ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] All of my B.A.P short fictions

    ลำดับตอนที่ #12 : [Ficlet] Falling Slowly [BangZelo]

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 55




     

     

    Falling Slowly

    B.A.P fanfiction by kyosama

    Yongguk & Junhong

     

     


    Please listen to: http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=cHOmp0CtiWU

     

     

     

    เมื่อยามที่สายลมพัดโชยผ่าน

    ดั่งเป็นสัญญาณพาใจให้หวั่นไหว

    เพ้อไปถึงใครที่ลาร้างไกลจากไปนาน

     

              - ลม, สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง

     

     

     

     

    กระแสลมอ่อนพัดโชยกลีบดอกแก้วร่วงโรย มอบกลิ่นหอมกำจายทั่วอาณาบริเวณ ละอองรสสุคนธ์ขาวพิสุทธิ์ปลิวละล่องตามแรงลม ราวปุยหิมะกลางเดือนคิมหันต์ ส่วนหนึ่งตกลงบนผิวแก้มเนียนละเอียดของคนที่เงยหน้าขึ้นมองจากใต้แนวต้นไม้ใหญ่ มือเรียวบางแตะละอองเกสรที่ติดค้างบนใบหน้าขึ้นมาพิจารณา มองพื้นหินรอบข้างที่ปกคลุมทั้งด้วยมวลดอกไม้สีขาวนวลโปรยปราย.. จากนั้นจึงยิ้ม..

     

    นึกถึงใครบางคนที่เคยร่วมชื่นชมมันด้วยกัน

     

    คิดถึงหรือครับ

     

    อ้อมแขนของใครบางคนพาดรอบเอวบาง ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากแผ่นหลังส่งต่อถึงหัวใจ ละมุนละไมจนเผลอตอบรับคำไปง่ายๆ

     

    “ครับ.. คิดถึง”  

     

    พี่ก็คิดถึงจุนฮงเหมือนกันครับ

     

    ร่างโปร่งเพรียวเอนศีรษะซบลาดไหล่กว้าง

     

    “มากเท่าที่ผมคิดถึงพี่ไหมครับ”

     

    ปลายจมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่ม ละเอียดสลวยประหนึ่งเส้นไหม

     

    มากกว่านั้นครับ

     

    เจ้าของร่างโปร่งเพรียวทอดถอนใจ ด้วยรู้ว่าถ้อยคำที่ส่งผ่านน้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นไม่ได้มีความหมายอื่นใด นอกจากต้องการล่อหลอกให้หัวใจหลงงมงายในวังวน เพียงเพื่อจะให้ตื่นมาพบกับความจริงอันแสนปวดร้าวในอีกไม่ช้าเท่านั้น

     

    คำหวาน.. สร้างได้แค่ความรู้สึกยินดีชั่วครั้งคราว

     

    ถึงอย่างนั้น.. ก็ยังอยากเก็บกักมันไว้เคียงคู่หัวใจตราบนานเท่านาน

     

    เขาปล่อยให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่แนบชิดกับแผ่นหลังตระกองกอด จูบไล่ตามแนวแก้ม ทดแทนความคะนึงหาจนพอใจ แล้วก็บิดตัวให้พ้นจากอ้อมกอดที่ครอบครองร่างกายไว้ ก่อนจะหมุนกลับมาเผชิญหน้า  

    สบสายตากับหน่วยตาคมลึกล้ำที่ทอประกายอ่อนโยน และรอยยิ้มอ่อนหวานกึ่งเอ็นดู ที่เขาเห็นว่าออกจะเบาบางดุจภาพฝัน

     

    จุนฮงยกมือขึ้นแตะข้างแก้มของอีกฝ่าย เจ้าของดวงหน้าหล่อเหลายังส่งยิ้มให้ หากสัมผัสเจือจางที่ปลายนิ้วเรียกให้หัวใจเขาสั่นไหว.. หยาดน้ำอุ่นคลอเอ่อนัยน์ตาคู่สวยอมโศก ยามเอ่ยถ้อยคำลอดลำคอแห้งผาก แผ่วเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ..

     

    ตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ.. ว่ากำลังบอกคนตรงหน้า หรือตั้งใจบอกใคร..

     

    “อย่าหลอกตัวเองอีกเลยครับ”

     

    รอยยิ้มยังไม่จางหายไป..

     

    แม้กระทั่งน้ำตารื้นกลบสายตาจนพร่ามัวแล้ว ภาพของผู้ชายตัวโตในชุดเครื่องแบบเต็มยศแปลกตา ที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาก็ยังไม่เลือนหายไป ซ้ำยังเหมือนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเสียด้วยซ้ำ..

     

    ร่างโปร่งบางกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกขึ้นมาในอก.. ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นปัดป้องยามมือใหญ่แข็งแรงเอื้อมดึงร่างที่ถอยห่างให้ประชิดตัว.. ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง

     

    รักเอย.. ไยจึงทำร้ายให้อ่อนแอได้ถึงเพียงนี้  

     

    เขาเอ่ยซ้ำ ประโยคขาดเป็นห้วงด้วยจังหวะสะอื้น..

     

    “อย่าหลอกตัวเองอีกเลย..”

     

    ปลายนิ้วที่เอื้อมมาหมายจะปาดซับน้ำตาให้ชะงักค้างกลางอากาศ ห่างจากผิวเนื้ออ่อนเพียงนิด จุนฮงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายเลือนไปวูบหนึ่ง ก่อนที่เรียวปากจะขยับยิ้มส่งให้อีกครั้ง แต่รอยยิ้มคราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน.. มันไม่ได้อาบไปด้วยความห่วงหาหรืออาดูรอย่างที่เคยมีมาเสมอ.. ไม่เหมือนครั้งไหนๆที่จุนฮงเคยเห็น..

     

    มันเป็นรอยยิ้มฝืดเฝื่อน.. ที่ดูเศร้าสร้อย และเต็มไปด้วยความเสียใจ

     

    มือหนาทิ้งตกลงข้างตัว.. คงล้มเลิกความตั้งใจจะช่วยลบล้างรอยน้ำตาบนดวงหน้าอ่อนเยาว์แล้ว.. ยงกุกก้าวถอยออกไป สร้างระยะห่างที่ไม่ได้กว้างเกินช่วงแขนเอื้อมถึง หากกลับไม่มีใครคิดที่จะเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้ ช่องว่างที่คั่นกลางระหว่างคนสองคนจึงดูอ้างว้าง ไม่ต่างจากเงาที่สะท้อนอยู่ในแววตาทั้งสองคู่ที่กำลังสบประสานกันเลย

     

    จุนฮงเห็นริมฝีปากที่เคยจำได้ว่ามีสัมผัสอบอุ่นเพียงใด ขยับบอกกล่าวเป็นคำลาไร้เสียง.. ทว่าก้องกังวานอยู่ในโสตการรับรู้ ประหนึ่งคนพูดเข้ามาเอื้อนเอ่ยคำนั้นที่กลางใจ

     

    ..........................

     

    สายลมเย็นรื่น ระผ่านใบหน้า..

     

    เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพของคนที่ประทับอยู่ในหัวใจมาโดยตลอดก็หายไปเสียแล้ว

     

    ท่ามกลางหิมะดอกแก้วสีขาวละลานตา รอบตัวมีเพียงแต่ความว่างเปล่า ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยสองเพื่อนแท้ ชื่อความอ้างว้างและความเดียวดาย

     

    สายลมพัดพาทุกอย่าง.. ทั้งความอ่อนแอ ความเศร้าโศก ความหวามไหว หรือแม้กระทั่งความรัก.. หายไปกับหมู่มวลอากาศที่ลอยล่องขึ้นสู่เบื้องบน..

     

    ทิ้งไว้เพียงความคิดถึงกรุ่นจางแนบริมฝีปากอิ่มนวล.. ที่ฉ่ำชื้นไปด้วยหยดน้ำตา..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .END

     

     

     

     

     

     

     

    .KSM

    นี่จบแล้ว อะไรก็ไม่รู้๕๕๕๕ เขียนแบบงงๆเพราะชอบดอกแก้ว กับเพลง ลม ของสุเมธแอนด์เดอะปั๋งมาก ขอบคุณพี่สุเมธที่มาออก The Voice Thailand เมื่อวีคที่ผ่านมานะคะ นี่เลยหยุดฟังเพลงพี่เขาไม่ได้เลย๕๕๕๕๕๕

     

    ไม่รู้คนที่เคยคอมเม้นฟิคเรื่องก่อนๆจะแวะเข้ามาอ่านเรื่องนี้รึเปล่า แต่ถ้าเข้ามา อยากบอกว่าขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากนะคะ อ่านทีไรก็มีความสุขทุกครั้งเลย นี่ลงเป็นตอนเดียวจบก็ไม่รู้จะตอบคอมเม้นยังไงเหมือนกัน๕๕๕๕ เอาเป็นว่าเราขอให้ Reputation แทนคำขอบคุณจากใจก็แล้วกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ:D

     

    รักคุณ *จูบ*


    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×