ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] All of my B.A.P short fictions

    ลำดับตอนที่ #16 : [SF] A word that consists of the letter V [03] - 50% [ZeloDae]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 56




    A word that consists of the letter V

    Zelo x Daehyun fanfiction

    By kyosama

     

     

     

     

     

    V is very, very extraordinary.

     

     

     

     

    หลังจากมีโอกาสได้ไปบ้านจุนฮงวันนั้น ระยะห่างระหว่างจุนฮงกับแดฮยอนก็ลดลงมากพวกเขาก้าวเข้าสู่ความเป็นเพื่อนกันจริงๆมากขึ้น ข่าวลือที่เคยถูกพูดถึงในทางร้ายก็เบาบางลง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะถูกกระแสข่าวลือใหม่ตีกลบจนคนเริ่มลืมเรื่องเก่าๆไป

     

    โอซึงออกับกลุ่มเพื่อนที่จุนฮงจัดการไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหายหน้าออกจากโรงเรียนไปหลายวัน ก่อนจะกลับมาพร้อมคำร้องขอลาออก.. กลุ่มของพวกนั้นไม่ใช่เล็กๆเลย ออกจะเป็นที่รู้จักเกือบจะทั้งโรงเรียนด้วยซ้ำ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คนก็เลยพากันคาดเดาถึงสาเหตุกันไปต่างๆนานา ซึ่งก็ไม่รู้ว่านับเป็นโชคดีหรือร้าย ที่ข่าวลือหนาหูออกมายืนยันว่าซึงออมีปัญหากับจุนฮงอย่างรุนแรงก่อนหน้าที่จะหายไป เหมือนเป็นคำเตือนกลายๆให้พวกขยันปากมากหุบปากฉับ สุขภาพหูช่วงนี้ของทั้งจุนฮงและแดฮยอนจึงค่อนข้างเป็นปกติดี

     

    นอกจากนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขากับเพื่อนๆในชั้นเรียนก็ดีขึ้นตามไปด้วย อาจเป็นเพราะแดฮยอนเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเป็นเพราะว่ามีจุนฮงตามติดอยู่ตลอดเวลาเลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย แต่พอจุนฮงเริ่มดีขึ้น อย่างน้อยๆก็เริ่มยิ้มเป็นบ้าง ก็ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นที่สนใจของคนมากมาย

     

    พวกเขามีเพื่อนใหม่เยอะแยะ โดยเฉพาะพวกเพื่อนในห้องจุนฮงเพิ่งรู้ว่าปาร์คจีฮุน แม่สาวผมแดงสุดซ่าที่ชอบหลับในคาบเรียนบ่อยๆ ทำขนมเก่งระดับเชฟกอร์ดองเบลอ.. เพิ่งรู้ว่าหัวหน้าห้องฮันจีฮเย สอบคณิตได้ท็อปของชั้นปี.. เพิ่งรู้ว่ามุนจงออบที่นั่งอยู่โต๊ะข้างแดฮยอน เล่นตลกหน้าตายได้ขำจนแทบตกเก้าอี้.. และอีกหลายอย่างที่เขาเพิ่งได้รู้ซึ่งล้วนแต่ทำให้รู้สึกเสียดายกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่พลาดไปเพราะมัวแต่ปิดตัวเอง

     

    แต่เขาโชคดี.. เขามักพูดกับแดฮยอนอย่างนั้นตลอด.. เขาโชคดีที่นอกจากจะไหวตัวทันแล้ว คนอื่นๆยังใจกว้างมากพอด้วย.. กับอดีตทั้งหลายที่ดูไม่ดี จุนฮงเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้มันอย่างไรถ้าไม่มีใครยื่นโอกาสให้เขาแก้ตัว.. พอได้พูดคุยกับคนอื่นๆเป็นปกติ มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ มีด่าทอกันโดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดใจจนต้องมีเรื่องอย่างครั้งไหนๆแล้ว เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้สนุกกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า พอใจจนเกือบทิ้งเป้าหมายของตัวเองที่เคยคุยกับแดฮยอนตั้งแต่แรกไป.. คิดแค่ว่าอยากอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆพอแล้ว แค่ให้มีความสุขไปกับทุกๆวัน..ก็น่าจะดี

     

    แต่จุนฮงลืมไป

     

    ชีวิตคนเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น.. ไม่ง่ายเลย

    .

    .

    .

     

    “แดฮยอนอยู่ไหน?”

     

    คำถามแรกจากคนที่เพิ่งเหยียบเท้าข้างแรกเข้าห้องเรียน เรียกได้แต่สีหน้าเหนื่อยใจของเพื่อนๆที่ถูกเหวี่ยงแหถาม จุนฮงยังไม่ทันกวาดตามองรอบห้องให้ดีด้วยซ้ำ หากปากก็ร้องหาคนตัวเล็กที่เดี๋ยวนี้ตัวติดกันเป็นตังเมก่อนอย่างอื่น แค่เพราะไม่ได้ยินเสียงทักทาย อรุณสวัสดิ์ของอีกฝ่ายอย่างที่เคย

     

    “มึง แดฮยอนอ่ะ?” เขาถามซ้ำ คราวนี้ถึงขนาดใช้เท้าเขี่ยสะกิดคนที่กำลังใช้สมาธิจดจ่อกับไพ่ในมือเรียกความสนใจ

     

    “โว้ย อะไรของมึง” อีกฝ่ายเตะหน้าแข้งของเขากลับคืน มุนจงออบเงยหน้าจากวงอบายมุขที่ตั้งกันอย่างโจ่งแจ้งไม่กลัวฟ้าดิน แล้วก็พ่นลมหายใจพรืดอย่างขัดใจ “ไม่รู้โว้ย กูแค่นั่งข้างมัน ไม่ได้ตัวติดกัน”

     

    เด็กหนุ่มร่างสันทัดผ่อนเสียงแข็งๆลงเมื่อเห็นว่าคนฟังยังขมวดคิ้วไม่ยอมคลาย

     

    “กูมาแต่เช้าก็ไม่เจอมันแล้ว ยังสงสัยเลยว่ามันป่วยหรือเปล่า นี่ก็กะจะถามมึงอยู่.. แต่ถ้าขนาดมึงเองยังไม่รู้กูก็จนใจ”

     

    จุนฮงฟังแล้วก็นิ่วหน้า เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนในห้องว่าแดฮยอนคือหนึ่งในตัวท็อปที่มาโรงเรียนเช้ากว่าใคร ถึงขั้นมีการหยอกเอินกันในหมู่เพื่อนว่าเดี๋ยวนี้จองแดฮยอนกลายเป็นคุณหนูตกอับ ต้องมารับจ็อบพิเศษเป็นพ่อบ้านคอยเปิดห้องเรียนทุกเช้าเพื่อหารายได้เลี้ยงปากท้องไปเสียแล้ว

     

    คนตัวเล็กไม่เคยมาสาย.. ที่สุดเท่าที่เคยเห็นก็แค่เฉียดๆเริ่มต้นชั่วโมงโฮมรูม แล้วก็ไม่เคยลา แดฮยอนเป็นเด็กรักเรียน หมอนั่นไม่มีทางขาดโรงเรียนเว้นเสียแต่ว่าจำเป็น ซึ่งคำว่า จำเป็น ของแดฮยอนก็มีไว้เพื่ออธิบายอาการป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น หรือต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเท่านั้น

     

    และถ้ามีอะไรร้ายแรงถึงขั้นนั้น ก็ไม่มีทางที่จุนฮงจะไม่รู้

     

    อย่างที่จงออบบอก แดฮยอนสนิทกับเขาที่สุด ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเขาทั้งคู่จะมีเพื่อนมากขึ้น เพราะแดฮยอนเริ่มกล้าที่จะเข้าหาคนอื่นและจุนฮงเองก็เริ่มจะเปิดใจบ้างแล้วก็เถอะ แต่พวกเขาก็ยังคงสนิทกันที่สุด ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน และคอยแบ่งปันเรื่องราวในทุกๆวันเสมอมา

     

    “เจลโล่!

     

    เสียงแหลมบาดหูที่แผดลั่นจากหน้าห้อง ดึงความสนใจของนักเรียนเกือบทั้งห้องให้หันไปมองตามเป็นสายตาเดียว แม้ว่าตัวเองจะไม่ใช่คนที่ถูกเรียกก็ตามที ต้นเสียงคือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก เจ้าของดวงหน้ากลมซึ่งขึ้นสีแดงจัดทั้งยังชื้นเหงื่อแม่บ้านเจ้าระเบียบประจำห้อง ปาร์คโบมี เธอโบกกระดาษยับๆแผ่นหนึ่งไปมา เหมือนจะพยายามยื่นให้คนที่ตัวเองเรียกหา ยังหอบหายใจหนักๆ ตอนที่ละล่ำละลักเล่าแทบไม่เป็นคำ

     

    “ฉ.. ฉัน.. เจอ.. หน้าโรงเรียน.. แด.. แดฮยอน.. แย่แล้ว..”

     

    คนฟังตาลุกวาบ ปราดเข้าคว้ากระดาษในมือของอีกฝ่ายมาดูทันที จุนฮงกวาดตาอ่านผ่านๆแค่เพียงนิดเดียวก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

     

    โกดังใหญ่ ท้ายถนนมัลซอน

    ถ้าอยากได้ของๆแกคืน ก็รีบมาเอาไป

     

    มือขาวกำสาส์นซึ่งระบุทั้งข้อความท้าทายและสถานที่ที่กักขังตัวจองแดฮยอนไว้ จนกลายเป็นก้อนยับยู่ยี่เด็กหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน ปาก้อนกระดาษลงพื้นและเตะขาโต๊ะตัวอยู่ใกล้ๆสุดแรงเกิดจนคนอื่นๆในห้องสะดุ้ง

     

    “เหี้ยเอ๊ย!

     

    จุนฮงผลุนผลันออกจากห้อง มีจงออบวิ่งตามหลัง ระหว่างทางจะกระแทกไหล่หรือเหยียบเท้าใครไปบ้างก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับแค่เรื่องเดียว

     

    ขออย่าให้แดฮยอนเป็นอะไร

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แดฮยอนลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่ข้อมือ แพขนตายาวกะพริบปริบ นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลใสหยีสู้แสงไฟสว่างจ้าซึ่งไม่คุ้นชิน เด็กหนุ่มปรือตามองเพดานสีเทาทึมๆ กำแพงปูนเปลือยซีดจาง และสภาพห้องโล่งที่มีเพียงกองเศษไม้วางระเกะระกะ แล้วก็ตระหนักขึ้นได้ว่าตนเองคงกำลังตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

     

    เขาลองพยายามขยับแขนที่ถูกจับไพล่ไว้ด้านหลัง.. นอกจากข้อมือซึ่งถูกมัดด้วยอะไรบางอย่างที่คล้ายๆเชือกป่าน (เพราะมันบาดผิวจนแสบทุกครั้งที่แดฮยอนพยายามดึงให้ขาดออกจากกัน) และข้อเท้าซึ่งถูกพันธนาการไว้ด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกันแล้ว ทั้งช่วงขาและแนวต้นแขนทั้งสองข้างก็ยังขยับได้อย่างอิสระ

     

    แดฮยอนลองนึกถึงซีรี่ส์แนวสืบสวนของฝรั่งที่ตัวเองชอบดู.. เวลาเหยื่อหรือใครถูกจับมัดแบบนี้เขาทำยังไงกันนะ ต้องพยายามสอดร่างกายลอดวงแขนใช่ไหม? แล้วต้องทำยังไงก่อน.. ยืน? แต่เขาที่ถูกมัดทั้งมือและเท้าจนไม่มีเครื่องช่วยพยุงตัวเองอย่างนี้จะลุกขึ้นได้ยังไงกัน

     

    เด็กหนุ่มหันซ้ายแลขวา พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับกำแพงสีอ่อนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก.. ภาพฉากหนึ่งในละครวาบขึ้นมาทันที..ใช้กำแพงเป็นหลักช่วยยันตัวขึ้น ไวเท่าความคิด ร่างโปร่งบางถัดตัวเขยิบหากำแพงอย่างทุลักทุเล หากแต่ก่อนที่แดฮยอนจะเข้าถึงเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้ เสียงเหวี่ยงประตูเปิดดังปังก็ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือก ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

     

    “อ้าว ตื่นแล้วนี่” น้ำเสียงแหบต่ำไม่คุ้นหู ซ้ำยังฟังร้ายกาจด้วยปลายเสียงที่ออกจะขึ้นจมูกนิดๆอย่างเยาะหยัน ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าขยับ

     

    แดฮยอนหันหลังให้ประตูเกินกว่าครึ่งตัว ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นว่าใครคือผู้มาใหม่ ถึงอย่างนั้นร่างบางก็บอกตัวเองว่ายินดีอย่างยิ่งที่เป็นเช่นนั้น.. การที่จู่ๆก็ถูกจับตัวมาในสถานที่แปลกๆอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก.. แดฮยอนไม่อยากให้คนที่คิดร้ายกับเขาเห็นความตื่นกลัวที่วิ่งพล่านอยู่บนดวงหน้า ต่อให้จะกำลังกลัวจนสั่นไปหมดทั้งตัวแล้วก็เถอะ แต่มันก็เป็นศักดิ์ศรีเล็กๆน้อยๆที่เขารู้สึกว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสภาพน่าอดสูของตัวเองแล้วรู้สึกย่ามใจ

     

    เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นซีเมนต์สะท้อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

    เด็กหนุ่มแทบกลั้นหายใจ เมื่อสัมผัสอุ่นจัดจากปลายนิ้วเอื้อมผ่านด้านหลังมาแตะต้องที่แนวคาง

     

    “ไม่มีใครสอนมารยาทหรือว่าเวลาคุยกับคนอื่นไม่ควรหันหลัง” ข้อนิ้วแข็งๆบีบกระชับสันกรามจนผู้ถูกกระทำร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ มือใหญ่ออกแรงบิดให้อีกฝ่ายหันกลับขึ้นมาเผชิญหน้า บังคับดวงหน้าหวานให้เชิดขึ้น นัยน์ตาคมกริบซึ่งจ้องประสานกับดวงตากลมโต ฉายแววประเมินปนหมิ่นแคลน

     

    “นี่เหรอเด็กไอ้เจลโล่ ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่”

     

    “อย่าไปจับมันมาก เดี๋ยวเกิดบ้าอาละวาดขึ้นมาแผนเราจะล่มเปล่าๆ”

     

    หางตาเด็กหนุ่มเห็นหน้าคนพูดไม่ชัด แต่เขาเป็นผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ รูปร่างผอมกว่าคนที่บีบปลายคางเขาแน่นอยู่ไม่น้อย แต่ท่าทางน่าเกรงขามกว่าอย่างเทียบไม่ได้ น่าจะเป็นหัวหน้าหรืออะไรทำนองนั้นที่สามารถออกคำสั่งได้ เพราะทันทีที่ผู้ชายคนนั้นพูดจบ มือแข็งแรงราวคีมเหล็กก็สะบัดเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี

     

    แดฮยอนขบริมฝีปากจนเจ็บ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่ไล่ขึ้นมาจุกคอ.. เกิดมาในครอบครัวฐานะดี พ่อแม่รักและเอาใจใส่ ไม่เคยถูกดุว่า ไม่เคยโดนตีให้เจ็บ.. แล้วจู่ๆก็ต้องมาทนอยู่เฉยให้คนแปลกหน้าทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจไปเรื่อยโดยที่ตอบโต้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

     

    “เด็กปอนๆตัวแค่นี้จะเรียกมันมาได้จริงหรือวะ?”

     

    “พูดแบบนี้แกคิดจะดูถูกสายฉันหรือไง” คนถูกถามกดเสียงต่ำ “ถ้าสายฉันบอกว่ามาแน่ก็คือมาแน่ หุบปากแล้วอยู่เฉยๆเถอะคิมฮิมชาน เดี๋ยวไอ้เด็กนั่นมันก็มา.. ฉันเตือนแกกี่ครั้งแล้ว ความใจร้อนไม่เคยทำให้งานออกมาดี”

     

    ถึงจะยังหันหลังให้อยู่ แต่แดฮยอนก็พอเดาสีหน้าคนที่โดนตำหนิได้ น้ำเสียงเย็นชานั้นไม่น่าฟังเลย นับว่าผู้ชายมือหนักคนนั้นยังจิตแข็งพอดูที่ยังแค่นเสียง เฮอะ ตอบโต้ออกมาได้ นี่ถ้าลองเปลี่ยนเป็นเขาโดนว่าอย่างนั้นบ้างคงกลัวจนแข้งขาสั่นไปแล้ว

     

    “ทั้งหมดที่เราต้องทำก็แค่รอ”

     

    ร่างบางชะงัก รอ.. รออะไร? ..ใช่สิ ก่อนที่จะถูกติงด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ผู้ชายตัวโตคนนั้นมองเขาอย่างหมิ่นแคลนพร้อมกับคำถามที่ว่าเขาจะสามารถเรียกจุนฮงมาได้แน่หรือ.. เด็กหนุ่มตัวชาวาบ เมื่อเพิ่งตระหนักได้ถึงสถานภาพของตนเองตอนนี้ จองแดฮยอนถูกจับตัวมาในฐานะเหยื่อล่อชเวจุนฮง

     

    ข้อมือยังเจ็บแสบจากรอยเชือกบาดผิว แต่ความกังวลที่โถมเข้ามาทำให้ใจร้อนรุ่มยิ่งกว่า ทีแรกเขาคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน หรืออาจเป็นแผนหาเงินโง่ๆของโจรกระจอกสักคน ที่หากสุดท้ายได้รู้ว่าบ้านของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรแล้วจะยอมปล่อยตัวกลับไป แต่พอเห็นเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายชัดเจนว่าพาตัวเขามาเพื่ออะไร เด็กหนุ่มก็คิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่าง

     

    ใจหนึ่งยังไม่แน่ใจว่าเจลโล่จะยอมเสี่ยงมาที่นี่เพราะเขาจริง แต่อีกใจหนึ่ง.. แดฮยอนก็แทบไม่อยากคิดว่าถ้าเจลโล่คนนั้นต้องมาเจออันตรายเพราะเขาแล้ว.. เขาควรจะรู้สึกอย่างไร

     

    “คุณ คุณ” เขาถัดตัวหันกลับมาอย่างทุลักทุเล สภาพที่ถูกมัดมือมัดขาอย่างนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเคลื่อนไหวนัก แต่เด็กหนุ่มก็ยังกัดฟันทน “คุณจะใช้ผมเป็นข้อต่อรองกับจุนฮงหรือ”

     

    ชายร่างสูงหยุดเท้า สายตาที่หันกลับมามองมีแววแปลกใจ

     

    “ต่อรองหรือ.. ใช้คำนั้นคงไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เรียกว่าฉันใช้ชื่อเธอไปข่มขู่เขาเล็กๆน้อยๆจะดีกว่า”

     

    “เขาไม่มาหรอก” ริมฝีปากซีดแตกเค้นเสียง “ผมช่วยเขาติวหนังสือ ส่วนเขาก็ช่วยคุ้มครองผมไม่ให้โดนคนอื่นแกล้ง เรามีผลประโยชน์ต่อกันก็แค่นั้น สายของคุณคงเข้าใจผิดแล้ว”

     

    ดวงตาคู่คมของคนฟังหรี่ลง ขายาวก้าวเข้าหาร่างที่คดคู้อยู่บนพื้น ผู้ชายที่คนตัวเล็กลงความเห็นว่าหน้าตาดีแต่งตัวดีผิดกับลักษณะพวกนักเลงที่เคยเห็นในโทรทัศน์เพียงย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำช้าๆ

     

    “ไม่หรอกเด็กน้อย” ริมฝีปากวาดเป็นรอยยิ้มบางเบา มันคงดูอ่อนโยนกว่านี้ ถ้าไม่ใช่ว่าสายตาของเจ้าของใบหน้าคมคายช่างเย็นชา อย่างที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกอึดอัดเหลือกำลัง

     

    ”ตราบใดที่เธอเรียก จุนฮง’.. เขาจะมา”






    - 50% CUT -










    ไม่ได้ตัดห้าสิบเปอยั่วนะคะ ;-; แต่คือหยุดที่แค่นี้จริงๆ #อ้าว
    เพลงประจำฟิค -> จะจบได้ไหม~ จบได้รึเปล่าา~~ #ฮัมทำนองเพลงจะทำได้ไหมของชิงร้อยชิงล้าน


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×