คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ( gongyung ) : REASON - PART 6
Part 6
“เอ๋? น่าแปลกจังเลยน้า ตั้งแต่มีหนุ่มสุดหล่อที่ชอบกินน้ำสตอเบอรี่ปั่นกับเค้กบราวนี่เข้ามาเป็นลูกศิษย์ ดูเหมือนคุณครูจำเป็นอย่างจินยองของเราจะมีความสุขทุกครั้งที่กลับมาจากโรงเรียนเลย แบบนี้มันหมีควายหมายความว่าเช่นไรกันจ๊ะ ^^” เสียงแซวจากยูริทำให้จินยองที่กำลังตักเค้กบราวนี่ใส่จานมองอย่างงอนๆ ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หยิบแก้วน้ำปั่นพร้อมจานเค้กบราวนี่ใส่ถาดตรงดิ่งไปเสิร์ฟลูกค้าประจำที่พ่วงตำแหน่งลูกศิษย์ทันที ทำให้ยูริที่มองอยู่หัวเราะน้อยๆ
ยูรินูน่านี่ก็ชอบแซวอยู่เรื่อย -///-
“วันนี้วิปครีมเยอะผิดปกติหรือเปล่า” กงชานถามขึ้นหลังจากพิจารณาถึงปริมาณวิปครีมที่มากขึ้นผิดจากทุกที
“ก็เห็นว่าชอบกินมากเลยใส่มาเยอะๆ ไม่ดีหรือไง” จินยองตอบคนหน้าหล่อ
“ดีสิ พี่นี่รู้ใจผมจัง ^^” ฉึก! เข็มทิ่มแทงความเขิน แต่ช้าแต่! เขินไม่ได้นะเดี๋ยวความแตก -_-///
“ก็ต้องรู้สิ นายเป็นลูกค้าประจำ”
“งั้นผมควรได้กินฟรีนะสิ” แน่ะ เผลอหน่อยเป็นไม่ได้เข้าเรื่องกินฟรีตล๊อดดดดด~
“ก็บอกแล้วไงว่าถ้าคราวนี้นายสอบประวัติศาตร์ผ่านฉันจะให้กินฟรี”
“แล้วถ้าผมได้เต็มล่ะ” นั่นมันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือไง จากศูนย์เนี่ยนะ =_____=;;
“ก็ให้กินฟรี”
“ไม่ ถ้าผมสอบได้คะแนนเต็มพี่ต้องให้ผมกินฟรีและขออะไรก็ได้จากพี่หนึ่งอย่าง” จินยองมองคนที่ยิ้มกริ่มอย่างไม่ไว้ใจ เงื่อนไขอะไรของเขากันนะ?
“ขออะไร”
“ยังไม่บอก แต่ผมไม่ขออะไรบ้าๆ อย่างเช่นขอให้พี่กัดขาตัวเองหรอกน่า” แอบแรงนะนั่น -_-
กริ๊ง ~
เสียงกระดิ่งที่ประตูบ่งบอกได้ว่าลูกค้ารายใหม่เข้ามาแล้ว หากแต่ยูริและอาจองไม่ได้ไปต้อนรับแต่อย่างใดเพราะลูกค้า(ที่ได้กินฟรี)สองคนนี้คือบาโรและซานดึลนั่นเอง
“เมื่อไหร่นายจะเลิกเอาแต่ใจตัวเองซักที”
“ก็เพราะนายมันงี่เง่าไงล่ะ ไอ้กระรอกงี่เง่า!”
สองคนที่เข้ามาใหม่ในร้านได้ฤกษ์ก็โวยวายใส่กันทันที ซานดึลจอมงอนเดินกระทืบเท้าปึงปังเข้ามากอดจินยองโดยไม่สนว่าจะมีใครนั่งดูดน้ำปั่นหัวโด่อยู่ตรงหน้า
“จินยองอ่า~” เจ้าตัวแสบได้ทีอ้อนใหญ่และมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อทะเลาะกับบาโรหรือมีเรื่องไม่ได้ดั่งใจอะไร เจ้าตัวก็จะเข้ามากอดๆ อ้อนๆ จินยองอย่างกับเป็นแม่ลูกกัน
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะหืม?” คุณแม่จำเป็นอย่างจินยองถามออกไปพลางเหลือบมองคุณลูกษย์ที่ดูดน้ำปั่นอย่างเมามัน
“เจ้ากระรอกงี่เง่าไม่ยอมไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันอ้ะ!”
“นายหมายถึงให้ฉันไปดูหนังเป็นเพื่อนนายกับแฟนต่างหาก” บาโรเดินมาไขกระจ่างความต้องการของซานดึลซึ่งทำให้เจ้าตัวหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ
“ก็แค่ไปดูเป็นเพื่อนทำไมต้องปฏิเสธด้วย” แล้วนายจะให้ฉันไปทนดูพวกนายสวีทกันหรือไง…
“ฉันแค่ไม่อยากไปเป็นก้างใคร -_-”
“นั่นสิ นายจะไปเดทกับแฟนแล้วจะให้เพื่อนไปด้วทำไม” จินยองเสริม
“..ก็ฉัน” ซานดึลอ้าปากจะตอบแต่ก็เงียบไป
“…?”
“ฉันแค่..” แค่ไม่อยากไปกันสองคน…
“อะไรของนาย” บาโรถาม
“ก็ได้! นายไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป!! คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน..จะได้สวีทหวานกันแบบไม่ต้องเกรงใจใคร!” ซานดึลสรุปเอาเองแบบที่บาโรถึงกับเงียบ…
“พี่จินยองถึงไหนแล้วล่ะ” คนที่เงียบมานานอย่างกงชานทำลายบรรยากาศแปลกๆ ออกไปโดยการถามถึงบทเรียนต่อและนั่นทำให้คนที่มาใหม่สองคนรู้สึกตัว
“อ้าวนาย!” ซานดึลและบาโรมองไปยังกงชานประสานเสียงอุทานพร้อมกัน ทำให้ร่างสูงรู้ว่าตลอดระยะเวลาสามนาทีกว่าที่คุยกันมาไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย =______=;;
“โทษทีนะพวกนาย พอดีฉันมีสอนน่ะ ^^;” จินยองขอโทษเพื่อนรักทั้งสองที่จะคุยนอกเรื่องกันมากไม่ได้เพราะต้องเร่งสปีดตัวกงชานในการสอบครั้งหน้าที่ใกล้จะถึงนี้
“อ้อๆ ไม่เป็นไร ว่าแต่นายไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างเหรอเวลาอยู่กับจินยองน่ะ” ซานดึลถามกงชานทำให้จินยองที่นั่งอยู่เหงื่อผุดออกมาเป็นดอกเห็ดเพราะกลัวเจ้าตัวแสบจะแฉความลับที่เขาปิดบังเอาไว้
“รู้สึกแปลกๆ?” กงชานถามกลับ
“ก็อย่างเช่นว่า..อุ๊บ!” ก่อนที่ปากไวๆ ของซานดึลจะพรรณนาข้อความออกมาได้ทั้งหมดก็ถูกมือเรียวของจินยองปิดไว้ซะก่อน
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าใส่ใจเลย ^^;;”
“อ่อยอั้นอ๊า~ อาโรอ้วยอ้วย (ปล่อยฉันน๊า บาโรช่วยด้วย)” ซานดี้ตัวแสบร้องเรียกบาโรให้ช่วยแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
“บาโรฝากเก็บซานดี้ทีสิ” จินยองหันไปบองบาโรซึ่งเจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะคว้าตัวซานดึลแล้วลากออกห่างจากจุดที่จินยองอยู่
“เพื่อนพี่นี่เฮฮากันจังเลยนะ” กงชานว่าพลางมองดูสองคู่หูที่ยีนเถียงกันอยู่
“ก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละน่า..ว่าแต่ นายไม่มีเพื่อนบ้างเหรอ?” ไม่รู้จะเป็นการดีหรือปล่าวที่เขาถามออกไปแบบนี้ เพราะมันอาจเข้าข่ายเรื่องส่วนตัวของกงชาน แต่ว่าก็เขาอยากรู้นี่ว่ากงชานมีเพื่อนหรือเปล่าเพราะเห็นกี่ทีๆ ก็อยู่คนเดียวตลอดเลย
“ผมเพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ยังไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก จะมีก็แต่พวกผู้หญิงที่คอยเข้ามาวุ่นวาย” จินยองพยักหน้ากับคำตอบที่ได้รับ ปกติกงชานเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้วกับคนที่ไม่รู้จักอาจจะทำตัวเย็นชาใส่ก็ได้ เพราะงี้ล่ะมั้งถึงยังไม่มีเพื่อนมีแต่สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง =___=
“กงชาน!” เสียงแหลมเล็กที่เรียกมาทำให้ทั้งกงชานและจินยองหันไปมอง ผู้หญิงน่าตาน่ารักในชุดนักเรียนยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นคนที่ชอบอยู่ในร้านเบเกอรี่แห่งนี้ ช่างบังเอิญจังเลย~
“นี่เธอ...” กงชานพูดกับตัวเองเบาๆ และไม่เพียงแต่ร่างสูงที่จำผู้หญิงคนนี้ได้ จินยองเองก็จำได้เช่นกันเพราะเธอคนนี้คือคนที่หอบเอาขนมไปให้กงชานที่หลังโรงเรียนแล้วโดนปฏิเสธไงล่ะ
“โชคดีจังเลยที่เจอกัน! นาริกำลังว่าจะซื้อเบเกอรี่ไปฝากอยู่พอดี ^^” หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ชายหนุ่ม หากแต่กงชานไม่ได้ยิ้มตอบ เขานึกว่าผู้หญิงที่โดนเขาปฏิเสธและทำตัวเย็นชาใส่แบบนั้นจะร้องไห้ฟูมฟายและไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกเลย แต่เธอคนนี้ผิดคาดแฮะ…
“จริงสิ! กงชานชอบเบเกอรี่แบบไหนเหรอ ไหนๆ มาอยู่นี่ด้วยกันแล้วกงชานเลือกเลยเดี๋ยวนาริเลี้ยงเอง >_<” นาริพูดป้อไม่หยุดพร้อมเดินมาตรงที่กงชายและจินยองนั่งอยู่ พอเธอสังเกตเห็นจินยองเลยแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันนาริว่าที่แฟนสาวของกงชานค่ะ >_<!” พอพูดจบหญิงสาวทำท่าทีเอียงอายและบิดตัวไปมาจนคนที่มองอยู่อดขัดไม่ได้ ส่วนจินยองก็ได้แต่ทำหน้างง
“ใครเป็นแฟนเธอ!” กงชานขึ้นเสียงนิดๆ หากแต่สาวเจ้าก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวแต่อย่างใด
“ยังไม่ได้เป็นหรอกจ้ะ แต่แค่เป็นว่าที่แฟนเฉยๆ” นาริยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“เมื่อกี้ใครบอกว่าเป็นว่าที่แฟนใครนะ?” เสียงของซานดึลดังแทรกขึ้นมากลางอากาศพร้อมทั้งเจ้าตัวที่เดินมาตรงนี้กับบาโร “สงสัยคนบางคนแถวนี้คงเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยล่ะมั้ง”
“ใครเข้าใจอะไรผิดเหรอคะ” นาริถามพร้อมทำสีหน้าไม่รับแขกแบบเดียวกับที่ซานดึลทำ จินยองที่เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ กระตุกแขนเสื้อซานดึลเป็นเชิงปรามเบาๆ แต่แล้วก็เจอสายตาดุๆ เป็นคำตอบกับมา…
ก็นะ..พอซานดึลเครื่องติดแล้วใครก็ฉุดไม่อยู่
“ก็เธอไง…ดูก็รู้ว่าผู้ชายเขาไม่เล่นด้วยก็ยังจะเล่นให้เปลืองแรง สู้เก็บแรงไว้ไปดักทางคนอื่นเอาข้างหน้าจะดีกว่ามั้ย” บอกได้คำเดียว แรว๊งงงส์ - - “แล้วก็นะ...แฟนตัวจริงของกงชานน่ะอยู่นี่ต่างหาก!” ซานดึลพูดพร้อมชี้นิ้วมาทางจินยองที่นั่งหน้าเหวอ นี่ซานดี้เล่นอะไรเนี่ย!!!
“..อะไรนะ” นาริพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วหันมามองจินยองจนเจ้าตัวสะดุ้งแล้วจึงรีบปฏิเสธ
“เอ่อคือ..”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีแฟนแล้ว จะให้ต้องพูดซ้ำอีกกี่ครั้ง” เสียงเรียบของกงชานทำละครบังหน้านี่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยที่จินยองก็มองกงชานอย่างไม่เชื่อหู
“มะ..ไม่จริง! นี่กงชานมีแฟนเป็น..ผู้ชายเหรอ” นาริทำตาโตด้วยความตกใจ
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นหญิงหรือชาย..ฉันรักของฉันซึ่งแล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ” คำตอบจากปากร่างสูงเรียกคะแนนความอึ้งให้กับมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์โดยเฉพาะจินยองที่ทั้งอึ้งทั้งเขิน ใจเย็นน่า! มันก็แค่ละครบังหน้า ละครเท่าน้านนนน >///<~
“..ไม่จริง” และยังคงเป็นเสียงของนาริที่ทำท่าปฏิเสธท่าเดียว
“เธอเป็นพวกที่ยอมรับความจริงไม่ได้หรือไง กงชานเองก็บอกไปแล้ว หรือจะต้องให้ทั้งสองคนพิสูจน์ให้ดูเธอถึงจะเชื่อ แต่ฉันว่าเธอคงทนดูไม่ได้หรอก ^^” ซานดึลพูดด้วยรอยยิ้มสะใจ ถึงเขาจะชอบผู้หญิงและมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ขอเลยผู้หญิงแบบนี้น่ะเขาไม่ชอบ คำพูดของซานดึลทำให้จินยองตกใจเล็กน้อยผิดกับกงชานที่ไม่ได้ตกใจอะไร ร่างสูงเอามือเท้าคางและมองไปยังนาริที่ยืนอยู่หน้าตนเองก่อนจะพูด
“ถ้าเธอไม่เชื่อ..ฉันก็ยินดีจะพิสูจน์นะ ^^” ถึงร่างสูงจะพูดกับนาริ แต่คนที่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกับเป็นจินยอง คนบ้า! นายนี่ไปตามน้ำเรื่อยเลยนะ -*-///
ไม่รอที่จะให้พิสูจน์ นาริหันหลังวิ่งออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้ซานดึลระเบิดหัวเราะเสียงดังและตามด้วยกงชานที่หัวเราะในลำคอน้อยๆ
“เฮ้อ~ อะไรของพวกนายเนี่ย -*-” บาโรที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น
“นั่นสิ เล่นแรงเกินไปแล้วนะ” จินยองเสริมพลางหันหน้าไปมองวายร้ายทั้งสองที่ดูจะสนุกเหลือเกิน ที่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคนนั้นคงจะเสียใจและหมดหวังมากแน่ๆ
“อะไรกันจินยอง ฉันเห็นนายนั่งหน้าแดงแปร๊ดขนาดนั้นนึกว่าจะเข้าข้างพวกเราซะอีกเนอะกงชาน~”
“ซานดึล! - -^///”
“เอ้าก็มันจริงนี่! ฮ่าๆ” ซานดึลหัวเราะร่าจินยองเลยได้แต่ส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวแสบก่อนจะหันมาต่อว่านักเรียนเกเรที่นั่งอมยิ้มปั้นหน้าหล่อแทน
“นายก็เหมือกัน ใจร้ายมากเลยนะ”
“ก็ถ้าไม่พูดตรงๆ ไปซะแต่แรกก็เป็นการให้ความหวังคนอื่นน่ะสิ” สุดหล่อแก้ตัว
“แต่ก็ไม่น่าจะเล่นแรงถึงขนาดนี้เลยนี่น่า”
“..ใครว่าผมเล่นล่ะ” กงชานพึมพำกับตัวเอง
“นายว่าไงนะ?” ร่างบางถามเพราะไม่ได้ยินไม่ถนัดนัก
“เปล่า ไม่มีอะไร”
สายลมยามค่ำคืนพัดพาอากาศบริสุทธิ์สดชื่นมาให้ จินยองที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วเดินมาที่ระเบียงห้องแล้วยกมือขึ้นพร้อมบิดตัวไปมา ร่างบางนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กที่นำมาไว้นั่งดูดาวยามค่ำคืนก่อนจะหยิบหนังสือที่เมื่อคืนอ่านทิ้งไว้ขึ้นมาเปิดอ่าน
อ่านไปได้ไม่กี่หน้าสมองน้อยๆ ก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนเย็น ไม่รู้ว่าป่านนี้ผู้หญิงที่ชื่อนาริจะเป็นอย่างไร เธอคงร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดอยู่เป็นแน่ ดีแค่ไหนแล้วที่เธอกล้าเข้ามาทักกงชานอีกครั้งแต่ครั้งนี้หมอนั่นกับสวนกลับแรงเป็นเท่าตัว นี่ถ้าครั้งหน้าเธอยังกล้าเข้ามาทักชายหนุ่มอยู่อีกล่ะก็เขายินดีซูฮกยกให้เธอเป็นบรมจารความกล้าตายเลย = =
แต่จะว่าไป..หมอนั่นทำตามแผนของซานดึลได้อย่างแนบเนียนราวกับนัดกันไว้ล่วงหน้า แถมยังเอาเขาเป็นไม้กันหมาอีก คิดอะไรอยู่นะทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีแฟนตัวจริงอยู่แล้วแท้ๆ เฮ้อ~ เขามันก็เป็นได้แค่แฟนจอมปลอมแหละ ไม่มีวันเป็นตัวจริงไปได้หรอก…
Rrrrrrrrrrrrrrrr~
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกร่างบางให้ตื่นจากห้วงความคิด มือเรียวหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่ออ่านชื่อของคนโทรมาที่เด่นหราอยู่บนหน้าจอทำให้จินยองยิ้มบางๆ หึ เจ้าตัวแสบนี่เอง
“ว่าไงซานดี้”
[จินยอง~ มีข่าวดีมาฝากกกกก] เสียงสดใสของซานดึลดังขึ้น
“หืม ข่าวดีอะไรอ่ะ”
[แตนแต่นแต๊น~ ฉันได้ตั๋วไป-กลับเกาะเชจูพร้อมที่พักมาจากป๊าสี่ใบ!!]
“จริงเหรอ 0.0” จินยองถามออกไปซึ่งทำให้ซานดึลที่ฟังอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภูมิใจ
[ช่ายยยย~เพราะเป็นรางวัลที่ฉันได้เกรดดีในเทอมที่แล้วน่ะ ป๊าเลยจัดเต็ม!]
“งั้นเหรอ ดีใจด้วยนะ ^^” จินยองยิ้มให้เพื่อน
[ไม่ต้องมาดีจงดีใจเลย ที่โทรมาเพราะจะมาชวนเนี่ย ไปมั้ย]
“ฉันเหรอ วันไหนล่ะ”
“มะรืนนี้ๆ ไปป่ะ เจ้ากระรอกงี่เง่านั่นก็ไปนะ ของฟรีหมอนั่นไปเคยพลาด - -” ซานดึลนึกถึงเจ้าเพื่อนซี้ที่โทรชวนคนแรกและแน่นอนของฟรีบาโรไม่เตยปฏิเสธ ออกจะยินดีลั้นล้าด้วยซ้ำไป
“อื้ม ฉันไปด้วยคน” จินยองตอบ
[เยส! คราวนี้ตั๋วก็เหลืออีกหนึ่ง เอ..ชวนใครไปดีอ่ะ] เมื่อได้ยินซานดึลพูดแบบนี้จินยองเลยอดสงสัยไม่ได้ ก็ตั๋วมีสี่ใบสามใบเป็นของพวกเขาสามคน ส่วนอีกใบก็ต้องเป็นของคูฮาร่าที่เป็นแฟนซานดึลสิ
“อีกใบของแฟนนายไม่ใช่เหรอ”
[อ๋อ..ฮาร่าไม่ว่างน่ะ] ซานดึลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“งั้นเหรอ อืมอีกใบให้ใครดีนะ”
[ฉันรู้ล่ะ! ชวยกงชานไปด้วยกันดีกว่า!]
“เอ๋?”
[นี่จินยอง ฉันฝากชวนกงชานด้วยนะ ถ้าหมอนั่นปฏิเสธก็บอกว่าฉันบังคับ ชวนให้ด้วยล่ะ ช่วยหน่อยนะ บาย!] พูดจบก็วางสายทันทีไม่รอฟังความเห็นคนหน้าหวานที่ดีรับมอบหมายภารกิจอันใหญ่หลวงนี่เลยสักนิด..แกล้งฉันอีกแล้วนะซานดึล T^T!!!
เอาไงดีนะ โทรไม่โทร?
จินยองเดินวนรอบห้องกว่ายี่สอบรอบได้แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะโทรชวนคนหน้าหล่อดีหรือเปล่า ถ้าโทรไปแล้วโดนปฏิเสธล่ะ? แต่ถ้าไม่โทรเจ้าซานดึลได้ฆ่าเขาแน่ ทำไงดี T_T
เอาวะ! โทรก็โทร!!
ร่างบางต่อสายไปหาเป้าหมายด้วยเบอร์ที่เจ้าตัวได้ให้ไว่ก่อนหน้านี้เผื่อถ้าเกิดวันไหนติดธุระไม่มาเรียนจะได้โทรบอกได้ แต่เขาเองก็ยังไม่เคยลองโทรหากงชานสักครั้ง (ความจริงอยากโทรแต่ไม่กล้า - -) ไม่นานนักเจ้าของโทรศัพท์ก็รับ
[ฮัลโหล] เสียงทุ้มนุ่มของปลายสายทำให้จินยองใบ้กินชั่วขณะ
“..เอ่อ ว่าไง ฉันเองนะจินยอง”
[อื้อ รู้แล้วล่ะ]
“เอ่อคือ..ที่โทรมาเพราะเมื่อกี้ซานดึลฝากให้โทรชวนนายไปเที่ยวเกาะเชจูด้วยกัน หมายถึงซานดึลมีตั้วเครื่องบินไป-กลับพร้อมที่พักให้ฟรีน่ะ นายจะไปมั้ย”
[ชวนผมเนี่ยนะ] กงชานถามอย่างไม่เชื่อหู
“อื้อ” ถึงความจริงเจ้าตัวแสบนั่นอยากจะแกล้งเขามากกว่าก็เหอะ =_____=
[แล้วพี่ไปมั้ย]
“ก็ต้องไปสิ มีฉัน ซานดึลแล้วก็บาโร ไปวันมะรืนนี้”
[อืม ผมไปด้วยก็ได้] ละ..เหลือเชื่อ! กงชานยอมไปด้วย O____O
“อื้อๆ เดี๋ยวบอกซานดึลให้” หลังจากร่างบางพูดจบตาคนก็ต่างเงียบเหมือนคนไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป คงต้องวางแล้วสินะ
[พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ] จินยองที่กำลังจะกล่าวลาก็ต้องหยุดไว้ก่อนเมื่อปลายสายถาม
“ว่าจะนอนแล้วล่ะ นายล่ะ”
[ผมเป็นคนนอนดึกนะ แค่สามทุมยังไม่นอนหรอก] กงชานว่า
“นอนดึกมากไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
[ก็มันไม่ง่วงนี่นา]
“ไม่ง่วงก็ต้องนอน” จินยองสวมบทเป้นคุณแม่อีกครั้งทำเอาปลายสายหัวเราะ “หัวเราะอะไรของนาย?”
[ก็พี่เหมือนแม่ผมเลยอ่ะ] อ่าว =________= [แต่ก็...ขอบคุณนะครับพี่เป็นห่วง] บ้า -///-
“เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันวางล่ะนะ -///-” ตัดบทมันดื้อๆ ซะงั้น ความเขินเป็นเหตุแท้ๆ...
[ครับ อ้อ..]
“...?”
[จินยองครับฝันดีนะ]
ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~
เป็นซานดึลสองหรือไงถึงชอบตัดสายไปก่อนแบบนี้น่ะ…
แต่ว่า…
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! เขินเว้ยยยยยยย >///<~~~~~~
ความคิดเห็น