คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : U will strong 100% [Rewrite]
ห้องเกรดเอบวก
“ชางมิน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทันทีที่ทั้งสามคนเข้ามาถึงห้อง จุนซูก็ถลาเข้าไปคว้าชางมินเมื่อถามให้รู้เรื่อง
“ฉันบอกแล้ว ว่านายอย่ารู้เลย”
ขอโทษ ฉันบอกไม่ได้จริงๆ ฉันไม่อยากให้คนอย่างนายต้องแปดเปื้อนเพราะคนเลวๆอย่างฉัน
“นายก็บอกว่าอย่ารู้ๆ พูดเป็นสิบครั้งแล้ว นายเคยคิดว่าฉันเป็นเพื่อนบ้างไหม!”
จุนซูตะโกนใส่อย่างเหลืออด ตลอดมาเขาอดทนกับเพื่อนผู้มากความลับมาเกินพอแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องรู้บ้างแล้ว
“จุนซู ใจเย็นๆก่อน”
แจจุงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าชางมินเริ่มที่จะร้องไห้ มือบางๆลูบหลังเพื่อปลอบชางมิน แต่
“ขอดทษนะ แจจุง จุนซู วันนี้ ฉันเหนื่อย นายสองคนจะทำอะไรก็ทำไปนะ ขอตัว”
ขอโทษ...แต่ฉันมันคนเลว นายอย่าสนใจเลย ฉันมันเลวจริงๆ
ชางมินค่อยๆปลดมือแจจุงออกจากตัวเองแล้วหันหลังเข้าห้องๆหนึ่งไป ห้องที่มีคำสั่งว่าไม่ใช่เอ็มเพรสห้ามเข้า\ ภายในห้องนั้น ถูกตกแต่งอย่างเรียบๆแต่ก็สวยไปอีกแบบ
“พี่..”
เมื่อชางมินเข้าไปถึง น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับอัดอั้นมานาน ชางมินเดินเข้าไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่วางกรอบรูปอันหนึ่งไว้
“พี่จินกิ พี่จุนกิ..ผมขอโทษ”
ชางมินคุกเข่าลงข้างๆโต๊ะแล้วฟุ่บตัวร้องไห้ ในมือกอดรูปคนสองคนไว้แน่น ใบหน้าที่มีเค้าโครงเดียวกัน ควีนและปริ๊นซ์เซสคนเก่า ลี จินกิ และ ลี จุนกิ
ทางด้านแจจุงและจุนซู
“ฮึก ทำไม แจจุง ทำไมชางมินถึงไม่เคยเชื่อใจฉันเลย ฮึก”
ลับหลังชางมิน จุนซูก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา เสียงหวานสั่นสะอื้นอย่างน่าสงสาร
“ใจเย็นๆก่อนจะ จุนซู ชางมินเขาคงแค่เหนื่อย ไว้เขาหายเหนื่อยแล้วค่อยถามก็ได้”
แจจุงกอดปลอบเพื่อนเบาๆ แต่จุนซูกลับส่ายหน้า
“ฮึก ฉันไม่เคย รู้เรื่องของชางมินเลย ชางมินบอกแค่ว่าเขาถูกจับมาตอนเด็ก ฮึก”
จุนซูพูดเสียงสั่น แจจุงนิ่งเพื่อฟัง ในหัวครุ่นคิดเรื่องที่ได้ยินมา
“จุนซู ใจเย็นๆนะ เรื่องนี้ ฉันว่าเราต้องสืบให้รู้ให้ได้ แม้มันจะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่เราจะทำ... อดีตของชางมินท่าทางจะเป็นปริศนามากกว่าที่เราคิด”
แจจุงพูดแล้วลูบหลังเพื่อนเบาๆ จุนซูปาดน้ำตาออกแล้วยิ้มให้เพื่อนตรงหน้า
“อือ สักวัน เราจะต้องรู้ความจริงของชางมินให้ได้ แต่ก่อนอื่น ฉันจะอธิบายเรื่องกฎต่างๆให้ฟังนะ”
จุนซูหายใจช้าๆก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์พูดแล้วจูงมือแจจุงไปนั่งบนเตียง ก่อนจหยิบกระดาษสีดำแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“นี่คือกฎหลักของที่นี่ เป็นกฎของพวกเกรดเอบวกที่ต้องทำให้ได้”
จุนซูยืนให้แจจุงดูแล้วอธิบาย
กฎของโฮสต์เกรดเอบวก
1.ห้ามมีความรักต่อลูกค้า ฝ่าฝืน ตายทั้งเป็น
2.นายหญิงถือเป็นใหญ่ที่สุด ไม่ว่าพูดอะไรต้องทำตาม
3. นายหญิงถูกเสมอ
4.ห้ามออกมาจากห้องยกเว้นถึงเวลาตรวจเวรหรือเวลาทำงาน
5.โทษของการหนี คือ ตายทั้งเป็น
6. โทษของการฝ่าฝืนกฎโฮสต์เกรดเอบวกคือ ตายทั้งเป็น
“กฎนี่มันอ่ะไรเนี่ย”
แจจุงหลุดบ่นออกมาทันทีที่อ่านจบ
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าต้องทำตาม โดยเฉพาะข้อแรก ที่ชางมินสั่งไว้ว่าต้องทำตาม ทำให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไง”
จุนซูพูดออกมาแล้วรับกระดาษไปเก็บที่โต๊ะตัวเดิม ก่อนจะลุกขึ้น
“เราไปหาอะไรมากินกันเถอะ ฉันเริ่มหิวแล้ว”
จุนซูพูดแล้วลูบท้องตัวเองเบาๆ แจจุงหัวเราะกับท่าทางน่ารักๆของเพื่อนก่อนจะถาม
“แล้วจะกินอะไรล่ะ ก็ลงไปหากัน”
“ไม่ได้นะสิ นายลืมกฎข้อที่สี่แล้วหรอ”
จุนซูส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น แจจุงเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์
“กฎบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่ต่างจากอยู่ในคุกเลย แล้วนี่เราจะกินยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าเขาให้เราอด”
แจจุงพูดแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างไม่พอใจ จุนซูถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“นี่สิ ปัญหา ถ้าชางมินไม่ออกจากห้องนั้น เราก็ไม่มีทางได้กินข้าวแน่ๆ เพราะปรกติชางมินจะต้องเป็นคนสั่ง”
จุนซูพูดแล้วมองห้องที่ชางมินเข้าไปอย่างท้อแท้ แจจุงเดินเข้าไปแล้วเคาะประตูห้อง
ก๊อก ก๊อก
“ชางมิน...”
แจจุงเรียกคนในห้อง แต่กลับได้รับความเงียบตอบกลับมา
“......”
“ชางมิน ออกมานี่หน่อยได้ไหม”
แจจุงเรียกชางมินเสียงดังขึ้นเมื่อคิดว่าคนในห้องคงจะหลับอยู่
“ชางมิน ถ้าไม่ออกมาฉันจะเข้าไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวๆ! อย่าเพิ่งเข้า เดี๋ยวฉันออกไป”
เสียงร้องอย่างตกใจของชางมินดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัววิ่งมาเปิดตูแล้วออกไปหาแจจุงทันที
“มีอะไรหรอ แจจุง”
“นายไม่คิดถึงฉันกับจุนซูเลยหรือไง ถึงหมกตัวอยู่ในห้อง แล้วฉันสองคนจะกินอะไรล่ะ”
แจจุงบ่นยาวแล้วแยกเขี้ยวใส่ชางมินที่ยิ้มแห้งๆให้
“ขอโทษนะ พอดีฉันลืม ว่าแต่จะกินอะไรหรอแจจุง ส่วนจุนซูก็เหมือนเดิมใช่ไหม”
ชางมินถามแจจุง โดยไม่ลืมที่จะไปพูดกับจุนซูที่นั่งอยู่
“ฉันขอต๊อกโบกีของร้ายยอนชาก็แล้วกัน ไม่ได้กินมานาน สั่งให้ได้ไหมอ่ะ ชางมิน”
แจจุงพูดแล้วยิ้มให้ชางมิน แต่หารู้ไม่ว่านั่นทำให้รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าของชางมินจางหายไป
ทำไม.....ทำไมนายต้องตอกย้ำตราบาปของฉันด้วย แค่จุนซูยังไม่พอใช่ไหม...พี่จินกิ พี่จุนกิ ทำไมพี่พาผมไปด้วย...ทำไมพี่ต้องทิ้งผมไว้คนเดียว
ผมเหงาจังเลย...
“นาย...สั่งเหมือนจุนซูเลยนะ แจจุง”
ฝืนยิ้มให้เขาทั้งๆที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว แจจุงมองคนที่ยิ้มให้เขาด้วยสายตาสงสาร
“อือ ดีสิ นายจะได้ไม่ต้องจำรายการอาหารมาก”
แจจุงพูดแล้วหันหลังไปหาจุนซูทันที ชางมินหลับตาเพื่อให้น้ำตาไหลย้อนเข้าไปก่อนจะออกจากห้องไป
15 นาที ผ่านไป
“แจจุง ทำไมชางมินยังไม่มาอีกล่ะ นายสั่งอะไรหรอ ถึงได้ช้า”
จุนซูถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะถ้าเป็นปรกติไม่ถึงห้านาทีชางมินก็กลับเข้ามาแล้ว
“ฉันก็สั่งเหมือนนายนั่นล่ะ อาหารเยอะขึ้นอาจจะช้าก็ได้ อย่ากังวลไปเลย”
แจจุงพูดออกมาหวังให้จุนซูคลายกังวล แต่กลับเป็นการยิ่งทำให้จุนซูกังวลมากขึ้น
“นั่นยิ่งแย่ ชางมินเคยสั่งอาหารเป็นสิบรายการไม่ถึงห้านาทีก็ขึ้นมาแล้ว ดังนั้นไม่มีทางที่จะเป็นแบบที่นายพูดแน่ๆ”
จุนซูพูดแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะก้าวไปที่ประตู
“แจจุง นายรอนี่ ถ้าไม่ใช่ฉันหรือชางมิน ห้ามเปิดเด็ดขาด”
จุนซูสั่งเสียงเฉียบก่อนจะออกจากห้องไป โดยไม่รู้ว่า คิม แจจุง กลัวการอยู่คนเดียวที่สุด แจจุงได้แค่ซุกตัวกับเตียงแล้วรอให้เพื่อนคนใดคนหนึ่งกลับมาแต่
ครืดๆ
แรงสั่นเล็กๆที่คอทำให้แจจุงตั้งสติก่อนจะมองสร้อยกลมๆที่คอที่เปลี่ยนสีดำขาวสลับกัน เครื่องที่ยุนโฮทุ่มเงินเพื่อซื้อมาให้เขา เครื่องตามหาตัว เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ตามหาตัวและสามารถส่งข้อความได้สองประโยคต่อหนึ่งรอบที่ตามหา การใช้ครั้งหนึ่งกินถ่านทั้งหมด และการชาร์ตถ่านต้องรอเวลาไปเรื่อยๆถ่านจะมาเอง
“ฮึก..ยุน ช่วยด้วย ฮึก ช่วยแจด้วย”
แจจุงกำสร้อยแน่นแล้วพูดออกมา ทำไมเขาถึงไม่นึกถึงของชิ้นนี้ ของที่อาจจะช่วยเขาได้
โครม
“แจจุง! ทำอะไรนะ ถอดออกมานะ”
อยู่ดีๆชางมินก็พุ่งเข้ามากระชากสร้อยออกจากคอแจจุง แม้นั่นจะทำให้มีเลือดซิบออกมาจากแผลเพราะสายสร้อยเส้นเล็กบาดก็ตาม
กิ๊ง
เสียงสร้อยตกพื้นทำให้หัวใจของแจจุงกระตุก หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าสร้อยที่เปลี่ยนสีสลับกันกลายเป็นสีดำและแตกเป็นชิ้นๆ..หมดแล้ว...เขาไม่เหลือทางออกอีกแล้ว
“ชางมิน”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันไป
“จุนซู...”
“นายทำบ้าอะไรของนาย”
จุนซูถลาเข้ามาชางมินและตะโกนใส่หน้า นี่มันเกินไปแล้วนะ ทำลายแม้กระทั่งของคนอื่น ชเวคัง ไม่สิ ต้องเรียกว่า ชิม ชางมิน สินะ นายเป็นคนยังไงกันแน่
“ถ้าไม่ทำ เราทุกคนจะตายกันหมด”
ชางมินพูดแล้วมองสร้อยในมือนิ่ง
ทำไมผมถึงเจ็บจังฮะ พี่จุนกิ คนเลวอย่างผมยังเจ็บเป็นอีกหรอฮะ พี่..
“ตายบ้าอะไร ถ้าตายนะ มีแต่นายทำร้ายจิตใจคนอื่น ดูสิ่งที่นายทำกับแจจุงสิ”
จุนซูตะโกนอย่างเหลืออดก่อนจะดึงแจจุงที่สะอื้นเข้ามากอดปลอบ
“ใจเย็นๆนะ แจจุง เดี๋ยวเราค่อยหาวิธีซ่อมกันนะ”
จุนซูพูดแล้วลูบหลังคนที่ร้องไห้ไม่มีเสียงอย่างอ่อนโยน ดวงตาคู่สวยตวัดมองชางมินอย่างมุ่งร้าย
“แจจุงเขาเพิ่งจะมา นายทำอย่างนี้กับเขาได้ยังไง นายไม่ใช่ชางมินแล้ว นายมันปีศาจ ฉันไม่เคยมีเพื่อนเป็นปีศาจ”
ผมเป็นมากกว่าปีศาจไม่ใช่หรอ ผมมันเลว..เลวเกินกว่าที่จะให้อภัย ใช่ไหมฮะ พี่สองคนถึงทิ้งผมไป
คำพูดตัดสัมพันธ์ของจุนซูทำให้ชางมินนิ่ง มีเพียงสีหน้าเรียบเฉยท่านั้น จุนซูมองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนอย่างเจ็บปวด
“นายอยากไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเจอหน้านาย”
จุนซูพูดแล้วพยุงแจจุงไปนั่งที่เตียงโดยไม่สนใจคนที่เดินเข้าห้องส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว สร้อยนั่นก็ถูกชางมินเอาไปด้วย
“แจจุง อย่าร้องนะ ชางมินทำอะไรนายไม่ได้อีกแล้วนะ”
จุนซูปลอบคนที่ร้องไห้เบาๆ แต้ตัวเองกลับมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“สร้อย...ยุนโฮ..”
แจจุงที่ช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นพูดแค่สองคำสลับกับไปมา จุนซูมองเพื่อนอย่างสงสาร ก่อนจะพยุงตัวให้นอนลงกับเตียง แต่..
โครม
เสียงถีบประตูดังขึ้นทำให้คนทั้งสองลุกขึ้นมามองอย่างตกใจ
“เฮ้ย ค้นเว้ย”
ชายคนที่แจจุงจำได้ได้ว่าชื่อชินฮีพูดขึ้นแล้วค้นห้องไปทั่ว ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว โดยที่แจจุงและจุนซูทำอะไรไม่ได้เลย..ไม่สิ ต้องเรียกว่าทำอะไรไม่ถูกเลยมากกว่า ห้องของโฮส์เกรดเอบวกนั้นเป็นห้องที่ไม่ได้เข้าๆออกๆง่ายๆ
“ไม่เจอครับ หัวหน้า ไม่เจอต้นตอสัญญาณเลยครับ”
เสียงรายงานทำให้ชินฮีขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเบนความสนใจไปที่ห้องของเอ็มเพรส
“เข้าไปหากับเถอะครับ”
เสียงพูดขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวทำท่าจะเข้าไปแต่..
“อย่าเพิ่ง ฉันทำเอง เอ็มเพรสใหญ่กว่าพวกเรานะ จะเสียมารยาทไม่ได้ ถ้าไม่อยากหัวขาด”
ชินฮีพูดขึ้น แล้วเคาะประตูของห้องเอ็มเพรส
ก๊อก ก๊อก
“มีอะไร”
ยังไม่ทันทีจะได้ทำอะไรต่อ ประตูห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกับที่ชางมินเดินออกมา
“เราพบสัญญาค้นหา..นายหญิงถึงบอกให้ค้นให้ทั่วครับ เอ็มเพรส”
ชินฮีก้มหัวน้อยๆให้กับร่างโปร่งตรงหน้า ชางมินตาวาวด้วยความโกรธ
“ฉันคิดว่าคงไม่ต้องบอกนะ ชินฮี สัญญาณที่นายได้ยิน มันมาจากของของฉันเอง เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมนายถึงได้ไม่รู้”
แจจุงกับจุนซูมองหน้ากันอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ชินฮีก้มหัวให้ ชางมินก่อนพูดขึ้น
“รหัสสัญญาณที่เราได้รับมันไม่ใช่ของเอ็มเพรสที่ส่งแค่ภายในบริเวณ แต่เป็นรหัสที่ส่งออกไปข้างนอก”
จุนซูกับแจจุงมองหน้ากัน...สงสัย อยากรู้...แต่ก็ถามไม่ได้
“งั้นนายจะบอกว่านี่ไม่ใช่ของฉันล่ะสิ..ใช่ไหม”
ชางมินว่าเสียงเย็นก่อนจะยกสร้อยที่`คล้ายกับของแจจุงที่แตกไป แต่เป็นสีฟ้าสลับกับสีทอง ซึ่งตอนนี้กระพริบไม่หยุด แจจุงอ้าปากเหมือนกับจะพูดอะไรแต่ก็ถูกจุนซูปิดไว้ ชินฮีมองหน้าลูกน้องอย่างเคร่งเคียด เพราะดูท่าทางเอ็มเพรสตรงหน้าถือไพ่เหนือกว่าเขาแล้ว
“เปล่าครับ เอ็มเพรส งั้นพวกผมจะไปหาอีกที่อื่น ขอโทษที่รบกวนเวลา”
ชินฮีพูดจบก็ก้มให้ชางมิน ก่อนจะหันไปก้มให้จุนซูและแจจุง แล้วสั่งให้ลูกน้องของเขาออกจากห้องไป
ปัง
ทันทีที่ประตูปิด ชางมินก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน มือเรียวกำสร้อยไว้แน่น แจจุงกับจุนซูมองหน้ากันอย่างรู้กันก่อนที่จะเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ที่พื้น
“ชางมิน...”
เสียงแผ่วเบาของแจจุงทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามอง จุนซูเดินเข้าไปหาคนที่ชื่อได้ว่าเป็นเพื่อนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือบางรั้งตัวของชางมินเข้ามากอด...ปากบอกว่าเกลียด แต่สุดท้าย...สายใยของคำว่าเพื่อนก็ไม่มีวันจางหายไป
“ชางมิน...ขอร้องล่ะ นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว นายยังมีฉันอยู่ข้างๆเสมอ ความทุกข์ของนาย...แบ่งมาให้เพื่อนบ้างสิ เพื่อนมีไว่วมเป็นร่วมตายนะ จะร้องไห้..ก็ร้องด้วยกันสิ อย่าเก็บไว้คนเดียว...นะ..เพื่อนรัก”
คำพูดที่อ่อนโยนของจุนซูทำให้ชางมินร้องไห้ แรงสะอื้นทำให้จุนซูยิ่งกอดเพื่อนสนิทให้แน่นมากขึ้น...อยากจะรับความศร้าของเพื่อนมาบ้าง
เพื่อนของเขาอดทนมามากเกินไปแล้ว แจจุงมองสองเพื่อนรักที่กอดกันแน่น ก่อนจะเอามือลูบแผ่นหลังของคนที่ร้องไหวังปลอบประโลมให้หายเศร้า แม้จะไม่รู้จักกันดี แม้จะถูกคนตรงหน้าทำร้ายจิตใจ แต่ยังไง ก็รู้สึกสงสารคนคนนี้อยูดี
“ร้องออกมาให้หมดนะ ชางมิน อย่าเก็บไว้คนเดียว นายยังมีฉัน แจจุง อยู่นะ”
จุนซูพูดเสียงเบาแล้วกอดเพื่อนที่เริ่มจะเหนื่อยกับการร้องไห้ไว้ เพื่อยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด เมื่อเวลาผ่านไป ชางมินเริ่มที่จะเหนื่อยกับการร้องไห้ก้เงียบไป เปลือกตาบางเริ่มที่จะปิดลง...ไม่ได้วางใจว่าจะไม่ถูกทิ้ง ไม่ได้วางใจว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะมีเพื่อนนั่งอยู่ข้างๆ..แต่วางใจว่าเพื่อนรักไม่โกรธตัวเองแล้ว
“หลับไปแล้วล่ะ”
จุนซูพูดขึ้นเบาๆก่อนจะพยุงเพื่อนให้ไปนอนที่เตียงก่อนจะปิดไฟดวงใหญ่และเปิดเป็นเพียงดวงเล็กๆเท่านั้น
“แจจุง..นายเจอซีวอนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่หรอ”
จุนซูหันมาถามเพื่อนที่นอนอยู่ข้างอย่างเหงาๆ
“ความจริง ฉันจะได้เจอเขาเมื่อสามวันก่อน แต่เห็นเลขาของเขาบอกยุนโฮว่าซีวอนไม่สบาย เครียดเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ สุดท้ายร่างกายก็ทนไม่ไหว ก็เลยทรุด ”
คำพูดของแจจุงทำให้จุนซูยกมือขึ้นมาปิดหน้า เสียงสะอื้นเล็กๆที่หลุดออกมาทำให้แจจุงยกมือเข้าไปกอดร่างบางทันที
“ฮึก..ฉัน ไม่น่า..หนี ฮึก ซีวอน ออกมาเล่นเลย...ฮึก.ถ้าไม่เพราะฉันหนีมา ซีวอนก็คงไม่เครียดอย่างนี้”
เสียงสั่นเครือดังขึ้นอย่างน่าสงสาร แจจุงลูบหัวคนตรงหน้าเพื่อปลอบอย่างที่คนรักเคยทำ ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า
“หลับไปเถอะนะ วันพรุ่งนี้ ฉันเชื่อว่านายต้องเข้มแข็ง”
ความคิดเห็น