คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ( gongyung ) : REASON - PART 4
Part 4
แสงแดดแผ่วจากดวงอาทิตย์ยามเช้าลอดส่องผ่านหน้าต่างมายังคนที่นอนหมกตัวในผ้าห่ม จินยองเลิกผ้าห่มขึ้นก่อนจะบิดตัวเล็กน้อย หาวหวอดๆ แล้วลุกจากที่นอนไปทำธุระส่วนตัว
วันนี้เขาไม่ต้องไปเรียนเพราะผู้อำนวยการจัดประชุมครูยกโรงเรียนเลยหยุดให้นักเรียนเป็นกรณีพิเศษซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าเหมือนทุกวัน อีกอย่างกว่าคาเฟ่จะเปิดก็สี่โมงเย็นเขาจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
ร่างบางลงมาจากชั้นบนที่เป็นที่พักมายังชั้นล่างที่เปิดเป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่มต่างๆ และเบเกอรี่ จินยองเป็นลูกคนเดียวจึงถูกตามใจเป็นพิเศษ ยองกี้คาเฟ่แห่งนี้ก็เป็นของขวัญจากพ่อและแม่ที่ทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศเมื่อวันเกิดปีที่แล้วเช่นกันและอีกไม่นานที่นี่ก็จะครบรอบหนึ่งปีเมื่อวันเกิดปีที่สิบแปดของเขามาถึง
9:34 A.M.
จินยองมองนาฬิกาที่บอกเวลาเก้าโมงกว่าก่อนที่ท้องน้อยๆ จะส่งเสียงดังโครกครากฟังดูน่าทรมานยิ่งนัก ร่างบางเดินไปในครัวเพื่อหาเสบียงอาหารแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อของในตูเย็นมีแต่วัตถุดิบทำเบเกอรี่ทั้งนั้น ไอ้ครั้นจะกินขนมปังแทนข้าวก็กระไรอยู่ มันมิอิ่มเหมือนกินข้าวนี่นา นึกย้อนไปเมื่อวานก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดันลืมซื้อของสำหรับทำอาหารมาตุนไว้เพราะมัวแต่เสียใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง…
ใช่ หลังจากที่นอนคิดทั้งคืนเขาตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะตัดใจเรื่องของผู้ชายเย็นชาคนนั้น… ในเมื่อเจ้าตัวก็บอกอย่างมั่นใจว่ามีแฟนแล้วและไม่สามารถรักใครได้อีกแล้วเขาจะไปดันทุรังไปรักให้เจ็บช้ำอีกทำไม…
ด้วยความหิวที่รุนแรงขึ้นทุกทีจินยองจึงพาตัวเข้ามาอยู่ในร้านอาหารใกล้บ้านแทนทีจะซื้อของกลับไปทำเองที่บ้านเหมือนทุกที เอาไว้กินเสร็จเมื่อไหร่แล้วค่อยไปซื้อตุนไว้แล้วกัน
“รับอะไรดีคะ ^^” พนักงานสาวในร้านถามเมื่อร่างบางนั่งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“พีบิมบับ(ข้าวยำ)ทีนึงครับ ^^”
“ค่ะ แล้วเครื่องดื่ม…”
“น้ำเปล่าแล้วกันครับ”
“ค่ะ รอสักครู่ค่ะ”
เมื่อพนักงานหญิงเดินจากไปจินยองก็กุมท้องตัวเองปอยๆ อูยย~ หิวอ้ะ เข้าไปทำเองแทนเชฟได้ไหมเนี่ย T_T ร่างบางบ่น(ในใจ)กระปอดกระแปดเป็นคุณปู่แล้วสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นบุคคลที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
นั่นมันกงชานกับ..ผู้หญิง?
ใครกัน? แฟนเหรอ? หรือไม่ใช่กันนะ? แล้วมาด้วยกันทำไม..ต้องใช่แฟนแน่ๆ !!
หลายความคิดหลากอารมณ์วนเวียนอยู่ในหัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้า กงชานยิ้มและหัวเราะไปกับคำผู้ของผู้หญิงคนนั้นอย่างมีความสุขส่วนผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นก็ดูมีความสุขที่ได้พูดคุยกับร่างสูงเช่นกัน
เหมาะสมกันจริงๆ..ให้ตายสิ เหมาะสมกันมากขนาดที่เขายังละอายใจเลย จะมีโอกาสสักครั้งไหมที่เขาจะทำให้คนคนนั้นยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้..คงไม่มีหรอกมั้ง แต่เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ..แล้วเราจะไปอิจฉาเขาทำไม เราตัดใจไปแล้วนี่? ใช่ๆ เราตัดใจไปแล้ว!! โอเคจินยองตั้งสติ ห้ามมอง ห้ามมองเด็ดขาดนะ ห้ามมองสิ บอกว่าห้ามมองไง! ห้ามมองงงงงง~
สั่งตัวเองให้ยับยั้งชั่งใจไม่ให้มองเขาแต่ทำไมตามันกลับไม่ฟังคำสั่งของสมองเผลอจ้องมองไปอีกจนได้ จนคนที่ถูกจ้องเริ่มรู้สึกตัวและมองกลับนั่นทำให้จินยองสะดุ้งก่อนจะเบินสายตาไปที่อื่นเหมือนกับไม่ได้มอง แต่ดูท่าจะไม่ทันซะแล้วเมื่อคู่กรณีเดินลิ่วมานู่น = =
“ไงพี่” กงชานทักทายคนหน้าหวานที่เอาแต่ล่อกแล่กทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ..ไง ^^;;”
“มาคนเดียวเหรอ”
“อื้ม” ไม่เหมือนนายที่มากับแฟนหรอก..
“อ่อ”
“…”
“…” ดูเหมือนการถามคำตอบคำแล้วต่างคนก็ต่างเงียบ ทำให้บรรยากาศดูแปลกๆ ไป จนร่างสูงพูดขึ้นมา
“..วันนี้ผมไม่ไปเรียนนะ”
“..ทะ ทำไม?” ว่าจะไม่ถามกลับแล้วเชียว
“พอดี..” กงชานพูดพร้อมเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่มาด้วย “ติดธุระนิดหน่อยน่ะ”
ธุระที่ว่าหมายถึงผู้หญิงคนนั้นสินะ แน่ล่ะ แฟนนายสำคัญกว่านี่..
“อ่อ..อืม ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณนะพี่..” อย่าได้โปรดเถอะ.. “ผมขอตัวนะ” ไม่ได้นะ! อย่าไป..
พอร่างสูงเดินปลีกตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะเดิมของตัวเองได้จินยองที่อึดอัดใจก็ลุกขึ้นก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะและออกจากร้านไปในที่สุด
ทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ..ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจทุกตัวเองไปซะทุกอย่าง
จะตัดใจก็ทำไม่ได้ พออยากจะคัดค้านไม่ให้เขาไปก็ทำไม่ได้ ทำไมตัวเราถึงได้อ่อนแอแบบนี้…
ร่างบางเดินเอื่อยๆ ตามถนนที่ทอดยาวไกลอย่างไม่รู้จุดหมาย ใบหน้าเหม่อลอยคิดถึงแต่เรื่องของคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้อย่างไม่รู้จักเบื่อ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนกระทั่งวันนี้รอยยิ้มนั้นก็งดงามไม่เปลี่ยน แต่แค่มันไม่ใช่ของเขาเลยซักครั้งก็เท่านั้น เท่านั้นเอง..
เธอไม่รับไม่รู้อะไร..ไม่เคยเอะใจบ้างเลยเหรอ
เธอไม่รู้ไม่ชี้อะไร..ไม่เคยแปลกใจบ้างเลยเหรอ
ใครมาคอยใส่ใจเธอทุกวัน ใครคอยเอาแต่ใจเธอทั้งวัน
เจอทีไรก็ชวนคุย มีอะไรให้คุยกันทั้งวัน
นายไม่เคยรู้อะไรเลยใช่ไหม..เวลาที่ฉันคอยเฝ้ามองนายทั้งตอนที่นายมาเป็นลูกค้า ตอนเรียนพิเศษหรือแม้กระทั่งตอนอยู่โรงเรียน
เธอไม่รู้ไม่เห็นอะไร..ว่าใครห่วงใยบ้างเลยเหรอ
เธอไม่ร้อนไม่หนาวอะไร..ไม่เคยอุ่นใจบ้างเลยเหรอ
ทำยังไงก็ยังไม่รู้ตัว คนมีใจก็เลยต้องร้อนตัว
ทำยังไงจะบอกเธอ ทำยังไงถ้าเธอไม่รู้ตัว
ฉันอยากจะบอกความรู้สึกที่มีกับนาย แต่ทำยังไงล่ะ?
จะแบกรักไว้อย่างไร จะแบกรักได้อีกเท่าไร
อย่าทำร้ายกันอีกเลย อย่าทำร้ายกันอีกเลย โอ้ใจเอ๋ย...
ฉันจะทนเก็บความรู้สึกนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ในเมื่อทุกการกระทำและคำพูดของนายทำร้ายฉัน…
ความรักของเราคงมีได้แค่ในจินตนาการสินะ
พอเดินมาถึงสวนสาธารณแห่งหนึ่งจินยองนั่งลงบนม้านั่งไม้แถวนั้นอย่างหมดแรง น้ำตาใสไหลรินลงมาจากขอบตาร้อนช้าๆ ร่างบางจึงใช้หลังมือเช็ดออกแค่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังคงไหลออกมาเรื่อยไม่ขาดสาย แสงอาทิตย์ร้อนที่ส่องร่างของเขาทำให้ร่างบางเขยิบหนีก่อนจะแหงนดูท้องฟ้าแจ้ง ทันใดนั้นเองแสงสว่างที่วูบเข้าตาไปเต็มๆ ทำให้สติที่อ่อนล้าบวกกับร่างกายที่อ่อนแรงเซล้มพับไปกับม้านั่งทันที…
“..อืม”
“นี่คุณ!”
“…”
“คุณครับ! คุณ!”
เสียงรบกวนดังก้องอยู่ในโสตประสาทปลุกบุคคลที่กำลังหลับใหลให้ค่อยๆ ตื่นจากนิทรา จินยองปรือตามองคนที่กำลังเรียกเขาอยู่จากที่ภาพตอนแรกเบลอก็ชัดเจนขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าของหนุ่มแว่นผู้หลอเหลา แต่ประเด็นคือนี่ใคร - -?
“ค่อยยังชั่ว ฟื้นแล้ว” ร่างสูงถอนหายใจและพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ที่นี่ที่ไหนแล้วคุณ..” จินยองถามขึ้นเมื่อมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ที่เขาไม่รู้จัก
“คอนโดผมเอง ผมเจอคุณเป็นลมหน้าซีดอยู่หน้าสวนสาธารณะเลยพามานี่ อ่อแล้วก็ผมชื่อชินวูครับ ^^” ชายหนุ่มยิ้มตาหยีให้
“คุณเจอผมเป็นลมอยู่เลยพาเข้าคอนโดเนี่ยนะ?” แต่เพราะมันแปลกๆ จินยองจึงถามออกไปอีกครั้ง
“แหะๆ โทษทีครับ ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจะทิ้งคุณให้เป็นลมอยู่แบบนั้นก็กระไรอยู่ แล้วคอนโดผมก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเท่าไหร่เลยพาคุณมา แต่ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ! ไว้ใจได้!!”
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย”
“ก็คุณทำหน้าเหมือนโดนผมขมขืนอ่ะ -O-”
“บ้าดิ - -”
“ผมไม่ได้บ้าสักหน่อย~”
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้ พอดีผมไม่ทานข้าวเช้ามาเลยหมดแรงข้าวต้ม” จินยองพูดขอบคุณชายหนุ่มใจดีตรงหน้าที่ช่วยเขาไว้ นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่สนใจหรอก
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง นอกจากจะไม่ได้กินข้าวมาแล้วคุณก็ยังร้องไห้ด้วยสินะ”
“..ก็..ครับ” ชินวูที่เห็นจินยองดูเศร้าๆ ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ”
“ผมชื่อจินยอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ^^”
“ครับ ^^”
“จริงสิ คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา รอแป๊ปนะเดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมจะลุกร่างบางจึงปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“เอ่อ..ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“เอาน่า คุณเป็นแขกของผมนี่” ชินวูยิ้มก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเหลือเพียงจินยองที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว
ร่างบางมองดูรอบๆ ห้องที่ถูกตกแต่งด้วยโทนขาวดำสไตล์โมเดิร์นหรูหราอย่างลงตัว แสดงถึงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่าดี พร้อมด้วยรูปภาพงานศิลปะหลากหลายใส่กรอบสวยงามเรียงรายกันอย่างน่าดูชม
ดูเหมือนคุณชินวูจะชอบศิลปะสินะ
ขณะที่จินยองมองดูภาพงานศิลปะอย่างเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงกดกริ่งดังขึ้นมา ไอ้ครั้นจะไปเปิดประตูให้เองก็กลัวเสียมารยาทเพราะไม่ปรึกษาเจ้าของห้องก่อนจนกระทั่งชินวูโผล่หน้าออกมาจากห้องครัววานให้ไปเปิดประตูให้หน่อยร่างบางจึงลุกเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูบานสวยถูกเปิดออกเผยให้เห็นผู้มาเยือนคนใหม่ที่ทำเอาร่างบางถึงกับเหวอ…
ก็ใครล่ะจะไปคิดว่าเป็นกงชาน!!!
ความคิดเห็น