ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] treasure {Jackbam}

    ลำดับตอนที่ #9 : :: Treasure ตอนที่ 8 ::

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 57



























     

    -  Dear past –

     

    ทำไมมึงไม่มาเล่นกับพวกกูวะมาร์คเด็ก หนุ่มวัย 15 ปี สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินโคลนบ่งบอกถึงความรักผจญภัยของเด็กคน นี้ เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองกำลังจะเดินเข้าบ้านไป

    กูไม่ว่างมา ร์ค เด็กหนุ่มวัยเดียวกัน ต่างกันตรงที่เขาสองคนดูจะมีนิสัยที่ขัดกันมาก คนนึงพูดเยอะคนนึงพูดน้อย ตอบกลับด้วยหน้าตาที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เด็กหนุ่มคนแรกเห็นแบบนั้นก็ขัดใจขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย

    คนอย่างมึงเนี่ยนะไม่ว่าง มือแม่งนิ่มละมุนขนาดนั้นยังจะพูดจาเหมือนคนทำงาน

    มึงก็ไปเล่นกับพี่มึงสิมาร์คดูมีอาการไม่พอใจกับคำพูดประชดประชันของอีกฝ่ายขมวดคิ้วตอบปัดๆหวังจะให้อีกคนรีบๆไปจากหน้าบ้านเขาสักที

    จินยองนอนเกาท้องหมาอยู่ที่บ้าน ชวนมาเล่นแล้วมันไม่เล่น

    ขนาดพี่มึงยังไม่อยากเล่นกับมึงเลย - -

    อย่าเล่นตัวดิ เร็วไปเล่นกัน ในเมืองมีเด็กมาใหม่ด้วยได้ยินพ่อคุยกับแม่คนเซ้าซี้ไม่ยอมละความพยายาม พูดจาเชื้อเชิญหาสิ่งเร้าให้อีกฝ่ายสนใจ

    แจ็คสัน กูว่ามึงเลิกคบหาสมาคมกับมนุษย์สักทีเถอะมาร์คพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

    ทำไมวะ?”

    กูไม่ชอบพวกมนุษย์

    มึง พูดอะไรมึงรู้ตัวมั้ยเนี่ย ที่ผ่านมาก็มนุษย์ไม่ใช่หรอที่มึงเรียกว่าเพื่อนอะ ไอ้กงชานก็มนุษย์ แถมสนิทกับมึงที่สุดด้วย แล้วจู่ๆมาพูดว่าไม่ชอบมนุษย์...คราวนี้กลับเป็นแจ็คสันบ้างที่มีน้ำโห สีหน้าของเขาดูไม่เข้าใจคนตรงหน้าโดยสิ้นเชิง

    กูจะเข้าบ้านแล้วนะมาร์คไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายหันหลังกลับเตรียมจะเดินเข้าบ้าน

    เออ เรื่องของมึง ชอบหนีปัญหา กูไปเล่นคนเดียวก็ได้แจ็ค สันไม่รอช้าเขากลับหลังหันวิ่งเข้าเมืองไปโดยไม่หันกลับมามองคนข้างหลังเลย สักนิด เด็กหนุ่มพูดน้อยยืนกำหมัดตัวเองแน่น ดวงตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นฉายแววกังวลขึ้นมาทันทีหลังจากที่ แจ็คสันจากไป เขาไม่ได้เกลียดมนุษย์แต่อย่างใด เขารักเพื่อนๆของเขา เขาอยากจะไปเล่นกับเพื่อนๆของเขาอย่างที่เคยทำ กงชาน ดงจุน มินฮวัน หรือกับคนอื่นๆ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว...

    มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ... มันเป็นสิ่งที่แม่เขาตั้งหากที่ต้องการ

     

     

    เด็ก หนุ่มที่ขี้เซ้าซี้ในวัยเด็กกลายเป็นเด็กหนุ่มขี้โมโหเมื่อเขาโตขึ้น หวัง แจ็คสันกำลังนอนฟุบลงกับโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองพรางจ้องกระถางต้นไม้ที่ เขาเรียกมันว่าแจ็คกี้อย่างคนไม่มีอะไรทำ ตอเล็กๆที่ตอนนี้เริ่มจะโผล่พ้นดินขึ้นมามากขึ้น มันทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง

    แบมๆยังรักผมอยู่และจะรักมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ผมรู้!

    เสียงในหัวของเขากำลังพูดกับตัวเอง แจ็คสันยิ่มกริ่มอยู่คนเดียวราวกับว่าโลกนี้มีเขากับต้นแจ็คกี้เท่านั้น

    ป่วยหรอวะ?”

    เชี่ยยยยย... ไอ้จินยอง

    ร่าง หนาดีดตัวเองขึ้นมานั่งหลังตรงทันทีเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายตัวเอง เขาหันไปมองก็ปรากฏร่างสูงของอีกคนกำลังนอนกินส้มอยู่บนเตียงของเขาหน้าตา ไร้ซึ่งกังวล

    ใครป่วย?”

    ก็มึงไง เห็นนอนยิ้มหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว คิดว่าป่วยว่าพรางพ่นเม็ดส้มใส่คนตรงหน้าที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่โต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียง

    อย่ามาทำห้องคนอื่นสกปรกได้มั้ย!”

    พูดเหมือนทำความสะอาดเองงั้นแหละ

    กูฟ้องแม่นะ

    เอะอะอะไรก็ฟ้องแม่ เดี๋ยวกูฟ้องพ่อบ้างหรอก!” จินยองลุกขึ้นมานั่งพูดจาโผงผางใส่น้องชายตัวเองก่อนจะนึกออกได้ว่าเขามีเรื่องจะพูดกับคนตรงหน้า

    เอ้อ ช่วงนี้มึงสัมผัสอะไรแปลกๆได้ปะ?” เขาลองเชิงถามคนตรงหน้า

    อย่างเช่น?”

    เช่นพวก... การมาของใครไรเงี้ย

    พูดมาเลยดีกว่า มีไรแจ็คสันขี้เกียจเล่นทายปัญหากับพี่ชายตัวเองก่อนจะพูดประโยคตัดบท จินยองได้ยินแบบนั้นก็กลืนส้มชิ้นสุดท้ายลงคอก่อนจะเกาหัวแก้เก้อ

    กูไม่รู้ว่ากูตาเฝื่อนตาฝาดหรือป่าวนะ แต่วันนี้กูเดินผ่านบ้านแบมๆ...

    มึงไปเดินผ่านบ้านแบมๆทำไม?” จินยองไม่ทันได้พูดจบร่างหนาก็แทรกขึ้นมา น้ำเสียงสงสัย ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะปัดมือไปมากลางอากาศ

    เรื่องนั้นไม่สำคัญเว้ย มึงฟังกูก่อน สำคัญกว่ากูเดินผ่านบ้านแบมๆอีกแจ็คสันยังคงมีสีหน้าสงสัย แต่เรื่องที่จินยองจะพูดดูสำคัญกว่า ไม่งั้นมันไม่ยอมเข้ามาในห้องของเขาแบบนี้หรอก

    ...

    จะฟังป่าว?”

    ก็พูดมาสิ

    ก็เห็นแม่งเงียบ คิดว่าจะเดินมาต่อย = =

    กูเจอไอ้มาร์ควะ

    ...

    ไอ้มาร์คอะ...จินยองทวนประโยคอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

    เจอที่ไหนนะ?”

    ในบ้านแบมๆ

    ในบ้านแบมๆ?”

    มึงกลายเป็นคนสมองขาดน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย - -

    แล้วมันไปทำอะไรบ้านแบมๆแจ็คสันดูมีอาการกระวนกระวายใจจนเห็นได้ชัด

    กูก็ไม่รู้วะ

    พรืดดดด

    อ่าว แล้วมึงจะไปไหน?” อยู่ๆแจ็คสันก็ลุกขึ้นยืน จินยองที่นั่งอยู่บนเตียงได้แต่เงยหน้ามองตามอย่างแปลกใจ

    ไปหาแบมๆ

    กูต้องไปด้วยมั้ย?” จินยองลุกขึ้นยืนบ้าง

    ...

    เออกูอยู่นี่ก็ได้ครับจินยองทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงอีกครั้งเมื่อแจ็คสันส่งสายตามาให้

    อย่าเพิ่งบอกแม่แล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องไปดูให้แน่ใจก่อนว่ามันมาทำอะไรที่นี่ แล้วมากับใคร

    มึงพูดจาเหมือนพระเอกในหนังเลยวะจินยองทำท่าเลียนแบบน้องชายตัวเอง

    จริงจังนะเว้ย เข้าใจมั้ยเนี่ย

    เออ กูไม่บอกหรอก รีบไปปะ ป่านนี้แบมๆเลือดหมดตัวแล้วมั้ง

    ปาก!”

    ว้ากกก กูหลอกครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

    ....

    ถ้า ไม่ติดว่าเป็นพี่นี่โบกหัวแตกไปแล้วเนี่ย... ร่างหนาถอนหายใจกับคนตรงหน้าก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง เป้าหมายของเขาคือบ้านของแบมๆที่ที่เขาเพิ่งจากมาไม่กี่ชั่วโมง

     

     

    ฝีเท้า หนามาหยุดลงที่หน้าบ้านของคนตัวเล็ก สายตาสอดส่องเข้าไปภายในตัวบ้านแต่เขากลับไม่เห็นใครนอกจากหญิงวัยกลางคนคน นึงกำลังทำความสะอาดห้องรับแขกอยู่ แม่ของแบมๆดูจะไม่ทันสังเกตร่างหนาที่ยืนอยู่หน้าบ้านเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้ม ตากวาดพื้น เมื่อร่างหนาเห็นแบบนั้นเขาก็รีบเดินอ้อมไปหลังบ้านเพื่อที่จะไปเช็คให้แน่ ใจว่าแบมๆอยู่ในห้องหรือป่าว

    หน้าต่างที่เปิดออกเป็นประจำที่ร่างเล็กชอบทำเวลาเขาอยู่ห้องทำให้แจ็คสันสบายใจขึ้นเพราะนั่นแสดงว่าแบมๆยังอยู่ดี(?) เขายืนจ้องอยู่ที่หน้าต่างสักพักก่อนจะเห็นแบมๆเดินผ่านไป แต่ว่านายนั่น...ถอดเสื้อเดินหรอเนี่ย?... แจ็คสันยืนตาค้างสักพักก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป จะอาบน้ำไม่ว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปิดหน้าต่าง ไอ้เด็กนี่หนิ!

    ปัง! เสียง หน้าต่างปิดเบาๆด้วยฝีมือของร่างหนาที่ยืนมองอยู่ข้างล่างก่อนที่เขาจะหาย ตัวไป ร่างเล็กที่เดินไปสวมเสื้อเมื่อกี้เดินมาดูที่หน้าต่างด้วยความแปลกใจก่อนจะ เปิดหน้าต่างออกอีกครั้งเมื่อไม่เห็นอะไรที่ผิดสังเกต

    ลมก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น หน้าต่างปิดได้ไงเนี่ย...

     

    ร่าง หนาเดินไปทั่วเมืองหวังจะได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ข้อสรุปที่เขาสงสัยมานานว่าหญิงสาวหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมนั่นเป็นผล มาจากมาร์คจริงๆ เขาพยายามใช้ความรู้สึกหรือเซนต์ในทุกๆอย่างที่จะสามารถตามหาตัวอดีตเพื่อน ของเขา แต่กลิ่นและความรู้สึกนั่นก็ดูเหมือนจะอยู่ทั่วทั้งเมืองนี้ไปหมด เขาไม่สามารถหาตำแหน่งที่แท้จริงได้เลย อยู่ไหนของมันนะ...

    ใน ขณะที่แจ็คสันยืนครุ่นคิดอยู่ในมุมตึกแห่งหนึ่งใกล้ๆกับโรงเรียนของเขา จู่ๆฟ้าก็มืดครึ้มทั้งๆที่ในตอนแรกไม่มีทีท่าว่าจะเป็นแบบนี้เลยสักนิด แจ็คสันเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างแปลกใจก่อนจะสัมผัสถึงของเหลวหยดลงมาบนหน้า ของเขาทีละเม็ด สายฝนที่เริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆทำให้แจ็คสันมีสีหน้าไม่พอใจ

    ยิ้มหน่อยสิวะ เมื่อก่อนมึงชอบไม่ใช่หรอฝนหนะ

    แจ็ค สันหันซ้ายหันขวามองตามต้นเสียงเมื่อเขาไม่เห็นใครเลยเงยหน้ามองไปด้านบนตึก ข้างๆ ชายร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่บนตึกสามชั้นกำลังก้มมองเขาอยู่ รอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนหน้าเขาทำให้แจ็คสันนึกถึงอดีตที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน อย่างบอกไม่ถูก หลากหลายอารมณ์ถาถมเข้ามาในตัวเขา แจ็คสันพยายามเพ่งสายตาไปที่ร่างสูงโปร่งนั่น เม็ดฝนที่ถาถมตกลงมาทำให้เขามองไม่ชัดจนหน้าหงุดหงิดใจ

    มึงมาทำไม?”

    หวืดดด ตุบ! ร่าง สูงโปร่งกระโดดลงมาจากตึก 3 ชั้นมายืนประจันหน้ากับร่างหนา ทั้งสองคนตัวเปียกชุ่ม อากาศที่เริ่มหนาวบวกกับน้ำฝนที่ยิ่งทำให้ทรมานขึ้นไปอีก แต่ดูเหมือนจะไม่กระทบกระเทือนสองคนนี้เอาเสียเลย

    นั่นคำทักทายของเพื่อนเก่าหรอวะเนี่ยมาร์คทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ แต่แจ็คสันก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับคำพูดตัวเอง

    กูคิดว่าตระกูลมึงจะไม่เหลือแล้วเสียอีกร่างหนายังคงใส่คำพูดทิ่มแทงไม่จบสิ้น อีกฝ่ายได้ยินประโยคล่าสุดก็ได้แต่ยืมจ้องหน้าคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อย่างที่เขาชอบทำ

    ก็ยังเหลือกูนี่ไง...

    ...

    แล้วแม่ที่แสนดีของมึงไปไหนเสียแล้วหละ ถึงปล่อยให้ลูกมาเดินเพ่นพานแบบนี้ได้คำตอบของมาร์คทำให้แจ็คสันกระตุกไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงผู้เป็นมารดา

    สนใจทำไม ครอบครัวมึงไม่เคยให้ความสำคัญกับพวกกูอยู่แล้ว จะถามทำไมให้เปลืองน้ำลายวะ

    สี หน้าของคนโดนถามดูไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายถามถึงผู้เป็นแม่ของเขา ความรู้สึกถึงเหตุการณ์ในอดีตพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทั้งสองอย่างชัดเจนขึ้น

     

    ฝน ตกกระหน่ำ พายุพัดข้าวของกระจุยกระจายไปทั่วหมู่บ้าน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยดับไฟที่ลุกโชนไปทั่ว บ้านทุกหลังที่มีไฟท่วมไปทั่วหลังคาเรือน ชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนีเพื่อจะเอาชีวิตรอด แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถหนีออกมาจากตัวบ้านได้ทัน...

    ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยผมที!!” เสียงกรีด ร้องของเด็กผู้ชายที่ยังติดอยู่ในตัวบ้านเสียงดังไปทั่ว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นเนื่องจากเสียงฟ้าร้องดันกลบบวกกับเสียงคน อื่นที่ร้องโวยวายหนีตายกันหัวซุกหัวซุน

    แค่กๆๆ มีใครอยู่ตรงนี้มั้ย ช่วยผมที!” เสียง ร้องนั่นยังคงดังต่อเนื่อง เขาพยายามที่จะกระโดดลงมาจากหน้าต่างแต่ดูเหมือนว่ามันจะอยู่สูงเกินไปซึ่ง เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ฝนที่ตกหนักไม่ได้ช่วยให้ความร้อนของเปลวไฟที่กำลังจะถึงตัวเขาลดลงเลยสัก นิด ความทรมานที่เพิ่มมากขึ้น มันกำลังทำให้เขาแย่ลง

    นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นวะไอ้มาร์ค!” แจ็ค สันที่วิ่งเข้ามาในตัวเมืองเมื่อรู้ข่าวว่าเกิดไฟไหม้ลามไปทั่ว เขาตะโกนถามผ่าเสียงฟ้าร้องและเสียงโหวกเหวกโวยวายของชาวบ้านที่กำลังวิ่ง หนีกันอยู่ มาร์ค เด็กหนุ่มที่ได้แต่ยืนมองเพื่อนวัยเดียวกันของตัวเองที่กำลังทนทุกข์ทรมาน ร้องเรียกขอความช่วยเหลืออยู่ด้านล่าง เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆทั้งสิ้น แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบดบังได้

    เห้ย! นั่นมันไอ้กงชานนี่หว่า ไอ้เชี่ยเอ้ยแจ็ค สันเงยหน้าไปเจอภาพเหตุการณ์เดียวกันกับที่ร่างโปร่งกำลังยืนมองอยู่ เขาเตรียมจะวิ่งเข้าไปหาแต่มาร์คก็คว้าเสื้อของอีกฝ่ายไว้ก่อน

    เดี๋ยวมึงได้ไหม้ตายหรอก มึงโดนไฟได้ที่ไหนมาร์คพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

    คนพวกนี้ก็โดนไฟไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ นั่นไอ้กงชานนะเว้ย!” แจ็ค สันผลักอกมาร์คออกก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาเพื่อนที่เริ่มจะหมดแรง แจ็คสันวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของกงชานที่ตอนนี้เปลวไฟเริ่มสูงขึ้นจนลาม ไปถึงห้องที่กงชานอยู่ มาร์คเห็นแบบนั้นก็วิ่งไปหยุดอยู่ข้างๆแจ็คสันอย่างเสียไม่ได้

    มึงจะเข้าไปยังไง?” มาร์ คยืนมองแจ็คสันที่หันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางเข้าแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางไหน ที่เขาจะสามารถเข้าไปได้ ตอนนี้ร่างกายของเขาทั้งสองก็เริ่มแสบด้วยระยะไฟที่ใกล้ตัวพวกเขาขึ้น เรื่อยๆ

    มันต้องมีทางเข้าสิวะ!” แจ็คสันตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตอนไหน น้ำฝนชะล้างหยดน้ำตานั่นก็จริง แต่ดวงตาที่แดงกล่ำไม่ได้ปกปิดอะไรเลย

    ช่วยกูด้วย กูไม่ไหวแล้ววว!” เสียง กงชานตะโกนลงมาข้างล่างอีกครั้งเมื่อเขาเห็นเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนด้วย แววตาที่มีความหวัง ไฟเริ่มลุกลามจนตอนนี้ประชิดตัวของเด็กหนุ่มเข้ามาเรื่อยๆ
    อดใจไว้ก่อนนะมึง กูกำลังจะไปช่วยมึงแล้ว

    หยุดเดี๋ยวนี้นะแจ็คสัน!” ก่อน ที่แจ็คสันจะวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน เสียงปรามของผู้หญิงคนนึงก็ดังขึ้นมาด้านหลัง ทั้งสองคนหันไปมองก่อนจะตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

    แม่มาร์คเอ่ยทักขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ

    ทำไมเด็กสองคนนี้ไม่ยอมกลับบ้านแม่ ของมาร์คพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความ หมายอะไรกับเขาเลย แจ็คสันได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการโมโหสุดขีด

    คุณน้าทำไมไม่ทำอะไรสักอย่างละครับ พวกคนพวกนี้กำลังจะตายนะครับ!”

    แววตาที่เจ็บปวดของแจ็คสันส่งตรงไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แต่เธอก็ทำได้แค่ยิ้มปลอบใจ

    คนเรามีเกิดก็ย่อมมีตาย

    ทำไมพูดแบบนี้ละครับ!”

    คนพวกนี้ไม่สมควรอยู่ร่วมกับเราแจ็คสัน! มีสติได้แล้ว ครอบครัวนายกำลังทำให้กลุ่มคนอย่างเราๆเสื่อมเสีย

    หญิง วัยกลายคนท่าทางดูมีอำนาจหน้าเกรงขามมีสีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายป่าเถื่อน เสียงฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่วหมู่บ้านฝนตกหนักมากขึ้นบวกกับเปลวเพลิงที่ถาโถม ทวีคูณ...

    ฝีมือคุณน้าใช่มั้ย...แจ็คสันกัดฟันพูดก่อนจะชอนตาไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเขาเลย

    พวกเธอช่วยเพื่อนไม่ได้หรอก... เสียใจด้วยแล้วกันนะ มาร์ค กลับบ้าน

    ...

    ทั้ง แจ็คสันและหญิงวัยกลางคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ใช้สายตาจับจ้องไปที่เด็กชาย สูงโปร่งเป็นตาเดียว คนนึงมีแววตาขอร้องว่าอยากให้อยู่กับอีกคนนึงที่แววตามีคำสั่งว่าให้กลับ..

    ...ครับ แม่

    ต้องยังงี้สิ กลับบ้านได้แล้ว หวัง แจ็คสัน

    หญิง วัยกลางคนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินผ่าฝูงชนที่กำลังวิ่งหนีตายกันยกใหญ่พร้อม กับลูกชายที่เดินตามกลับไปโดยไม่หันกลับมามอง... ความโกรธถาโถมเข้ามาใส่ร่างหนาที่ยืนกำหมัดแน่น ไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากคนข้างบน... เหลือไว้แต่ความเจ็บปวดและความโกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาไม่สามารถปกป้องคนพวกนี้ได้ หรือแม้แต่เพื่อนรักของเขา กงชาน... กูขอโทษ...

     

     

    สาม วันให้หลังคนชั่งคุยอย่างแจ็คสันได้แต่เงียบไม่พูดไม่จาหากไม่มีใครถามเขา แบมๆเห็นแบบนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยพาเขามาสังสรรค์กับพวกเพื่อนๆของเขา ซึ่งยูคยอมดูจะไม่เต็มใจนักกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญมา ขวดแอลกอฮอล์ที่ดูเหมือนจะเล็กไปสำหรับแจ็คสันเริ่มหมดเป็นขวดที่ 3  แบมๆเริ่มรู้สึกไม่ดีกับอาการคนตรงหน้าก็อดที่จะห้ามปรามเสียไม่ได้

    ดื่มเยอะไปแล้วมั้ยอะพี่แจ็คแบมๆนั่งมองคนข้างๆ นึกแล้วก็อยากจะกระชากขวดเบียร์ออกจากมือ

    พวกนายอะดื่มน้อยแจ็ค สันพูดทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าแบมๆเลยด้วยซ้ำ ยูคยอมที่นั่งฝั่งตรงข้ามยกเบียร์เข้าปากบ้างก่อนจะทำหน้าเหยเกกับรสชาติที่ ขมแสบคอของน้ำเมา

    ไอ้บ้านั่นมันกินเข้าไปได้ไงวะตั้ง 3-4 ขวด...

    พี่อยากให้ผมดื่มเยอะเท่าพี่หรอ?” แบมๆพูดขึ้นด้วยความโมโห แจ็คสันผินตามามองร่างเล็กที่นั่งข้างๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาดูไม่ใส่ใจคนข้างๆเลยช่วงนี้

    นายอะไม่สมควรดื่ม แต่เพื่อนนายอะ... ตามใจแจ็คเหลือบตามองยูคยอมที่ทำหน้าไม่พอใจตรงหน้ากับยองแจที่พยายามจะเรียกพนักงานเพื่อจะสั่งอาหารเพิ่ม

    ช่วงนี้พี่เป็นอะไรหรือป่าว?”

    สามวันมานี่นายเจอมาร์คบ้างมั้ย?” อยู่ๆแจ็คสันก็พูดชื่อบุคคลที่สามขึ้นมา แบมๆที่เคยเล่าเรื่องเพื่อนข้างบ้านให้แจ็คสันฟังทำหน้าคิดก่อนจะพยักหน้า

    เจอเมื่อสองวันที่แล้ว เอาของมาให้แล้วก็ไป

    ของ?”

    อื้อ แต่ผมไม่รู้หรอกมันคืออะไรอะ ยังไม่ได้แกะดูเลย

    นายเอามามั้ย?”

    ป่าว อยู่ที่ห้องสิ ถามทำไม ไปเจอกันมาแล้วหรอสองคนนี้แบมๆมีน้ำเสียงสงสัยขึ้นมาทันที แจ็คสันทำหน้านิ่งก่อนจะส่ายหัว

    จะไปเจอกันได้ไง นายไม่เคยพามาให้รู้จักสักหน่อยแจ็ค สันโกหก เขาไม่อยากให้คนตัวเล็กมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ แค่เรื่องที่มาร์คมันมาตีสนิทกับแบมๆเขาก็เครียดพอตัวแล้ว ไม่รู้จริงๆว่ามันต้องการอะไร ถ้าแบมๆมารู้เรื่องอดีตต่างๆของเขากับมาร์ค คนอย่างแบมๆไม่มีทางอยู่เฉยแน่ๆ ชอบหาเรื่องทำอะไรโง่ๆ ทำอะไรที่ผมต้องคอยเป็นห่วง...

    ผมว่ามาร์คเขาดูมีความเศร้ายังไงชอบกล แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ผมยังไม่รู้เลยผมเคยสนิทกับเขามากแค่ไหน

    แบมๆทำหน้าคิดอีกครั้งก่อนจะล้มเลิกไปเนื่องจากว่าคิดให้ตายก็คิดไม่ออก แต่ในทางกลับกันมาร์คก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับเขา  เป็น แต่เด็กหนุ่มพูดน้อยแววตามีเรื่องราวที่แบมๆก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาผ่าน อะไรมากบ้าง แล้วที่สำคัญ ทำไมถึงอยากจะเจอแจ็คสันนักนะ...

    นายนั่นเล่าอะไรให้นายฟังบ้างหรือป่าว?”

    ไม่ค่อยอะ แค่บอกว่าเห็นผมแล้วนึกถึงเพื่อนคนนึง

    ...แจ็คสันนั่งนิ่งไปสักพักก่อนจะเอื้อมมือปาดผมหน้าร่างเล็กให้พ้นใบหน้าหวานนั่น

    บางทีนายก็ทำให้ฉันเป็นห่วงจนจะเป็นบ้าเลยรู้ตัวมั้ย?” อยู่ๆแจ็คสันก็พูดขึ้นมาเบาๆที่ดูเหมือนจะมีแค่แบมๆเท่านั้นที่ได้ยิน ยูคยอมที่พยายามแย่งขวดเบียร์ออกจากมือของยองแจก็ไม่ได้สนใจอะไร

    แล้วทำไมพี่ต้องห่วงผมอะไรขนาดนั้นด้วยเล่า ผมก็อยู่ของผมแบบนี้มาก่อนจะรู้จักพี่อีกนะ

    ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่สีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังเขินกับคำพูดของอีกฝ่ายมันชัดเจนมาก

    ก็ตอนนี้นายมาอยู่ในโลกของฉัน... มันอันตรายกว่าที่นายจินตนาการเอาไว้เสียอีก

    งั้นพี่สัญญากับผมได้มั้ย ว่าจะไม่ทิ้งผมไป

    ...

    ไม่ทิ้งให้ผมอยู่ในโลกของพี่แต่กลับไม่มีพี่ แบบนั้นผมไม่ยอมหรอกนะครับ

    แบ มๆจ้องเข้าไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง แววตาที่ดูอ่อนหวานหน้าปกป้องทำให้แจ็คสันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกหากว่าเขาดูแล คนตรงหน้าได้ไม่ดีพอ... หัวใจที่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวากว่าที่ผ่านมา หัวใจของหวัง แจ็คสัน กำลังเต้นเหมือนคนปกติธรรมดา

    ฉันสัญญา

     

     

    หลังจากกลับมาจากการสังสรรค์ที่สถานที่บันเทิงแห่งหนึ่งแจ็คสันก็อาสามาส่งแบมๆอย่างทุกครั้ง  ยูคยอมที่แทบจะปลีกตัวอาสาไปช่วยไม่ได้เนื่องจากยองแจที่เมาแอ๋พร้อมจะหลับได้ทุกที่ เขาเลยจำเป็นต้องเป็นฝ่ายไปส่งแทน

    ลูกมีเพื่อนหน้าตาดีทุกคนเลยนะเนี่ยแม่แบมๆทักขึ้นหลังจากที่เชิญให้แจ็คสันเข้ามาในบ้าน แจ็คสันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริจนแบมๆนึกหมั่นไส้ นี่เป็นครั้งแรกที่แจ็คสันตัดสินใจเข้าบ้านแบมๆทางประตู(?)

    ขอบคุณครับคุณน้า

    ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ แต่ก็ขอบใจนะที่มาส่งลูกชายแม่ถึงบ้านเลย ดึกๆแบบนี้อันตราย แล้วเราจะกลับยังไงเนี่ยแม่แบมๆดูเป็นห่วงเป็นใยแจ็คสันจนเขารีบพยักหน้าตอบ

    ครับ สบายมากผมเอารถมา

    ถ้าถึงบ้านก็โทรมาบอกแบมๆหน่อยแล้วกันนะลูก เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำก่อน กลับบ้านดีๆนะจ่ะ

    แม่แบมๆลูบหัวแจ็คสันก่อนจะเดินหายเข้าห้องไป แจ็คสันอดหัวเราะไม่ได้กับความกระตือรือร้นของแม่อีกฝ่าย

    นิสัยเหมือนนายเลย

    ก็แม่ผมอะแบมๆพูดยิ้มๆก่อนจะพาแจ็คสันเข้ามาในห้อง เนื่อง จากว่าแจ็คสันดิ้นรนอยากจะเห็นของที่มาร์คได้ให้แบมๆไว้ พอเข้ามาถึงแบมๆก็ตรงดิ่งไปที่เตียงตัวเองก่อนจะหยิบของชิ้นเล็กที่อยู่บน หัวเตียงส่งมาให้แจ็คสัน

    อันนี้อะ ผมพยายามเปิดหลายรอบแล้วมันเปิดไม่ออก

    แจ็ค สันยืนมองนิ่งก่อนจะหยิบมันมาไว้ที่มือ นี่มัน...กล่องแหวนของไอ้กงชานนิ แจ็คสันหมุนไปหมุนมาสองสามทีกล่องเล็กรูปทรงวงกลมก็เปิดออกก่อนจะปรากฏแหวน วงนึงที่ไม่ได้สลักอะไรไว้เลย แจ็คสันหยิบมันออกมาดูใกล้ๆอย่างโหยหาภาพเหตุการณ์ก่อนๆ

    พี่เปิดมันได้ไงอะแบมๆดูตกใจเนื่องจากว่าเขาพยายามเปิดออกแต่ก็เปิดมันไม่ได้สักที

    ทำไมมาร์คถึงให้สิ่งนี้กับนาย มัน... เขาได้พูดอะไรมั้ย?” แจ็คสันรีบเปลี่ยนสัพนามทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดคำสนิทออกไป

    บอกแค่ว่า ฉันให้ พูดแค่เนี้ยแบ มๆดูมีสีหน้าสงสัยไม่น้อยพอนึกถึงคำพูดของมาร์ค แจ็คสันมองหน้าแบมๆแปบนึงก่อนจะมองลงที่กล่องรูปทรงกลมอันเล็กอีกครั้งเมื่อ รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ในนั้นนอกจากแหวน เขาหยิบกระดาษสีขาวที่พับไว้เล็กมากออกมา แต่เขาก็ยังไม่ได้เปิดมันออกแต่กลับบอกให้แบมส่งมือมาให้เขา

    นายควรจะใส่แหวนวงนี้ไว้นะ

    หะ?” แบมๆที่รับแหวนจากมือของแจ็คสันร้องเสียงหลงด้วยความสับสน

    ก็ดีกว่าเอาไปโยนทิ้งแหละหนะ เอาเป็นว่าถือว่าฉันให้แหวนวงนี้แทนมาร์คแล้วกันแจ็คสันฝืนยิ้มร่าเริงออกมาเพื่อให้แบมๆเล่นตาม

    อะไรกัน นี่มันของมาร์คชัดๆ

    ก็ถ้าเป็นของมันนายก็จะไม่อยากใส่ แต่ถ้าบอกว่าเป็นของฉัน นายต้องรักษามันเยี่ยงชีพ!” ถึง แม้ว่าแจ็คสันจะมีกังวลเล็กน้อยกับแหวนวงนี้ แต่เขาก็ไว้ใจแบมๆมากที่สุดว่าแบมๆคงจะไม่ทำมันหาย แบมๆมองหน้าแจ็คสันแปบนึงก่อนจะหยิบแหวนใส่ที่นิ้วชี้ข้างขวาของตัวเองพอดิบ พอดี

    ผมใส่ได้พอดีเลยอะแบมๆชูนิ้วขึ้นเพื่อจะโชว์แหวนให้อีกฝ่ายดู แจ็คสันเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา

    นายต้องสัญญานะว่าจะเก็บแหวนวงนี้ไว้อย่างดี

    ก็ได้ครับ ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วจะเป็นแหวนที่มาร์คให้ก็ตามนะ ฮ่าฮ่าฮ่าแบมๆที่ดูไร้เดียงสา ไร้ซึ่งความกังวลในแววตาของเขา มีแต่ความบริสุทธิ์ที่ร่างหนาเห็นแล้วอยากจะโอบอุ้มเอาไว้ดูแล... นายจะเป็นตัวแทนของกงชานแล้วนะแบมๆ

     

    เวลา ผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในเมือง จนรุ่งเช้าในเมืองที่เคยเต็มไปด้วยหมู่บ้านที่ครึกครื้นและผู้คนที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส่ เป็นหมู่บ้านที่มีแต่รอยยิ้มและความสุข เป็นหมู่บ้านที่ถือว่าเป็นความทรงจำที่แสนจะวิเศษของเด็กหนุ่มพูดน้อยคนนึง

    เท้า เล็กเดินเข้ามาในหมู่บ้านที่รกร้างเต็มเกลื่อนไปด้วยซากปรักหักพักของผลที่ ได้จากเมื่อคืน กลิ่นไอความทุกข์ทรมานยังมีให้ได้รู้สึก ควันไฟที่ยังคงประทุออกมาจากบ้านแต่ละหลังบ่งบอกว่าไฟเพิ่งจะดับไปไม่ได้ไม่ นานนัก มาร์คเดินมาหยุดอยู่ตรงบ้านหลังนึง หลังที่วันก่อนเขาได้เดินหันหลังให้มันไป เขาค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินเข้าไปในกองขี้เถ้าและเศษไม้ที่ดูไม่ เหมือนบ้านนั่น สายตาสอดส่องไปทั่ว ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นกระดูกของเพื่อนที่ตัวเองรัก... เขาใช้เท้าเขี่ยเศษไม้ออกเมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งของบางอย่างกระทบกับแสงแดดทำ ให้มันสะท้อนมาที่ตาของเขา

    แหวน... แหวนแบบเดียวกันกับที่เขาใส่อยู่ เขาก้มหยิบมันขึ้นมาก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด น้ำตาที่เขาไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ถูกปล่อยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาตัดสินใจเก็บแหวนวงนั้นไว้กับตัวนับแต่นั้นมา ถึงมันจะเป็นเครื่อง เตือนความทรงจำที่เจ็บปวด แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็ยังมีความทรงจำที่งดงามเกี่ยวกับมิตรภาพของเขาอยู่ มิตรภาพระหว่างเขา กงชานและ แจ็คสัน...

     

     

    Dear past

     

    แหวนสาบาน... ถ้าใส่ไม่ครบสามคนก็คงไม่ใช่แหวนสาบานหรอกจริงมั้ย? กู ตัดสินใจให้แหวนแบมๆเพราะกูรู้ว่าสักวันมึงจะต้องเห็นมัน เพราะมีมึงคนเดียวที่เปิดได้ นอกจากกูกับไอ้ชาน... นี่ไม่ใช่จดหมายสันติหรืออย่างไร เดี๋ยวมึงได้เจอกูอีกแน่

    ปล. ถึงแม้ว่ากูจะรู้สึกดีกับแบมๆเพราะนายนี่เตือนให้กูนึกถึงไอ้กงชานก็เถอะ อย่าได้ปล่อยให้คลาดสายตาก็แล้วกัน

     แจ็คสัน..

     

    แจ็ค สันขยำกระดาษแผ่นเล็กแน่นก่อนจะโยนมันทิ้ง เขาก้มลงมองแหวนที่อยู่ที่นิ้วของตัวเองพรางนึกถึงภาพเก่าๆ เป็นแหวนแบบเดียวกันกับที่ให้แบมๆใส่ เป็นแหวนวงเดียวกันกับของไอ้มาร์ค... แหวนสาบาน



     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------


     

    ใจนึงไรท์ก็สงสารมาร์คนะคึ T^T

    น้องไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นจริงๆ งื้ออออ

    รักไรท์ รัก #JACKBAM
     

     

    © themy b

    utter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×