ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] All of my B.A.P short fictions

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] That's what we called FRIENDS [02] [JaeDae]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 55




    That’s what we called FRIENDS

    Youngjae x Daehyun fanfiction

    by kyosama

     

     

     

     

     

     

     

    Chapter 02

     

     

     

     

    ยูยองแจมาถึงภายในสิบนาทีอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้

     

    ถึงในที่นี้คือ 'ถึง' จริงๆ แบบไม่ใช่แค่เคาะประตูแล้วรอเจ้าของห้องมาเปิดให้ แต่เป็นการ 'ถึง' แบบถือวิสาสะไขกุญแจบุกเข้ามาประชิดข้างเตียงเลยทีเดียว

     

    นอกจากจะเสียมารยาทบุกเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่เคาะประตูแล้ว เด็กหนุ่มยังเสียมารยาทยกเข่าขึ้นเขี่ยๆก้อนกลมๆบนเตียง อันน่าสันนิษฐานว่าจะเป็นเจ้าของห้องอย่างไม่เกรงใจอีกด้วย

     

    คนในผ้านวมพยายามขดตัวให้กลมเล็กเข้าอีก แดฮยอนหลับตาปี๋ ภาวนาอย่าให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ตอนนี้ดังเป็นจังหวะเดียวกับจังหวะโหม่งฆ้องในวัดเลย

     

    "แดฮยอน ลุก" ยองแจเรียก "กูรู้น่าว่ามึงตื่นอยู่ แล้วตอนนี้กูก็หิวมากด้วย รีบย้ายตูดขึ้นมาทำบะหมี่ให้กูกินเดี๋ยวนี้เลย"

     

    แต่คนโดนเรียกก็ยังทำเฉยเสีย ยองแจยืนรอสักพัก ไม่เห็นอีกฝ่ายจะยอมขยับก็ชักหงุดหงิด สุดท้ายแขกไม่ได้รับเชิญเลยกระตุกผ้าห่มออกจากตัวเจ้าของห้องโดยไม่รอขออนุญาต ก่อนจะคีบเนื้อหลังคอของคนที่นอนคว่ำอยู่ขึ้นมาเหมือนเวลาจะอุ้มแมว

     

    แต่แดฮยอนไม่ใช่แมว เขาเป็นเด็กวัยรุ่นน้ำหนักหกสิบกว่าๆ ที่การถูกหยิบหลังคอไม่สามารถยกเขาให้ลอยขึ้นมาได้ มันไม่ส่งผลอะไรนอกจากทำให้รู้สึกเจ็บๆคันๆเหมือนโดนหยิกแรงๆจนต้องร้องโอ๊ยแล้วสะบัดตัวหนีเท่านั้น

     

    "เหี้ยอ้วน! มึงแม่-งเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เจ็บนะเว้ย"

     

    แดฮยอนแหวใส่ กะให้พลังเสียงร้อยแปดสิบเดซิเบลที่ส่งออกไปช่วยกลบเกลื่อนความประหม่าของตัวเองให้มิด และถ้าทำให้ไอ้คนไม่มีมารยาทตรงหน้าสะดุ้งสะเทือนได้บ้างก็จะถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ดีมาก

     

    แต่ยองแจก็หาได้สนใจอะไรไม่ เพื่อนสนิทของแดฮยอนยังมองเขาด้วยสีหน้าเฉยชา

     

    "ทำบะหมี่ให้กินหน่อย หิว"

     

    "ทำเองไม่เป็นไงวะ?" ถามกลับอย่างเคืองๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังเหมือนเดิม.. เป็นคนกวนตีนยังไงก็ยังเป็นคนกวนตีนยังงั้น ยองแจยักคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบสั้นๆด้วยสีหน้าควรโดนประทุษร้ายเป็นอันมาก

     

    "ขี้เกียจ"

     

    ดูแม่-งตอบแบบน่าฟาดด้วยปาก เอ้ย น่าฟาดให้ปากแตกจริงๆ

     

    เจอคนที่แอบชอบหลบมาเลียแผลใจที่ถูกแฟนทิ้งถึงห้อง แถมยังบังคับให้ทำบะหมี่ให้กินอีก แดฮยอนก็เลยเสียใจจนเผลอประชดเพื่อนสนิทเข้าให้อย่างน้อยใจ

     

    “หอกูไม่ใช่เซเว่นนะ พอหิวก็มา อิ่มแล้วก็ไป”

     

    “เซเว่นยังน้อยไป” ผู้มาเยือนยิ้มหวาน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนฟูก กลิ้งตัวเล่นทับรอยเดิมที่เจ้าของห้องเพิ่งยันตัวลุกขึ้นนั่ง “หอมึงมันห้องพักฟรีต่างหาก เตียงพร้อม ข้าวพร้อม น้ำพร้อม สบายขนาดนี้ไม่ให้เพื่อนมาฝากชีวิตบ่อยๆได้ยังไงไหว” แดฮยอนฟังเพื่อนตอบแล้วก็ถอนใจ.. สมองทึบอย่างมันนี่เคยนึกเอะใจอะไรบ้างไหมว่าตอนไหนคนเขาพูดจริง ตอนไหนคนเขากำลังประชด น่าลองเทียบดูจริงๆว่าระหว่างกะโหลกของยูยองแจกับก้อนอิฐอะไรมันจะแข็งกว่ากัน

     

    “หยุดกลิ้งได้แล้ว เวียนหัว” เด็กหนุ่มปรามเสียงแข็ง “ยังกับลูกหมาอ้อนขอข้าวกิน”

     

    "อ้าว อ้าว พูดงี้ก็สวยสิคร้าบ" เพื่อนตัวโตย้อนทันตวัน "ถึงจะเป็นหมาก็เป็นหมามีศักดิ์ศรีนะคร้าบ เป็นหมามีเจ้าของนะคร้าบ"

     

    แดฮยอนทำหน้าเหยียดหยาม

     

    "คนที่เลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆนี่นับเป็นเจ้าของได้ด้วยเหรอ"

     

    "เหี้ย พอเหอะ มึงมาแบบนี้กูเซ็งเลย" คนโดนว่าหน้าตึงขึ้นทันตา ก่อนจะตัดบทเสียงห้วน "เลิกแล้ว เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ย้ายมาเป็นหมามึงแทนแล้ว เลี้ยงกูดีๆนะ โอ๋เยอะๆหน่อย ช่วงนี้ยิ่งอ่อนแออยู่ เฉาง่าย"

     

    “ไปหาฮโยซองน้องรหัสมึงเถอะไป น้องเค้าท่าทางรักมึงจะแย่ ยกให้ไปเลี้ยงเลยแบบนี้คงดีใจ” ถึงจะรู้ว่าเพื่อนอารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่ก็อดแขวะไม่ได้ ในขณะที่คนโดนกัดกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ยองแจตีหน้ามึน ถามกลับงงๆ


    “ฮโยซองเกี่ยวอะไร”

     

    “ก็น้องมึงเค้าชอบดูแลมึงไม่ใช่เหรอ ถ้ามึงไปบอกเค้าว่ามึงกำลังเปื่อย อยากหากคนดูแล กูรับรองเลยว่าเค้าต้องรีบวิ่งมาประคบประหงมมึงแน่นอน”

     

    “แหงสิ สายรหัสดีก็ยังงี้แหละ บอกแล้วไงว่าน้องกูน่ารักจะตาย” ไอ้คุณเพื่อนตัวดีนี่ก็ยืดอกรับคำชมอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่ได้สะกิดใจเหี้ยอะไรเลย จนแดฮยอนเหยียดริมฝีปากอย่างหมั่นไส้

     

    มีแต่ยูยองแจคนเดียวเท่านั้นแหละที่คิดว่าจอนฮโยซองเป็นน้องรหัสที่น่ารัก แสนดี ถึงจะติดเขาแจไปหน่อย แต่ก็เป็นแค่อาการติดพี่อย่างเด็กๆเท่านั้น ยองแจเคยบอกเพื่อนว่า น้องคงเหงาเพราะเพิ่งย้ายมาโซลแล้วยังไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น

     

    เป็นคำอธิบายที่แดฮยอนฟังแล้วก็พ่นลมออกจากจมูกอย่างรำคาญ

     

    คนทั้งโลก.. ไม่สิ แม้แต่เอเลี่ยนบนดาวมาโทจากกาแลกซี่อื่นอันไกลโพ้น ยังดูออกเลยว่าน้องหวังจากมันมากกว่าแค่คำว่าพี่รหัสจริงๆ

     

    แต่ยองแจก็เป็นอย่างนี้ ถึงจะกวนตีนแต่ก็โง่ ที่เคยบอกไปว่ารู้ว่าเขาชอบแต่ก็ยังมาคอยแหย่คอยทำดีด้วย แดฮยอนก็คิดว่าคงเป็นเพราะยังไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าชอบของเขามีความหมายลึกซึ้งแค่ไหน

     

    ส่วนไอ้เรื่องทำดีนี่ก็เป็นสันดานของมันอยู่แล้ว.. ยองแจเป็นคนช่างใส่ใจความรู้สึกคน นอกจากนั้นแล้วยังรู้จักรักษาน้ำใจคนอื่น ชอบดูแลเอาใจใส่ ขี้เป็นห่วง..

     

    เพราะเป็นคนแบบนี้ เลยทำให้คนใกล้ๆเผลอหวั่นไหวไปด้วยได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะเป็นคนแบบนี้ ที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะเป็นนิสัย ทำไปด้วยใจที่ไม่คิดอะไร ก็เลยเหมาเข้าใจไปว่าคนอื่นก็คงจะไม่คิดอะไรเหมือนกัน

     

    “แต่กูจะไม่แบกสังขารไปให้น้องเลี้ยงหรอกนะ” ประโยคต่อมาของเพื่อนเรียกให้แดฮยอนหยุดความคิดฟุ้งซ่าน เขาหันไปมองหน้ายองแจ ก็พบว่าเพื่อนหน้ากลมส่งยิ้มมาให้ ทอดสายตามองมาอย่าง.. ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก.. ดูเหมือนจะอ่อนโยน.. “บนโลกนี้คงไม่มีใครเข้าใจกูดีเท่ามึงอีกแล้ว อยู่กับมึงแล้วสบายใจ ให้มึงเลี้ยงน่าจะดีกว่าเยอะ”

     

    แดฮยอนยิ้มบ้าง รู้สึกเต็มตื้นจนหัวใจพองฟูที่อีกฝ่ายเห็นความสำคัญของตนเองขนาดนี้

     

    "กูไม่เลี้ยงหรอกหมาขี้งอแงแบบนี้ จะปล่อยให้เฉาตายไปเลย"

     

    "ปากไม่ตรงกับใจ" เออ ก็ถ้ารู้อยู่แล้วมึงจะกวนตีนทำไม เดี๊ยะพ่อไฮโน้ตใส่เจ็ดระดับเลยมึง

     

    แดฮยอนไถลตัวลงจากเตียง มือคว้าหมับเข้าให้ที่มือของคนนอนอยู่ดึงให้ลุกขึ้นตามกันมา แน่นอนว่ายองแจก็ยอมลุกตามง่ายๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กกระตุกยิ้มมุมปาก หมาใครให้มันรู้ซะบ้าง เชื่องซะไม่มี

     

    "หาไรแดกข้างนอกเหอะ หอรก ไม่มี'รมณ์ตั้งเตา"

     

    "ตั้งเตาเหี้ยไร กดไมโครเวฟเอาก็บอก พูดซะห้องหรูมาก มีตงมีเตา" เอ้าด่ากูอีก ผิดนิดพลาดหน่อยแม่-งเอาตลอด คนล้มไม่เคยข้ามนะ ไอ้นี่มันถือคติต้องกระทืบซ้ำ นี่ถ้าไม่ติดว่าชอบนะ มีวางมวยกันไปหลายยกแล้ว

     

    เจ้าของห้องลากเพื่อนสนิทข้ามภูเขาขยะสามลูกย่อมๆ ระหว่างทางก็มีเสียงสิงห์สาราสัตว์(ตัวเดิมตัวเดียวนี่แหละ) บ่นประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ทำไมห้องมึงรกงี้งั้นโง้นเง้นวะ จะสร้างฟาร์มแมลงสาบเหรอ ฟังแล้วอยากตบแม่-งให้แก้มยุบซักที แต่คิดอีกทีไม่ทำดีกว่า ถ้าแก้มยุบ หน้าเรียวละหล่อขึ้นมานี่ เหี้ยนะ ไม่เอานะ เกิดมีคนมาชอบเยอะทำไง กูสู้ใครไม่เป็นนะ รู้ไว้ด้วย

     

    กว่าจะผ่านสมรภูมิกองขยะมาได้ก็เหนื่อยจนไม่มีแก่ใจจะหันไปต่อยหน้าคนพูดมากอย่างที่เมื่อกี้ตั้งใจไว้ ได้แต่โยนๆหมาตัวโตกองๆไว้ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปจัดการล็อคประตูห้องจนเสร็จ พอเงยหน้าขึ้นมา แดฮยอนก็เห็นเพื่อนสนิทยืนพิงกำแพงข้างประตูส่งยิ้มให้อย่างสุดเท่โดยไม่จำเป็น เด็กหนุ่มกลอกตาอย่างระอาใจ แล้วเตะหน้าแข้งอีกฝ่ายเข้าให้เต็มแรงทีหนึ่งจนยองแจร้องลั่นกระโดดถอย ก่อนที่เจ้าของห้องจะก้าวยาวๆเดินหนีออกห่างอย่างรวดเร็ว

     

    เอาคืนที่จู่ๆมันก็บอกจะบุกมาที่ห้อง ทำให้เขาต้องวุ่นวาย..

     

    แดฮยอนย้ำกับตัวเองในใจ

     

    ขากลับต้องอย่าลืมแวะเรียกลุงหน้าปากซอยให้เข้ามาช่วยเปลี่ยนกุญแจ

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “แล้วนี่ตกลงเลิกกันจริงเหรอ” ระหว่างที่กำลังเดินไปร้านอาหารเจ้าประจำ เด็กหนุ่มตัวเล็กก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อนด้วยความอยากรู้ “เลิกกันตอนไหนวะ เห็นมึงโวยวายงอนน้องเค้าแล้วก็บึ่งมาหากูเลยไม่ใช่ไง? มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้นหรือไง? เดี๋ยวนี้กล้ามีความลับไม่บอกกูเหรอวะ”

     

    แดฮยอนรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับคำถามนี้ แต่เขาก็อยากรู้.. มากเสียด้วย.. ว่าตกลงเรื่องราวระหว่างคนที่เขาแอบชอบกับแฟนเป็นยังไง ถึงจะทำใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ได้แล้ว แต่เด็กหนุ่มก็เหมือนกับคนทั่วไป คือในความปลงตกก็ยังมีความเห็นแก่ตัวเล็กๆซ่อนอยู่

     

    แดฮยอนรู้ว่าต่อให้ยองแจกับแฟนเลิกกันจริงๆเขาก็คงจะไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่มันก็ยังดีไม่ใช่หรือ ที่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ยูยองแจเป็นของจองแดฮยอนเพียงคนเดียว ไม่ต้องแกล้งทำเป็นใจกว้าง แกล้งทำเป็นมีน้ำใจแบ่งให้ใคร

     

    ไม่รู้ว่าคำถามไม่ถูกหูหรืออย่างไร เพราะรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของคนถูกถามเลือนหายไปแทบจะในทันที คู่เพื่อนสนิทปล่อยให้เสียงของสรรพสิ่งรอบกายดำเนินไปโดยไร้ซึ่งบทสนทนาของพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่ยองแจจะยักไหล่ แล้วตอบง่ายๆ

     

    “จะเลิกได้ยังไง.. ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว”

     

    “หือ? กับใคร? “มินจีน่ะนะ?” แดฮยอนทวนคำอย่างไม่เชื่อหู ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด.. ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นแฟนกันจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันได้ยังไงวะ ปูซานวอนบินงง

     

    “เออ ก็มินจีน่ะสิ” ยองแจย้ำ พ่นลมหายใจอย่างติดจะหงุดหงิด ก่อนจะสาธยายให้เพื่อนฟัง “น้องเค้าเคยบอกว่าให้กูได้แค่คำว่าพี่ชาย ที่คุยด้วยไปไหนมาไหนด้วยก็เพราเห็นว่าใจดี คุยสนุก แต่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น มีแต่กูที่ทึกทักเข้าข้างตัวเองไปคนเดียว” พูดแล้วก็แค่นหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเอง

     

    “ตลกดีไหมมึง โดนตอกหน้ากลับมาขนาดนี้ก็ยังหน้าด้านตามตื๊อเค้าต่ออีก เค้าไม่มาตามนัดเพราะไปกับคนอื่นกูก็เจ็บ เค้าเห็นคนอื่นดีกว่ากูก็เจ็บ แต่จะให้ตัดใจทันทีเลยก็ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ได้เจอเค้ากูก็เจ็บอีก.. ก็เลยต้องเสนอหน้าไปให้เค้าทำให้สุขบ้างเจ็บบ้างอย่างนี้ต่อไป.. มึงว่ากูโง่ไหมวะแดฮยอน”

     

    คนฟังมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนที่เดินอยู่เคียงข้างกันแล้วก็ปวดหนึบในอก ดวงตาของยองแจตอนนี้เศร้ากว่าช่วงเวลาทุกข์ใดๆของมันที่เขาเคยเห็น.. อาจจะเกือบเท่ากับความเศร้าในช่วงแรกๆที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าชอบเพื่อนสนิทตัวเองด้วยซ้ำ..

    ความเศร้าที่มีต้นเหตุมาจากรักที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ตัดใจไม่ลง

     

    “..ใครๆเค้าก็เป็นกันทั้งแหละ ไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวสักหน่อยที่ยอมโง่เพราะความรัก” ..อย่างน้อยก็กูนี่ไงอีกคน.. “แล้วมึงจะเอายังไงต่อ นี่คือน้องเค้าบอกมึงนานรึยัง”

     

    “ก็นานแล้ว” คนตัวโตกว่ายอมรับ.. สีหน้าดีขึ้นมานิดหนึ่งเพราะคำปลอบใจจากเพื่อน “แต่เพิ่งเคลียร์กันอีกทีก็ตอนระหว่างที่กูมาห้องมึงเนี่ยแหละ เค้าส่งแมสเสจมาว่าขอโทษที่ทำเหมือนให้ความหวังกู แล้วก็ขอให้กูตัดใจจากเค้าสักทีเถอะ ถ้ารักจริงๆก็อย่ายุ่งกับเค้าอีกเลย คนที่เค้าคุยด้วยอยู่จริงๆไม่พอใจแล้ว กูทำให้เค้าลำบาก..”

     

    เพื่อนสนิทของแดฮยอนหัวเราะเสียงปร่า

     

    “มินจีพูดถึงประมาณนี้เลยนะมึง กูแม่-งเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยก ฮ่าๆ โดนด่าทางอ้อมว่าน่ารำคาญขนาดนี้กูก็เลยว่าจะเลิกแล้ว รักคนที่เค้าไม่เห็นค่าความรักเราแบบนี้ไม่เอาแล้ว”

     

    “แล้วมึงจะตัดใจเหรอ? ไหวเหรอ?”

     

    “ไม่ไหวก็ต้องไหว” น้ำเสียงของคนตอบหนักแน่นอย่างคนที่ตัดสินใจได้ “อาจจะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป.. ยังไงก็ช่วยดูแลกูด้วยล่ะมึง บอกแล้วว่าช่วงนี้เป็นหมาอ่อนแอ เฉาง่าย” คนพูดตั้งใจพูดให้ติดตลก หากคนฟังกลับไม่ยักรู้สึกขำไปด้วย.. ถึงปากมันจะยิ้ม เสียงมันจะหัวเราะ แต่ตามันก็ยังแผ่รัศมีความเศร้าออกมามากขนาดนี้ จะให้แดฮยอนมีอารมณ์หัวเราะร่วมไปด้วยได้ยังไง

     

    ยองแจเห็นคนข้างตัวชักจะเงียบนานเกินปกติแล้วก็เอะใจ เด็กหนุ่มตัวสูงหยุดเดิน ดึงแขนเพื่อนให้หยุดตามด้วย แล้วชะโงกมาจ้องหน้า.. เห็นสีหน้าเป็นกังวลอย่างจริงจังของคนตัวเล็กกว่าแล้วก็อดขำไม่ได้

     

    “จะเครียดทำเหี้ยอะไร ไม่ใช่เรื่องของมึงสักนิด” นิ้วชี้จิ้มลงกลางระหว่างคิ้ว ผ่อนให้เรียวคิ้วที่เกือบจะขมวดกันเมื่อกี้คลายตัวลงทันที รวมถึงช่วยเรียกให้คนที่กำลังเหม่อลอยได้สติกลับมาด้วย “กูโอเค ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่อดทนอยู่แบบช้ำๆแปบเดียวเดี๋ยวก็หาย ไม่ถึงตายหรอก”

     

    แดฮยอนตวัดตามองคนพูดอย่างนึกเคือง.. อยากบอกใจจะขาดว่าไม่ได้กลัวมึงตายหรอก กลัวกูตายมากกว่า.. ต้องมาทนเห็นคนที่ตัวเองชอบซึมกะทือเพราะคนอื่นไม่รักทุกวันนี่มีใครหน้าไหนมันทนไหวบ้าง เขาล่ะอยากถามจริงๆ

     

    “พูดเหี้ยไร กูไม่ได้เครียดสักหน่อย ไม่ได้เป็นห่วงมึงด้วย”

     

    ยองแจหัวเราะ ผลักหัวเพื่อนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะดึงให้เริ่มออกเดินต่อ

     

    “พอใจจะปากแข็งก็ทำไปเหอะ”

     

    แดฮยอนเบ้หน้า แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ เด็กหนุ่มเดินตามคนนำต้อยๆ ยังปล่อยให้ข้อมืออยู่ภายใต้การเกาะกุมของเพื่อนสนิทอย่างไม่คิดจะดึงกลับ.. ความอบอุ่นจากมือใหญ่ส่งผ่านขึ้นมาถึงหัวใจ..

     

    เขาไม่รู้ว่าการฉวยโอกาสจากความใจดีของคนไม่รู้ตัวนี่ผิดแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าความลับที่อุตส่าห์เก็บซ่อนไว้จะถูกล่วงรู้เมื่อไหร่..

     

    เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนา.. ถึงแม้จะไม่ได้รักกันในความหมายนั้น แต่ก็ขอให้ความสัมพันธ์นี้คงอยู่ตลอดไป.. ให้เราได้อยู่ใกล้กัน ได้มีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน.. ถึงมันจะเจ็บบ้างก็ไม่เป็นไร.. ต่อให้การมองไปที่ยูยองแจเพียงคนเดียว ไม่ยอมมองใครอื่นอีก จะทำให้จองแดฮยอนเสียโอกาสในการเปิดตัวเองให้ใครสักคนที่อาจจะรักเขาจริง ก็ยังไม่เป็นไร

     

    หัวใจของแดฮยอนผูกติดกับเพื่อนสนิทคนนี้ไปแล้ว.. ก็ต้องดูแลให้ถึงที่สุดจนกว่าจะถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวจริงๆ

     

    แดฮยอนเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทอีกครั้ง ความเศร้าในดวงตาสีเข้มคู่นั้นจางลงแล้ว ทว่าก็ยังไม่ใช่จะหายไปเสียเลยทีเดียว.. ริมฝีปากสีอ่อนกดเป็นรอยยิ้มเบาบาง.. หวานระคนโศก.. เมื่อนึกถึงเรื่องของเพื่อน.. แล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง..

     

    กูบอกแล้วไงยองแจ.. คนที่ยอมโง่เพราะความรักไม่ได้มีแค่มึงคนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

    [x] เป็นเรื่องที่ไม่มีพล็อต ไม่มีโครง ไม่มีอะไรเลย.. อยากเขียนอะไรก็เขียนแบบตามใจฉันมากๆ ภาษาก็ไม่ได้เกลาด้วย สั้นก็สั้น๕๕๕ คิดว่าน่าจะจบในไม่ช้านี้ #ซีด

    ปล. เพิ่งรู้ว่าคู่นี้เป็นคู่แปลก๕๕๕ จริงเหรอ ไม่เอาน่า โมเม้นท์แจแดเยอะจะตาย เอ๊ะ หรือเบบี้เค้าชอบแดแจกัน? ฮึกก #น้ำตาไหลเป็นน้ำตกไนแองการา

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×