คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ( gongyung ) : REASON - PART 2
Part 2
“นี่ไง เรื่องสำคัญที่ฉันจะบอก” พอซานดึลพูดจบบาโรก็พยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังไม่หายอึ้ง
จะไม่ให้อึ้งได้ยังไง เขากับซานดึลคบกันตั้งแต่เด็ก หมอนี่น่ะไม่เคยมีแฟนแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะชอบใคร พอถามก็บอกว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ เป็นแบบนี้มาตั้งนานจนกระทั่งวันนี้...ที่อยู่ๆ ก็มาเปิดตัวแฟนสาวแบบกระทันหัน?
“อึ้งมากเลยหรือไงฮะนาย” ร่างบางว่า
“คงงั้น” บาโรตอบเรียบๆ และยกแก้วน้ำข้างตัวขึ้นดื่ม "แล้ว..ไปชอบกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
สิ้นเสียงของบาโรคูฮาร่าก็หน้าขึ้นสีเล็กน้อยพลางยิ้มบาง
“ตอนที่ฉันไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดน่ะ ฮาร่าเธอเป็นเพื่อนของลูกพี่ลูกน้องของฉัน เราคุยกันถูกคอมากๆ แล้วก็..ตกลงเป็นแฟนกันไง -///-”
“เยี่ยมญาติ? เมื่อวานเนี่ยนะ!?”
“เฮ้! ถึงจะเป็นเมื่อวานแต่ฉันก็เชื่อนะว่ามันเป็นพรหมลิขิต มันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่!! เน อะฮาร่าเนอะ” ประโยคหลังพูดเสียงเบาแล้วหันไปถามคนข้างกายที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความ เขินอาย ทำให้บาโรเหมือนอยู่ทามกลางอุ่นไอรักที่อบอวลของคนทั้งสองที่ทำให้เขา...อยากจะอ้วก =____=;;
“แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟนตัวจริงกับเค้าซักที มัวแต่คบกับคนโน้นเปลี่ยนคนนี้อยู่ได้” ว่าให้เพื่อนรักอย่างเหนื่อยหน่าย
ก็ มันจริงนี่ บาโรน่ะมัวแต่เจ้าชู้เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น พอออกปากว่าเข้าหน่อยก็ชอบแก้ตัวว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ เพราะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยแหละน้าถึงยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที
“ก็มันยัง...”
“ไม่เจอคนที่ใช่?” ซานดึลต่อให้
“..ประมาณนั้น”
“บางที..คนที่ใช่ที่นายว่าอาจอยู่ใกล้ๆ ตัวนายเองก็ได้นะ แบบที่นายไม่ต้องขวนขวายหาแต่เพียงลองเปิดใจมองคนใกล้ตัวบ้าง”
“คนใกล้ตัว..อย่างนั้นเหรอ” คนใกล้ตัวสำหรับเขามีไม่กี่คนหรอก ก็มีแค่..ซานดึลกับจินยอง แล้วอย่างนี้จะไปมองหาใครล่ะ =__= “ไม่มีหรอกน่า”
“อะไรกันเจ้านี่! ฉันพูดจริงๆ นา~ หวังดีสุดๆ นะเนี่ย” ร่างบางพูดแล้วหัวเราะเบาๆ "ฮ้า~ น่าเสียดายที่จินยองของเราไม่มาด้วย ป่านนี้ทำอะไรอยู่กันนะ”
“เอ๋ เตรียมตัวขนาดนั้น นัดใครไว้งั้นเหรอ” ยูริ พนักงานสาวประจำร้านพูดกับเจ้าของร้านหน้าหวานที่กลับมาก็รีบไปอาบน้ำแต่ง ตัวใหม่ลงมาทันที
“พอดีต้องสอนพิเศษเด็กในโรงเรียนน่ะ นัดเอาไว้หกโมง” จินยองตอบ
“เห~ เปลี่ยนอาชีพแล้วรึไง”
“ก็นิดหน่อย ^^” จินยองยิ้มให้แล้วเตรียมจัดหนังสือสำหรับสอนเตรียมไว้ที่โต๊ะมุมในสุดของร้านที่เหลืออยู่ตัวเดียว
แย่จัง...วันนี้คนดันนั่งโต๊ะเต็มซะได้ โต๊ะตัวนี้ก็เอาไว้สำหรับติวเด็กใหม่ ถ้าคนคนนั้นมาจะทำไงดีนะ?
“ว้า~ เมื่อ วานไม่ได้มาทำงานแล้วอดคิดถึงหนุ่มสุดหล่อที่นั่งโต๊ะนั้นไม่ได้ วันนี้จะมามั้ยน้า คิกๆ” เสียงหัวเราะคิกคักของอาจองตัวแสบประจำร้านดังขึ้นทำให้ยูริต้องเอามือไปเขก หัวเบาๆ
“อย่ามัวแต่บ้าผู้ชายจะได้มั้ย” คนที่โดนทำร้ายเบ้ปากเบาๆ แล้วพูดต่อ
“อะไรกันเล่า! เพราะยูรินูน่ามีแฟนแล้วไงถึงได้พูดแบบนี้ได้น่ะ ไม่เห็นใจคนโสดอย่างพวกเราบ้างเลยเนาะพี่จินยองเนาะ”
“นั่นสินะ” จินยองยิ้มตอบน้องสาว
“เอ๋ แม้แต่จินยองเองก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย เดี๋ยวนี้แบบไปเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงหัวเราะหยอกเล่นกันในร้านของบรรดาพนักงานและเจ้าของร้านสร้างความสดใสให้กับ ผู้ที่เห็นได้เป็นอย่างดี แต่แล้วเสียงหัวเราะก็เงียบลงเพราะเสียงกระดิ่งที่เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าราย ใหม่เข้ามาในร้านดังขึ้นแทน
“ยองกี้คาเฟ่ยินดีต้องรับค่า/ครับ” สามสหายออกปากพูดคำพูดทักทายลูกค้าที่เป็นสโลแกนของร้านไปอย่างเคยตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมองให้เต็มตาแล้วก็พบว่าเป็นลูกค้าหนุ่มรูปหล่อที่ พูดถึงเมื่อกี้นั่นเอง
“อ๊าย มาแล้ว >///<” อาจองกระซิบเบาๆ
“เชิญด้านในเลยค่ะ” ยูริพูดต้อนรับลูกค้า ผิดกลับร่างบางของจินยองที่ยืนนิ่งมองไปหน้าหล่อนั้นอยู่กับที่ ก็มันเพิ่งเคยเจอจังๆ แบบนี้ครั้งแรกนี่นา
“ผมมาหาคนที่ชื่อจินยองน่ะ” ลูกค้าหนุ่มบอกจุดประสงค์ทำให้สองสาวหันมองหน้าเจ้าของร้านเป็นตาเดียว
“เอ๋ เค้ามาหานายแน่ะ นัดกันไว้เหรอ หรือว่าเด็กที่ว่าจะต้องสอน...”ยูริหยุดพูดแค่นั้น
จินยองมองหน้าชายหนุ่มผู้มาให่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แล้วพยายามเค้าเสียงสั่นๆ ถามออกไป
“คะ..คุณ คือหลานท่านผ.อ.งั้นเหรอ?”
“ใช่ คุณคือรุ่นพี่จินยองสินะ” เมื่อรู้ดังนั้นร่างบางก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเบาๆ นี่พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับเขากันเนี่ย!?
“ยุคแรกของประวัติศาตร์เกาหลีคือยุคโกโชซอน หรืออาณาจักรโชซอนโบราณตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแมนจูเรีย และตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลี...” จินยองหยุดเว้นวรรคและเงยหน้าขึ้นมองหน้าของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ต้องตกใจเมื่อกงชานเองก็มองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“หน้าฉัน..มีอะไรติดอยู่งั้นเหรอ?” จินยองถาม
“...เปล่าหรอก ว่าต่อสิ” กงชานพูดเหมือนไม่มีอะไรก่อนจะหยิบน้ำสตอเบอรี่ปั่นข้างกายขึ้นมาดูด
“นายน่ะชอบกินน้ำสตอเบอรี่ปั่นงั้นเหรอ แล้วก็บราวนี่ด้วย”
“พี่รู้ได้ยังไงน่ะ”
“ก็มาทีไรเห็นสั่งเมนูเดิมทุกที คงชอบสินะ” จินยองพูดแล้วก็แอบยิ้มบางๆ โดยไม่ให้คนข้างหน้ารู้ตัว
“อืม ชอบมากเลยล่ะ”
“เพราะอะไรเหรอ” ความจริงก็ไม่ควรจะซักไซ้ถามอะไรมากกับคนที่เพิ่งเจอกัน แต่เขาอยากรู้นี่ว่าเป็นเพราะอะไร
“ไม่บอก” กงชานตอบเรียบๆ "ผมว่าพี่อธิบายต่อเถอะ” เมื่อซักไซ้ไม่สำเร็จร่างบางก็ดูหงอยๆ เพราะดูเหมือนว่ากงชานอาจเริ่มรำคาญที่เขาถามมากไป
“อ่า...ขอโทษด้วย พี่ถามมากไป ฮ่าๆ” ไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยหัวเราะกลบเกลื่อนซะงั้น ก่อนจะเข้าเรื่องเรียนต่อ
ไม่นานนักก็ถึงเวลาทุ่มครึ่งที่ต้องเลิกเรียน กงชานลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะขอตัวกลับบ้าน จินยองเองก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ทั้งๆ ที่จริงแล้วก็อยากจะคุยกันให้มากกว่านี้...
บรรยากาศ ตอนสี่ทุ่มของโซลในฤดูใบไม้ผลิค่อนข้างหนาวจนร่างบางที่ออกมาตากลมบริเวณ ระเบียงต้องกอดตัวเองเผื่คลายความหนาวเย็นนี้ พลางคิดไปถึงอีกคนว่ากำลังทำอะไรอยู่ กงชานซิก นายกำลังหนาวเหมือนฉันอยู่หรือปล่าว?
จินยองถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น บางทีกงชานอาจไม่ชอบเขาอยู่ก็ได้... ตอนที่เรียนด้วยกันก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรกันอยู่แล้ว แถมตอนจะกลับก็บิดขี้เกียจซะขนาดนั้น เบื่อแน่ๆ เลย
“อ๊ะ! แหวนวงนั้น 0.0” เมื่อนึกขึ้นได้จินยองก็อดโกรธตัวเองไม่ได้จริงๆ นายมันไม่ได้เรื่องเลยจินยอง! ลืมคืนเขาไปได้ยังไงกันนะ!! พรุ่งนี้ก็ไม่ได้มาเรียนกับเข้าซะด้วย จะเรียนอีกทีก็วันพุธ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เอาไปคืนที่โรงเรียนเลยดีกว่า!
“แฟนงั้นเหรอ?” จินยองพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็ถึงบอกว่าให้ไปไง นายมันใจร้าย T^T” ซานดึลตัดพ้อ
“ขอโทษนะซานดี้ เมื่อวานฉันไปไม่ได้จริงๆ TT^TT”
“ติดสอนอะไรอย่างนั้นเหรอ” บาโรถาม
“สอนประวัติศาสตร์ให้เด็กใหม่น่ะ แถมยังเป็นคนๆ เดียวกับผู้ชายที่ชอบสั่งน้ำสตอเบอรี่ปั่นใส่วิปครีมกับบราวนี่ด้วย”
“จริงอ่ะ!!” บาโรและซานดึลอุทานพร้อมกัน
“อื้ม แล้วแฟนใหม่นายเป็นไงบ้าง สวยป่ะบาโร” จินยองพูดถึงซานดึลแล้วหันไปถามความเห็นจากบาโร ซึ่งซานดึลเองก็รอฟังเหมือนกัน
“ก็..น่า รักดี” บาโรบอกเรียบๆ อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่ถ้าเป็นปกติแล้วพอเห็นผู้หญิงที่น่ารักขนาดนั้นก็จะ ชมไม่หยุดปาก แต่ไม่รู้ทำไมพอรู้ว่าเป็นแฟนซานดึลเท่านั้นแหละ คำพูดมันก็หายไปหมดเลย...
“โด่~ อิจฉาฉันอ่ะดี๊” ซานดึลพูดพร้อมตบบ่าเพื่อนรัก "ทำใจซะเหอะ นายมันไม่มีสเน่ห์ -.,-”
“ใครทำใจไม่ทราบ เหอะ มีแฟนก็เหมือนถูกล่ามโซ่นั่นแหละ โสดอย่างฉันน่ะดีที่สุดแล้ว!”
“เพราะนายมันไม่มีใครเอาต่างหาก!!”
“ว่าไงนะ! หน็อยย!!”
“เฮ้ๆ พอเลยทั้งสองคนน่ะ” จินยองปรามเพื่อนก่อนที่มันจะเกิดสงครามทำลายล้างไปมากกว่านี้ สองคนนี้ก็เป็นแบบนี้ซะเรื่อย ถึงจะซี้กันมานานแต่ก็กัดกันบ่อยเป็นว่าเล่นจนเขาเองต้องคอยเป็นกรรมการอยู่ ร่ำไป = =
“เฮอะ/เชอะ!” ดูสิ งอนกันเป็นเด็กๆ ไปได้...
คาบชมรมเป็นคาบว่างก่อนเลิกเรียนที่บรรดานักเรียนทั้งหลายต่างก็ต้องไปทำ กิจกรรมของชมรมตัวเองที่ความจริงแล้วเป็นคาบเล่นต่างหากล่ะ จะมีซักกี่คนที่เข้าไปทำกิจกรรมจริง เช่นเดียวกันกับเขาที่อยู่ชมรมห้องสมุดแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เลยออกมาตามหาเจ้าของแหวนเงินวงนี้แทน ส่วนใหญ่เด็กเกรดสิบเอ็ดน่าจะอยู่ตรงสนามบาสนะ ลองไปดูดีกว่า...
ร่างบางเดินลิ่วไปยังสนามบาสที่คิดว่ากงชานน่าจะอยู่แต่แล้วก็ไม่มี อยู่ไหนของเค้ากันนะ
“นี่เธอเห็นกงชานบ้างหรือปล่าว” นั่นไม่ใช่เสียงเขา หากแต่เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงน่ารักอีกคนที่กำลังถามเพื่อนของเธออยู่ แล้วพอได้คำตอบเด็กคนนั้นก็รีบวิ่งไปในทันที ร่างบางเองก็ตามไปเช่นกัน
สวนหลังโรงเรียนคือที่ที่เธอมาและคิดว่ากงชานคงจะอยู่ที่นี่ เป็นดังคาด ร่างสูงนั่งไกวชิงช้าอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่อย่างสบายใจเฉิบ
“กงชาน” ผู้หญิงคนนั้นพูดยิ้มๆ
“เธออีกแล้วเหรอ” ผิดกับชายหนุ่มที่ทำหน้าไม่รับแขกสักเท่าไหร่ ขนาดจินยองที่แอบดูอยู่ยังรู้สึกแย่แทนเด็กคนนั้นเลย
“นาริซื้อขนมมาฝาก” เด็กหญิงที่ชื่อนาริยังคงไม่ยอมแพ้ หล่อนยื่นถุงขนมก็อปแก็ปให้ร่างสูง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รับ
“ฉันไม่กินของไร้สาระอย่างนั้นหรอก” คำตอบที่ได้ทำเอานาริยิ้มเจื่อน
“แล้วกงชานชอบกินขนมแบบไหนล่ะ”
“..เบเกอรี่” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง
“เอ๋ งั้นวันหลังนาริจะซื้อเบเกอรี่มาฝากนะ >_<”
“เลิก ยุ่งกับชั้นสักที ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไร ฉันมีแฟนแล้ว” คำพูดของร่างสูงทำเอาทั้งนาริทั้งจินยองที่แอบอยู่สะอึก เด็กหญิงถึงกับเงียบไปพักใหญ่ส่วนร่างบางก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“...ฉันไม่สามารถรักใครได้อีก” กงชานพูดเรียบๆ ก่อนจะลุกเดินหนีไป ทิ้งให้หัวใจทั้งสองดวงจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด...
ความคิดเห็น