คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [SF] A Pure White Story [HimDae]
A Pure White Story
B.A.P fanfiction by kyosama
Himchan & Daehyun
Pure White Story - Kimi ni Todoke Ost.
[๑]
วันนั้นฝนตก
ตอนแรกก็ไม่หนักเท่าไหร่หรอก แค่ปรอยๆพอให้ตัวเปียกน่ารำคาญใจเท่านั้นเอง เขาเป็นคนแข็งแรงอยู่แล้ว เห็นฝนตกแค่นี้จึงไม่ได้หยิบร่มติดมือมา เขาเดินฝ่าฝนกลับบ้านมาได้ถึงครึ่งทาง ก็เหมือนโดนสวรรค์แกล้ง สายฝนกระหน่ำซ้ำลงมาเหมือนฟ้ารั่ว เขามีตัวเปล่าสู้แรงฝนไม่ไหว ก็ต้องวิ่งเข้าหลบฝนใต้กันสาดร้านขนมร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
ตอนนั้นเองที่ฮิมชานเห็น 'มัน'
ในซอกหลืบของตรอกเล็กๆฝั่งตรงข้ามร้านขนม เงาตะคุ่มของอะไรบางอย่างปรากฏให้เห็นเลือนลางกลางม่านฝน ตอนแรกเขานึกว่า 'มัน' คือกองสิ่งเหลือใช้ หรือไม่ก็อะไรบางอย่างที่ใครทำตกไว้ แต่เมื่อฝนซาลงแล้ววิ่งเข้าไปดูใกล้ๆตามประสาคนช่างสงสัย เขาก็พบว่า 'มัน' เป็นเพียงแค่ลูกแมวตัวเท่าหนึ่งฝ่ามือ ที่ซุกตัวอยู่ใต้แจ็คเก็ตสีเขียวเข้มเท่านั้นเอง
ลูกแมวตัวเล็ก ขนสีขาวกะดำกะด่างเรียบลู่ไปตามหยาดฝน เนื้อตัวก็สั่นเทา อายุน้อยเท่านี้ต้องมาตากฝนหนักๆลำพังอย่างนี้ ก็คงจะหนาวแล้วก็กลัวมากทีเดียว
ด้วยความสงสาร หรืออาจจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ สุดท้าย หลังจากยืนมองอยู่เนิ่นนาน ฮิมชานก็ก้มลงช้อนลูกแมวขึ้นมากอดไว้แนบอก ส่งไออุ่นที่เหลืออยู่น้อยนิดจากผิวเนื้อเย็นเยียบให้ผ่านไปถึงร่างเล็กๆเปียกโชก
ลูกแมวยังสั่น แต่ก็ดูสงบลงกว่าเดิมมาก มันขดเป็นก้อนกลม เบียดตัวเข้ามา ชายหนุ่มเห็นดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลเข้มปรือขึ้นมองนิดหนึ่ง ก่อนจะปิดลงแล้วหลับไปอย่างสบายใจ คล้ายกับจะบอกว่าวางใจในตัวเจ้าของอ้อมแขน ว่าจะไม่คิดร้ายต่อมัน
ฮิมชานมองลูกแมวที่ตนโอบอุ้มไว้อย่างประหลาดใจ ความรู้สึกบางอย่างที่ห่างหายไปนานปีแล่นวาบผ่านหัวใจ
เมื่อยังเล็กเขาเคยเลี้ยงหนูตัวหนึ่ง เป็นหนูแฮมสเตอร์สีน้ำตาลหน้าตาน่ารัก น้องสาวของเขาเล่นกับมันหนักมือไปหน่อยจนมันเฉาตาย โตขึ้นมาก็เลี้ยงกระต่ายอีกตัวหนึ่ง มันเป็นเพื่อนที่ดีของเขาตลอดช่วงอายุขัย แต่สุดท้ายก็ตายเพราะความชรา หลังจากนั้นแม่ก็ซื้อหมาให้เขา พันธุ์ดีแถมยังแสนรู้เชียวละ แต่ก็ซนมากเหลือเกิน สุดท้ายก็ทะเล่อทะล่าวิ่งลงไปบนถนน แล้วก็โดนรถชนตาย
เขาร้องไห้ทุกครั้งที่สูญเสีย ชีวิตของสัตว์เล็กเหล่านี้ช่างสั้นนัก สั้นขนาดที่ชั่วชีวิตหนึ่งของเจ้าของอาจจะต้องวนเวียนอยู่กับการเสียน้ำตาเป็นร้อยๆรอบเพื่อพวกมัน
น้ำตาทุกหยดที่ไหลคือความอ่อนแอที่เพิ่มพูน พี่สาวเคยเหน็บด้วยความรำคาญว่าลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ เขาเห็นด้วย และเริ่มเกลียดช่วงเวลาที่ตนเองอ่อนแอ มันทำให้เขานึกถึงตัวเองในรูปแบบของเด็กชายเล็กๆที่ร้องไห้จนตาบวมแดงเพราะยังทำใจกับการจากไปของหนูตัวแรกที่เลี้ยงไม่ได้เสมอ ตอนนี้เขาโตแล้ว และไม่อยากกลับไปเป็นเด็กชายขี้แยอีก จึงตั้งใจว่าพ้นจากหมาตัวล่าสุดแล้วจะไม่เลี้ยงอะไรอีกต่อไป
แต่ลูกแมวสีขาวปลอดตัวนี้ทำให้ความรู้สึกหนักแน่นในใจเขาแปลกไป คนมักจะบอกว่าสัตว์รู้ว่าใครรู้สึกอย่างไรต่อมัน แมวตัวนี้คงจับความรู้สึกบางอย่างของเขาได้ มันรู้ว่าเขาไม่เป็นอันตราย อยู่กับเขาแล้วจะปลอดภัย จึงกล้าผล็อยหลับสนิทไปโดยไม่ระวังตัว
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร จะทำลายความเชื่อใจของเจ้าแมวด้วยการโยนมันทิ้งไว้แถวๆนี้ ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมข้างหน้าตามลำพังก็ตัดใจทำไม่ได้ พอคิดถึงภาพลูกแมวตื่นมาเจอหมาจรจัดในละแวกยืนล้อมรอบ มองด้วยสายตาคมปลาบอย่างผู้ล่าจ้องตะครุบเหยื่ออันโอชะแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันออกจะโหดร้ายเกินไป
สุดท้ายฮิมชานก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนโปรดขึ้นมา ห่อเจ้าแมวขาวด้วยผืนผ้าอุ่นอ่อนนุ่มอย่างพยายามระวังให้เบามือ ก่อนจะพากลับบ้านไปด้วยกัน
[๒]
ได้นอนพักแค่สองวัน ลูกแมวขาวปุยก็อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาดูแลมันอย่างดี ป้อนข้าวป้อนน้ำ บำรุงด้วยยาปฏิชีวนะ ขัดสีฉวีวรรณให้ เพียงเท่านั้น ลูกแมวมอซอที่เคยผอมโซก็มีน้ำมีนวลขึ้น ดูมีสง่าราศีเปล่งประกายจับตา
ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าแมวแข็งแรงดีเมื่อไหร่จะปล่อยมันไป แต่ระยะเวลาสองวัน จะว่าสั้นก็สั้น จะว่ายาวก็ยาว.. สองวันเต็มๆที่เขาคลุกคลีอยู่กับแมวตัวนี้ทำให้รู้สึกรักมันขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ลูกแมวน่ารัก ช่างอ้อน ซ้ำยังฉลาดแสนรู้ มันทำให้เขาคิดถึงสัตว์เลี้ยงตัวเก่าๆที่เคยเลี้ยงมา และเมื่อเขาเผลอทึกทักเอาว่ามันคงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสัตว์แสนรักทั้งสามตัวที่พระเจ้าประทานมาให้ ภาพบิดเบี้ยวของหมามีหน้าเป็นหนูแฮมสเตอร์แต่มีหูอย่างกระต่ายก็จะทะลึ่งโผล่พรวดมาให้ชักสีหน้าแขยงอยู่เสมอ
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงมัน ผู้ชายโสดอยู่ตัวคนเดียวในห้องชุดกว้างแต่อ้างว้างอย่างนี้ มีแมวขี้อ้อนสักตัวไว้ช่วยคลายเหงาให้ก็น่าจะดี
วันพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนโกหก วันทำงานอันแสนน่าเบื่อเวียนมาถึงอีกครั้ง
เขาออกจากบ้าน.. สวมเสื้อสูทสีทึมดูหดหู่ จัดแต่งผมเป็นทรงเรียบแปล้น่าเบื่อเช่นเคย เขาเลิกสวมแว่นและหันมาใส่คอนแทคเลนส์แทนนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภาพลักษณ์ของเขาก็ยังเป็น ลุงแก่จอมเชย เหมือนอย่างที่พวกเด็กฝึกงานในกรมแอบเรียกกันลับหลังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเพิ่งอายุขึ้นเลขสองนำหน้ามาไม่เท่าไหร่แท้ๆ
เขาเดินตัวตรงแน่วอย่างคนบุคลิกดี หนีบกระเป๋าเอกสารไว้ใต้แขนขวา ก้าวยาวๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับจะบังคับให้พ้องไปกับลมหายใจเข้า-ออก มุ่งตรงไปยังกรมบังคับบัญชาการทหารราบหน่วยที่ ๕, ที่ทำงานของเขา, ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปสองช่วงตึก อย่างเป็นกิจวัตร
สิ่งที่ต่างออกไปจากปกติทุกวันคือร่างกลมที่เล็กที่ขดตัวหลับสบายอยู่ในอ้อมแขน
ลูกแมวยังเล็กนัก จะปล่อยไว้ลำพังที่บ้านก็กลัวจะเล่นซนจนเกิดอันตราย ฮิมชานอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนรักหรือแม้แต่รูมเมทเฝ้าห้อง ครั้นจะฝากฝังเพื่อนบ้านที่ทำงานฟรีแลนซ์ให้ช่วยดูแล ชายหนุ่มก็ทั้งเกรงใจและหน้าบางเกินกว่าจะเอ่ยปากขอ จึงคิดว่าจะลองหิ้วเจ้าแมวมาที่กรมดู
เจ้านายเขาใจดีและออกจะเอ็นดูสัตว์หน้าขนพวกนี้เป็นพิเศษ ฮิมชานเคยเห็นเลขาฯจอนหิ้วตะกร้ากระต่ายมาครั้งหนึ่ง ท่านนายพลก็ยังแวะเวียนลงไปจับๆลูบๆมันดีอยู่ ถ้าคราวนี้เขาจะพาแมวไปบ้างก็คงไม่น่าว่าอะไร ถึงจะไม่มีตะกร้าหิ้ว แต่เขาก็มีห้องทำงานส่วนตัวเล็กๆในห้องใหญ่ของนายอีกทีหนึ่ง คงใช้ดูแลแมวได้เป็นสัดส่วน จำกัดสิทธิ์ไม่ให้มันออกไปวิ่งเพ่นพ่านให้คนรำคาญ
อีกอย่าง.. เท่าที่จำได้ที่ทำงานก็ไม่ได้มีกฎห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปเสียด้วย.. เขาจะลองดูครั้งหนึ่งก่อน ถ้าถูกตำหนิก็จะกลับมาคิดหาวิธีอื่นทีหลัง.. อาจจะต้องเอากลับไปให้แม่ที่บ้านนอกเลี้ยง หรืออาจจะยอมบากหน้าไปฝากเพื่อนบ้านสักพักหนึ่ง หรืออย่างร้ายแรงที่สุดก็อาจจะต้องยอมทิ้งมันไป.. ทั้งหมดนั้นคือทางเลือกที่จะต้องตัดสินใจ หากเจ้านายออกคำสั่งว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงมาที่ทำงาน
แต่ถ้าไม่.. เขาคิด ถ้าไม่.. ก็คงจะน่ายินดี
[๓]
ทุกคนในกรมเรียกเด็กคนนั้นว่าคุณคนโต
จริงๆแล้วคุณคนโตมีชื่อว่า จองแดฮยอน ถึงจะเป็นเพียงแค่ลูกติด แต่ก็มีฐานะเป็นบุตรชายคนโตของท่านนายพลซึงฮยอน เจ้านายของที่นี่ ทุกคนจึงพร้อมใจกันเรียกด้วยชื่อที่ไม่สมกับตัวเล็กๆ หน้าอ่อนๆนั่นว่า คุณคนโต
คุณคนโตแกไม่น่ารักเลย.. เจ้าพนักงานสักคนที่นี่เคยกระซิบให้เขาฟัง ..หยิ่งเหลือเกิน หน้าก็มีอยู่หน้าเดียวคือหน้าบูดเหมือนท้องผูกมาสักหลายเดือน ใครเข้าไปทักทายก็เจอตอบกลับแบบแกนๆพอเป็นพิธี บางคนแปลกหน้าหน่อย เดินสวนกันนี่แกไม่แม้แต่จะปรายเศษตามองเสียด้วยซ้ำ.. สู้คุณคนเล็กไม่ได้สักนิด รายนั้นน่ารัก เจอทีไรก็ยิ้มหวานให้ตลอด เห็นบ่อยๆก็ชื่นใจ
คนพูดคงไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตาลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คนฟังเหยียดริมฝีปาก นึกอยากให้ตนเองไม่ลืมทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องทำงาน จะได้หยิบขึ้นมาอัดวีดีโอหน้าเคลิ้มๆของหมอนี่ส่งให้นายร้อยบังยงกุกดู.. รับรองพ่อทิ้ง ‘งานหลวง’ แล่นกลับมาสะสาง ‘งานราษฎร์’ ทันที ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมแหง แล้วทีนี้เจ้าพนักงานปากมากก็คงจะได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้คุณคนเล็กแวะมาเยี่ยมกรมของคุณพ่อบ่อยเกินความจำเป็นเสียที
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด ชายหนุ่มเพียงแค่ยืนฟังคนพูดมากฝอยน้ำลายแตกฟองต่ออย่างเงียบๆ จับใจความได้แค่บ่นว่าค่อนแคะจองแดฮยอนต่อเสียยกใหญ่ และสรรเสริญชเวจุนฮงจนแทบจะยกให้เป็นเทวดาได้เลยทีเดียว
ฮิมชานไม่ใช่คนหูเบา เขาทำงานกับนายพลซึงฮยอนมาได้ไม่นานเท่าไหร่ก็จริง แต่ก็นับว่ามีความสนิทสนมอยู่พอควร กับครอบครัวของท่านนายพลแล้วก็พอรู้จักกันอยู่บ้าง ชายหนุ่มสนิทกับชเวจุนฮงมากที่สุดก็เห็นว่าน่ารักจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า แต่กับจองแดฮยอน.. ถึงจะเคยมีโอกาสได้พูดคุยกันแค่สองสามครั้ง แต่ละครั้งก็แค่เป็นการทักทายกันสั้นๆตามมารยาท แต่ฮิมชานก็จับได้ว่าแดฮยอนไม่ใช่เด็กไม่ดี ถึงจะมีท่าทางแปลกๆเฉพาะตัว แต่ก็ไม่มีเค้าความหยิ่งอย่างที่คนพูดว่าเลย ออกจะไปทางขี้อายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่เขาก็เห็นว่านิสัยไม่นิยมการเข้าสังคมของแดฮยอนเป็นของจริง เด็กหนุ่มไม่ค่อยสังสรรค์กับใคร กับคนที่ไม่รู้จักก็พูดด้วยแบบแทบนับคำได้ แล้วในกรณีของเขาที่เป็นเพียงเลขาฯหน้าห้องของบิดาเลี้ยง แดฮยอนที่ไม่ได้แวะมาที่กรมบ่อยเหมือนน้องชายย่อมไม่ค่อยได้เจอ.. อย่าหวังให้ถึงขั้นสนิทสนมเลย แม้แต่ชื่อของเขา.. ฮิมชานก็ยังสงสัยอยู่ว่าอีกฝ่ายจะจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
ดังนั้น ชายหนุ่มจึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารหลังได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่สุดเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ
‘..ได้ยินว่าคุณมีลูกแมว’
เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ร่างกายตั้งแต่ช่วงคอลงไปยังหลบอยู่หลังบานประตูไม้สัก มีเพียงแต่ดวงหน้าจิ้มลิ้มเท่านั้นที่ชะโงกออกมาสนทนาด้วย ดูแล้วเป็นภาพที่น่าขัน แต่ฮิมชานก็ไม่ได้หัวเราะ ว่ากันตามจริงชายหนุ่มไม่ทันได้สังเกตท่าทางของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ออกจะมัวแต่งุนงงกับคำถามที่ได้ยินมากกว่า
แต่ชายหนุ่มก็ตอบ.. ตามความสัตย์จริง
'สีขาว ลูกผสมน่ะ' ..น่าจะใช่ เขาคิด แมวพันธุ์ดีๆที่ไหนเจ้าของเขาจะเอามาทิ้งไว้ตามถนนอย่างนี้กัน
เขาเห็นผู้มาเยือนมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่แดฮยอนก็ยังละล้าละลังอยู่หน้าประตูอีกพักใหญ่ กว่าจะกล้าเอ่ยปาก
'ขอเข้าไปดูได้ไหมฮะ'
ฮิมชานประหลาดใจกว่าเดิม
จองแดฮยอนที่ไม่เคยจะเสวนาอะไรกับใครเกินกว่า 'สวัสดี' 'สบายดี' และ 'ลาก่อน' คนนั้นกำลังสนใจแมวของเขาอย่างนั้นหรือ? ดูท่าว่าระดับความมีมนุษยสัมพันธ์ที่เด็กหนุ่มมีให้สัตว์เล็กๆพวกนี้คงต่างกับที่มีต่อมนุษย์ด้วยกันมากทีเดียว
ถึงจะยังงุนงงอยู่มาก แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะให้ปฏิเสธ ซ้ำคนตรงหน้ายังมีศักดิ์เป็นบุตรชายคนโตของเจ้านายเขาด้วย สมควรแล้วที่ฮิมชานจะเอาใจ
เขาจึงพยักหน้าตอบรับ พอเด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เขาก็อุ้มลูกแมวที่ขดตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานขึ้นมาให้อีกฝ่ายเชยชม ก่อนจะยื่นมันให้แดฮยอน
ลูกแมวครางอือ หน้ายับยู่เพราะยังกึ่งจมอยู่ในห้วงนิทรารมย์ มันปรือตามองเจ้าของมืออุ่นๆที่ยื่นมาแตะตัวอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวซี่เล็ก แล้วซุกตัวหลับต่อในอ้อมแขนคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นกลิ่น แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและปรารถดี
กิริยาน่าเอ็นดูของลูกแมวช่วยคลายอาการเกร็งจนเผลอกลั้นหายใจของเด็กหนุ่มลง แดฮยอนขยับแขนนิดหน่อยจนมั่นใจว่าแมวอยู่ในท่าที่น่าจะสบายที่สุดแล้ว เจ้าของอ้อมกอดอุ่นก็คลี่ยิ้มกว้าง ดวงตาที่เงยขึ้นสบตรงมาเป็นประกายสดใส
ฮิมชานหน้าร้อนวูบ เสหลบตา.. ฉับพลันนั้น เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นเป็นจังหวะแปลกไปจากที่เคย
[๔]
หลังจากวันนั้น คุณคนโตที่แทบไม่เคยโผล่มาให้เห็นเลยก็แวะเวียนมาที่กรมเป็นประจำ จนแม้แต่พนักงานปากมาก คนที่เคยนินทาเปรียบเทียบสองพี่น้องให้ฮิมชานฟัง ก็ยังออกความเห็นว่าเดี๋ยวนี้ชักจะมาบ่อยกว่าคุณคนเล็กเสียอีก
แดฮยอนมาถึงกรมเมื่อไหร่ก็วิ่งเข้าห้องทำงานของบิดาเป็นอันดับแรก เด็กหนุ่มจะกอดท่านนายพลแรงๆทีหนึ่ง หอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการเอาใจ ก่อนวิ่งทั่กๆไปยังห้องทำงานเล็กด้านใน อันเป็นจุดหมายที่แท้จริงมาตั้งแต่ต้น เพื่อที่จะยิ้มทักพี่ฮิมชาน, เลขานุการของคุณพ่อ, อย่างสดใส แล้วจึงอุ้มลูกแมว.. ที่บัดนี้อ้วนกลมจนเสียมาดลูกแมวตัวน้อย แต่แดฮยอนก็เห็นว่ายังน่ารักอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นนั่งบนตัก เจ้าแมวจะเลียจมูกเขาแผล็บหนึ่งเป็นการทักทาย เรียกเสียงหัวเราะร่วนจากผู้มาเยือน ก่อนจะยืดตัวนอนหงายให้แดฮยอนเกาพุงอย่างรู้งาน.. และเพียงแค่นั้น บุตรชายคนโตของพันเอกซึงฮยอนก็จะนั่งนิ่งๆ เล่นกับแมวสีขาวของคิมฮิมชานอยู่ที่มุมห้องได้อีกนานเป็นชั่วโมง
วันไหนที่งานไม่เยอะฮิมชานก็จะลงไปนั่งเล่นด้วย เขาเป็นเจ้าของแมวโดยชอบธรรม แต่ไม่รู้ทำไมลูกแมวถึงรักแดฮยอนมากกว่า หลายครั้งที่แมวไม่ยอมเล่นกับเขา เอาแต่เกลือกกลิ้งกับมือนุ่มๆอุ่นๆของแดฮยอนจนฮิมชานชักจะน้อยใจ ต้องให้ลูกชายคนโตของเจ้านายคอยปลอบด้วยขนมบ้างผลไม้บ้าง ผู้ชายตัวโตๆมีงานมีการทำเป็นถึงเลขาผบ.กองทหารราบหน่วยที่ ๕ ถึงจะยอมเลิกงอนว่าแมวไม่รัก
แต่ถ้าวันไหนมีงานมาก ฮิมชานก็จะเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เหลือบมองแขกประจำที่กำลังหยอกล้อกับแมวของเขาอย่างสนุกสนาน เป็นระยะๆ แดฮยอนเลิกเรียนก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ก็ยังอยู่ในชุดเชิ้ตขาวกับกางเกงสแล็คดำเรียบๆ อันเป็นยูนิฟอร์มประจำมหาวิทยาลัยที่ใครๆก็ใส่กัน แต่ฮิมชานไม่รู้ทำไม พอเปลี่ยนไม้แขวนเป็นจองแดฮยอนขึ้นมา ชุดธรรมดาๆไม่มีอะไรน่าสนใจถึงได้ดูดีอย่างน่าประหลาดจนเขาแทบไม่อยากละสายตา
ถ้าแดฮยอนสังเกตเห็นว่าเขามองอยู่ เด็กหนุ่มก็จะยิ้มกว้างให้ อุ้มลูกแมวขึ้นมาพยักเพยิดเหมือนจะฟ้องว่า เออนี่แน่ะ มีคนแอบมองเราอยู่นะ ไม่อย่างนั้นก็จะหิ้วลูกแมวมายัดเยียดให้เขาอุ้มบ้างถึงโต๊ะทำงาน หรือไม่ก็จะจ้องตากลับจนกว่าจะมีใครยอมหลบไป ซึ่งส่วนใหญ่แดฮยอนก็จะเป็นฝ่ายหลบตาก่อน ฮิมชานมักจะเห็นดวงหน้าน่ารักระบายสีเรื่อ ริมฝีปากก็บ่นพึมพำอะไรบางอย่างจับไม่ได้ศัพท์ บางครั้งก็จะเหม่อลอยไปพักสั้นๆ แต่บางครั้งก็จะยกลูกแมวขึ้นมาในระดับสายตาแล้วกระซิบชิดจมูกเหมือนจะฟ้อง.. ชายหนุ่มมองแล้วก็ขำ.. ก็เป็นภาพที่ตลกดี
บางวันที่เลิกงานเร็วเขาก็จะพาแมวไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ซึ่งแน่ละว่าจองแดฮยอนต้องขอตามไปด้วย.. ฮิมชานใกล้ชิดกับแดฮยอนมาเดือนกว่าแล้ว นานจนเด็กหนุ่มยอมเปิดใจให้เรียนรู้นิสัยบ้าง ก็เลยรู้ว่าเนื้อแท้แล้วอีกฝ่ายเป็นคนรั้นแล้วก็เอาแต่ใจตามประสาเด็กโดนสปอยล์พอดู แต่นอกจากจะทำให้เหนื่อยใจเล็กๆน้อยๆในบางครั้งแล้วก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร
ฮิมชานเคยแอบคิดขันๆว่า ตัดสินใจเลี้ยงแมวครั้งนี้ นอกจากจะได้ลูกแมวตัวน้อยมาแล้ว ยังจะได้แมวตัวโตแถมมาอีกตัวหนึ่งด้วย.. พันธุ์ดีแถมยังเปรียวสวยทีเดียวละ แต่ก็ดื้อไม่มีใครเกิน
‘ยิ้มอะไรฮะ’ ฮิมชานสบตาเจ้าของคำถามที่ท้ายเสียงห้วนสั้นอย่างเอาเรื่องและระแวงจัด แล้วรอยยิ้มที่วาดอยู่แค่บางๆก็คลี่กว้างขึ้นอีก ก่อนจะย้อนถามเสียงนุ่ม
‘ยิ้มไม่ได้หรือ’
‘ไม่ได้ฮะ’ แดฮยอนหน้าง้ำ ‘พี่ฮิมชานขำที่เมื่อกี้ผมสั่งเมนูผิดสำเนียงใช่ไหม ผมไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสเหมือนพี่ฮิมชานนี่ จะได้รู้ว่า ‘mille-feuille’ อ่านว่า ‘มีล์ย-เฟย’ ไม่ใช่ ‘มิเล-ฟี-อูเล’ น่ะ!’
‘พี่ไม่ได้หัวเราะที่แดฮยอนพูดผิดเสียหน่อย’
เขาเลิกเรียกอีกฝ่ายว่าคุณคนโตนานแล้ว.. ตั้งแต่ที่เด็กหนุ่มเรียกร้องว่าทีตัวเองยังเรียกเขาว่าพี่ฮิมชาน ไม่ใช่คุณเลขาฯเลย ทำไมฮิมชานถึงยังเรียกเหมือนเดิมอยู่อีก นั่นไม่ใช่ชื่อคนเสียหน่อย.. เขาก็เลยจำต้องยอมเรียกแดฮยอนให้สนิทสนมขึ้นตามที่เจ้าตัวร้องขอ แต่ก็ยังใจไม่ถึงพอที่จะเรียกห้วนๆว่าเธอหรือนาย.. จะเรียกคุณเฉยๆก็ไม่ได้ เพราะแดฮยอนไม่ชอบ บอกว่าสุภาพเกินไป ฟังแล้วจั๊กจี้พิลึก เพราะฉะนั้น ชื่อตัวนั่นแหละดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
‘โกหก’ แดฮยอนว่า เด็กหนุ่มมองออกหรอกว่าภายใต้สีหน้ายิ้มๆที่พยายามข่มให้นิ่งของอีกฝ่าย มีนัยน์ตาพราวระยับอย่างสนุกสนานซ่อนอยู่แนบเนียน
‘ไม่เชื่อก็ตามใจ’ ฮิมชานยักไหล่ เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา จากที่ตัวเองกำลังถูกไล่บี้อยู่มาเป็นต้อนคนตรงข้ามแทนหน้าตาเฉย ‘ว่าแต่สั่งไปเยอะขนาดนั้นจะทานหมดหรือ’
‘หมดสิฮะ แค่ไม่กี่อย่างเอง’ ..ไม่กี่อย่างของพ่อคุณคือประมาณสี่เมนูเห็นจะได้ ‘พี่ฮิมชานไม่เชื่อผมหรือ ฝีมือชั้นนี้แล้ว’
เขาอดขยับยิ้มให้กว้างขึ้นอีกไม่ได้ สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาจริงๆจนอีกฝ่ายชักหน้าบูด ฮิมชานโบกมือไปมา
‘เชื่อๆ ก็เห็นมาตั้งหลายทีแล้วนี่’ เขาหมายถึงประสิทธิภาพของกระเพาะจองแดฮยอน ที่ดูจะทำงานได้ดีกว่าคนปกติทั่วไป สังเกตจากหลายครั้งที่มีโอกาสได้แวะเข้าร้านต่างๆด้วยกันเหมือนอย่างวันนี้
ทุกครั้งหลังจากพาแมวเดินเล่นเสร็จถ้ายังพอมีเวลาอยู่ เขาก็จะพาแดฮยอนแวะร้านเค้กบ้าง ไอศกรีมบ้าง ตามแต่บรรยากาศว่าตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน ร้านที่เลขาฯหน้าห้องอย่างเขามีปัญญาพาลูกชายเจ้านายไปเลี้ยงก็ไม่ได้หรูเลิศอะไร เป็นแค่ร้านเล็กๆริมถนนเท่านั้นเอง แต่แดฮยอนก็ดูจะตื่นเต้นและเอนจอยไปกับการสั่งเมนูนู่นนี่มาชิม จนเจ้ามืออย่างเขาอดรู้สึกสนุกตามไปด้วยไม่ได้ทุกที ถึงแม้ว่าหลังจากจบแต่ละมื้อไป ตัวเลขที่ระบุอยู่ในบิลที่เรียกเช็คจะทำให้เขารู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลป้อยๆก็ตาม
‘พี่ฮิมชาน!’ ลูกชายท่านนายพลร้อง หน้างอเสียยิ่งกว่าด้ามจับร่ม ‘ผมจะยุให้คุณพ่อย้ายพี่ไปประจำอยู่ชายแดน! เห็นพี่ยงกุกบ่นขาดคนอยู่ไม่ใช่หรือ ไปอยู่ด้วยกันเลย จะได้ตีกันเสียให้ตาย’ เด็กหนุ่มยกประเด็นความไม่ถูกกันระหว่างฮิมชานกับยงกุกขึ้นมาขู่ ชายหนุ่มได้ยินชื่อคู่อริก็คิ้วกระตุกบ้าง แต่รู้ว่าแดฮยอนเพียงแต่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้มีเจตนา.. หรือต่อให้มี ก็ไม่กล้าทำตามที่พูดไว้จริงๆ
‘ท่านนายพลไม่ฟังแดฮยอนหรอก ย้ายพี่ไปแล้วใครจะช่วยงานเอกสาร เลขาฯยูก็ป้ำๆเป๋อๆ ทำงานไม่ได้เรื่อง วันก่อนท่านยังปรึกษาพี่อยู่เลยว่าจะให้ออกดีไหม อีกอย่าง..’ เขายังคงยิ้มอยู่
‘..ถ้าย้ายไป พี่ก็ต้องเอาแมวไปด้วย อยู่ที่โน่นอาจจะลำบากเรื่องข้าวปลาอาหารนิดหน่อยแต่ก็น่าจะพออยู่ได้ อากาศก็ออกจะดี มันคงชอบใจ ได้นอนสบายๆเป็นแมวขี้เกียจทั้งวัน.. แดฮยอนเองนั่นละที่จะลำบากเพราะไม่มีเพื่อนเล่น’
คนกำลังจะขาดเพื่อนเล่นหน้าบึ้งจัด แต่รู้อยู่เต็มอกว่าที่ฮิมชานพูดมาเป็นความจริงทุกประการ ก็เลยไม่รู้จะโต้ตอบกลับไปอย่างไร จึงตัดสินใจร้องหาเพื่อนเล่นมาฟ้องว่า แกๆ ฉันโดนเจ้าของแกแกล้งว่ะ แทน
ปกติแล้วลูกแมวติดแดฮยอนมาก มันไม่เคยห่างจากเด็กหนุ่มเกินสามก้าว หรือถ้าอยู่ห่างออกไป แค่แดฮยอนร้องเรียกก็จะรีบวิ่งมาในทันที แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเรียกอยู่นานก็ไม่ยักมีสัมผัสคลอเคลียที่ข้อเท้า ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งที่ผูกเป็นโบว์แสดงความเป็นเจ้าของไว้รอบคอ
แดฮยอนเหลียวมองรอบร้าน สีหน้าเป็นกังวล ฮิมชานเองก็กังวลไม่แพ้กัน ถึงแมวจะไม่รักเขาเท่าที่รักแดฮยอน แต่อย่างไรเขาก็เป็นเจ้าของ ย่อมรักมันห่วงมันเป็นธรรมดา ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง.. ร้านนี้เล็กนิดเดียว แค่กวาดตามองปราดเดียวก็เห็นแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตสีขาว ลักษณะเป็นก้อนกลมๆขนฟูๆอยู่ในนี้ เขากำลังสงสัยว่าตนเองไปเผลอลืมแมวไว้ที่ไหนสักแห่งระหว่างทางหรือเปล่า และกำลังคิดจะเดินไปถามเจ้าของร้านว่าเห็นเขาพาแมวเข้ามาในร้านด้วยกันหรือไม่ เสียงหวีดแหลมแสบหู กับเสียงโคร้งเคร้งของเครื่องครัวกระทบกันดังยาวจากในห้องครัวก็ดึงความสนใจไปเสียก่อน
ชายหนุ่มร้องถามพ่อครัวคนแรกที่วิ่งออกมาหน้าร้าน
‘เกิดอะไรขึ้นหรือครับ’
‘แมว!’ อีกฝ่ายตะโกนอย่างฉุนจัด ‘มาจากไหนไม่รู้ วิ่งไล่หนูอยู่ในครัว วุ่นวายชิบหายเชียวละ! อย่าให้รู้นะว่าใครแกล้ง กูจะจัดการเสียให้เข็ด!’
เขาสะดุ้งวาบ แมวงั้นหรือ.. ใช่ลูกแมวของเขากับแดฮยอนหรือเปล่า.. มองหน้าคนที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะก็เห็นว่าหน้าซีด แต่ดวงตากลมโตที่สบตรงกลับมาบอกชัดว่าคิดไม่ต่างกัน
ฮิมชานกำลังจะเข้าไปบอกพ่อครัวขี้หงุดหงิดอยู่แล้วว่าแมวตัววุ่นวายที่ว่านั่นคงจะเป็นแมวของเขาเอง และยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งค่าเสียอารมณ์ให้ ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ พ่อครัวหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มรีบตามเข้าไป
เขาเห็นห้องครัวสภาพเละเทะน่าดู เคาท์เตอร์ครัวเลอะผงแป้งเต็มไปหมด ผลไม้ที่เป็นวัตถุดิบก็กระจายเกลื่อนเต็มพื้น เขาเห็นแม่ครัววัยรุ่นสองคนยืนเบียดตัวชิดผนัง กลางห้องมีศพหนูตายสองตัวแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาก้าวข้ามซากหนูตายไปอย่างเฉยเมย ถามแม่ครัวว่าแมวตัวก่อเรื่องอยู่ไหนเสียแล้วตอนนี้ แม่ครัวชี้มือสั่นๆไปทางประตูหลังที่เชื่อมสู่ถนนใหญ่อีกด้าน
ฮิมชานก้าวต่อไป ผลักประตูให้เปิดออก
เขาเห็นรถคันหนึ่งแล่นส่ายๆด้วยความเร็วสูงมาตามถนน เห็นแมวสีขาวตัวหนึ่งไล่จับนกกระจอกที่กระโดดหนี จนกระโจนลงจากทางเท้าไปอยู่บนทางม้าลาย เห็นภาพผู้คนตะโกนกันอย่างตกใจ ได้ยินเสียงเบรกลั่นดังเอี๊ยด ได้ยินเสียงคนกรีดร้อง เห็นภาพลูกแมวกระเด็นหวือ เห็นภาพรถหักเลี้ยวขับฝ่าไฟแดงหนีไป..
เขาก้าวต่อไปข้างหน้า.. ผ่านผู้คนที่วิ่งกันวุ่นวายและสายตาที่จ้องมองมาอย่างใคร่รู้มาจนถึงร่างเล็กๆที่ถูกทิ้งไว้บนถนน เขาก้มลงช้อนร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมา.. วันแรกที่เจอกัน เขาก็อุ้มมันขึ้นมาอย่างนี้ ตอนนั้นตัวมันอุ่น.. ถึงจะเปียกฝนแต่ก็ยังอุ่นด้วยเลือดเนื้อและความมีชีวิต.. ตอนนี้ความอุ่นนั้นลดลงไปมาก ไม่ช้าก็คงหมดไปทิ้งไว้แต่ร่างกายเย็นเยียบ เหมือนกับลมหายใจที่บัดนี้จากไปทิ้งไว้แต่ร่างกายแน่นิ่งไม่ไหวติงเช่นกัน
ชายหนุ่มถดเท้าถอยหลัง ชั่วขณะหนึ่งเขาเผลอคิดว่าตัวเองคงกำลังฝันไป แต่เมื่อก้มลงมองร่างไร้ชีวิตที่ประคองไว้ในอ้อมแขน ความรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วงไปเสียดื้อๆก็ช่วยย้ำเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นเรื่องจริง
เขาหมุนตัวกลับ ปะทะเข้ากับร่างโปร่งบางของใครคนหนึ่ง เขาอารมณ์ไม่ดีจนเกือบจะตะโกนใส่อีกฝ่ายไปแล้วว่าทำไมถึงมายืนขวางทางไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่พอเห็นหน้าคนที่ชนด้วยชัดๆ ชายหนุ่มก็ตัวชาวาบ.. และเมื่อเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายมองต่ำลงมาจนหยุดอยู่ที่ลูกแมวสีขาว เปื้อนโลหิตเป็นด่างดวงที่เขาอุ้มอยู่ชิดอกอย่างตกตะลึง.. ในอกของฮิมชานก็เจ็บแปลบ เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นทิ่มปลายมีดแหลมลงมากลางใจ
เขาเห็นความเจ็บปวดและหยดน้ำตาที่ค่อยๆร่วงหล่นลงบนผิวแก้มของจองแดฮยอนชัดเต็มสองตา
[๕]
พวกเขาฝังลูกแมวไว้ในสวนหลังกรมอย่างง่ายๆ
ฮิมชานมองร่างซีดขาวไร้ชีวิตของลูกแมวที่เคยวิ่งเล่นอยู่รอบตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝังดินกลบลงไป.. ความตายก็อย่างนี้ สุดท้ายก็พรากไปหมด ทั้งชีวิต ทั้งลมหายใจ เหลือแต่เพียงร่างกายว่างเปล่าที่สุดท้ายก็ต้องกลับไปรวมกับผืนดิน ยังดีที่ความทรงจำที่มีอยู่ไม่ถูกพรากไปด้วย อย่างน้อยก็จะได้พอระลึกได้ว่าตอนอยู่ด้วยกันเคยมีความสุขเพียงใด
ชายหนุ่มไม่ได้ร้องไห้.. ไม่ร้องมานานแล้วตั้งแต่หมาที่เคยเลี้ยงไว้ตาย เขาโตจนพบว่าการร้องไห้ไม่ใช่ทางออกของความเจ็บปวด เรียนรู้ว่าเสียน้ำตาได้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ใครฟื้นขึ้นมา.. ถึงอย่างนั้นการร้องไห้ก็เป็นการระบายความทุกข์ที่ดีทางหนึ่ง เสียดายที่วันนี้เขาไม่รู้สึกเศร้าโศกกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงอีกต่อไปแล้ว.. ถ้าจะพูดให้ถูกคือเสียใจจนกลายเป็นชา.. จนกลายเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรนอกจากปลงในวัฏจักรของชีวิตไปเสียแล้ว..
แต่แดฮยอนไม่เคยสูญเสีย ลูกชายคนโตของท่านนายพลจึงร้องไห้จนตาบวม จนถึงตอนนี้ก็ยังเห็นว่าช้ำอย่างสังเกตได้ชัด ปลายจมูกก็ยังแดงก่ำยามเจ้าตัวสูดน้ำมูกฟืด ฮิมชานวางมือไว้บนไหล่ลาดข้างหนึ่ง บีบเบาๆแทนคำปลอบโยนว่า ไม่เป็นไร
ลูกแมวตัวนี้คงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่เด็กหนุ่มรู้สึกผูกพันด้วยอย่างจริงใจ ฮิมชานมองร่างโปร่งบางสะอื้นฮักแล้วก็ขบกรามแน่น.. เห็นภาพตัวเองตอนอายุสิบเอ็ดขวบนั่งกอดเข่าน้ำตาไหลพรากอยู่หน้าเนินดินที่ใช้ฝังศพหนูแฮมสเตอร์ซ้อนทับขึ้นมา
เด็กชายฮิมชานไม่มีคนคอยปลอบใจ น้องสาวที่ซนจนทำหนูของเขาตายเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แม่กับพี่สาวอีกสองคนก็เห็นว่าการร้องไห้ให้กับสัตว์เลี้ยงเล็กๆตัวหนึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่ฮิมชานเห็นหนูที่ตายไปเป็นเพื่อน ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง เด็กชายก็เลยเสียใจมากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะรู้สึกต่อการสูญเสียเพื่อนรักคนหนึ่งได้.. แดฮยอนเองก็เช่นกัน.. ชายหนุ่มเชื่อว่าเด็กหนุ่มไม่ได้เห็นลูกแมวเป็นแค่สัตว์เลี้ยง หากแต่ยกให้เป็นเพื่อนที่รู้ใจตัวหนึ่ง.. เป็นเพื่อนรัก ที่เมื่ออยู่ก็รักมาก และเมื่อเสียไปก็เจ็บปวดมากเช่นเดียวกัน
ร่างสูงใหญ่ผ่อนลมหายใจ ดึงไหล่คนตัวเล็กกว่าให้หันมาเผชิญหน้า เขาใช้ปลายนิ้วไล่ปาดคราบน้ำตาที่เปื้อนเป็นทางยาวให้ ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน
‘มันไปดีแล้ว’
คำพูดสั้นๆแค่นั้นเรียกน้ำตาจากจองแดฮยอนได้อีกทำนบใหญ่ เด็กหนุ่มร้องไห้โฮๆ ยึดผู้ชายตัวโตไว้เป็นที่ซับความเสียใจอยู่พักใหญ่กว่าจะสงบลงได้ หากก็ยังมีเสียงสะอื้นฮักดังให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ
‘ชอบแมวหรือ.. พี่ซื้อให้ใหม่เอาไหม’
‘ไม่มีตัวไหนเหมือนมันหรอก’ เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้ ใบหน้ายังกดแนบอยู่กับไหล่เขาจนสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่ซึมผ่านเนื้อผ้า ‘ผมไม่อยากเลี้ยงอะไรแล้ว’
ฮิมชานอยากจะแย้งเหลือเกินว่านั่นมันแมวของเขา ไม่ใช่แมวที่แดฮยอนเลี้ยงเองเสียหน่อย แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงไม่พ้นถูกกำปั้นเล็กๆทุบเอาหลายอั้กเป็นแน่ ดีไม่ดีอาจจะถูกประทุษร้ายด้วยวิธีอื่นเพราะความโกรธจัดอีกต่างหาก ชายหนุ่มจึงทำเพียงแค่เลี่ยงบทสนทนาไป
‘ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง.. กลับกันก่อนเถอะ นี่ก็หายมานานมากแล้ว.. ขึ้นไปแล้วก็อย่าขี้แย ลูกผู้ชายเราต้องมีศักดิ์ศรี อย่าเสียน้ำตาให้ใครเห็นง่ายๆ เข้าใจไหม..’ ถึงจะน่ารักผิดผู้ชายไปบ้างก็ต้องสอนเหมือนกัน.. เขาต่อประโยคนี้ในใจ
‘..อยากร้องไห้อีกเมื่อไหร่ก็เข้ามาหาพี่ที่ห้อง อย่าให้ท่านนายพลเห็น ท่านจะเป็นห่วง’
ชื่อบุคคลที่ยกขึ้นมาอ้างใช้ได้ผลชะงัดนัก เพราะเมื่อผละออกจากกัน ฮิมชานก็เห็นว่าแดฮยอนลดอาการงอแงลงไปมาก ถึงตาจะยังบวมเป่งและแดงก่ำ แต่ก็ยอมงับปากกั้นเสียงสะอื้น แล้วยอมให้เขาจูงมือพาเดินตามต้อยๆไปอย่างว่าง่าย
มือเล็กที่วันนี้เพิ่งได้สัมผัสเต็มฝ่ามือทั้งนุ่มแล้วก็อุ่นอย่างที่ลองได้จับไว้ครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่อยากปล่อยให้จากไปไหน เขากระชับมือนุ่มนิ่มไว้แน่น หวังจะถ่ายเทความรู้สึกหนักอึ้งของอีกฝ่ายมาไว้ที่ตัวเองบ้าง ชายหนุ่มรู้ว่าตนทำได้ เขาเห็นเสี้ยวหน้าของแดฮยอนดูผ่อนคลายลง พวงแก้มซับสีเรื่อจาง
ฮิมชานไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่วันที่แดฮยอนโผล่เข้ามาถามหาลูกแมวในห้อง หรืออาจจะตั้งแต่ก่อนหน้านั้น.. ชายหนุ่มรู้เพียงแค่ว่าความรู้สึกอ่อนหวานบางอย่างในใจที่มีมันหนักแน่นเหลือเกิน.. หนักแน่นถึงขนาดที่บอกกับตัวเองว่า วันนี้ถ้าแดฮยอนจะต้องเจ็บ เขาก็อยากเป็นคนปกป้อง.. ตอนนี้ถ้าแดฮยอนจะร้องไห้ เขาก็อยากคอยช่วยเช็ดน้ำตา และต่อไปถ้าแดฮยอนจะรู้สึกไม่มั่นคง เขาก็อยากช่วยประคองหัวใจดวงเล็กๆดวงนั้นให้ก้าวเดินต่อไปด้วยกัน
เขารู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกนี้.. ไม่น้อยหรอก ฮิมชานมั่นใจ ไม่น้อยเลย.. แต่มันก็คงยังไม่มากพอที่จะทำให้ตัดสินใจได้ในเร็ววัน.. บางทีมันอาจจะต้องใช้เวลา.. เขาคิด
ความจริงชายหนุ่มไม่เร่งร้อน ถ้าจะมีความรักสักหน เขาก็อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ให้ออกดอกผลงดงาม อยู่ยืนยงเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่เพาะด้วยเมล็ดอย่างถูกวิธี แทนที่จะใช้ทางลัดด้วยการตอนกิ่งให้ออกผลรวดเร็ว แต่เมื่อเชยชมสมใจแล้วไม่ทันไรก็แห้งโรยรา
ชายหนุ่มพาแดฮยอนกลับมาส่งที่ห้อง ผละมือออกจากมือเล็กนุ่มเนียนอย่างเสียดาย.. รอจนกระทั่งเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้าไปเกาะแขนผู้เป็นบิดาแล้วก็กลับเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนบ้าง.. ห้องเล็กๆรกไปด้วยกองเอกสาร ดูเงียบเหงาไปถนัดตาเมื่อไม่มีร่างขาวๆฟูๆของลูกแมวจอมซนวิ่งเล่นไปทั่ว.. กวาดสายตาไปรอบๆ พอสะดุดเข้ากับตะกร้านอนของแมวก็หยุดมองนิ่ง.. นาน..
แมวสองตัวที่เคยเลี้ยงไว้ บัดนี้เหลือเพียงหนึ่ง
ร่างสูงหยิบที่นอนประจำของลูกแมวขึ้นมา ตั้งใจว่าวันนี้จะเอากลับบ้าน อาจจะไปบริจาคที่ไหนสักที่ หรือไม่ก็ทิ้งขยะไปให้พ้นๆเสีย.. อย่างไรก็จะไม่เก็บไว้ให้รู้สึกอะไรอีกทุกครั้งที่เผลอเหลือบไปเห็น
จากบานประตูไม้ที่แง้มไว้นิดหนึ่ง เขาได้ยินเสียงลากเก้าอี้ครืด ผสานไปกับเสียงพูดคุยของพ่อลูกอันประกอบไปด้วยเสียงเข้มงวดของผู้เป็นบิดากับเสียงอ่อยๆของบุตรชาย และเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆห่างออกไป สุดท้ายก็เงียบหายพร้อมกับเสียงประตูห้องใหญ่ที่ปิดลง
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ..
ความรู้สึกสูญเสียมันแจ่มชัดเหลือเกิน ถึงจะบอกว่าชินชาจนไม่เสียใจอีกแล้ว แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าการหายไปของสิ่งที่เคยมีมันทำให้ชีวิตผิดรูปผิดรอย แปลกไปจากที่เคย.. การสูญเสียที่เพิ่งผ่านพ้นไปทำให้กลัวที่จะสูญเสียอีก.. กลัวจนกระทั่งเห็นแจ้งถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ในหัวใจตัวเอง ว่าสิ่งใดบ้างที่หายไปแล้วจะไม่เป็นอะไร และสิ่งใดบ้างที่ถ้าหายไปแล้วจะเสียใจ
แมวสองตัวที่เคยเลี้ยงไว้ บัดนี้เหลือเพียงหนึ่ง
แมวตัวที่เหลือเป็นแมวตัวโตพันธุ์ดี สวยเปรียว หัวดื้อก็เท่านั้น ขี้แยก็เท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังมีส่วนที่น่ารักน่าเอ็นดูเสียจนเขาหลงแทบถอนตัวไม่ขึ้น.. แล้วก็คงจะเสียใจมากหากวันหนึ่งจะต้องเห็นมันเดินจากไป โดยที่ตัวเองไม่ได้ลองพยายามทำอะไรเลย
ดังนั้นฮิมชานจึงตั้งใจว่าจะดูแลอย่างสุดกำลังเท่าที่จะทำได้.. เขาจะรั้งเอาไว้ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะเลี้ยงให้รักได้ถึงขนาดยอมทิ้งเจ้าของมาหาเขาได้ไหม แต่ก็ตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงให้ดี
แล้วชายหนุ่มจะถาม.. ใช่ พรุ่งนี้เขาจะถาม.. ถามแมวโดยตรงเลยละว่าพร้อมที่จะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาไหม.. กับคิมฮิมชานคนที่เป็นเลขาฯหน้าห้อง มีปัญญาพาไปเลี้ยงข้าวได้แค่ร้านอาหารธรรมดาทั่วไปริมถนน แต่ก็เป็นคนที่รู้ว่าอะไรคือของโปรด อะไรคือของที่เกลียด รู้ว่าถ้าโกรธจะไม่ยอมมองตา รู้ว่าถ้าเสียใจก็จะต้องหาไหล่ใครสักคนไว้พึ่งพิง..
เขาจะเสนอไปอย่างนี้ บอกทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเองไปอย่างหมดเปลือก ไม่ลืมหยอดมุข 'ทั้งข้อดีและข้อเสียของผมคือรักคุณมากเกินไป' ที่อุตส่าห์คิดมาตั้งนานนมลงไปด้วย.. พอแล้ว เขาจะทำแค่นี้ ที่เหลือก็คงต้องแล้วแต่เทพแห่งโชคชะตาจะบัญชา
..นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ปล่อยให้เป็นเรื่องที่แมวต้องตัดสินใจ ว่ารักจะอยู่ที่เดิม หรือจะยอมฝากหัวใจไว้กับฮิมชานเป็นเดิมพัน.. ที่งวดนี้เปอร์เซ็นต์การพ่ายแพ้ของเขามีมากกว่าที่เคยลงพนันครั้งไหนๆจนลึกๆก็หวั่นใจ
โทรศัพท์เครื่องจิ๋วในมือสั่นครืด แมสเสจเพิ่งเข้าที่จั่วชื่อผู้ส่งเอาไว้ชัดเจนว่าจองแดฮยอนเรียกให้ฮิมชานรีบกดข้อความจากคนที่กำลังคิดถึงอยู่ขึ้นอ่านโดยพลัน ข้อความแค่สั้นๆ แต่ทำให้หัวใจอิ่มเอม
'วันนี้ขอบคุณมากนะฮะพี่ฮิมชาน'
ภาพกราฟความเสี่ยงที่เห็นอยู่ลดลงวูบจนเกือบถึงศูนย์..
ชายหนุ่มหัวเราะสดใส
พรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่ดี
.END
. ต่อจาก An Aide-de-comp นิดๆค่ะ ฮ่า แล้วก็ยังเป็นฟิคงงๆเหมือนเคย
. ขอบคุณแรงบันดาลใจจากทวีตพี่ขวัญ PARADISZ_K และ จส.๑๐๐ (ฮา) วันนั้นมีจส.๑๐๐ รีทวีตเรื่องคนมาแจ้งว่ามีลูกแมวตากฝนอยู่แถวๆถนนอะไรสักที่ แล้วพี่ขวัญก็บอกว่าอะโหนี่มันฟิคมาก ก็เลยอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาทันที (ใจง่ายมาก๕๕๕)
. mille-feuille เป็นขนมฝรั่งเศษ ตระกูลเค้กพันชั้นนะคะ (mille-feuille แปลว่า Thousand sheets) ก็จะเป็นพวกเค้กที่มีชั้นๆอ่ะเนอะ ในเรื่องหมายถึงตัวนี้นะคะ เรียกอีกชื่อได้ว่า Napolean เค้กค่ะ น่ากินเนาะ ฮึ่ย หิวเลย TT
. ติดตามความอัพเดทได้ที่ twitter.com/kyosama91 นะคะ;D
. รักคุณ จุ้บๆ <3
ความคิดเห็น