่างสูงที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

    “ก็เราอ่ะแหล่ะ เล่นอะไรก็ไม่รู้ เลอะทั้งหมดแถมห้องครัวก็เลอะ ต้องมาทำความสะอาดอีก” มยองซูพูดขึ้นก่อนจะยกมือมาขยี้ผมร่างเล็กที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเบาๆ

     

    “ก็พี่ด้วยอ่ะแหล่ะ มาแกล้งผมคืนทำไมเล่า ไม่งั้นก็ไม่เลอะขนาดนี้หรอก”

     

    “อ้าว โทษพี่อีก เรานี่มัน...”

     

    “กำลังดูอะไรอยู่หรอครับ?” ถามขึ้นแล้วมองไปที่ทีวีตรงหน้า

     

    “ฟุตบอลน่ะ เคยดูหรือเปล่า”

     

    “เคยสิครับ! บ้านผมก็มีทีวีอยู่ เห็นไหมเนี่ย?!!” ซองจงหันไปถลึงตาใส่มยองซู ก่อนมือเรียวจะยกขึ้นมาชี้ทีวีตรงหน้า

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ รู้แล้วๆ ก็ถามไปงั้นแหล่ะ โมโหไปได้”

     

    “ไม่ได้โมโหสักหน่อย ว้าว นักบอลคนนั้นหล่อจัง ชื่ออะไรหรอครับ” ใบหน้าที่บึ้งตึงตอนแรกกลับดูร่าเริงขึ้นมาทันทีจนมยองซูรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

     

    “ไม่รู้” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แต่ทำไมเค้าจะไม่รู้ชื่อนักฟุตบอลคนนี้ล่ะ นักฟุตบอลในดวงใจเลยแหล่ะ แต่ตอนนี้ชักเริ่มไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาซะแล้ว หลังจากนี้เค้าอาจจะกลายเป็นแอนตี้แฟนไปล่ะมั้ง

     

    “พี่เนี่ยนะไม่รู้จัก ชอบดูไม่ใช่หรอครับ ต้องรู้จักสิ”

     

    “เออๆ พี่รู้จัก แต่ไม่บอกซองจงหรอก”

     

    “อ้าว ทำไมล่ะครับ?” มองด้วยแววตาสงสัยจนมยองซูต้องยอมบอก...

     

    “ก็ไม่ชอบที่ซองจงบอกว่าเค้าหล่อ” สารภาพออกไปพร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึงขึ้น

     

    “พี่กำลังหึงหรอ? หึงนักฟุตบอลในจอททีวีเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ” ใบหน้าซองจงตกใจทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกคน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำแทน

     

    “แล้วพี่ไม่หล่อสำหรับซองจงหรอ?”

     

    “หล่อสิครับ หล่อมาก” ซองจงตอบแล้วจ้องมองไปที่ดวงตาของอีกคน แต่กลับเป็นซองจงเองที่มองเบนหน้าหนีสาตาของมยองซู เป็นเค้าทุกทีที่ต้องแพ้ก่อน

     

    “แล้วระหว่างพี่กับนักฟุตบอลคนนั้นใครหล่อกว่ากัน”

     

    “นักฟุตบอลครับ” คำตอบแบบซื่อตรงของซองจงทำเอามยองซูหน้าเหวอไปเลย จะมีใครที่ไหนบอกว่าคนอื่นหล่อกว่าแฟนตัวเองบ้างไหม...

     

    “แต่ผมรักพี่มยองซูหนิ ไม่ใช่นักฟุตบอลคนนั้นสักหน่อย” เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาก่อน แต่ก็ชัดเจนมากสำหรับมยองซู ใบหน้าเข้มเผยยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินจะก่อนจะหันไปหาอีกคนที่ก้มหน้างุดลงไปจนหน้าแทบจะติดกับอกตัวเอง

     

    “พี่ก็รักซองจง” พอพูดจบมยองซูก็ดึงร่างเล็กเข้ามากอดหลวมๆ

     

    “รู้แล้วน่า วันนี้พี่ก็บอกไปตั้งหลายครั้ง” ซองจงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆขณะที่หน้าก็ซุกลงไปที่อกของมยองซู ปฏิกิริยาแบบนี้ทำไมมยองซูจะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดกำลังเขินอยู่

     

    “เราไปนอนกันเถอะ!

     

    “ห๊ะ! แต่ฟุตบอลพี่ยังไม่จบเลยนะครับ

     

    “ไม่ดูแล้ว ไม่ชอบขี้หน้านักฟุตบอล”

     

    “อุ๊ย!” ร่างเล็กอุทานออกมาหลังจากที่โดนคนตัวสูงอุ้มขึ้นแล้วรีบโอบคออีกคนทันทีเพราะกลัวหล่น

     

    “เดี๋ยวอุ้มไปดีกว่า ซองจงจะได้ไม่เมื่อย”

     

    “พี่มยองซูปล่อยเถอะครับ ผมเดินเองได้” พูดทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าอีกคนเพราะเขินอาย

     

    “ไม่เอาอ่ะ ถ้าซองจงไม่ยอมให้พี่อุ้มไป พี่ไม่สัญญาว่าจะแค่นอนอย่างเดียว” คำขู่ของมยองซูทำเอาร่างเล็กในอ้อมแขนแข็งทื่อและนิ่งเงียบไปทันที

     

    มยองซูวางร่างเล็กบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาคลุมร่างเล็กไว้ ก่อนปากหยักจะก้มลงไปสัมผัสกับหน้าผากของอีกคนอย่างอ่อนโยน

     

    “หลับฝันดีนะครับเจ้าหญิง เดี๋ยวคืนนี้องครักษ์คนนี้จะคอยปกป้องเจ้าหญิงเอง” เอ่ยออกมาแล้วเตรียมจะก้าวเท้าเดินไปที่โซฟาปลายเตียง แต่มือเรียวของอีกคนก็ดึงชายเสื้อไว้ซะก่อน

     

    “หืม?”

     

    “เจ้าหญิงคนนี้ไม่ต้องการองครักษ์ให้มาเฝ้านี่ครับ” คิ้มเข้มของมยองซูขมวดเข้าหากันเพราะคำพูดของคนตัวเล็กบนเตียง

     

    “แต่เจ้าหญิงอยากมีเจ้าชายมานอนอยู่ข้างๆมากกว่า” ถ้าตอนนี้ในห้องมีแสงมากพอ มยองซูก็คงจะได้เห็นใบหน้าสวยของซองจงที่กำลังแดงระเรื่อได้ชัดเชน แต่ถึงไม่มีแสงไฟมยองซูก็พอรู้ว่าอีกคนกำลังเขินอายมากแค่ไหน ใบหน้าเข้มเผยยิ้มออกมาทันทีก่อนจะเดินไปที่อีกฝากของเตียงแล้วล้มตัวนอนข้างๆร่างบางที่กำลังแข็งทื่อทั้งที่เป็นคนเอ่ยชวนแท้

     

    ต่างคนต่างเงียบไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากอีกฝ่าย มยองซูนอนมองแผ่นหลังของซองจงที่หันหลังให้ไม่วางตา ส่วนซองจงก็เอาแต่มองโคมไฟพร้อมกับปากเล็กที่บ่นขมุบขมิบไม่มีเสียง

     

    “ซองจง”

     

    “คะ..ครับ?” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆมยองซูก็เรียกเค้า ก่อนจะหันมาเจออีกคนที่นอนตะแครงมองมาที่เค้า

     

    “ทำไมยังไม่นอนล่ะ?”

     

    “ก็ผมนอนไม่หลับ...แล้วพี่ล่ะครับ?”

     

    “ไม่ชิน...ไม่มีหมอนข้างให้กอด” คำตอบของมยองซูทำให้ซองจงต้องเลิกคิ้วขึ้น ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่มยองซูติดหมอนข้างด้วย

     

    “งั้นเดี๋ยวผมไปหามาให้นะครับ” ซองจงเตรียมจะลุกขึ้นไปหาหมอนข้างมาให้มยองซูอย่างที่พูดออกไป แต่มือแกร่งของอีกคนก็ดึงร่างบางให้เข้าไปหากอดแขนแกร่งจะกอดโอบไว้

     

    “พี่มยองซู ปล่อยสิครับ ผมจะได้ไปหาหมอนข้างมาให้” ซองจงพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นแต่แรงเค้าก็น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับอีกคน

     

    “จะไปหาทำไม ก็มีแล้ว”

     

    “หืม?”

     

    “ก็ซองจงไง” พอได้ยินคำตอบใบหน้าสวยก็งุดลงไปซบกับอกของอีกคนทันที

     

    “พี่อยากได้หมอนข้างแบบนี้มากกว่า อยากนอนกอดซองจงแบบนี้มานานแล้ว” มยองซูกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น โดยที่ร่างบางในอ้อมกอดก็กอดเค้าตอบ

     

    “ราตรีสวัสดิ์นะครับ เด็กน้อยของพี่”

     

    “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

     

    ซองจงรู้สึกว่าไม่เคยมีคืนไหนที่นอนแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้มาก่อน ร่างบางของซองจงขยับเข้าไปหาไออุ่นจากอีกคน ร่างทั้งสองร่างหลับไปพร้อมกับไออุ่นที่สัมผัสได้ของกันและกัน

     

     

    “กรี๊ดดดดดดดด!!! ซองจง” เสียงกรี๊ดของหญิงสาววัยกลางคนทำให้ซองจงที่อยู่ในอ้อมกอดของมยองซูลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนตาสวยจะเบิกกว้างขึ้นแล้วตื่นอย่างเต็มตา

     

    “คุณแม่!!!

     

    “คุณเป็นอะไร?!!!” ยังตกใจไม่หาย เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นมาทำให้หัวใจของซองจงต้องทำงานหนักอีกครั้ง

     

    “เฮ้ย!!! ไอ้หมอนั่นใคร?!!!” พอเห็นร่างสูงของอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆซองจง ชายวัยกลางคนก็ตกใจพร้อมกับตะโกนออกมา ซองจงหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาตื่นๆก่อนจะหันกลับมามองมยองซูที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย

     

    “แก ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!!” พ่อของซองจนเข้ามาเขย่าร่างของมยองซูอย่างแรง

     

    “พ่อครับ หยุดนะครับ” ซองจงพยายามห้ามผู้เป็นพ่อไว้ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะได้สติแล้วเข้ามาช่วยดึงร่างของชายวัยกลางคนออกไป เสียงเอะอะทำให้มยองซูลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะเจอกับสายตาของคนสามคนในห้องที่มองมาที่เค้าเป็นตาเดียว

     

    “เกิดอะไรขึ้น แล้วคุณสองคนเป็นใคร?” หันมองไปรอบๆด้วยสีหน้างัวเงียก่อนจะหันไปถามซองจงที่กำลังทำหน้าอยากจะตายซะให้ได้

     

    “ฉันกับผู้หญิงคนนี้ เป็นพ่อแม่ของซองจง!!!” คำตอบของชายวัยกลางคนทำเอามยองซูที่งัวเงียอยู่เมื่อสักครู่เบิกตาขว้างทันที

     

     

    มยองซูและซองจงนั่งนิ่งเงียบอยู่บนโซฟาตัวยาวให้ห้องรับแขก ขณะที่มีแม่ของซองจงนั่งอยู่บนโซฟอีกตัวพร้อมกับจ้องมองคนทั้งสองอยู่ไม่วางตากับผู้เป็นพ่อของซองจงที่เดินไปเดินมาพร้อมกับมองคนทั้งสองอยู่เป็นระยะๆ

     

    “ใครก็ได้ อธิบายมาสิ” ร่างท้วมหยุดเดินแล้วเดินเข้าไปใกล้มยองซูกับซองจงพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจ

     

    “อะ...เออ พี่มยองซูเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนครับ เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อย พี่เค้าเลยมาส่งผมที่บ้าน แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนเพราะผมต้องอยู่คนเดียว” ร่างเล็กเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อพร้อมกับหันมองมยองซูเป็นระยะ

     

    “แค่นั้น?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม แล้วจ้องมองลูกชายตัวเองอย่างจับผิด ซองจงหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นแม่ที่ดูเหมือนว่าจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร

     

    “ลูกบอกแบบนั้นก็แบบนั้นสิคุณ จะคะยั้นคะยอลูกทำไม”

     

    “จริงหรอ?” ประโยคนี้ชายวัยกลางคนหันไปถามมยองซูที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาของสามคนพ่อแม่ลูก

     

    “ครับ” มองใบหน้าสวยของซองจงแล้วตอบไปด้วยความมั่นใจ

     

    “แต่ว่า...ซองจงยังบอกไม่หมดนะครับ” คิ้วของผู้เป็นพ่อและแม่ของซองจงขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินสิ่งที่มยองซูเอ่ยออกมา แต่ตาสวยของซองจงกลับเบิกกว้างขึ้น

     

    “อะไร?”

     

    “ซองจงไม่ได้บอกว่าผมเป็น...ว่าที่ลูกเขยของบ้านนี้ครับ!!!

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×