คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : [Ficlet] Just.. [BangZelo]
JUST..
A/N: http://www.youtube.com/watch?v=g1dKd5YWp3U
ความรักก็เปรียบได้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง
ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน คอยดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ
เพื่อให้กล้าเล็กๆ เติบโตขึ้นเป็นไม้ที่สง่างาม
ทว่า วันใดที่เราพลั้งมือหนักไป
ปริมาณน้ำที่มากเกินอาจทำให้รากเน่า
สุดท้ายแล้ว ต้นกล้าที่อ่อนแอก็จะเริ่มป่วย
..และเพียงไม่นาน มันก็จะตายจากไป
‘เราเลิกกันเถอะ’
ครั้งแรกที่ได้ยิน เขาคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝันร้าย หากประโยคถัดมาที่ยังยืนยันซ้ำคำเดิม ทำให้เขาต้องละล่ำละลักถาม
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด รักแล้วก็ซื่อสัตย์ ไม่เคยมีคนอื่น รักแล้วก็ตามใจ ไม่เคยมีเรื่องขัดใจให้ได้ทะเลาะกันแรงๆ
‘ก็ฉันเบื่อ นี่นายไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าตัวเองน่ารำคาญแค่ไหน’
คนฟังชะงักค้าง คำพูดร้ายกาจนั่นกรีดลึกในความรู้สึกจนกลายเป็นแผลช้ำ
‘นายไม่เคยปล่อยให้ฉันมีเวลาส่วนตัวเลย ไปไหนกับเพื่อนก็คอยตามคุม จะคุยกับใครก็ระแวงไปหมดว่าจะมีคนอื่น จุ้นจ้านไปซะทุกเรื่องแบบนี้รู้มั้ยว่ามันน่ารำคาญแค่ไหน’
เขาทำอะไรผิด
‘ฉันทนมานานแล้วนะ ไหนๆวันนี้มันก็ต้องจบ...จะบอกให้เอาบุญก็แล้วกัน ว่าที่คบกันมาอยู่จนถึงทุกวันนี้เพราะฉันแค่กำลังเบื่อๆไม่มีใครก็เท่านั้น สงสารเหรอ...ก็อาจจะนิดหน่อย แต่ที่แน่ๆคือฉันไม่ได้รักนาย ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ’
ช่วยตอบทีว่าเขาทำอะไรผิด
‘เลิกบีบน้ำตาซะที ฉันสุดจะทนกับไอ้อาการบ่อน้ำตาตื้นนี่แล้ว แต่ก็เอาเถอะ ตามใจก็แล้วกัน อยากร้องก็เชิญร้องไปตามสบาย ฉันไม่ขัดหรอก ถือว่าเอาใจกันในฐานะคนคุ้นเคยครั้งสุดท้าย แต่จำไว้เลยนะ ว่าถึงยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ...ต่อให้นายร้องไห้จนตายฉันก็ไม่มีวันกลับมา’
รักก็บอกว่ารัก ก็แค่แสดงให้เห็นว่ารัก ก็แค่ทำทุกอย่างให้รับรู้ว่ารัก
‘ลาก่อน’
คำบอกลาครั้งสุดท้ายจางลง พร้อมๆกับภาพแผ่นหลังคุ้นตาที่ค่อยๆเลือนลางหายไป...
ชเวจุนฮงสะดุ้งตื่น ฉากสุดท้ายของความฝันยังติดตา มือที่เอื้อมออกเพื่อไขว่คว้าหาคนที่ทิ้งกันไปยังค้างอยู่ในอากาศ นัยน์ตาบวมช้ำกลั้นน้ำตาที่คลอรื้นอยู่ได้ไม่นาน หยาดน้ำหยดใสก็กลิ้งตัวอาบผ่านแก้มเนียน
เสียงสะอื้นไห้ดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ครึมคราง
แม้เรื่องราวจะผ่านมาแล้วเกือบครึ่งเดือน แต่ฝันร้ายก็ยังคงตามหลอกหลอนเขาซ้ำไปซ้ำมา
‘เลิกกันมันยากตรงไหน ก็แค่ฉันเลิกยุ่งกับนาย แล้วนายก็ไม่ต้องมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตฉันอีก แค่นี้เอง มันจะลำบากอะไรกันสักแค่ไหนเชียว’
ตกลงว่าความผิดของเขาคือการใส่ใจคนรักมากเกินไปงั้นหรือ?
ทำไมล่ะ..
รักก็บอกว่ารัก ก็แค่แสดงให้เห็นว่ารัก ก็แค่ทำทุกอย่างให้รับรู้ว่ารัก
จุนฮงก็แค่รัก.. แค่นั้นไม่ได้หรือไง
..ทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้ด้วย
ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนเหนื่อย แล้วก็ค่อยปาดคราบน้ำตาทิ้งลวกๆด้วยสองมือเปล่า.. เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสไออุ่นของน้ำตาตัวเอง หลังจากที่มีแต่คนคอยใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยซับให้จนชิน
แต่ตอนนี้ คนคนนั้นไม่มีอีกแล้ว
เขาควรจะทำตัวให้คุ้นเคยกับการเช็ดน้ำตาด้วยตัวเองใช่ไหม?
แค่คิดถึงอดีตที่ผ่านพ้นไป หัวใจก็สั่นสะท้าน
ทุกเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำนี้เป็นเรื่องจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรือ
มือที่คอยเช็ดน้ำตาให้ทุกครั้งที่เสียใจ.. เป็นเพียงละครตบตา ที่ทำเพื่อให้บทบาทคนรักที่ดีดูสวยงามสมบูรณ์ขึ้นอย่างนั้นหรือ
ไออุ่นจากอ้อมกอดที่ตระกองทุกครั้งยามเขาเจ็บช้ำ.. แท้จริงแล้วก็เป็นแค่เรื่องหลอกลวงของคนคนนี้อีกหรืออย่างไร
ชเวจุนฮงหลับตาแน่น ข่มก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกที่คอให้ค้างไว้อย่างนั้น ความอ่อนแอที่จางหายไปแล้ว.. เขาไม่อยากเห็นมันกลับมาอีกครั้ง
ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ พี่ยงกุกก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า ต่อให้นายร้องไห้จนตายฉันก็ไม่มีวันกลับมา ..จำไม่ได้หรือไงว่าสายตาที่มองมาตอนนั้นมันทั้งกระด้างทั้งเย็นชาแค่ไหน
ทั้งที่ตอนนี้ก็ก้าวมาไกลขนาดนี้จนไม่มีทางย้อนกลับแล้ว..
..จะหลอกตัวเองให้เหนื่อยทำไมว่าทุกอย่างอาจมีทางหวนคืน
ชเวจุนฮงเช็ดน้ำตาอีกที ทัศนียภาพเบื้องหน้าแจ่มชัดขึ้นมากหลังจากไม่มีหยาดน้ำใสๆคอยบดบัง เด็กหนุ่มลุกจากเตียง ก่อนจะลากสังขารโรยแรงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา กลับออกมาอีกที ดวงหน้าขาวจัดติดจะซีดก็ดูจะมีเลือดฝาดมากขึ้น ทว่าหน่วยตาเรียวรีก็ยังคงแดงก่ำเช่นเดิม
สองเท้าในสลิปเปอร์มิได้มีจุดมุ่งหมายจะพาเจ้านายกลับไปยังสถานที่ที่จากมา มันหักเปลี่ยนทิศทาง พาร่างโปร่งเพรียวเดินดุ่มออกไปทางด้านซ้าย...ทิศทางตรงกันข้ามกับห้องนอนโดยสิ้นเชิง จุนฮงเดินตัดผ่านห้องนั่นเล่น โฉบไปแถวๆเคาน์เตอร์ครัว ผ่านห้องที่กันไว้เป็นห้องนอนรับรองแขก แล้วสองขาก็พาร่างมาหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูสีน้ำตาลซีดจาง
เขาหมุนลูกบิดประตู ก่อนจะผลักมันให้เปิดกว้างออก.. แสงสว่างนวลจางที่เรืองจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงไม้เก่าๆอาบไล้เสี้ยวหน้าซูบตอบที่ยังคงเค้าคมเข้มของคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ขอโทษครับ ผมทำให้ตื่นเหรอ”
ไม่มีกระแสตอบรับอื่นใดจากร่างที่นอนนิ่ง นอกจากนัยน์ตาลึกโหลที่เหลือบมาสบ ก่อนจะกลอกกลับอย่างรวดเร็ว
“ผมทำให้พี่ตื่นสินะ..” แขกยามวิกาล หากพ่วงตำแหน่งเจ้าของบ้าน พึมพำเสียงเบา ก่อนจะขยับยิ้มอ่อนโยน “หิวหรือยังครับ ผมป้อนข้าวให้เอาไหม”
ยังคงไม่มีคำตอบใดๆหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่นสนิท มีเพียงแต่ดวงตาสีดำขลับที่ดูจะเหลือกโตยิ่งกว่าเดิม
“อ่า ขอโทษครับ ผมลืมไป พี่พูดไม่ได้แล้วนี่นะ มัวแต่นึกถึงเรื่องเก่าๆจนลืมเสียสนิทเชียว” น้ำเสียงกังวานทอดอ่อนหวาน “อย่างนี้ถ้าหิวขึ้นมาก็เรียกผมไม่ได้น่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็กินเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องหิว ..นะครับ?”
โดยไม่รอดูว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ มือขาวจัดคว้าข้อแขนผอมจนแทบจะเรียกได้ว่าเหลือแค่เนื้อติดกระดูกของอีกฝ่ายไว้แน่น มืออีกข้างที่ว่างก็เปิดลิ้นชักในตู้ข้างๆ หยิบเอาหลอดฉีดยาหนึ่งในจำนวนนับไม่ถ้วนที่เก็บอยู่ขึ้นมาหมุนเล่น
“มันจะเจ็บนิดนึงนะ แต่ผมคงไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง พี่คงชินแล้วล่ะเนอะ” คุณหมอเฉพาะกิจเลิกเล่นเข็มฉีดยา แล้วหันมาตรวจหาเส้นเลือดใหญ่บริเวณข้อมือด้านใน ก่อนจะกดแนบปลายเข็มลงชิดผิวเนื้อ แถมยังไม่วายสัพยอกให้ผู้ป่วยจำเป็นคิ้วกระตุกเล่น “อย่าร้องดังนะครับ”
ของเหลวสีใสค่อยๆถูกดันให้เข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ.. ใครจะรู้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกบริสุทธิ์ขนาดนี้ แท้ที่จริงแล้วมันคือยาพิษชั้นเลิศ ที่จะไม่ปลิดชีวิตคนรับในทีเดียว แต่จะค่อยๆทำลายระบบประสาทแต่ละส่วนของร่างกายลงทีละนิด จนเมื่อยาออกฤทธิ์จนถึงที่สุด เหยื่อก็จะกลายเป็นอัมพาตโดยสมบูรณ์แบบ
ยังมีก็แต่ระบบรับรู้ต่างๆเท่านั้นที่ยังทำงาน แต่จะไม่สามารคควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป
ทันทีที่ถอนเข็มฉีดยาเปล่าออก ร่างซูบผอมก็กระตุกสองสามครั้ง ก่อนร่างกายที่เกร็งจัดจนเส้นเลือดปูดโปนจะค่อยๆผ่อนลงจนกลายเป็นนอนนิ่งสงบอีกครั้ง เปลือกตาที่ปิดสนิท กับแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าตัวดำดิ่งสู่ห้วงนิทรารมย์เรียบร้อยแล้ว
ชเวจุนฮงโยนหลอดฉีดยาที่ใช้แล้วทิ้งลงถังขยะ เสียงดังเคร้งคร้างยามมันทักทายกับเพื่อนเก่าที่พักผ่อนอยู่ในนั้นไม่สามารถทำให้เขาละสายตาจากคนที่นอนอยู่บนเตียงไปได้ มือเรียวไล้เบาๆตามโครงหน้าคมคายที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบจากจิตใจ.. ชั่วขณะหนึ่งที่เขาเผลอปล่อยตัวเองให้เผยสายตาอ่อนโยน
เด็กหนุ่มโน้มตัวลงจุมพิตที่ข้างแก้มของคนที่กำลังหลับสนิท ก่อนจะลุกขึ้นเงียบๆ
“พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
เธอคือรักแท้คือใจดวงเดียวที่รอ ไม่อาจยอมเสียเธอไป
แม้รู้ว่าทำเพราะรัก สิ่งที่ทำจะร้ายหรือผิดแค่ไหน
ฉันอยู่โดยขาดรักไม่ได้ ให้ทำผิดเท่าไหร่ฉันคงต้องยอม
ชเวจุนฮงฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี กำลังจะเลี้ยวกลับเข้าห้อง สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับกุหลาบสีเข้มดอกเล็กๆในแจกันใบสวยบนโต๊ะรับแขกเสียก่อน กุหลาบดอกนี้เขาจำได้ว่าเพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนั้นยังสดสวยอยู่เลย หากตอนนี้กลับเหี่ยวแห้งจนกลีบเกือบกรอบแบบนี้ไปได้เสียนี่
เจ้าของห้องยกยิ้มเยาะ
..ราวกับจะเสียดสีเขา
สุดท้ายจุนฮงก็หยิบกุหลาบดอกนั้นติดมือกลับมาที่ห้องด้วย เขาเลือกหนังสือเล่มที่หนาที่สุดบนโต๊ะอ่านหนังสือขึ้นมา สุ่มหน้าเปิด แล้วก็สอดกุหลาบไว้ด้านใน ก่อนจะปิดหนังสือกลับดังเดิม แล้วหาหนังสือหนาๆอีกสามสี่เล่มมาวางทับ
เสียงฮัมเพลงหงุงหงิงดังขึ้นอีกครั้ง ระหว่างที่คนอารมณ์ดีปีนกลับขึ้นเตียงแล้วซุกตัวลงในผ้านวมผืนอุ่น หลับตาพริ้ม.. ในใจวาดภาพดอกไม้แห้งสวยๆที่น่าจะเสร็จได้ทันต้อนรับยามเช้า
เด็กหนุ่มระบายยิ้มกว้าง รอยยิ้มหวานจัดคลี่เต็มสองแก้ม หากใครเล่าจะรู้ว่ามันขัดกับสิ่งที่กำลังโลดแล่นอยู่ในห้วงคำนึงตอนนี้มากนัก
เขาไม่เถียงว่าดอกไม้ตอนสดน่ะสวย.. แต่ถึงสดอย่างไรก็มีวันเฉาไม่ใช่หรือ แล้วจะเป็นไรไปเล่า ถ้าเขาจะหยิบมันมาผ่านกรรมวิธีทำเป็นดอกไม้แห้ง ปรับปรุงให้มันทำประโยชน์ให้กับเขาได้นานขึ้นอีกสักนิด
เพราะสำหรับจุนฮงแล้ว..
จะสดหรือจะแห้ง คุณค่าของมันก็ไม่ต่างกัน
ถ้าเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บไว้กับตัว จะจืดจางไร้ชีวิตอย่างไร แค่มันเป็นดอกไม้ที่ต้องการ.. อย่างไรก็ถือว่าใช้ได้อยู่ดี
..แค่ให้ได้ถือสิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของ แค่นั้นก็เพียงพอ
.END
[.] แปลง+แก้นิดหน่อยจากฟิคเก่าของตัวเอง 55555555555555555
ใครเคยอ่านแล้วก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (ทำไมทำตัวยังงี้)
ความคิดเห็น