ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] Between The Lines [BangZelo HimDae]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter Two || The three-time-coincidence theory II

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 56










     

    ถ้าพูดถึงชีวิตในรั้วมหาลัย สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงก็คงเป็นพวก กิจกรรมสนุกสนาน งานเลี้ยงสังสรรค์ สารพันอบายมุข ชีวิตสุดเหวี่ยง พรรคพวกฮาเฮ อะไรทำนองนั้น.. มีดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป แล้วแต่เส้นทางการเรียนรู้วิถีชีวิตของแต่ละคน

     

    ยงกุกจำไม่ค่อยได้แล้วว่าก่อนมาถึงที่นี่ เขาเคยวาดภาพตัวเองในฐานะนักศึกษาไว้อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือน่าจะเรียบง่ายกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันมากนัก อย่างน้อยๆเขาก็มั่นใจว่าไม่เคยนึกถึงภาพตัวเองล็อคคอเพื่อนที่เมาแอ๋จนเดินเองไม่ได้อีกแล้ว ลากแถ่ดๆมาตามถนนที่เกือบๆจะร้างผู้คนตอนใกล้ตีสามอย่างนี้

     

    “มึง เอาไง” นัมอูฮยอนที่ยืนหอบหายใจหนักๆถามขึ้น มือขาวข้างหนึ่งเกาะเสาไฟฟ้าไว้ช่วยพยุงตัว อีกข้างก็เกี่ยวไหล่ซองยอลในสภาพน็อคคอพับคออ่อนไว้ไม่ให้เพื่อนไถลไปได้เสียกับพื้นถนนก่อนวัยอันควร

     

    “แท็กซี่ไม่จอดเลยว่ะ” ยงกุกขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ เหลือบตามองไอ้ขี้เมาอีกตัวที่พาดแขนทิ้งน้ำหนักทั้งตัวมาที่เขาเต็มๆ อาการของคิมฮิมชานตอนนี้ไม่รู้จะตีว่าหนักหรือเบากว่าอีซองยอลดี

     

    คุณเพื่อนสุดหล่อ (อย่างที่มันมักชมตัวเองให้ฟังเสมอ) ของเขายังมีสติพอประคองตัวอยู่ได้ ผิดกับคู่หูเด็กประถมอีกคนที่บัดนี้สภาพร่อแร่เต็มทน แต่อย่างน้อยๆซองยอลมันก็เมาแล้วหลับอย่างเรียบร้อย ไม่เหมือนไอ้นี่ที่เมาแล้วติดเรื้อน ร่ำๆจะลงไปถอนหญ้าข้างถนนตลอดเวลา เดือดร้อนเขาต้องคอยหนีบมันไว้กับตัวไม่ให้วิ่งเตลิดไปไหนได้

     

    “กูเหนื่อยแล้ว” คนขี้บ่นยังโอดครวญไม่เลิก “สภาพยังงี้จะยัดขึ้นแท็กซี่คนเดียวก็ไม่ได้ เกิดหล่นหายไประหว่างทางมยองซูก็แล่นมาเอากูตายอีก.. แล้วนี่กูก็ต้องไปส่งมันบ้านอีกงี้เรอะ? เป็นคนชวนเองแล้วก็ชิ่งเมาไม่รู้เรื่องไปเสียฉิบ แล้วก็เป็นกูทุกทีอ่ะที่ซวย.. มึงอยู่นิ่งๆ!

     

    ประโยคหลังหันไปด่าคนที่โงนเงนเหมือนจะล้มแหล่มิล้มแหล่.. แต่แน่นอนว่าอันบุรุษที่แท้มีหรือจะยอมเชื่อฟังคำสั่งใครง่ายๆ? ร่างผอมสูงสลัดตัวหนีแขนที่ยึดรั้งไว้ของเพื่อน ก่อนจะเลื้อยตัวเข้าแนบใบหน้ากับต้นเสาไฟ หลับตาพริ้มราวกับว่าสิ่งที่ตนกำลังซุกซบอยู่นั้นคือหมอนหนุนนอนชั้นดี ไม่ใช่ท่อนเหล็กสนิมเกาะพราวเหมือนที่เป็นอยู่จริง

     

    อูฮยอนมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเอือมจัด สายตาของชายหนุ่มบ่งบอกว่าสุดระอา

     

    “หมดครั้งนี้กูจะไม่ก๊งกับพวกแม่งอีกแล้ว มีแต่ภาระ!

     

    ยงกุกเห็นสีหน้าเพื่อนแล้วก็นึกสงสารจับใจ ใต้ตาไอ้นามูมันเหมือนจะคล้ำลงหน่อยแล้วใช่ไหมนั่น.. ถ้าใจร้ายปล่อยให้มันจัดการกับซองยอลคนเดียวลำพังในคืนนี้ บางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะได้เพื่อนใหม่เป็นซอมบี้เพราะเพื่อนเก่ามันเหนื่อยจนเปลี่ยนร่าง หรือไม่ก็แดกหัวอีกคนเข้าไปจนกลายพันธุ์เป็นสัตว์กินเนื้อแล้วรึเปล่านะ?

                   

    คนตัวสูงถอนหายใจบางๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยื่นข้อเสนอที่อูฮยอนรีบตระครุบไว้ด้วยอาการตาลุกวาว ราวกับเห็นของประทานจากฟ้าก็ไม่ปาน

     

    “งั้นคืนนี้พวกมึงค้างหอกูก่อนแล้วกัน แต่ห้องไม่พอนะ คงต้องขอจีฮเย”

     

    “โอเคเลยเพื่อน มึงนี่พ่อพระมาโปรดชัดๆ” ไม่ว่าเปล่า ยังยกมือขึ้นประสานกันไว้ที่อกประกอบคำพูด พร้อมทั้งขมวดคิ้วหลับตาด้วยท่าทางจริงจังอีก “ขอให้ผลบุญครั้งนี้ส่งให้มึงเจริญยิ่งๆขึ้นไป คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง คิดน้องปีหนึ่งขอให้ได้น้องจุนฮง”

     

    “เกินไปละไอ้เตี้ย” เขาอดไม่ได้ที่จะโบกหัวคนช่างล้อไม่ดูเวล่ำเวลาไปทีจนมันหน้าคะมำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห้ามเสียงหัวเราะในลำคอของตัวเองไม่ได้.. ท่าทางตัวเขาเองก็คงกึ่มน่าดูเหมือนกัน “มึงอย่าพูดมาก ลากไอ้ซองยอลตามมาเร็วๆ พรุ่งนี้มีคลาสเช้า กูจะนอน”

     

    “แหม แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นอารมณ์ขึ้น” คนโดนตีคลำท้ายทอยป้อยๆ หากยังฉีกยิ้มด้วยสีหน้าระรื่น ไร้ซึ่งร่องรอยของความขุ่นเคืองอย่างที่ควรจะเป็น “ถ้าเป็นในซีรี่ส์ คาแรคเตอร์แบบนี้กูเรียกว่าเป็นประเภทชอบใช้กำลังแก้เขิน”

     

    “แล้วมึงอยากลองโดนกูแก้เขินอีกทีไหม” อีกฝ่ายหดคอหนีอย่างรวดเร็วเพียงแค่ยงกุกยกกำปั้นขู่ ก่อนจะรีบยกมือสองข้างแบแต้ขึ้นประกาศยอมแพ้

     

    “เออๆ ไปแล้วก็ได้โว้ย เหงือกดำไม่พอใจยังดำอีกนะมึงเนี่ย” นามูคนเก่งของเพื่อนๆบ่นงึมงำ มือคว้าคอเสื้อคนที่ผงกหัวขึ้นมาจะงับเสาไฟฟ้าไว้ได้เฉียดฉิว “เฮ้ย อย่าแดก!” นัมอูฮยอนรีบยกแขนยาวของคนที่ขาดสติจนเข้าใจว่าโคมไฟคือของกินขึ้นพาดไหล่.. หมดมาด อีซองยอล พี่ระเบียบจอมโหดของน้องๆเฟรชชี่ไปโดยสิ้นเชิง “ไปๆ กูไปแล้ว รีบไปเหอะก่อนที่มันจะเริ่มแทะทางเท้าหรือกำแพงมากกว่านี้”

     

    นัมอูฮยอนลากร่างของเพื่อนเลี้ยวไปตามซอยแคบๆอย่างรู้ทาง มีเจ้าของห้องล็อคคอคิมฮิมชานที่ยังโซซัดโซเซค่อยๆเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน.

     

    กลุ่มพวกเขาคบกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ตระเวนนอนค้างอ้างแรมที่บ้านเพื่อนมากันจนครบทุกคนแล้ว แต่หอของยงกุกออกจะเป็นที่ที่ พิเศษกว่าบ้านคนอื่นๆอยู่หน่อย เพราะใกล้และสะดวกที่สุด ตั้งอยู่ในซอยเยื้องไปข้างหลังมอแค่เดินเท้าสิบห้านาทีเท่านั้นเอง เหมาะสำหรับทุกโอกาส ทั้งติวหนังสือคืนก่อนสอบเช้า เป็นที่พักสำหรับเหล่าผู้ป่วยเป็นโรคแพ้แอลกอล์ฮอล์ (หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าเมาน็อค เหมือนซองยอลกับฮิมชานวันนี้นี่เอง) หรือไว้ขอยืมข้าวของกันตายเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน และอื่นๆอีกสารพัดที่บรรดาเพื่อนๆจะเฮโลมาหน้าด้านขอใช้ห้องได้ ขนาดบุกจัดปาร์ตี้ทั้งที่ไม่มีโอกาสพิเศษก็ยังเคยทำมาแล้วบ่อยครั้งโดยไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ

     

    พวกเขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะกลับมาถึงหอในสภาพทุลักทุเล เนื่องจากตัวปัญหาสองตัวไม่ให้ความร่วมมือ คอยแต่จะถ่วงน้ำหนักให้ล้มเอียงซ้ายเอียงขวาตลอด ไหนจะต้องตะกายปีนขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นห้าที่เป็นห้องพักของยงกุกอีก กว่าจะลากสังขารกันมาถึงหน้าห้องพักเบอร์ 504 ของฮันจีฮเยได้ คนธรรมดาสองคนก็เหนื่อยหอบหัวฟูเป็นกระเซิง แทบจะกลายร่างเป็นคนบ้าตามเพื่อนอีกสองคนที่ชิงบ้าไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ทั้งที่สติยังอยู่ครบถ้วนทุกเม็ด

     

    “ยงกุกมึงบอกจีฮเยยัง” เป็นคนตัวเล็กกว่าที่ถามขึ้นอย่างเป็นกังวล

     

    "คาทกไปแล้ว มันบอกถึงหน้าห้องแล้วให้เรียกอีกที"

     

    มึงสนิท มึงเคาะเจ้าของเสียงหลักของกลุ่มในการร้องคาราโอเกะว่า ก่อนจะทำหน้าสยดสยอง กูไม่กล้าหรอก เดี๋ยวแม่เจ้าประคุณเกิดอารมณ์เสียอยู่จะโดนงับหัวเอา

     

    ยงกุกกลอกตาให้แทนคำพูด สนิทน่ะใช่ แต่นึกว่าเขาไม่กลัวแม่คุณงับหัวมั่งหรือ สำหรับเพื่อนธรรมดา ฮันจีฮเยถือว่าเป็นคน ใจๆ ที่ไม่คิดจะอ้อมค้อมความรู้สึกของตัว แต่สำหรับเพื่อนที่สนิทแล้วนี่สิ.. เจ้าหล่อนยิ่งทวีความ ใจๆ ให้มากกว่าเพื่อนคนอื่นทั่วไปหลายเท่า

     

    หากแต่สถานการณ์ที่คิมฮิมชานเริ่มต้นแหกปากร้องเพลงประจำคณะด้วยเสียงเพี้ยนสุดกู่ของมันออกมาแบบไม่คิดเกรงใจคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ตอนตีสามกว่าแบบนี้เลย ก็บีบให้ชายหนุ่มต้องรีบทำตามคำพูดเพื่อนโดยเร็ว

     

    จีฮเย ตื่นยังวะ นี่ยงกุกนะ เปิดประตูให้หน่อย

     

    คนโดนโบ้ยงานทุบประตูห้องหนักๆ ภาวนาให้เจ้าของห้องออกมาเปิดให้เร็วๆ เพราะแก้วหูชักเริ่มสั่นเปรี๊ยะกับเสียงเพี้ยนๆของไอ้นักร้องผีสิงข้างๆนี่แล้ว.. ไม่กี่อึดใจ บานประตูหน้าตาแปลกผิดเพื่อนด้วยสีเขียวสด ผิดกับบานอื่นๆในชั้นที่เป็นสีขาวปลอดทั้งหมดก็เหวี่ยงเปิดออก ตามมาด้วยหมอนใบโตที่เสือกพรวดเข้ามาอุดปากกว้างๆของคิมฮิมชานอย่างรู้งาน

     

    ไม่ตื่นก็ต้องตื่นเพราะเสียงนกหวีดแตกของมันเนี่ยแหละ

     

    หญิงสาวเจ้าของห้องผู้ซึ่งมีสีหน้าบูดสนิททำเสียงขึ้นจมูกไม่ชอบใจ สภาพผมยุ่งๆกับเสื้อยับๆ และท่าทางอ้าปากหาวหวอดอย่างไม่คิดรักษามาดบอกชัดว่าคงเพิ่งลุกจากเตียงมาเมื่อกี้นี้เองสดๆร้อนๆ เจ้าหล่อนถอยให้ผู้ชายตัวโตๆสี่คนเข้ามาในห้อง (ถ้าจะให้ถูกคือ ถอยให้ผู้ชายตัวโตๆสองคนลากผู้ชายตัวโตๆอีกสองคนเข้ามาในห้อง) ทั้งที่มือยังไม่ละจากการกดหมอนอัดหน้าหลีดคณะที่กำลังพยายามดิ้นหนีด้วยซ้ำ

     

    นี่พากันไปเรื้อนกันมาอีกแล้วเรอะ

     

    จีฮเยปรายตามองซองยอลที่ถูกอูฮยอนจับโยนลงบนเตียงนอนอย่างส่งๆ แล้วหลับไปเลยทั้งสภาพตัวขดไม่เป็นรูปร่างอย่างนั้น ก่อนจะทำเสียงเฮอะขึ้นจมูกอีกครั้ง

     

    หล่อนยอมปล่อยให้ยงกุกดึงฮิมชานหนีออกจากหมอนพิฆาตของตนแต่โดยดี แล้วเดินตามไปหยุดอยู่หน้าโซฟาที่ยงกุกจับพ่อนักร้องเสียงทองให้นั่งอยู่นิ่งๆ.. เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มคนแรกก็หย่อนขาพิงขอบโต๊ะด้านหลัง หยิบน้ำเปล่าที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งขวดขึ้นดื่มหน้าตาเฉย ส่วนรายหลังพอหาอากาศเจอก็สูดหายใจเข้าดังเฮือกแล้วก็เริ่มร้องเพลงหงุงหงิงต่อ ไม่สนใจสายตาขวางๆของเจ้าของห้องเลยสักนิด

     

    นานๆทีน่าคนเป็นเพื่อนร่วมรุ่น พ่วงตำแหน่งเพื่อนร่วมหอที่พักอยู่ถัดไปอีกสองห้องตอบอย่างขอไปที

     

    นานๆทีบ้าอะไร อาทิตย์ที่แล้วพวกแกก็เพิ่งมาป่วนรอบนึง เล่นเอาฉันทำงานไม่ได้เลย"

     

    "ทำไม่ได้ได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าหอบไปทำต่อที่ห้องยุนจี" อูฮยอนที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงแทรกขึ้นบ้างอย่างอดรนทนไม่ไหว คนที่เพิ่งต่อว่าไปหยกๆเลยได้ตวัดสายตาขวับหาคนช่างเถียง

     

    "เออก็นั่นแหละ ยายนั่นมัวแต่ชวนเม้าท์เรื่องผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบ รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว สรุปก็เลยปั่นงานไม่ทัน" เจ้าหล่อนตอบง่ายๆ อูฮยอนฟังแล้วก็งง นี่คือเจ๊เต็มใจเม้าท์มอยไปกับเขาเองไม่ใช่หรือ แล้วตรงไหนวะที่มันเป็นความผิดพวกกู แต่เอาเถอะ.. เหนื่อยสายตัวแทบขาดอย่างตอนนี้นามูไม่มีแรงจะเถียงเจ๊เขาหรอก พื้นฐานเป็นคนไม่สู้ใคร (โดยเฉพาะเด็ก สตรี คนชรา และฮันจีฮเย)

     

    “เดี๋ยวฉันไปละ พวกแกอย่าทำห้องเละก็แล้วกัน” หญิงสาวตัดบท เหล่มองเชียร์ลีดเดอร์ประจำรุ่นผู้ซึ่งหล่อนมองยังไงก็รู้สึกว่าหน้าเหมือนบีเวอร์จะแย่ ที่ยังครวญเพลงอยู่อย่างอารมณ์ดีแล้วก็ชักหวั่นใจจนต้องรีบเพิ่มข้อห้าม

     

    ของในห้องน้ำใช้ได้หมด แค่อย่ารื้อของอย่างอื่น อย่ากินขนม แล้วก็อย่าอ้วกใส่ห้องก็พอ.. จะมาอ้างว่าอ้วกแล้วเช็ดให้แล้วก็ไม่ได้ กลิ่นมันค้างอยู่ในห้องเป็นวันเลยนะจะบอกให้ แล้วคราวก่อนรามยอนฉันหายไปถ้วยนึง อย่าคิดว่าไม่รู้นะหน่วยตาเรียวหรี่ลงอย่างจับผิด คราวนี้ล่ะถ้าของหายไปอีกแม้แต่หนังยางเส้นเดียว รับรองเลยว่าพวกแกจะไม่มีทางได้เหยียบห้องฉันอีกตลอดชีวิต”

     

    “รู้แล้วน่า” อูฮยอนโอดครวญ “ทราบแล้วคร้าบ~ จะระวังคร้าบ~ รามยอนถ้วยนั้นคราวที่แล้วซองยอลมันขโมยกลับไปกินที่บ้านคร้าบ~บอกว่าช่วงนั้นถังแตกอยู่ เดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาแล้วผมจะตีให้อย่างแรงเลยคร้าบ ขอบคุณมากนะคร้าบออมม่า แต่ออมม่าไปเถอะ ลูกชายเหนื่อยแล้วคร้าบ ลูกชายอยากนอน~” สาบานได้ว่าถ้าอูฮยอนยังแกล้งทำตัวงอแงปัญญาอ่อนต่ออีกสักนิด จีฮเยจะต้องฟาดไอ้คนกวนประสาทนี่สักทีให้มันเงียบแน่นอน

     

    “ให้ตายเหอะ! จริงๆเลยพวกนี้นี่” หญิงสาวถลึงตาให้เบบี้ยักษ์ทีหนึ่งจนคนโดนตำหนิแกล้งทำเป็นกลัวตัวสั่น ก่อนหล่อนจะหันไปพูดกับบังยงกุก ที่ดูจะเป็นคนที่ฝากความหวังไว้ได้มากที่สุดในห้อง “พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาสักสิบโมง ปลุกพวกมันด้วย อย่าให้เห็นอยู่เกะกะตาล่ะ เข้าใจ๊?”

     

    “โอเค ขอบคุณมากนะเว้ย” เจ้าของห้องโบกมือรับว่า ไม่เป็นไร ด้วยท่าทางเท่จัด ก่อนจะปิดประตูดังโครมอย่างไม่เกรงใจสี่ชีวิตที่อยู่ในห้องตัวเองหรือจะอีกกี่ชีวิตที่อยู่ในห้องไหนๆทั้งนั้น

     

    พอเหลืออยู่ลำพังสองคนมองตากันปริบๆ นัมอูฮยอนก็รีบกางแขนจิกเตียงนอนไว้แน่น ยึดไว้เป็นฐานที่มั่น

     

    “กูนอนนี่ มึงลากไอ้เหยินกลับไปห้องมึงเลย ปวดหูเสียงมัน เดี๋ยวกูดูซองยอลให้เอง”

     

    “เออๆ กูเคยเลือกอะไรได้ด้วยเหรอวะ” ยงกุกถอนหายใจหนักๆ อดไม่ได้ที่จะประชดให้บ้างอย่างเริ่มเซ็งห หากคนฟังก็หาได้สนใจไม่ อูฮยอนกลิ้งตัวไปคว้าหมอนหนุนได้ก็เอาหัวทับแล้วหลับไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้เพื่อนสนิทยืนเกาหัวแกรกๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหนักๆอีกที แล้วก็ได้แต่ก้มหน้ารับกรรม (ที่ดันหลงผิดมาคบกับพวกแม่ง) ไปตามระเบียบ

     

    การลากผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบ น้ำหนักหกสิบเก้า ออกจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งที่ห่างกันแค่ห้องเดียวกั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การทำให้คิมฮิมชานยอมหุบปากนั้นยากยิ่งกว่ามาก ไอ้เพื่อนตัวดีมันเอาแต่อวดเสียง (ที่ยงกุกลองเทียบกับเสียงฝนตกใส่กาละมังแล้วพบว่าอย่างหลังยังเพราะกว่า) ไม่ยอมหยุด

     

    ชายหนุ่มลองหาขนมเหลือๆมายัดปากก็แล้ว พยายามตวาดสั่งอย่างจริงจังก็แล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีไหนได้ผล จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ต้องปล่อยให้มันร้องเล่นเต้นระบำตามเพลงแบดแมน ของวงบีเอพีอะไรของมันอยู่ในห้องต่อไป แล้วตัวเองก็คลานขึ้นเตียง หยิบไอโฟนมาเสียบหูฟังแล้วเอาหมอนมาทับหัวไว้อีกชั้นเพื่อกั้นเสียง ข่มตานอนเสีย

     

    อารามเหนื่อยจัดจากหลายอย่างทำให้เขาจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเจ้าของห้องหลับยาวจนถึงเช้า กระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ในมือถือแผดลั่นขึ้นที่ข้างหูนั่นแหละถึงได้สะดุ้งตื่น

     

    ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาแปดโมงสิบห้า.. ยงกุกมีควิซวิชาภาษาอังกฤษตอนเก้าโมง ซองยอล อูฮยอน กับฮิมชานเรียนคนละภาคจึงไม่ได้ลงเรียนตัวนี้ แต่ถึงอย่างนั้นไอ้พวกนั้นก็มีเรียนวิชาอื่นตอนสิบโมงเหมือนกัน หอพักของยงกุกถึงจะอนุญาตให้พาคนนอกมาค้างได้แต่ก็ต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดประตูทั้งเข้าและออก แต่ละห้องให้ถือคีย์การ์ดแค่ใบเดียว เพราะงั้นอย่างไรเขาก็ต้องลากพวกมันให้ออกไปพร้อมกันอยู่ดี

     

    ร่างผอมสูงผลุบเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา โกนหนวดเสียหน่อยให้ดูสะอาดสะอ้านเผื่อว่าอาจารย์จะได้นึกเอ็นดูว่าเป็นเด็กดี ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวดเครา ใช้เวลาไปทั้งสิ้นห้านาทีถ้วนตามแบบฉบับหนุ่มโสดผู้รู้จักการบริหารเวลา ก่อนจะออกมาเขี่ยๆปลุกซากเพื่อนที่นอนพังพาบอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพด้วยปลายเท้า

     

    “ไอ้เหยิน ลุก” ใช้แค่เท้าสะกิดมันยังไม่ยอมตื่น คราวนี้ชายหนุ่มเลยเตะสีข้างไอ้คนหลับลึกดังป้าบ เล่นเอาอีกฝ่ายที่ทีแรกงัวเงียไม่ยอมลุกถึงกับตัวกระเด้งโหยง ตื่นเต็มตา

     

    “ไอ้เหี้ยบัง! เจ็บ! โอ๊ะ” ลืมตามาแหกปากด่าเพื่อนได้สองคำ คิมฮิมชานก็มึนหัววูบจนต้องรีบเท้าแขนยันตัวไว้ไม่ให้ล้มพับ “กูวาร์ปอีกแล้วเหรอวะเนี่ย”

                   

    “เออ” ขายาวก้าวผ่านแขกผู้มีเกียรติไปยังตู้เสื้อผ้าชิดผนัง คว้าเอาเชิ้ตสีสดกับกางเกงลายดอกที่เจ้าตัวมันทิ้งไว้ตั้งแต่มาค้างครั้งที่แล้วโยนใส่หน้าเพื่อนที่ยังสะบัดหัวไล่ความมึนงง

     

    “มึงรีบๆไปแต่งตัวเลย กูไปปลุกพวกห้องโน้นก่อนเดี๋ยวกลับมา” ว่าพลางผลัดเปลี่ยนเสื้อตัวเมื่อวานที่เหม็นกลิ่นเบียร์หึ่งเป็นเชิ้ตสีเข้มดูสุภาพ ส่วนกางเกงยีนส์ก็ใส่ตัวเดิมซ้ำไปก่อน.. เมื่อคืนยงกุกเหนื่อยจนหลับไปทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ อุณหภูมิเช้านี้ก็ต่ำไปหน่อยจนเขาไม่นึกอยากให้ร่างกายสัมผัสกับอะไรเย็นๆเหมือนกัน.. ชายหนุ่มให้เหตุผลกับตัวเองในใจ.. เอาไว้ควิซเสร็จแล้วค่อยกลับมาอาบก็ยังทัน

     

    บังคับจนฮิมชานยอมลากขาเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็ย้ายเป้าหมายมาปลุกเพื่อนอีกสองคนที่นอนอยู่ห้องถัดไป สองรายหลังนี่สบายแรงกว่าเยอะ เพราะนัมอูฮยอนเป็นคนตื่นเช้าโดยนิสัย และอีซองยอลถึงจะเมาเร็ว น็อคง่าย แต่พอถึงเวลาปลุกก็ลุกได้ง่ายไม่มีอิดออด

     

    เพราะอย่างนั้น พอยงกุกเปิดประตูเข้าไปในห้องจีฮเยตอนแปดโมงครึ่ง เขาก็เจออูฮยอนนั่งเซ็ตผมอยู่หน้ากระจกรออยู่แล้ว (ข้างหน้ามีกระปุกเจลแต่งผมของจีฮเยเปิดวางอยู่.. แต่เอาเถอะ เขาจะทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน) และพอเขย่าตัวเรียกซองยอลแค่สองที ไอ้ยีราฟตัวยาวมันก็สะดุ้ง ตื่นตาใสให้เร็วทันใจ

     

    เขากำชับเวลาเพื่อนทั้งสองคนอีกทีว่าให้เตรียมตัวให้เสร็จก่อนแปดโมงสี่สิบห้า ไม่อย่างนั้นจะทิ้งให้รับหน้ากับฮันจีฮเยเจ้าของห้องขาโหดตามลำพัง ซองยอลก็ดูเชื่อฟังดีเพราะยังพูดไม่ทันจบประโยคหมอนั่นก็คว้าเอาผ้าขนหูที่แขวนอยู่บนราวข้างตู้เสื้อผ้า (ของจีฮเยอีกแล้ว..) วิ่งอ้าวเข้าห้องน้ำไปเลย อย่างที่คนมองได้แต่นึกขำว่าไม่รู้จะกลัวอะไรมากขนาดนั้น แต่ก็ดี เขาจะได้วางใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยตรงตามเวลา

     

    เสร็จสิ้นภารกิจกับสองดูโอห้อง 504 เรียบร้อยแล้วบังยงกุกก็เดินผิวปากอย่างสบายใจกลับมาที่ห้องของตน ประตูห้อง 508 ยังคงแง้มอยู่นิดหน่อยเนื่องจากเขาเพียงแต่งับไว้ลวกๆอย่างไม่ใส่ใจ ตอนที่รีบออกมาเรียกอูฮยอนกับซองยอล เขากำลังจะดึงมันให้เปิดออกกว้าง หากมือที่กำรอบลูกบิดทอดงเหลืองกลับชะงักหยุดเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นแผ่นโพสอิทสีชมพูแจ๋นซึ่งแปะอยู่หน้าบานประตู

     

    ร้องเพลงผิดคีย์ตอนตีสี่ซะลั่นหอ ไม่เห็นแก่เพื่อนร่วมหอก็เห็นแก่เจ้าของเพลงบ้างเถอะ เพลงเขาเสียหมด กรรมการรายการเพลงมาได้ยินเข้าจะถูกปรับตกชาร์ตเอานะครับ

     

    ลายมือที่เขียนไว้บนแผ่นกระดาษสีสดร้อยเรียงเป็นคำตำหนิอย่างที่อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่าควรโกรธ หรือรู้สึกผิด หรือจะขำดี เพราะถึงแม้ถ้อยคำจะแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ แต่ปลายประโยคกลับดูหยอกเย้าอยู่ในที

     

    ยงกุกดึงโพสอิทสีสดออกมาไว้ในมือ.. ไม่ได้ลงชื่อคนเขียน.. เขาเหลียวมองรอบกายหาตัวต้นเหตุ หากประตูห้องทุกบานยังปิดสนิทไร้ซึ่งสัญญาณของการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าอย่างนั้นโน้ตแผ่นนี้ก็น่าจะแปะไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

     

    จะว่าเป็นฝีมือของคิมมินอาที่อยู่ห้องติดกันก็ไม่น่าใช่ ช่วงนี้เป็นช่วงละครใหญ่ของคณะ เป็นที่รู้กันว่าเด็กเอกการแสดงทุ่มเทให้กับงานประจำปีงานนี้มากขนาดไหน ชายหนุ่มจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นหอบข้าวของไปกินนอนอยู่ที่โรงละครตั้งแต่ต้นอาทิตย์แล้ว.. ถ้าอย่างนั้น..

     

    คิดพลาง ก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่บานประตูสีขาวมอซอของห้องตรงข้าม

     

    เมื่อวันก่อนเขาเจอพี่ซึงออเจ้าของหอพักโดยบังเอิญที่ร้านสะดวกซื้อข้างล่าง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ๊แกบอกว่านัมแทโฮห้องตรงข้ามเขาเพิ่งย้ายออกไปเร็วๆนี้เอง เขาไม่แน่ใจว่าเจ๊แกได้พูดถึงผู้เช่ารายใหม่หรือเปล่า แต่จากรองเท้าผ้าใบดีไซน์แปลกตาสองสามคู่ที่วางอยู่หน้าห้องก็พอจะทำให้เขาตีความได้ว่าห้อง 509 คงมีเจ้าของใหม่ย้ายเข้ามาจับจองแล้วเรียบร้อย ตามวัฏจักรของหอพักที่สะดวกสบายและมีราคาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้

     

    กำลังขมวดคิ้วมองประตูห้องของเพื่อนบ้านรายใหม่ที่ยังไม่มีโอกาสได้ทักทายกันอยู่เพลินๆ แรงผลักประตูจากด้านหลังแบบไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าก็กระแทกเข้าให้กับหลังศีรษะจนต้องกระโดดเหยง หันกลับไปสบถแรงๆใส่ไอ้เพื่อนเวรที่เปิดประตูมาไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเสียงดัง

     

    “อ้าว มึงมายืนโง่อะไรอยู่หน้าห้อง โดนประตูฟาดเข้ากูจะขำให้” โดนไปแล้วครับไอ้ห่า แต่ยงกุกก็ได้แต่เข่นเคี้ยวฟันอยู่ในใจไม่กล้าด่าออกไปเพราะนอกจากจะเสียฟอร์มแล้ว ยังต้องทนฟังเสียงหัวเราะสะใจของไอ้หน้าม้ามันไปเกือบทั้งวันอีกด้วย ไม่คุ้มสุดๆ

     

    “กูเสร็จแล้วนะ มึงตามพวกห้องนู้นยัง”

     

    สุดหล่อประจำรุ่นในมาดผมเสยขึ้นแข็งโป๊กด้วยเจล เปิดโชว์รัศมีหน้าม้าๆผสมฟันบีเวอร์เต็มที่ถามต่ออย่างไม่ใส่ใจสีหน้าบึ้งตึงของคู่สนทนา คิมฮิมชานก็เป็นอย่างนี้เสมอ คือหน้าด้าน ไร้มารยาท และไม่คิดจะสนใจทุกอย่างที่มันคิดจะไม่สนใจ และเพราะรู้ดีว่าสันดานเพื่อนเป็นอย่างนั้น บังยงกุกเลยได้แต่ถอนหายใจหนักๆอย่างสุดจะปลง

     

    “มันตื่นกันแล้ว กูบอกให้เสร็จก่อนแปดสี่สิบห้า แล้วเดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”

     

    “เอองั้นกูไปรอห้องนู้นนะ” ว่าแล้วก็ยกมุมปากโชว์ฟันหน้าเป็นรอยยิ้มสุดสะพรึง ไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปเองหรือเปล่าแต่ยงกุกคิดว่าเขาเห็นประกายไฟแห่งความเคียดแค้นกำลังลุกโชนอยู่ในแก้วตาสีเทาเข้ม (ด้วยคอนแทคเลนส์ลายโปรดที่ทำให้มันอุตส่าห์พกน้ำยาแช่ไว้ในกระเป๋าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง)

     

    “เดี๋ยวกูไปเตะไอ้ยีราฟก่อน เมื่อคืนก่อนภาพตัดกูจำได้เลาๆว่ามันลามปามน้องแดฮยอนของกู”

     

    มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็จ้ำพรวดๆเข้าห้องที่อยู่ห่างออกไปอีกหนึ่งห้อง แค่เพียงอึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรตามมาดังลั่น ยงกุกได้แต่นึกขอบคุณพระเจ้าที่คิมมินอาห้องติดกันย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นแล้วนอกจากจะมีโพสอิทจากเพื่อนบ้านนิรนามมาแปะด่าไว้ถึงหน้าห้องแล้ว กลับมาเย็นนี้เขาอาจโดนวางกับระเบิดไว้

     

    เขากลับเข้าไปหยิบข้าวของในห้อง แปะโพสอิทที่เผลอถือติดมือมาลงบนหน้าจอโทรทัศน์ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ถึงไม่ขยำทิ้งลงถังขยะไป แต่คิดว่าตลกดี.. เก็บเอาไว้ปิดปากเพื่อนขี้เมาเวลามันมาค้างคราวหน้า เผื่อจะได้รู้จักเกรงใจเพื่อนบ้านกันขึ้นมาบ้าง

     

    เหวี่ยงเป้ใบโปรดขึ้นสะพายไหล่ หยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่ท่ามกลางข้าวของระเกะระกะบนโต๊ะหนังสือมายัดลวกๆใส่กระเป๋ากางเกง เท่านั้นบังยงกุกก็พร้อมแล้วที่จะออกไปเผชิญโลกข้างนอกเหมือนทุกที เพียงแต่.. ความคิดที่จู่ๆก็วนกลับเข้ามาในหัวทำให้วันนี้ของเขาต่างออกไปจากวันอื่นๆ

     

    มือเรียวสวยทว่าแข็งแรงละจากกระเป๋าเงิน เลื่อนแตะที่มือจับลิ้นชัก เสียงโวยวายของไอ้แสบสามตัวยังลอดมาให้ได้ยินแว่วๆ หากเสียงของนัมอูฮยอนที่สะท้อนอยู่ในความทรงจำกลับดังชัดมากกว่า เขาดึงลิ้นชักให้เปิดออก ปัดกองชีทที่ทับกันอยู่มั่วซั่วให้คลายออก เพียงเท่านั้น กระดาษยับๆขะมุกขะมอมแผ่นหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา

     

    ป้ายชื่อของชเวจุนฮงที่เก็บไว้แต่ในลิ้นชักนานเป็นสัปดาห์ ถูกเสียบลงข้างเป้เป็นอย่างสุดท้าย ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเท้าออกจากฐานที่มั่น

     

    ก็แค่เผื่อไว้..

     

    ถ้าเจ้าตัวมันรู้เข้าว่าเขาเก็บคำพูดตัวเองมาคิดเป็นจริงเป็นจัง ขนาดที่ในใจลึกๆเริ่มคิดถึงโอกาสที่มีเพียงน้อยนิดแล้ว มีหวังยงกุกคงโดนล้อไปอีกหลายรอบ แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อตั้งแต่อูฮยอนยัดความคิดที่ว่า หากเขาได้พบจุนฮงเป็นครั้งที่สามโดยไม่ตั้งใจ สิ่งนั้นอาจเป็นต้นกำเนิดของพรหมลิขิต เข้ามาในหัว ชายหนุ่มก็สลัดแสงสว่างเล็กๆเป็นประกายในใจทิ้งไปไม่ได้เลย

     

    อาจฟังดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยงกุกถึงได้รู้สึกมั่นใจนักว่าเขาต้องได้เจออีกฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้หยิบป้ายชื่อเจ้าปัญหาติดมาด้วย เพื่อที่ว่าจะได้ยกมาใช้เป็นข้ออ้าง.. ในการทำให้ อะไรๆ มันง่ายขึ้นสักหน่อย หากถึงเวลาจริงๆ

     

    เขาล็อคห้อง เสียงลูกบิดประตูดังคลิ้ก พร้อมๆกับที่ในหัวลองนึกถึงเหตุผลหลายข้อที่จะทำให้เขาและน้องเกิด ความบังเอิญ ขึ้นอีกครั้ง

     

    ริมฝีปากหยักสวยวาดขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง

     

    ก็นะครับ.. คณะศิลปกรรมศาสตร์มันจะกว้างสักเท่าไหร่กันเชียว

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    [.] สองตอนแล้วยังไม่มีอะไรเลย ทำไมมันถึงไม่มีอะไรได้ขนาดนี้ 55555555555555555555555555555

    แต่งเองก็เหนื่อยเอง เมื่อไหร่จะเจอกันคะนี่ลุ้น 555555555

    คอมเม้นตอนที่แล้วบอกว่าจูนงเหมือนจะหล่อกว่าพี่เลย ;-; ก็หล่อกว่าจริงๆนี่คะ 55555 (เมนพี่ปังอย่าเตะหนูนะ กิกิ) เรื่องนี้คนหล่อชนคนเท่ค่ะ แต่ยังไงก่ะเป็นปังเจลนะ ;-; คนพี่ต้องเอ็นดูน้องงง นี่ไม่มีงานเจลปังแน่นอนค่ะ ถถถถถถถถ #รึเปล่านะ

     

    ปล. ต่อไปอาจจะไม่ทำรูปโปรยแล้ว ฮือ ทำไมมันยากงี้คะออมม่า TAT

    ปลล. แท็คทวิตเตอร์ได้ที่ #b2Lines หรือ @kyosama91 ได้เหมือนเดิมนะคะ ;-) ยินดีรับคำด่า 5555555555555555555555555555555555555555555 #แกล้งตายแปบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×