ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ YAOI] Glass Angle นางฟ้าแก้ว

    ลำดับตอนที่ #3 : Begin 100% [Rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 53


    “จุนซู แจจุง ตื่นได้แล้ว”

    เสียงตะโกนปลุกของชางมินทำให้สองชีวิตที่กลับอยู่ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ

    “อ๊ากกก ไฟไหม้ๆ”

    เสียงของจุนซูร้องขึ้นอย่างตกใจ ทำให้แจจุงพลอยตกใจตามไปด้วย

    โป๊ก

    “โอ้ย เจ็บนะชางมิน เขกมาได้ หัวคนนะไม่ใช่หิน”

    ชางมินลูบมือที่เขกหัวเพื่อนเบาๆ

    “ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก หัวแข็งยั่งกับหิน”

    ชางมินพูดแล้วชี้ให้เพื่อนดูรอยแดงที่มือของตน แจจุงนั่งมองสองเพื่อนใหม่ที่คุยกันโดยไม่สนใจตัวเองเลยอย่างสลด

    “ยุนไม่ทิ้งแจหรอกนะ สายตาของยุนมีแต่แจคนเดียว”

    น้ำเสียงอ่อนโยนของคนรักที่ผุดขึ้นมาในหัวทำเอาแจจุงเสียใจขึ้นมา

    “ฮึก”

    เสียงสะอื้นเล็กๆทำเอาสองเพื่อนรักที่คุยกันอยู่หันมามองคนตัวบางเป็นตาเดียว

    “อย่าร้องสิ เป็นอะไรไป”

    ชางมินพูดขึ้นแล้วดึงร่างบางๆเข้ามากอดปลอบ จุนซูเองก็มองอย่งเป็นห่วงเช่นกันแต่สมองกลับคิดถึงสิ่งแรกที่แจจุงพูดกับพวกเขา

    “ฮึก ยุนโฮ ฮึก คิดถึงยุนโฮ”

    “แจจุง”

    จุนซูเรียกร่างบางอย่างตกใจก่อนจะดึงร่างนั้นออกมาอย่างชางมินอย่างไม่สนใจพร้อมกับเขย่าตัวอย่างแรง

    “ยุนโฮ...คนที่ชื่อยุนโฮ...ใช่...ใช่..ชอง ยุนโฮ...หรือเปล่า”

    จุนซูพูดขึ้นอย่างติดๆขัดๆ โดยมีสีหน้ามีความหวังบางอย่าง แจจุงเบิกตากว้างอย่างตกใจ

    “ใช่”

    คำสั้นๆของแจจุงทำเอาจุนซูน้ำตาไหลออกมา แม้จะไม่มีเสียงสะอื้น แต่ก็สามารถทำให้แจจุงที่ถูกดึงเข้าไปกอดตกใจได้

    “ละ..แล้ว ซีวอนล่ะ...ขะ..เขา สบายดีไหม”

    จุนซูพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง แจจุงหลับตานึกถึงคนที่เขาเจอเมื่อสองวันก่อน

    “ชเว ซีวอน..ใช่ไหม”

    “อือ”

    จุนซูพูดแล้วพยายามสงบสติเพื่อฟังคำตอบ

    “เขาสบายดี ยุนโฮพาฉันไปคุยกับเขาบ่อยๆ แต่ยุนโฮบอกว่าซีวอนเครียดมากเพราะหาทางช่วยคนสำคัญที่ถูกจับไป”

    แจจุงตอบออกมาแล้วนึกถึงใบหน้าของคนที่ชื่อ ซีวอน คนคนนั้น..แม้จะส่งยิ้มให้เขาและคนอื่น  แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูเศร้าเหลือเกิน เศร้าจนน่าใจหาย แววตาที่มีน้ำตาคลอยามที่เห็นเขากับยุนโฮนั่งยิ้มให้กันทำให้เขาสงสาร

    “ฮึก ซีวอน”

    จุนซูสะอื้นออกมาแล้วกอดแจจุงแน่น น้ำตาไหลออกมาราวสายน้ำไหล เสื้อของแจจุงชุ่มไปด้วยน้ำตาของคนตัวบางที่กอดเขา

    “อย่าร้องสิ จุนซู มานี่มา”

    ชางมินที่มองเหตุการณ์อยู่นานพูดขึ้นแล้วดึงเพื่อนเขามากอดปลอบเอง เพราะรู้ว่าแจจุงคงจะไม่สามารถทำให้เพื่อนผู้ร้องไห้ทีเป็นเขื่อนพังของเขาหยุดร้องไห้ได้ง่ายๆแน่

    “แจจุง เท่าที่ฟังมา นายกับคนที่ชื่อ ชอง ยุนโฮ คงจะรักกันสินะ”

    แจจุงมองคนที่ถามอย่างสงสัย แต่ก็ตอบตามความจริง ชางมินมองคนในอ้อมกอดสักพักก่อนจะหันกลับมาถามแจจุง

    “อือ”

    “งั้นฟังดีๆนะ แจจุง พวกเราทุกคนที่นี่ก็เหมือนนาย ถูกจับมา แต่เท่าที่ฟังมา นายกับจุนซูคงจะถูกจับมาทั้งๆที่มีคนรัก แต่สำหรับฉันอาจจะพิเศษกว่าพวกนายนิดหน่อย”

    แจจุงมองคนพูดอย่างสงสัย

    “หมายความว่ายังไง ฉันกับจุนซู”

    “ชเว ซีวอน มีคนรักชื่อ คิม จุนซู”

    ประโยคสั้นๆที่มีไม่กี่คำทำให้แจจุงตกใจ แต่ก็พยายามทำความเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องที่เขบารูในวันนี้มีมากเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้ทัน

    “แล้ว...นายล่ะ”

    คำถามของแจจุงทำเอาชางมินยิ้นแบบฝืนๆ

    “ก่อนที่จะถูกจับมา พ่อกับแม่ของฉันถูกฆ่า ..พวกนั้นเผาบ้านฉันจนไหม้ไปทุกอย่าง.. ...ฉันไม่เหลืออะไรเลย ตอนนั้นฉันยังเด็ก สิบสี่สิบห้าเองล่ะมั้ง หาทางออกไม่ได้ กลัวตาย ก็เลยตามมา”

    คำตอบที่ได้ทำให้แจจุงอึ้งกับความอดทนของคนตรงหน้า

    “ไม่คิดหาทางหนีหรอ”

    คำถามของแจจุงทำเอาชางมินยิ้มแบบแปลกๆ

    “หนีทำไม”

    คำถามถูกส่งกลับทำเอาแจจุงอึ้ง รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นมาเมื่อชางมินเห็นสีหน้าของคนถาม

    “หนีทำไม ถ้าหนีแล้วรู้ว่ายังมีคนถูกจับมาแบบฉัน สู้หาทางหนีให้หมดเลยไม่ดีกว่าหรอ”

    ชางมินพูดแล้วยิ้มบางๆ ดวงตาคู่สวยมองคนที่เขากอดซึ่งร้องไห้จนหลับไปแล้วอย่างอ่อนโยน

    “จุนซูหลับไปแล้วสินะ”

    “อือ เจอเรื่องแบบนี้ ควีนสุดแสบของเราก็คงต้องมีถ่านหมดบ้าง”

    ชางมินพูดแล้วลูบหัวกลมเบาๆด้วยความเอ็นดู

    “นายอายุเท่าไหร่หรอ”

    คำถามที่ถูกส่งมาจากแจจุงทำให้ชางมินละสายตาจากเพื่อนมามองคนถาม

    “ยี่สิบสาม”

    คำตอบที่ได้ทำเอาแจจุงสงสัย

    “จริงหรอ หน้านายเด็กกว่าอายุพอสมควรนะเนี่ย ฉันเพิ่งจะยี่สิบเอง”

    คำพูดของแจจุงทำให้ชางมินยิ้มบางๆ  แจจุงมองใบหน้าอ่อนโยนนั้นแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนตักนุ่ม

    “เอาเป็นว่าขอนอนตักหน่อยนะครับ พี่ชาย”

    แจจุงพูดอ้อนคนอายุมากกว่าพร้อมกับที่เจ้าตัวจะปิดเปลือกตาบางกแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา    ชางมิน มองคนที่มัดมือชกอย่างขำๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นเบาๆ

    “นอนให้สบายนะ ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาเจอความจริงที่โหดร้าย ฉันไม่อยากให้พวกนายสองคนตื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ โลกที่โหดร้ายแบบนี้ ไม่เหมาะกับพวกนายสองคนหรอก”

    ยิ่งเห็นการขยับตัวแบบเด็กๆของแจจุง ชางมินยิ่งเศร้า ตลอดมาห้าสิบกว่าปีที่อยู่ในนี้    เขาเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็น ทุกหนทางที่มีให้เลือกเดินนั้นล้วนไม่ต่างกันเท่าไหร่  ขายตัว....คงจะเป็นคำสรุปง่ายๆสำหรับเขา สกปรก..คงจะเป็นนิยามเดียวที่ให้เขาได้

    ปัง

    ปัง

    เสียงทุบประตูทำเอาชางมิน จุนซู และแจจุงหันไปมอง ชางมินลุกขึ้นไปเปิดประตู

    “มีอะไร”

    น้ำเสียงเรียบๆที่ส่งไปพร้อมกับสีหน้าที่เรียบเฉยทำให้ผู้มาใหม่มองอย่างโลมเลีย                            เสน่ห์ของเอ็มเพรสอยู่ที่ความเย็นชาและความหยิ่งทะนง แต่มองลึกๆจะพบความห่วงใยที่มีต่อผู้อื่น

    “นายหญิงเรียกพบ ทั้งสามคนเลย”

    “อือ ไปได้แล้ว”

    พูดจบชางมินก็ปิดประตูแล้วเดินไปหาอีกสองคนที่นั่งอยู่บนเตียงทันที

    “ว่าไงบ้าง ชางมิน”

    “ต้องไปกันแล้ว แจจุง ทำใจดีๆนะ สิ่งที่นายต้องพบต่อไปนี้คือปีศาจ ความเข้มแข็งคือสิ่งเดียวที่นายต้องมี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านายขาดสิ่งนี้ไป นายอาจจะต้องพบกับการตกนรกทั้งเป็น”

    ชางมินพูดขึ้นแล้วจ้องตาแจจุงเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูด เป็นความจริง

    “ใช่ แจจุง ถึงเวลาที่นายต้องเข้มแข็ง เพื่อตัวเอง...และ...”

    จุนซูพูดเว้นไว้ ก่อนจะพูดอีกครั้ง

    “เพื่อยุนโฮที่นายรักด้วย ถ้านายอยากออกไป สิ่งที่นายต้องมีคือ ความเข้มแข็ง ถ้านายอ่อนแอ นายก็จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป”

    จุนซูพูดก่อนจะถอยไปยืนข้างๆชางมิน แจจุงหลับตาลงเพื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ยินมา

    “แจรู้ไหม ว่าความจริงยุนก็ไม่ได้เก่งอย่างที่แจว่าหรอก”

    “ทำไมล่ะ แจว่ายุนเก่งที่สุดเลย เข้มแข็งด้วย”

    “ก่อนหน้าที่จะเจอแจ ยุนอ่อนแอมาก พอมาเจอแจ ยุนสัญญากับตัวเองว่าจะเข้มแข็งเพื่อแจ ปกป้องแจให้มากที่สุด”

    คำพูดในอดีตของแจจุงและยุนโฮผุดขึ้นในหัว แจจุงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้เพื่อนใหม่ทั้งสองด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป

    “ฉันจะเข้มแข็งเพื่อตัวเอง และเพื่อยุนโฮ”

    น้ำเสียงที่แน่วแน่ของแจจุงทำให้สองเพื่อนรักอย่างชางมินและจุนซูหันมายิ้มให้กันก่อนที่คนทั้งคู่จะยื่นมือมาตรงหน้าของแจจุง

    “งั้นเราไปกันเถอะ เจ้าหญิง”

    คำพูดของชางมินทำให้แจจุงหน้าแดงด้วยความอาย

    “จะบ้าหรอ ฉันเป็นผู้ชายนะ”

    แจจุงพูดแล้วสะบัดตัวหนีเพื่อนทั้งสอง

    “สำหรับที่นี่ เจ้าหญิงของเราสองคน นายน่ะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ ดูสิ ตัวก็เล็ก หน้าก็หวานไม่มีเจ้าชายที่ไหนเป็นแบบนี้หรอก”

    จุนซูพูดแล้วหันไปยิ้มให้กับชางมิน แต่..

    โครม

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนทั้งสามหันไปมองทันที ท่าทีของจุนซูและชางมินดูเปลี่ยนไปทันทีที่ประตูถูกเปิด สูงส่ง คำที่สรุปได้ในตอนนี้ของคนทั้งคู่

    “มีอะไร ชินฮี”

    “นายหญิงให้มาบอกว่า ไปให้เต็มยศและจัดการ ปริ๊นซ์เซส ให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้รอนาน”

    ชายร่างสูงนามว่าชินฮีเมื่อได้รับคำตอบก็โค้งให้คนทั้งสามก่อนจะถอยออกจากห้องไป

    “จุนซู ชางมิน บอกมาก่อนว่านี่มันอะไรกันแน่”

    แจจุงพูดขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของคนทั้งสอง

    “เราคงจะบอกอะไรนายมากตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเรายังไม่เจอนายหญิง”

    ชางมินกับจุนซูมองหน้ากันก่อนจะหันหน้ามาหาคนตัวบาง

    “ถ้าเจอนายหญิง นายจะเข้าใจเอง ก่อนอื่นเราต้องทำอะไรบ้างอย่าง”

    จุนซูพูดแล้วหันไปพยักหน้ากับชางมินที่เดินไปเปิดตูเสื้อผ้าขนาดใหญ่

    “เสื้อผู้หญิง.....นี่มันเกิดอะไรกันแน่”

    แจจุงมองชุดหรูในตู้อย่างตกใจ แต่กลับได้รับรอยยิ้มแปลกๆมาจากชางมินแทน

    “เกือบถูกนะ แจจุง แต่เสื้อนี่สำหรับพวกเราสองคน เอ็มเพรสกับควีน ยศที่สูงส่ง แต่ก็ลำบากมากเช่นกัน ถ้านายหญิงบอกว่าเต็มยศ หมายถึงเราต้องแต่งเป็นตำแหน่งที่เราได้”

    ชางมินพูดขณะส่งชุดสีขาวสะอาดให้จุนซู เป็นชุดเดรสมีระบายเล็กๆ แขนเสื้อเป็นแขนยาว        ตรงปลายบานเล็กน้อย ดูน่ารักดี....สำหรับผู้หญิงนะ

    “คล้ายๆแต่งครอสเพลย์ไหม”

    คำถามซื่อๆของแจจุงทำให้จุนซูระบายยิ้มอ่อนๆออกมา

    “จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ วันนี้นายต้องแต่งเป็นเจ้าหญิง ดังนั้น มานี่ซะดีๆ”

    จุนซูพูดแล้วลากแจจุงเขามาใกล้ๆ ก่อนจะหยิบชุดสีเฟ้าอ่อนที่เป็นแบบเดียวกับสีขาวมาจากมือชางมินแล้วดันเข้าห้องน้ำไป

    “ถ้าไม่ใส่ก็อย่าออกมานะแจจุง ให้เวลา 5 นาที ไม่ออกมาฉันจะเข้าไปช่วย”

    จุนซูผลักแจจุงเข้าไปแล้วตะโกนบอก แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่าชางมินยืนแยกเขี้ยวใส่อยู่ข้างหลัง

    “เซีย จุนซู ควีนออฟโฮสต์เทส เชิญเข้าไปเปลี่ยนเสื้อไปแล้ว”

    ชางมินพูดแล้วถีบเพื่อนรักเข้าไปในห้องน้ำอีกห้องทันทีโดยไม่ให้จุนซูได้มีโอกาสพูดอะไรเลยแม้แต่นิด

    10 นาทีผ่านไป

    “ชางมิน...”

    แจจุงที่แอบเปิดประตูห้องน้ำออกมาเรียกคนที่หลับอยู่บนเตียงเบาๆ

    “...”

    เมื่อแจจุงเห็นว่าคนตรงหน้าหลับก็เดินไปใกล้ๆ

    “ชางมิน..”

    เมื่อเห็นว่าเรียกอีกครั้งแล้วคนตรงหน้ายังไม่ตื่น แจจุงจึงหันหลังหมายจะเดินหนี

    หมับ

    “อ่ะ!

    แจจุงร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อถูกมือของชางมินคว้าไว้

    “ทำไมไม่แต่งล่ะ แจจุง ใส่ไม่ได้หรอ”

    ชางมินถามออกมาแล้วมองร่างของคนตรงหน้าที่ยังอยู่ในชุดเดิม

    “มัน...ใส่ยากอ่ะ ซิปมันรูดไม่ได้”

    แม้จะเขินที่ต้องบอก แต่แจจุงก็พูดออกมาแล้วก้มหน้าด้วยความอาย ชางมินระบายยิ้มอ่อนๆให้กับคนตรงหน้า

    “ไปเปลี่ยนเถอะ แล้วออกมาฉันจะช่วย”

    ชางมินพูดแล้วดันให้แจจุงเข้าห้องน้ำไปใหม่  ก่อนจะหันไปมองห้องน้ำข้างๆที่จุนซูอยู่

    “จะออกมาได้หรือยัง จุนซู อายหรือไง”

    ชางมินพูดแล้วดันประตูห้องน้ำให้เปิดกว้างเพราะเขาเห็นว่าจุนซูเปิดค้างไว้นิดหน่อยเพื่อดูเหตุการณ์ภายนอก

    “ง่า ...ชางมิน ก็....ฉันรูดซิปไม่ถึงนี่นา”

    จุนซูพูดเสียงเบาแล้วเดินก้มหน้าออกมาแล้วหันหลังให้ชางมินช่วย

    “เฮ้อ จริงๆเลยนะนายเนี่ย ทุกทีไม่เห็นจะเขินจะอาย ทำไมวันนี้ถึงอายล่ะ”

    ชางมินพูดก่อนจะลากจุนซูไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่ก่อนจะหยิบวิกผมยาวสีน้ำตาลทองขึ้นมาใส่ให้คนตรงหน้า

    “อยู่เฉยๆสิ”

    “อ่า...เร็วๆหน่อยนะ ฉันกลัวแจจุงมาเห็น”

    จุนซูพูดขึ้นแล้วทำท่าจะลุกขึ้นทุกวินาทีแต่

    “ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันเห็นล่ะ จุนซู”

    เสียงหวานของแจจุงดังขึ้นข้างหลังทำให้จุนซูหน้าซีด

    “จะ..แจจุง ออกมาเมื่อไหร่เนี่ย”

    จุนซูยิ้มฝืดๆให้แจจุงแล้วเดินไปใกล้ๆ

    “ว่าไงล่ะ ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันเห็นล่ะ ความจริงนายก็น่ารักนะ”

    แจจุงพูดแล้วจับผมสีน้ำตาลทองของคนตรงหน้าขึ้นมาเล่น

    “อย่าเพิ่งมาชมกันตอนนี้เลย ไหนแจจุง หันหลังมาสิ ฉันจะได้ช่วย”

    ชางมินพูดแล้วดึงตัวแจจุงเข้ามาจัดการเองเมื่อรูดซิปให้แจจุงเสร็จชางมินก็หยิบวิกผมสีดำยาวมาใส่ให้ ก่อนจะหมุนตัวแจจุงหนึ่งรอบ

    “เอ้า เจ้าหญิงของเราแต่งตัวเสร็จแล้ว”

    ชางมินพูดแล้วดึงตัวแจจุงให้เข้ามาใกล้ๆกับจุนซู

    “น่ารักอย่างที่คิดเลยนะ นายเนี่ย”

    จุนซูพูดขณะหมุนตัวแจจุงอีกรอบ คำชมที่ออกมาจากใจจริงทำให้คนถูกชมหน้าขึ้นสีจางๆ รูปร่างบอบบางเข้ากับชุดเดรสยาวสีฟ้าอ่อนเป็นอย่างดี ผมสีดำยาวที่คลอเคลียใบหน้ายิ่งส่งให้ใบหน้าที่หวานอยู่แล้วยิ่งหวานมากขึ้น ผิวสีน้ำนมดูน่าสัมผัส ยิ่งเห็นรอยยิ้มเขินๆของเจ้าตัวยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูเหมือนเจ้าหญิงผู้น่ารัก น่าปกป้องเป็นที่สุด

    “นายเองก็น่ารักไม่แพ้กันเลยนะ ควีนจุนซู”

    แจจุงยิ้มออกมาแล้วจับผมของจุนซูให้เข้าทรง  รูปร่างบางเหมือนผู้หญิงเมื่อใส่ทับด้วยชุดเดรสหวานสีขาวบวกกับผมยาวสีน้ำตาลทองยิ่งส่งให้คนตรงหน้าสวยราวนางฟ้า ผมยาวสลวยยาวถึงกลางหลัง สีขาวที่กลืนไปกับผิวของเจ้าตัว ยิ่งส่งให้ด็สง่ามากขึ้น

    “จุนซู แจจุง นายสองคนไปก่อนก็แล้วกันนะ ฉันขอเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วค่อยตามไป”

    ชางมินพูดขึ้นหลังจากเห็นว่าเพื่อนตระกูลคิมทั้งสองคนท่าทางจะไม่ยอมหยุดสำรวจกันแน่ๆ จุนซูและแจจุงมองคนพูดชั่วครู่ก่อนจะหันมาสบตากัน

    “อือ นายรีบๆเปลี่ยนนะ แล้วเจอกัน”

    จุนซูพูดแล้วผลักให้ชางมินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะแกล้งปิดประตูให้ชางมินตายใจ

    5 นาทีต่อมา

    “เฮ้อ นึกว่าพวกนั้นจะเห็นซะแล้ว”

    ชางมินพึมพำกับตัวเองเบาๆ ความลับที่เขาไม่อยากบอกใครคงจะไม่ถูกล่วงรู้ เพราะถึงเวลานั้นเอง เขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

    “เกลียดชุดนี่จริงๆ คราวหน้าต้องเปลี่ยนแบบล่ะ”

    ชางมินพูดเบาๆแล้วจับผ้าคลุบไหล่ให้ดีๆ ชุดเอ็มเพรสก็ไม่ต่างจากของควีนหรือของปริ๊นซ์เซสเท่าไหร่นัก เพียงแต่เป็นเดรสสีเลือดหมูและมีผ้าคลุมไหล่ยาวเกือบถึงพื้น มือเรียวคว้าวิกผมยาวสีน้ำตาลเปลือกไม้มาใส่อย่างชำนาญ ก่อนจะหันไปพบกับ...

    “จุนซู...แจจุง.....”

    ควีนและปริ๊นซ์เซสมองเอ็มเพรสอย่างชื่นชม แม้คนตรงหน้าจะไม่ถือว่าสวยแบบอ่อนหวาน แต่ก็เป็นความสวยที่น่าค้นหาอย่างหนึ่ง รูปร่างโปร่งบางเข้ากับชุดเป็นอย่างดี แม้ผิวจะไม่ได้ขาวแบบคนอื่นแต่ก็ดึงดูได้ไม่แพ้คนอื่น ผมยาวถึงกลางหลังส่งให้คนตรงหน้าดูแข็งแกร่งมากขึ้น แต่.....

    “ชางมิน แผลนั่น...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×