ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] All of my B.A.P short fictions

    ลำดับตอนที่ #8 : [OS] Just for a while [HimDae]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55



     

     

    Just for a while

    B.A.P fanfiction by kyosama

    Himchan & Daehyun

     

     

     

    'เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับที่บ้านสิบเอ็ดโมง ไปเดทกัน'

     

    เขาได้รับแมสเสจนี้เมื่อคืน ตอนประมาณสี่ทุ่มแต่เขาหลับไปแล้ว เพิ่งจะมาเห็นเอาเมื่อเช้า โชคดีที่ตื่นตั้งแต่แปดโมงขึ้นมาดูการ์ตูนช่องเก้าเรื่องโปรด ไม่งั้นก็คงตื่นอีกทีเสียบ่าย พลาดนัดครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แถมยังจะผิดใจกับพี่ชายข้างบ้านไปเสียเปล่าๆด้วย

     

    คิมฮิมชานมาถึงหน้าบ้านแดฮยอนตอนสิบเอ็ดโมงพอดีเป๊ะ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาถึงได้ตรงเวลาขนาดนี้ ก็ในเมื่อบ้านของหมอนั่นอยู่ติดกันแค่รั้วถัดไปนี้เอง

     

    ร่างสูงสัดส่วนน้องๆนายแบบอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงจีบสีขาวธรรมดา สีสันสดใสประกาศความเป็นแฟชั่นนิสต้าที่ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่เหมือนอย่างที่ชอบใส่เป็นประจำ แถมยังโดดเด่นด้วยสีผมบลอนด์สว่างและใบหน้าหล่อเหลาที่ทรงเสน่ห์จนชวนให้มองข้ามฟันแถวบนที่ออกจะล้ำหน้า น่ากลัวจะพุ่งเข้าเฉาะถ้าเผลอหัวเราะ อันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

     

    ฮิมชานเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากต่อว่าทันทีที่เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านหันกลับมาเผชิญหน้าหลังล็อคประตูรั้วเสร็จ

     

    “นายสาย”

     

    “ไม่ถึงสองนาทีเลย”

     

    “สายก็คือสาย” คนฟังเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ แต่เอาเถอะ เห็นว่าวันนี้แต่งตัวเหมือนคนเป็นพิเศษ อุตส่าห์ไม่ใส่ลายสัตว์ลายเสืออะไรนั่นอย่างที่ชอบใส่ออกมาเดินด้วยกันให้อายคนเล่นก็ดีถมไปแล้ว เห็นแก่ความดีนั้น แดฮยอนจะยอมให้วันนึงก็แล้วกัน

     

    “อยากทำอะไรเป็นพิเศษป่ะ”

     

    “ดูหนัง เดินเล่น แล้วก็กินข้าวไหนก็ได้ที่คนไม่เยอะ” คนถูกถามไล่รายการให้ฟังไม่มีติดขัดเหมือนคิดเอาไว้ก่อนแล้ว “อ้อ ไม่เอาอาหารไทยเผ็ดๆด้วย ไปกินกันคราวที่แล้วนายอาหารเป็นพิษจนลุกจากเตียงไม่ขึ้นเป็นวันเลย จำได้ไหม”

     

    “จำได้ ขอเสียภาพพจน์แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวพอ ต่อไปนี้ไม่เอาแล้ว เข็ดแล้ว” ฮิมชานยิ้มบาง แมวน้อยของเขาช่างเอาใจใส่คนอื่นเสมอ มือหนาคว้าเอามือบางมากุมไว้ อากาศร้อน อีกไม่นานก็คงชื้นเหงื่อ แต่ไม่มีใครนึกอยากปล่อยมือใครตอนนี้เลย

     

     

     

     

     

    สรุปแล้วพวกเขาก็ไปดูหนังกันก่อน.. หนังที่เลือกดูคือเรื่อง Brave เป็นหนังการ์ตูนผู้หญิงของดิสนี่ย์ที่ฮิมชานทำหน้าพิลึกใส่ตอนแดฮยอนบอกว่าอยากดู แล้วก็พยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจไปดู Step Up หรือไม่ก็ The dark night rises แทน ซึ่งแดฮยอนก็ปฎิเสธเสียงแข็ง

     

    เขาไม่อยากดูเดอะดาร์คไนท์ โดยส่วนแล้วเขาเกลียดสัตว์ทุกอย่างที่มีปีก เพราะเคยมีความทรงจำไม่ดีตอนเด็กๆ.. สมัยชั้นอนุบาล เด็กชายจองแดฮยอนเคยโดนนกเกาะหัวครั้งหนึ่ง เกาะแบบฝังเล็บเข้ากับหน้าผากเลยล่ะ เจ็บก็เจ็บ แต่จะตีก็ไม่กล้า กลัวโดนจิก ก็เลยได้แต่ร้องไห้จ้า ยืนนิ่งๆให้นกเกาะอยู่อย่างนั้นจนเพื่อนไปตามคุณครูมาช่วยไล่ไอ้นกเวรนั่นออกไปให้ ก็เลยทั้งกลัวทั้งเกลียดฝังใจ ไอ้แบทแมนอะไรนี่มันมีปีกใช่ไหม ถึงจะเป็นค้างคาวไม่ใช่นก แต่ก็มีปีกเหมือนกัน.. แค่ฟังชื่อหนังเขาก็ขนลุกจนอยากจะวิ่งหนีแล้ว

     

    ส่วนสเต็ปอัพนี่ยิ่งแล้วใหญ่ แดฮยอนไม่เข้าใจว่าเขาควรจะเสียเงินเข้าไปนั่งดูคนเต้นบ้าๆบอๆทำไมในเมื่อเขาก็มีจุนฮงเต้นบ้าๆบอๆให้ดูทุกวันอยู่แล้ว.. แต่เรื่องเบรฟนี่สิ เป็นการ์ตูนเรื่องแรกของดิสนี่ย์ที่ใช้ตัวละครผู้หญิงเป็นตัวดำเนินเรื่องอย่างเต็มตัว (ไม่นับ Tangled เพราะเรื่องนั้นมียูจีนเป็นขวัญใจพวกเด็กผู้ชายด้วย.. เด็กผู้ชายก็อย่างนี้แหละ เห็นใครทำวีรกรรมเท่ๆเข้าหน่อยก็ชอบ อยากเอาเป็นแบบอย่าง โตขึ้นมาก่อนเถอะจะรู้ว่าการเป็นโจรไม่ใช่เรื่องน่าทำตามเลย แถวๆแถบซาอุดิอาระเบียแค่เด็กขโมยแอปเปิ้ลหนึ่งลูก ถ้าจับได้กฎหมายสั่งให้ตัดนิ้วทิ้งทันทีเลยนะ น่ากลัวจะตาย พี่แดฮยอนจะบอกให้) เนื้อเรื่องก็น่าสนใจ พูดถึงแต่เรื่องของความกล้าหาญและความรักครอบครัว ไม่ใช่นิยายรักเพ้อฝันมีเจ้าหญิงเจ้าชายครองรักกันอย่างมีความสุข มีรถม้ามีฟักทองต้มอะไรอย่างที่เคยๆทำมา.. เขาก็เลยคิดว่ามันน่าสนใจดี น่าจะมีส่วนในการร่วมพลิกประวัติศาสตร์การทำอนิเมชั่นของดิสนี่ย์ได้ ก็เลยอยากดู

     

    ฮิมชานฟังเหตุผลของเขาแล้วก็ทำหน้าปั้นยากใส่ แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจไปซื้อตั๋วพ่วงป็อปคอร์นรสชีสถังใหญ่ให้ (ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับแดฮยอนกินคนเดียว) แต่โดยดี.. เออ ต้องอย่างนี้สิ จริงๆตามใจเขาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกัน เสียเวลากิน งั่มงั่ม (เคี้ยวเสียงดังอย่างไม่มีมารยาท)

     

    ปรากฏว่าไอ้คนทำท่าไม่อยากดูนักหนากลับอินจัดกว่าใครเพื่อน ฮิมชานร้องไห้จนตาแดงก่ำ ต้องให้เขาลูบมือลูบไหล่ปลอบอยู่นานกว่าจะหยุดสะอื้นฮั่กๆ พอถามว่าเป็นอะไร ก็ตอบทั้งที่ยังสูดน้ำมูกฟืดๆว่าฝุ่นเขาตา โถ ถึงขั้นนี้แล้วยังจะมีหน้ามาเก๊ก ต้องให้แดฮยอนจ้องตาถามอีกทีนั่นแหละ ถึงจะยอมรับเสียงอ้อมแอ้มว่าซึ้งกับเนื้อเรื่องที่พูดถึงความรักของแม่ลูก จนน้ำตาไหลออกมาเองเพราะคิดถึงแม่ที่ยังอยู่บ้านนอกตัวคนเดียว

     

    ฟังแล้วก็ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่เอียงคอซบไหล่อีกฝ่ายแล้วกระซิบว่า งั้นปิดเทอมคราวหน้าเรากลับไปหาคุณแม่กันนะครับ ฮิมชานก็พยักหน้าหงึกๆ ยังได้ยินเสียงสูดน้ำมูกอยู่ แต่สัมผัสจากมือใหญ่ที่ลูบเรือนผมเบาๆก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะยิ้มได้แล้ว

     

     

     

    ดูหนังจบ แดฮยอนก็ลากฮิมชานไปเลี้ยงไอศกรีมที่ร้านโปรดเป็นการปลอบใจ โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ ในร้านก็เลยยังเหลือโต๊ะว่างให้พวกเขาจับจองเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ต้องไปนั่งเบียดกับคนอื่นหน้าเคาท์เตอร์

     

    แดฮยอนกำลังนั่งละเลียดเมนูพิเศษอยู่ (พาร์เฟต์ผลไม้รวม - เพียง 2000 วอนเท่านั้น!) ตอนที่ฮิมชานโพล่งถามขึ้นมากลางปล้อง

     

    “เรารู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ?”

     

    เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ลองนึกหาคำตอบอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็นึกไม่ออก จึงยักไหล่

     

    “ไม่รู้สิ” เขาตักไอศกรีมเลมอนเชอร์เบ็ตเข้าปากอีกคำ.. โอ้โห จี๊ดไปถึงก้านสมอง “ถามทำไมเหรอ”

     

    ฮิมชานยักไหล่บ้าง “แค่อยากรู้เฉยๆ” ชายหนุ่มยื่นช้อนคันยาวป้อนไอศกรีมมอคค่าฟัดจ์ของตัวเองให้อีกฝ่าย ซึ่งก็ชะโงกหน้ามางับไปแต่โดยดี.. กินเปรี้ยวอย่างนั้นต้องกินหวานตามไปล้างคอ

     

    “ห้าปีแล้วล่ะมั้ง” แดฮยอนลองทบทวนใหม่ “..ตอนที่นายย้ายมาใหม่ๆฉันเพิ่งอยู่ประถมเอง จำได้ว่าตื่นเต้นใหญ่ เห็นรถคันโตๆมาจอดหน้าบ้าน แล้วก็มีนายที่ตัวสูง ใส่เสื้อกับกางเกงคนละสียืนอยู่ข้างๆ หน้าไม่ยิ้มเลย แต่ก็หล่อแล้วก็แปลกดี แม่ฉันงี้เอาไปอวดพวกป้าที่ร้านทำผมได้เป็นเดือนๆเลย”

     

    เด็กหนุ่มเหม่อมองออกไปนอกกระจกหน้าต่างบานใหญ่.. ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา แม้จะเป็นวันหยุด แต่ชีวิตของคนเมืองกรุงก็ไม่เคยหยุดไปด้วย

     

    “จริงๆจะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้นเนอะ.. จำที่ฉันแอบมุดรั้วไปขโมยมะม่วงบ้านนายแล้วโดนแม่จับตีได้ไหม ที่นายวิ่งหน้าตื่นมาบอกแม่ว่ามันโอเค ไม่เป็นไร ให้หยุดตีฉันได้แล้วน่ะ.. ตลกดีเนอะ ยังจำได้ชัดเหมือนกันเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง.. ห้าปีแล้วจริงๆด้วย.. ไม่น่าเชื่อว่าเราจะรู้จักกันมานานขนาดนั้น”

     

    แดฮยอนรำลึกความหลัง มือถือช้อนไอศกรีมค้าง หน้าก็ยังหันมองออกไปนอกร้าน จึงไม่เห็นแววตาของฮิมชานที่เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง อย่างที่นานๆครั้งจะได้เห็นที

     

    “แล้วนานพอที่จะเกิดเป็นความรักหรือเปล่า”

     

    คนถูกถามสะบัดหน้าวูบ มองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู.. และกึ่งจะอึดอัดใจในที.. ฮิมชานเห็นสายตาแบบนี้ทุกครั้งที่ถามคำถามจนชินเสียแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าแรกๆที่เห็นก็ยังปวดใจมากทีเดียว

     

    “เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

     

    คนตัวสูงรับฟังคำตอบเดิมๆที่ได้ยินบ่อยครั้งจนแทบจะท่องได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย.. แดฮยอนไม่เคยปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่เคยตอบรับอะไร เขาจำกัดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยปากไว้ว่าเพื่อน แต่ก็มีหลายครั้งที่มีทีท่าว่าต้องการมากกว่านั้น.. อย่างเช่นคราวนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง.. แต่พอแดฮยอนได้สิ่งที่ต้องการจากเขาไปแล้ว เจ้าตัวก็ถอยหลังกลับไปที่เดิม ปิดกั้นตัวเองจากสายใยใดๆทั้งหมดทั้งมวลที่อาจจะเกิดขึ้น และปล่อยให้เขาได้แต่งุ่นง่านกับความรู้สึกที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที.. ทุกที.. อยู่ฝ่ายเดียว

     

    “ไม่ต้องผูกมัด  ไม่ต้องเป็นภาระต่อกัน แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แค่นั้นไม่พอเหรอ”

     

    ฮิมชานคิดว่าแดฮยอนคงยังรักอิสระอยู่มาก เด็กหนุ่มก็เหมือนกับสายลมเอื่อยๆที่ยังรักอิสระอยู่มาก คงจะพัดไปเรื่อยๆไม่มีทางหยุดลงพักที่ไหนตลอดไป.. ไม่มีใครสามารถเหนี่ยวรั้งหัวใจเอาไว้ได้ทั้งนั้น

     

    “นั่นสินะ” ชายหนุ่มหัวเราะฝืนๆ “เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” แล้วก็จัดแจงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นเสีย ซึ่งอีกฝ่ายก็โอนอ่อนตามแต่โดยดี พวกเขาพูดคุยกัน หัวเราะกัน ยิ้มให้กัน ทำราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

     

     

     

     

     

    แดฮยอนแยกกับฮิมชานที่หน้าปากซอย เขาโบกมือลาอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะต้องไปทำรายงานต่อที่บ้านเพื่อนอย่างยากลำบาก เพราะบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งยัดลงไปยังอืดแน่นเต็มกระเพาะจนตัวหนักไปหมด เขายืนส่งฮิมชานขึ้นรถประจำทางเสร็จก็เดินลากขาเอื่อยๆกลับบ้าน ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปด้วย.. บรรยากาศมืดๆครึ้มๆของยามเย็นที่ฝนใกล้ตกแบบนี้ยิ่งชวนให้น่าจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองมากกว่าที่เคย

     

    แดฮยอนรู้ว่าฮิมชานคิดอย่างไร.. เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมช่วงอายุก็ยังไล่ๆกัน เลยทำให้พวกเขาสนิทกันมาก อยู่ด้วยกันแบบที่แทบจะเรียกได้ตลอดเวลา.. ต่างฝ่ายต่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของกันและกัน.. จึงไม่ใช่เรื่องเกินกว่าจะคาดคิด ที่จะใครคนใดคนหนึ่งจะเผลอใจรักอีกคนเข้า.. โชคร้ายหน่อยที่คนคนนั้นคือฮิมชาน และยิ่งโชคร้ายขึ้นไปอีกที่คนที่ฮิมชานรักดันเป็นเขา คนที่ยังไม่คิดจะรักใคร

     

    แดฮยอนรักเพื่อนคนนี้มาก แล้วก็รู้สึกขอบคุณเหลือเกินที่อีกฝ่ายมอบความปรารถนาดีขนาดนี้ให้ แต่เขาก็พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มากแล้ว และยังไม่อยากทำให้มันชัดเจนมากไปกว่านี้..

     

    ชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกทำลายได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

     

    คบกันเป็นแฟนมันก็มีวันเลิกได้.. แต่ถ้าเป็นเพื่อนกัน ยังไงมิตรภาพก็จะคงอยู่ตลอดไป.. เขาเชื่ออย่างนั้น

     

    ฝนเทลงมาแล้ว..

     

    เขาวิ่งฝ่าฝนที่โปรยกระหน่ำ วิ่งเร็วจนสายฝนปะทะเข้ากับใบหน้าจนเจ็บแปลกๆ เพียงเวลาไม่นานก็โผล่พรวดเข้ามาในบ้านทั้งที่ตัวเปียกโชก ได้ยินเสียงแม่ร้องว้ายอย่างตกใจกับสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำของเขา ตามด้วยคำพร่ำบ่นยาวเหยียดที่ทำพื้นที่คุณนายเธอเพิ่งถูเลอะเทอะ.. แต่แดฮยอนก็ไม่ได้สนใจอะไร เด็กหนุ่มย่ำเท้าขึ้นห้อง ปิดประตูตามหลังเสียงดังปัง

     

    เสียงสายฝนกระทบพื้นด้านนอกยังเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยิน

     

    เด็กหนุ่มเลิกม่านหน้าต่างขึ้นนิดหนึ่ง.. ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดดำและปั่นป่วนด้วยห่าฝนที่ดูจะระห่ำขึ้นทุกที.. มือเล็กบางปล่อยผ้าม่านลง ก่อนจะถอยกลับมานั่งลงปลายเตียง ปล่อยให้หยดน้ำที่ค้างอยู่บนเสื้อผ้าค่อยๆซึมลงบนผ้าปูที่นอนและพื้นพรม.. พรุ่งนี้ถ้าแม่เข้ามาเห็นคงไม่พ้นโดนสวดชุดใหญ่อีกแน่ แต่.. เขาสนที่ไหนกัน..

     

    แดฮยอนนั่งอยู่นิ่งๆสักพัก ปล่อยให้พัดลมเป่าจนตัวเริ่มแห้งแล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อนที่จะเล่นเกมที่ยังค้างอยู่ให้จบ เขาขยี้เรือนผมชื้นละอองฝนให้หมาดลง ก่อนจะก้าวเข้านั่งประจำที่ มือขวาจับเม้าส์คอมพิวเตอร์ พอเปิดโปรแกรมเกมขึ้นมาได้แล้ว ก็เหมือนว่าระบบการรับรู้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง หมดความสนใจแม้กับเสียงสายฝนที่ยังสาดโครมๆใส่หลังคา

     

    เพราะเขามั่นใจว่าอีกเดี๋ยวฟ้าก็จะใส.. ทุกอย่างจะเป็นไปตามวัฏจักรของธรรมชาติ ที่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

     

     

    ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับพายุหนักอย่างไร ความมืดมัวก็มีสิทธิ์ครอบครองผืนฟ้าได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นเอง

     

    เพราะเพียงแค่เมฆฝนคล้อยหลัง..

    ฟ้าก็จะกลับมาสดใสเหมือนอย่างที่เคย

     

     

     

     

    ธรรมดาของท้องฟ้าก็เป็นเช่นนั้นเอง

     

     

     

     

     

     

     

    .END

     

     

     

     

     

    [x] จบแล้ว จบจริงๆแบบไม่มีตอนต่อชัวร์ๆ บอกล่วงหน้าไว้เลยย๕๕๕๕๕ เขียนเร็วมาก จะออกไปงานแต่งแล้ว ต้องรีบปั่นให้จบให้ทันค่ะ จะได้รีบลงก่อนออกจากบ้านค่ะ๕๕๕๕๕

    [x] เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อกี้อยู่ดีๆก็ค้นเจอส่วนต้นนิดนึงของเรื่องนี้อยู่ในคอม ก็เลยว่าจะเขียนต่อเป็นฟิคเล็ท ไปๆมาๆก็ติดลมจนกลายเป็นวันช็อต ๒,๕๐๐ กว่าคำได้ยังไงไม่รู้ เป็นฟิคที่เขียนเร็วที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลย ประมาณชั่วโมงครึ่งเอง แต่ก็นะ.. คุณภาพก็ตามนั้น๕๕๕๕ อยากลองเขียนอะไรแบบมูราคามิบ้าง แค่ไม่มีปลาวาฬ๕๕ สรุปว่าก็จบแบบงงๆ ไม่ใช่แค่คนอ่านงง เราเองเขียนเองก็งงเองเหมือนกัน๕๕๕

    [x] ปล. ไม่รู้หรอกนะคะว่ากินเปรี้ยวเสร็จแล้วต้องทานหวานตามจริงรึเปล่า เรามโน๕๕๕

    [x] ปลล. จริงๆมันมีซับเท็กซ์นะ (มั้ง) ฮืออ

     

     

     



     

     

     

    THE★FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×