ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] All of my B.A.P short fictions

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] A word that continues with the letter O [02.1] [ZeloDae]

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55


    A word that continues with the letter O

    Zelo x Daehyun fanfiction

    by kyosama 

     






     

     

     

    part 1

     

     

    O is for the only one I see.

     

     

     

    "ไม่ดีกว่า" เสียงทุ้มติดจะหวานปฏิเสธอย่างไม่มีเว้นจังหวะคิดสักนิด ร้อนถึงคนถามต้องรีบร้องท้วง

     

    "เฮ้ย อะไรวะ คิดก่อนตอบดิ"

     

    "นี่ก็คิดแล้ว"

     

    ฟังเด็กจากกรุงโซลตอบแล้วจุนฮงก็ชักจะหน้าตึงอย่างไม่พอใจ.. ดูจากท่าทีหวาดๆสั่นๆเมื่อกี้นี้แล้ว หมอนี่คงรู้ดีว่าเขาคือใคร.. แล้วรู้หรือเปล่าว่าคนอย่างชเวจุนฮงไม่เคยง้อใครก่อน ที่บากหน้ามาหานี่ก็กะจะข่มขู่ให้ช่วยเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นเด็กเรียนหน้าเซ่อๆพยายามปกป้องข้าวกล่องกล่องข้าวตัวเองสุดชีวิตก็รู้สึกว่าตลกมากจนเผลอใจอ่อนด้วย ลดความโหดลงเหลือแค่ขอร้องไปเสียฉิบ

     

    แล้วเป็นไง พอใจดีด้วยก็โดนปฏิเสธอย่างนี้.. จะใจดีทำไมวะเนี่ยกู

     

    "ธุระมีแค่นี้ใช่ไหม งั้นฉันไปล่ะ"

     

    แดฮยอนตัดบท ลุกขึ้นคว้ากล่องข้าวมากอดไว้แนบอก สัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่ยังเต้นโครมครามในอก โอย เขาทำอะไรลงไปวะ กล้าปฏิเสธชเวจุนฮงแล้วยังกล้าตัดบทลุกเดินหนีอีกเหรอ โอย นี่ชเวจุนฮง.. เจลโล่คนนั้นเลยนะ ไม่ตายงานนี้จะให้ตายงานไหน

     

    ถึงปากจะพูดตัดบทอย่างนั้น แต่ตัวของเด็กหนุ่มก็ยังรั้งอยู่กับที่ เพราะมือใหญ่แข็งแรงราวกับคีมเหล็กของคนตัวโตยังบีบรอบข้อมือเขาแน่น ยึดให้เด็กหนุ่มต่างถิ่นไม่สามารถหนีไปไหนได้สมใจ

     

    "นายคงเข้าใจอะไรผิดไป" จุนฮงว่าเรียบๆ แดฮยอนฟังน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้วก็ไม่กล้าหันไปสบตา.. ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็พอเดาออกว่าคนพูดคงไม่พอใจมากทีเดียว

     

    "ที่ฉันพูดเมื่อกี้ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันคือคำสั่ง ฉันไม่ได้ถามว่านายจะพาฉันเข้าโซลได้ไหม แต่ฉันกำลังบอกว่านายต้องพาฉันไป.. ไม่มีโอกาสให้นายปฏิเสธสักนิดเลย จองแดฮยอน"

     

    แดฮยอนเม้มปากแน่น.. ถ้อยคำของจุนฮงหนักแน่นกังวาน บ่งชัดว่าสิ่งที่พูดออกมาไม่ใช่การล้อเล่น.. แดฮยอนไม่รู้ว่าจุนฮงมีอำนาจในมือมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะพอทำให้ชีวิตต่อจากนี้ของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์แน่..

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจแบ่งรับแบ่งสู้.. ก็ถ้าไม่มีทางเลือก ตอนนี้ก็คงต้องแกล้งทำเป็นยอมไปก่อน ไว้อีกสักพักหลอกให้ตายใจได้แล้วค่อยถอนตัวก็ยังน่าจะทัน

     

    "..จะให้ฉันช่วยยังไง"

     

    จุนฮงมองคู่สนทนาที่ตอนนี้ยอมหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากันแล้วด้วยสายตากึ่งประเมิน.. เขาเพิ่งสังเกตว่าว่าที่ลิ่วล้อคนใหม่ดูบอบบางอ่อนแอกว่าที่คิด แม้จะมองจากมุมเงยที่เขานั่งอยู่ตอนนี้แดฮยอนก็ยังดูตัวเล็กแค่นิดเดียว ดวงหน้าบึ้งตึงเชิดขึ้นน้อยๆ กับแววตาเป็นประกายอย่างรั้นจัดเบื้องหลังกรอบแว่นยิ่งชวนให้นึกถึงลูกแมวแถวบ้านอย่างไรไม่รู้

     

    ตัวเล็กแต่ใจใหญ่แบบนี้.. สักวันจะข่วนเขาเข้าให้สักแผลหรือเปล่าก็ไม่รู้

     

    "ว่าไง ตกลงจะให้ช่วยอะไร"

     

    ลูกแมวสีน้ำผึ้งถามเร่ง.. ถ้าจุนฮงรู้ว่าแดฮยอนพยายามทำตัวเหนือกว่าเขาเพื่อปกปิดความกลัวของตัวเองก็คงจะขำมากทีเดียว.. แต่เพราะจุนฮงไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการกระทำนั้น ประโยคคำถามเอาแต่ใจของเด็กหนุ่มตัวเล็กจึงเรียกได้แต่เรียวคิ้วขมวดมุ่นของอีกฝ่ายเท่านั้น

     

    "เออ ก็ให้คำปรึกษา.. ช่วยวางแผนพาฉันหนี.. แค่นี้แหละ" หัวโจกแห่งโรงเรียนมัธยมปูซานว่า ปล่อยข้อมือเหยื่อให้เป็นอิสระแล้วยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหมุนตัวจากไปยังไม่วายสำทับ "เอาไว้อยากให้ช่วยเมื่อไหร่จะไปหาเอง อย่าหนีก็แล้วกัน"

     

    คนฟังลอบเบ้หน้า ไม่หนีหรอกน่า.. ตัวโตขนาดนี้จะกล้าหนีได้ยังไง ขืนกล้าลองถ้าโดนจับได้มีหวังซี้แหงสถานเดียว

     

    แดฮยอนกำลังจะนั่งลงกินข้าวต่ออยู่แล้ว ตอนที่จู่ๆมือใหญ่ปริศนาก็ฉกลงมาตรงหน้า ฉวยเอาข้าวกล่องในมือไปเสียไม่ทันให้ได้ตั้งตัว จนลูกแมวขี้กลัวตกใจล้มก้นจ้ำเบ้า

     

    เจ้าของมือปริศนาย่อตัวลง จุนฮงโน้มตัวเข้ามาใกล้ โบกกล่องข้าวในมือไป มุมปากก็ยกยิ้ม สายตาพราวระยับ

     

    "ขอบใจสำหรับอาหารเที่ยง"

     

    พูดจบแล้วก็ลุกขึ้นยืนปัดๆเศษใบไม้ที่ติดบนกางเกงออก ก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีจากไป ทิ้งให้คนเพิ่งโดนแย่งอาหารกลางวันไป.. ซึ่งในที่นี้แดฮยอนขอเสริมว่า อย่างหน้าด้านๆ.. ได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ มองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆหายลับสายตาไปอย่างขุ่นเคือง

     

    .

     

    .

     

    .

     

    "จะกลับหรือยัง"

     

    ถึงจะได้ยินแค่เสียง ไม่ได้เงยหน้ามอง แดฮยอนก็รู้ว่าเจ้าของเงาที่ทอดตัวอยู่เหนือโต๊ะเรียนของเขาคือใคร แล้วก็รู้ด้วยว่าตอนนี้ทุกสายตาในห้องเรียนคงจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียวแน่ๆ.. คนต้องตกเป็นเป้าสายตาทั้งที่ไม่เต็มใจพรูลมหายใจ.. ถึงจะเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วเขาก็ยังไม่ยักชินเสียที

     

    "อืม ไปเลยก็ได้.. เก็บของก่อนแปบ"

     

    แดฮยอนปล่อยให้จุนฮงยืนล้วงกระเป๋า พิงกำแพงด้วยมาดที่เจ้าตัวคิดว่าสุดเท่รออยู่ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มกวาดเอาข้าวของที่กองอยู่บนโต๊ะลงกระเป๋าเป้หยิบสมุดการบ้านสองสามเล่มใต้โต๊ะขึ้นกอดไว้ชิดอก ดันแว่นให้ชิดดั้งหนึ่งที ก่อนจะพยักหน้า แล้วก็เริ่มออกเดินไปด้วยกัน

     

    "ป่ะ"

     

    หลังจากบทสนทนาในสวนหลังโรงเรียนวันนั้น เด็กหนุ่มตัวโตก็เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขา จนแต่เดิมที่แดฮยอนก็มีชื่อเสียงในเรื่องของความเป็นคุณหนูเมืองกรุงน่าหมั่นไส้อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยระหว่างเขากับเจ้ายักษ์เจลโล่ก็ยิ่งทำให้ชื่อของจองแดฮยอนโด่งดังมากขึ้นไปอีก

     

    แรกๆทุกคนก็แค่คิดว่าแดฮยอนคงเผลอทำอะไรเซ่อซ่า ไปกระตุกหนวดเสือให้เจลโล่โกรธเข้าให้เสียแล้ว.. ช่วงนั้นจุนฮงเล่นลุกมาเท้าแขนจ้องหน้าเขาทุกช่วงพักเบรกคาบเรียน พอตกเย็นก็รีบลากคอเขาไปหาที่นั่งคุยเรื่องกรุงโซลที่รักของเจ้าตัวเป็นประจำไม่ได้ขาด..

     

    เด็กหนุ่มได้รู้ถึงความเป็นมาของความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะไปเหยียบโซลสักครั้งของจุนฮง รู้ไปถึงนักร้องคนโปรดที่จุนฮงบอกว่าเจ๋งจนอยากดำเนินรอยตามให้ได้ (จุนฮงเคยยัดเยียดไอพอดที่เต็มไปด้วยเพลงของโซลคอนเนคชั่นมาให้เขาฟังจนแทบอาเจียนออกมาเป็นเสียงต่ำโคตรๆของเจปป์ แบล็คแมนอะไรนั่น แถมยังเคยบังคับให้แดฮยอนไปนั่งเป็นเพื่อนเวลาตัวเองซ้อมแร็พกับบีทบ็อกซ์ตามห้องซ้อมข้างนอกด้วย) แถมยังรู้ไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลังความไม่ค่อยลงรอยกันของพ่อลูกตระกูลชเวอีกด้วย..

     

    นอกจากรายการที่ร่ายยาวมาเมื่อครู่ เรื่องที่คุยกันทั้งหมดก็มีแต่เรื่องของบรรยากาศเมืองหลวง เส้นทางการเดินทาง วิถีชีวิตของคนในเมือง และอะไรทำนองนี้ ที่เวลาเล่าทีไรจุนฮงจะอ้าปากค้าง ตาวาวระยับขึ้นมาทุกที ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น.. แต่เพราะท่าทางลับๆล่อๆของพวกเขาสองคน รวมถึงท่าทีคุกคามอันเป็นเอกลักษณ์ของเจลโล่ (เพราะตัวใหญ่เกินคนวัยเดียวกันทั่วไป.. แต่แดฮยอนก็ชินเสียแล้ว) ทำให้คนอื่นมองเห็นแต่ว่าเจ้ายักษ์เจลโล่ที่ใครๆต่างก็เกรงกลัว โชคดีได้ไอ้เด็กเรียนหน้าจืดมาเป็นเบ๊เป็นลูกไล่คนใหม่ก็เท่านั้น

     

    แดฮยอนถึงกับเคยได้ยินเพื่อนร่วมห้องพนันขันต่อกันอย่างดุเดือดว่าเขาจะโดนจุนฮงอัดปางตายวันไหน..ฟังแล้วก็ไม่รู้จะขำความประสาทของคนในห้อง หรือสมเพชน้ำหน้าโง่ๆดูอ่อนแอของตัวเองดี

     

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภาพของชเวจุนฮงที่ตัวติดหนึบกับจองแดฮยอนก็กลายเป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตา ยิ่งมีสถานะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่มีตารางเรียนตรงกันหมดแบบนี้ด้วยแล้ว จุนฮงยิ่งเกาะติดเขาแทบจะตลอดเวลา จนความรู้สึกของแดฮยอนค่อยๆเปลี่ยนจากความกลัวในช่วงแรกเป็นชินชา และเริ่มที่จะรำคาญหน่อยๆไปเอง

     

    พอคนในโรงเรียนเห็นจุนฮงไปไหนมาไหนกับแดฮยอนบ่อยขึ้น โดยที่เด็กหนุ่มตัวเล็กยังมีสภาพร่างกายดีอยู่ครบทั้งสามสิบสองประการ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวันมรณะของเขาก็เริ่มซาลง พร้อมๆกับอัตราการถูกกลั่นแกล้งที่ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน

     

    แดฮยอนผ่อนฝีเท้า.. พวกเขาเดินออกมาห่างจากตึกเรียนมาได้สักพักแล้ว สายตาที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดทุกฝีก้าวก็ลดลงไปมาก ถึงขนาดที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากเปิดปากพูดคุยกันให้ตกเป็นเป้าสายตาอีกแล้ว

     

    “วันนี้ก็ห้องชมรมเหมือนเดิมใช่ไหม?” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นถาม

     

    “อือ นายไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันต้องแวะหาอาจารย์คิมแปบนึง” จุนฮงตอบ ยักคิ้วใต้ผมหน้าม้าสีฟ้า(ที่แดฮยอนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเป็นสีฟ้า.. แสดงว่าน่าจะเพิ่งทำมาวันนี้เอง.. รอดสายตาฝ่ายปกครองมาได้ยังไงวะนั่น) ให้อย่างน่าหมั่นไส้

     

    “ข้อมูลรถทัวร์ที่อาจารย์บอกรับปากจะหาให้ไง” เพื่อนร่วมห้องโน้มตัวลงป้องปากกระซิบ.. ทำอย่างกับว่าเป็นเรื่องสำคัญนักหนา! เด็กหนุ่มผิวสีน้ำตาลสวยร้องเฮอะในใจ พยักหน้าบอกเออๆอย่างติดจะรำคาญ ก่อนโบกมือไล่ให้คนตัวโตกว่าหันหลังวิ่งเลียบทางเดิน แวบหายเข้าไปในตึกข้างๆ

     

    แดฮยอนส่ายหน้า.. เอกลักษณ์อีกอย่างของจุนฮงที่เขาค้นพบหลังจากได้รู้จักกันคือ เด็กหนุ่มตัวโตเป็นคน เยอะ สมกับความสูงของเจ้าตัว.. จุนฮงชอบทำอะไรโอเวอร์ตลอด ไม่พอใจอะไรนิดหนึ่งก็อาละวาดเป็นเรื่องใหญ่ เสียใจนิดหนึ่งก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ ตกใจนิดหนึ่งก็ร้องว๊ากออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่ถัดไปสามบ้านแปดบ้านสะดุ้ง.. อย่างที่ทำเมื่อกี้นี้ก็เหมือนกัน.. มีความลับโง่ๆนิดหนึ่ง ก็ทำอย่างกับเป็นความลับสำคัญทางราชการ ที่ยิ่งใหญ่จนแม้แต่มดยังห้ามได้ยินเสียอย่างนั้น

     

    เด็กหนุ่มออกเดินต่อ ขาเรียวยาวพาร่างโปร่งบางเลี้ยวผ่านมุมตึก ซ้าย.. ขวา.. ขวา.. ตรง.. เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปตามเส้นทางที่จำได้ขึ้นใจ.. มุ่งหน้าไปยังห้องชมรม ซึ่งเป็นจุดหมายในเย็นวันนี้

     

    ห้องชมรมที่ว่าก็คือห้องชมรมเต้นของโรงเรียน ว่ากันว่าแต่ก่อนเคยเป็นชมรมที่รุ่งเรืองมากในยุคสมัยหนึ่ง จนกระทั่งชเวจุนฮงก้าวเข้ามา และยึดห้องซ้อมของชมรมเต้นไปเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัว.. ได้ยินว่าทุกวันนี้พวกสมาชิกชมรมเต้นยังต้องระหกระเหินยืมห้องชมรมอื่นใช้กันอยู่เรื่อยๆ ไม่มีสถานที่ที่เป็นของตัวเองแน่นอน..

     

    จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารอยู่ แต่คิดอีกทีก็น่าสมน้ำหน้า เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นชมรมแล้วยังไงก็ต้องมีคนเยอะกว่าสองแน่ๆ ถึงจุนฮงจะตัวใหญ่ แต่จะให้รับมือกับหลายๆคนพร้อมกันก็คงไม่ไหว.. ทำไมไม่ยักลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองบ้างวะ เขาล่ะสงสัยนัก

     

    แต่เอาเถอะ.. พวกชมรมเต้นไม่โวยวายก็ดีแล้ว อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นห้องพักผ่อนที่สบายมากห้องหนึ่ง แดฮยอนไม่รู้ว่าข้าวของที่อยู่ในนี้เป็นสิ่งที่มีมาแต่เดิมอยู่ก่อนแล้ว หรือจุนฮงไปหามาเพิ่มภายหลังเมื่อยึดสิทธิ์ถือครองมาเป็นของตัวเองจนได้ แต่หลังจากมีโอกาสได้แวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ เด็กหนุ่มก็ติดใจโซฟานุ่มๆ เครื่องปรับอากาศเย็นๆ กลิ่นผนังไม้หอมๆ กับเสียงเพลงดังกระหึ่มจากลำโพงยักษ์สี่มุมห้องเข้าให้เต็มรัก.. ถึงขนาดที่มาดหมายไว้ในใจแล้วว่าต่อให้ภารกิจพาจุนฮงตะลุยโซลจะสิ้นสุดลง เขาก็จะอ้อนขอใช้ห้องนี้ต่อให้จงได้

     

    ..เออ.. ว่าแต่เขาสนิทกับหมอนั่นถึงขนาดคิดจะ อ้อน ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..

     

     

     

     

    [CUT >> 50%]

     

     

     

     

    [x] ตอนนี้มีสองพาร์ทนะคะ เดี๋ยวจะรีบเข็นอีกพาร์ทให้ ขอแก้ตัวอีกทีว่าเป็นฟิคเรื่อยๆ นอกจากพยายามเขียนให้จุนฮงหล่อแล้วก็ไม่มีอะไร๕๕๕๕๕ อย่าคาดหวังกันเลยนะคะTvT #ร้องไห้



    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×