Fool day full love (ฤดูร้อน 2014)
วันโกหกนี่เขาใช้โกหกตัวเอง... หรือคนข้างๆ กันแน่นะ >.O
ผู้เข้าชมรวม
340
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fool day Full love
“เป็นแฟนกันนะ” ‘ฟลินซ์’ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม มือทั้งสองข้างของเขากุมมือฉันไว้หลวมๆ ดวงตาสื่อความหมาย...
“คือฉัน คือ...” ฉันรู้สึกอึกอักตอบไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก มันอึดอัดหรือดีใจฉันเองก็แยกไม่ออก
“จะปฏิเสธเราเหรอณิชา” ฟลินซ์ปล่อยมือของฉันช้าๆ เขามองออกไปอีกฝั่งของสนามฟุตบอล
“เราเป็นเพื่อนกันมานานนะฟลินซ์ ถ้าเราเลิกกัน...” ฉันพยายามอธิบายแต่ฟลินซ์ก็ขัดขึ้นว่า
“เป็นเพื่อนแล้วเปลี่ยนเป็นแฟนไม่ได้เหรอ เราจะไม่เลิกกัน นอกจากณิชาจะเป็นคนอย่างเลิกเอง เราแอบชอบณิชามาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว เรามาเรียนมหาวิทยาลัยนี้ก็เพื่อจะได้อยู่ใกล้ณิชา” ฟลินซ์หันกลับมาจ้องฉันตรงๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนที่ณิชารัก แต่รักณิชาไม่ได้...เราเป็นคนอื่นดีกว่า!” พูดจบเจ้าตัวก็เดินหนีไปทิ้งฉันไว้ข้างสนาม
ฉันเลิกเรียนซัมเมอร์เมื่อตอน 4 โมง และมานั่งรอฟลินซ์เลิกซ้อมฟุตบอลจนถึง 6 โมง ...มันเป็นแบบนี้มาตลอด เรากลับบ้านพร้อมกันทุกวัน กินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ ไปเดินเล่น ติวหนังสือ เราตัวติดกันแทบจะตลอดเวลาจนคนอื่นคิดว่าเป็นแฟนกัน แต่ฉันกับฟลินซ์ก็ปฏิเสธเสมอว่าเป็นแค่เพื่อน ฉันไม่คิดเลยว่าเขาคิดกับฉันเกินคำว่าเพื่อน
ฉันยืนทบทวนตัวเองอยู่ตรงนั้นสักพัก ขาก้าวเดินไปเรื่อยๆ ในทิศทางกลับบ้านด้วยความเคยชิน ทางกลับบ้านที่ฉันกับฟลินซ์เดินกลับด้วยกันทุกวัน พอเดินคนเดียวทำไมมันโดดเดี่ยวขนาดนี้นะ...
“เฮ้ยล้อเล่น! วันนี้ April fool day นะ ซีเรียสทำไมเนี่ย” ชายคนหนึ่งกำลังโยกศีรษะของผู้หญิงที่ยืนข้างๆ อย่างปลอบโยน
“ทีหลังอย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ T^T” ผู้หญิงคนนั้นโผเข้ากอดเขาพลางร้องห่มร้องไห้
ฉันเดินผ่านทั้งคู่ไปพลางครุ่นคิด... หรือฟลินซ์จะล้อเล่นนะ? คิดได้อย่างนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์โทรหาฟลินซ์ทันที และเขาก็รับอย่างรวดเร็วราวกับรู้ว่าฉันจะโทรไป
[ว่าไงเพื่อน] ฟลินซ์รับสายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย ที่ขอเป็นแฟนเนี่ย”
[เธอเห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ มันเป็นเรื่องที่เอามาล้อเล่นได้จริงๆ เหรอณิชา]
“อ่า...ฉัน” ฉันรู้สึกผิด เหมือนกับว่าฉันดูถูกความรู้สึกของฟลินซ์ “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” บางที...ฉันก็แค่รู้สึกว่ามันเหมือนฝันเกินไป ฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเองแล้วแฮะ J
[ปฏิเสธกันก็เจ็บพอแล้วนะณิชา ยังจะโทรมาซ้ำเติมเราอีกเหรอ]
“ใครว่าฉันจะปฏิเสธนาย ฉันพูดสักคำหรือไง”
[ถ้าไม่ปฏิเสธ งั้น...] ฟลินซ์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนฉันรู้สึกได้ และก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉันก็ชิงตอบไปเลยว่า
“อื้อ ฉันตกลง!”
[เย่! ไชโยๆๆ วู้ฮู้ว!]
“ต้องดีใจขนาดนั้นเลยหรือไง” ฉันพูดล้อๆ
[ก็หลอกณิชาได้ไม่ดีใจได้ไง ก๊าก! ฮ่าๆๆ ยัยบ๊อง เธอเชื่อได้ยังไงว่าฉันชอบเธอจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันนะเฟ้ย ไอ้เราก็นึกว่าจะหมดสนุกซะแล้ว ฮ่าๆๆ ฮัลโหลๆ] ฟลินซ์พล่ามยาวพร้อมกับเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย ส่วนฉันนิ่ง... ขาที่กำลังก้าวไปเรื่อยๆ เหมือนจะหนักขึ้นจนก้าวต่อไปไม่ไหว ทางข้างหน้าเริ่มพร่ามัวจนมองไม่เห็นเพราะน้ำตามาบดบัง
“...”
[ณิชา! ณิชา!]
“ฮึก...” ฉันได้ยินเสียงของฟลินซ์เรียกชื่อฉัน แต่ฉันพูดอะไรไม่ออกนอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
[ณิชาเธออยู่ไหนเนี่ย] เสียงของฟลินซ์ร้อนรนและขาดเป็นห้วงๆ ปนกับเสียงหอบ เหมือนเขากำลังวิ่ง ฟลินซ์วิ่งไปไหน... วิ่งหนีฉันอย่างนั้นเหรอ...
“ฮึก...ฮือๆๆ”
ฉันมันเป็นยัยบ้าใช่มั้ยที่ไปเชื่อคำพูดของฟลินซ์ นี่มันวันโกหก! ลืมตาแล้วมองปฏิทินชัดๆ ซะณิชา! ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ดวงตาของฉันกลับถูกน้ำตาบดบังหมดแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก ฉันร้องไห้จน... ไม่รู้สึกถึงอะไรรอบตัวอีกเลย
#บ้านฟลินซ์
“เป็นไง สนุกมั้ยเอพริลฟูลเดย์น่ะ” ‘แฟรงค์’ พี่ชายของฟลินซ์มองน้องชายที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้ณิชาที่หมดสติอยู่บนโซฟา ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“อย่าซ้ำเติมกันได้มั้ยล่ะ” ถึงจะพูดกับพี่ชาย แต่สายตาเขาไม่ได้คลาดไปจากดวงหน้าของณิชาเลยสักนิด
“ทีนี้ไม่รู้ว่าที่โกหกไปนี่โกหกณิชา หรือโกหกตัวเองเนอะ” แฟรงค์ยังคงกระแนะกระแหนไม่เลิก
“หมายความว่าไง”
“คิดเองดิวะ” พูดจบคนเป็นพี่ชายก็เดินหายขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน
หลังจากที่ให้ณิชาที่กึ่งๆ จะรู้สึกตัวกินยาและหลับไปแล้ว เขาก็นั่งเฝ้าเธอ จ้องหน้าณิชาพลางนึกถึงคำพูดของพี่ชาย และอยู่ๆ ก็เหมือนมีคนมาเปิดไฟในหัว คำตอบสว่างวาบขึ้นมา...!
ปั้ก!
“โอ๊ยยย” ฟลินซ์ร้องโอดโอยเอามือกุมหัวตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนโดนของแข็งกระแทก เมื่อลืมตาก็เห็นว่าเป็นหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง มองเลยหนังสือไป... ก็เห็นคนถือหนังสือทำหน้าถมึงทึงใส่เขาอยู่ และมีทีท่าว่าจะฟาดหนังสือนั่นลงมาอีก
“แน่จริงอย่าหลบสิคนโกหก!” ณิชาต่อว่าและฟาดหนังสือลงบนตัวฟลินซ์อีกไม่ยั้ง
“พอก่อนๆ ฟังฉันพูดก่อนสิณิชา ขอโทษนะเรื่องเมื่อวาน ขอโทษๆๆๆ” ฟลินซ์พูดขอโทษรัวๆ แต่ณิชาไม่ยอมหยุดเขาจึงขึ้นไปนั่งบนโซฟาและรวบตัวเธอเข้ามากอด
“ไม่ต้องมาแตะตัวฉันนะ!” ณิชาพยายามดิ้น แต่อ้อมแขนของฟลินซ์ก็ดูจะแข็งแรงเสียเหลือเกิน
“จะไม่ฟังหน่อยเหรอว่าฟลินซ์โกหกอะไรณิชา" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“ไม่!” ณิชาตอบเสียงแข็ง
“ไม่ฟังก็จะพูด... ที่ฉันโกหกน่ะ คือโกหกว่าหลอกเธอต่างหาก”
“ฮะ -*- อะไรคือโกหกว่าหลอก?”
“ก็ที่จริงฉัน... แอบชอบเธอมานานแล้วจริงๆ แล้วก็ขอเป็นแฟนจริงๆ ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรแต่พอเธอตอบตกลงแล้วฉันก็ไปไม่ถูกน่ะสิ” ฟลินซ์เกาท้ายทอยอย่างเขินๆ
“นายโกหกฉันไม่ได้แล้วฟลินซ์ ฉันไม่เชื่อ” ณิชายังคงไม่เชื่อ
“ไม่โกหกแล้ว เงยหน้ามองปฏิทินดีๆ สิ นี่มัน 2 เมษาแล้วนะ ไม่ใช่วันโกหกแล้ว ขอโทษที่เมื่อวานล้อเล่นแรงไปหน่อยนะ” ฟลินซ์โยกตัวณิชาเบาๆ เหมือนง้องอน
“-*-” ณิชาเงยหน้ามองปฏิทินแบบจีนของบ้านฟลินซ์ ซึ่งปรากฎเลข 2 เมษายน อย่างชัดเจน
“เป็นแฟนกันนะ... ตกลงมั้ยครับ” เจ้าของอ้อมกอดเอ่ยถามขึ้น
“นาย...” ณิชายังคงงงๆ ไปไม่ถูกว่าเรื่องจริงหรือล้อเล่นกันแน่
“ไม่ตอบถือว่าตกลงแล้วนะ ถือว่าตอบตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”
ฟลินซ์โมเมเอาเองและหอมคนในอ้อมกอดฟอดใหญ่ ทำเอาคนถูกกอดเขินจนไม่กล้าตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
ขอบคุณวันโกหกที่ทำให้เขาได้พูดความจริง ขอบคุณที่ทำให้วันแรกของเดือนแห่งความร้อน เกิดความรัก ...ฟลินซ์คิดในใจ ^^
ผลงานอื่นๆ ของ MNEMOSYNE / Klytie'B / kyomu ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ MNEMOSYNE / Klytie'B / kyomu
ความคิดเห็น