คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Part [3.] : Jaejoongsickness 2
-(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)-
: III Jaejoonsickness 2
เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ชองยุนโฮรู้สึกตัวว่าอันที่จริงแล้วงานที่โรงเรียนสั่งมันเยอะมากจริงๆ
เป็นเพราะปกติ ลำพังแค่การบ้าน หรือการเตรียมตัวอ่านหนังสือเพื่อเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งวิชาการต่างๆ นั้น แทบไม่มีผลกระทบอะไรกับยุนโฮเลยแม้แต่น้อย ชีวิตประจำวันอันแสนซ้ำซากที่วนเวียนอยู่เพียง ตื่นนอน มาโรงเรียน ทำการบ้านนิดๆ หน่อยๆ เล่นเกม แล้วก็นอน มันทำให้ยุนโฮเคยรู้สึกไม่เข้าใจเด็กบางกลุ่มที่มักจะพูดตลอดเวลาว่า ‘งานยุ่ง งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาทำอะไร’ มันเป็นยังไง
ที่ยุนโฮไม่เข้าใจ เป็นเพราะยุนโฮไม่เคยพยายามไขว่คว้าหาเวลาส่วนตัวของตัวเอง
ยุนโฮไม่มีอะไรที่อยากทำ หรือต้องทำเป็นพิเศษ หากแต่ในตอนนี้เขาเข้าใจเด็กๆ เหล่านั้นแล้ว
พวกเขาพยายามจะทำงาน เคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนเวลาเพื่อคะแนน ... และ ‘เวลา’
เพื่อซื้อเวลาส่วนตัวเหล่านั้นกลับคืนมา – ไม่ยอมปล่อยให้มันหมดไปกับการทำงาน
ก็เหมือนกับยุนโฮ ที่อยากจะซื้อให้เวลาว่างๆ นั้นกลับคืนมา
เพื่อจะได้ใช้ไปมันไปกับคิมแจจุง
“ยุนโฮ นี่กองซากอะไรของมึงนักหนาเนี่ย?”
เสียงปาร์คยูชอนดังขึ้นทันทีเมื่อสายตาทะเล้นซุกซนต้องมาสะดุดกับกองชีท มหาศาลบนโต๊ะของเพื่อนรักที่ถ้ามองไกลๆ ก็ดูคล้ายกับว่ายุนโฮกำลังโดนกองกระดาษพวกนั้นทับหัวอยู่ ยุนโฮหันหน้ามามองเพื่อนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปเขียนชีทต่อไม่ได้สนใจ
ดูมันทำเมิน
“นี่ ไอ้ตัวหล่อ ตอบกูบ้างไรบ้าง อย่าริจะกวนตีนให้มันมากนัก ฉันอุตส่าห์ช่วยให้แกได้เจอน้องแจจุงนะเว้ย” ปาร์คยูชอนผู้ทำอะไรไม่เคยหวังผลตอบแทนพูดขึ้นอย่างโวยวาย เรียกเสียงถอนหายใจเบาๆ จากยุนโฮได้
“เฮ้อ มึงนี่เปลี้ยจัง – ก็งานทั้งหมดของทั้งอาทิตย์นี้ไง”
แม้จะรู้สึกเหมือนโดนพึมพำด่าอะไรอยู่สักอย่าง แต่ยูชอนก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป เขาเลิกคิ้ว
“หือ งานอะไรวะ?”
ยุนโฮถอนหายใจ ทำไมปาร์คยูชอนถึงชอบทำให้เขารู้สึกเปลี้ยมากนักนะ?
“ก็นี่” ยุนโฮชี้ไปที่เอกสารซ้ายสุด “ชีทฟิสิกส์ เรื่อง คลื่น” แล้วก็ชี้ไปที่กองข้างๆ เรียงจากซ้ายไปขวาตามลำดับ “ไดเรคชั่นแล็ปชีวะ – แบบฝึกหัดท้ายบท 50 ข้อ เคมี – ชีทสรุปแนวโจทย์ความน่าจะเป็น – ส่วนสมุดเล่มนี้ฉันต้องเตรียมไปติวให้รุ่นน้อง” ยุนโฮพูดยาวเป็นร่าย ในขณะที่ยูชอนอ้าปากค้าง
“บ้า กำหนดส่งมันปลายสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ? มึงจะรีบทำเพื่อ?”
“เรื่องของกู” ยุนโฮพูด ก่อนจะควงแฟลชไดร์ฟในกระเป๋าขึ้นมา “อ้อ อย่าลืมงานนำเสนอประวัติศาสตร์ กูหาเนื้อหามาให้แล้ว ช่วยบอกให้ไอ้มินโฮ กับยงฮวา ไปจัดการกันต่อด้วย”
“เฮ้ยยยย หาเนื้อหามาครบหมดแล้ว? รายงานประวัติศาสตร์ที่แสนโคตรจะเขียนยาก ข้อมูลก็น้อยนิดเท่าน้ำลายมดนั่นน่ะเหรอ? ” ยูชอนร้อง “โฮ้ย แม่งขยันเว่อร์ น้องแจจุงเล่นยาอะไรใส่มึงหรือเปล่า? หรือไปโด๊ปอะไรมา?”
ยุนโฮมองหน้ายูชอนแบบเอือมๆ ก่อนจะลั่นวาจาสุดท้ายที่ทำให้สุดหล่อได้แต่นั่งเงียบหยุดปริปากทุกคำพูด
“ถ้าไม่หยุดทำให้กูเปลี้ยล่ะก็ได้มีมวยกันซักยกแน่ ไอ้เปลี้ยปาร์ค”
วันนี้วันพฤหัสบดีแล้ว
เป็นวันที่สามที่ยุนโฮแทบไม่ได้หยุดสมองและสองมือของเขาสำหรับการบังคับใช้มันเพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ
เป็นเพราะเขาไม่เคยต้องมานั่งนับเลยเสียว่าในแต่ละวันๆ อาจารย์สั่งงานอะไรบ้าง ก็แค่ทำให้ทันกำหนดส่ง บางทีก็เล่นเขี่ยๆ มันตอนเช้าก่อนเข้าคาบให้ทันส่งไปวันๆ เท่านั้น ยุนโฮจึงไม่รู้สึกตัวเลยว่าแท้จริงแล้ว งานของโรงเรียนนั้นมีมากมายจนดูคล้ายกับว่าจะไม่มีจุดสิ้นสุดเหมือนลิมิตที่วิ่งเข้าใกล้อินฟินิตี้
นี่ขนาดเขารับทำแค่งานตัวเอง งานกลุ่ม งานที่อาจารย์ฝาก กับช่วยชมรมนิดๆ หน่อยๆ พอมานั่งไล่ดูแล้ว สิ่งที่ต้องทำยังเยอะขนาดนี้ แล้วตัวสวยล่ะ? ตัวสวยที่เป็นทั้งกรรมการนักเรียนและตัวแทนของสายชั้นจะต้องมีอะไรให้ทำมากมายแค่ไหนกัน?
แต่ถึงงานจะเยอะแค่ไหน ... ยุนโฮก็ตั้งใจว่าจะทำมันเสร็จให้หมดก่อนวันเสาร์
ถึงแม้นี่จะเป็นวันที่สามแล้วที่เขาแทบจะไม่ได้เจอกับตัวสวยเลยก็ตาม
“โอ้ย ไอ้ยุนโฮมันเป็นไรมากป่ะเนี่ย?” ชองยงฮวามองหน้าเพื่อนรักที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาขลุกอยู่กับงานและการบ้านทั้งวันทั้งคืนอย่างปลงใจ “ข้าวปลาไม่กิน เดี๋ยวก็อดตายจนได้อ่ะ”
“ผีศิษย์เก่าที่ไหนเข้าสิงมัน ทำไมขยันเอาโล่ห์อย่างงี้” ยูชอนก็ปลง
20.00 นาฬิกา .
“ทำไมมันปวดหัวอย่างงี้วะ”
มือใหญ่เลื่อนขึ้นกุมที่ศีรษะ ขอบคิ้วเรียวได้รูปย่นเข้าหากันทันทีหลังจากที่ใช้มันจดๆ จ้องๆ กับหน้าจอแล็ปท็อบอยู่เป็นเวลานานสองนาน ประสาทและสมองของเขากำลังล้าและต้องการพักผ่อน หากแต่ข้างในใจเขากลับไม่ต้องการแบบนั้น
ปลายนิ้วเรียวสีแทนอันอบอุ่นสัมผัสลงบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ ยุนโฮกลืนน้ำลายก่อนจะเลื่อนมือมาปรับแว่นกรองแสงให้เลื่อนขึ้นไปในบริเวณที่ไม่เกะกะใบหน้า ทันทีที่เขารัวแป้นพิมพ์ตัวอักษรตัวสุดท้ายเสร็จ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โลหะขนาดจิ๋วคู่กายก็ถูกต่อเข้ากับโน้ตบุ้คและทำการเซฟงาน รอเพียงประมาณสามนาที ขั้นตอนการทำงานของยุนโฮก็สิ้นสุด พร้อมกับแฟลชไดร์ฟที่ยังเสียบอยู่ที่ตัวเครื่องที่ดับสนิท
“เฮ้อ...”
ทันทีที่ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นที่น่าพอใจ ยุนโฮก็ทิ้งกายลงบนเตียงนอนนุ่มน่านอนโดยไม่ใส่ใจจะดึงแฟลชไดร์ฟออกมาเพราะเหนื่อยเต็มที ในขณะเดียวกันที่ปล่อยกายให้เป็นอิสระ อาการปวดช่วงไหล่ที่ซอนแทรกอยู่จากการนั่งก้มหลังตลอดเวลาก็วิ่งตรงเข้าทำร้ายร่างกายสูงใหญ่เข้าจนได้ “โอ้ย ทำไมเหนื่อยแบบนี้วะ”
เสียงทุ้มพึมพำ เขาหลับตาสนิท ยุนโฮปล่อยร่างกายทั้งหมดให้นอนราบไปบนที่นอน ตอนนี้อยากนอนหลับมากกว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทันทีที่ล้มตัวลงนอน ยุนโฮก็อดไม่ได้ที่จะคว้าสมุดเล่มคุ้นตาในกะระเป๋าออกมา แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไปที่หน้าล่าสุด
หัวข้อ : Details : Kim Jaejoong Taxonomy
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2010
ผลการศึกษา:
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง – ตัวสวย ...
27 พฤศจิกายน 2010 .
“ไหนขอจับหน่อย ... นั่นเอาแล้วไงมึง ตัวร้อนเป็นไฟมาเลยไอ้ยุน”
“ซ่าส์ดีนัก ไข้แดกไปแล้ว”
“กูว่ามึงไม่น่าไหวนะเนี่ย ... กลับบ้านมั้ยมึง?” ยงฮวาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหน้าซีดๆ กับตัวขดๆ ของเพื่อน ...นี่ถ้ามันมีหูมีหาง ตอนนี้คงกำลังลู่หงอยทีเดียวเชียว
ยุนโฮส่ายหน้าทันทีเพื่อตอบคำถามของยงฮวา เขาวางแขนบนโต๊ะก่อนจะฟุบหน้าลงไป
งานเสร็จหมดแล้ว...
พรุ่งนี้จะวันเสาร์แล้ว...
ท่ามกลางเสียงเงียบสงัด ที่ปกติก็เงียบอยู่แล้วเพราะยุนโฮเป็นคนพูดน้อย แทนที่ควรจะเงียบปกติ วันนี้กลับจืดชืดมากกว่าเดิมหลายเท่า “....บอก....จุ..ง ”
“หืม? ว่าไงนะมึง?” มินโฮชะโงกหน้าเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังโคม่าด้วยการไอใส่อ้อมแขนของตัวเอง เขาพยายามเงี่ยหูฟัง “ยุนโฮมึงพูดชัดๆ ดิ กูฟังไม่รู้เรื่อง”
สิ้นคำ น้ำเสียงแหบแห้งนั้นเอ่ยให้เขาฟังอีกครั้งอย่างไม่รีรอ
“อย่าบอกแจจุงนะ...ว่ากูไม่สบาย”
ในที่สุดวันที่ยุนโฮรอคอยก็มาถึง
วันนี้ยุนโฮไม่ต้องไปโรงเรียน คุณแม่ของยุนโฮมีเรียนจัดดอกไม้ที่สมาคมศิษย์เก่าแทฮวาชิน และวันนี้แจจุงกับยุนโฮสัญญากันว่าจะไปเดินเที่ยวเมียงดงด้วยกัน
เสียงสัญญาณข้อความเข้าเรียกให้คนที่นอนคลุมโปงมั่วอยู่เป็นก้อนผ้าห่มฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหลและรู้สึกตัวขึ้นมาได้ ยุนโฮพยายามตะเกียกตะกายออกมาจากก้อนผ้าหนานุ่มนั้น ก่อนจะพยุงตัว เอามือใหญ่ที่ไร้การควบคุมนั้นลากสะเปะสะปะไปจนหยิบมือถือที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่หัวนอนมาเปิดช้อความดูจนได้
‘แปดโมงเดี๋ยวแจจุงแวะไปที่บ้านเลยนะ จะได้ไม่ต้องนั่งรถย้อน ตื่นเต้นเนอะ แล้วเจอกันครับ :)’
Sender : ตัวสวย
ข้อความที่เข้ามานั้นเรียกรอยยิ้มให้กับใบหน้าหล่อเหลาได้ไม่น้อย เปรียบเสมือนดั่งโอเอซิสกลางทะเลทรายที่ทำให้เขาอดทนลุก สิ่งที่รอมาตลอดทั้งอาทิตย์กำลังจะมาถึง แต่ในทันทีที่ร่างสูงหยัดยืนได้จนตัวตรง ยุนโฮก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนติ้ว ก่อนจะโดนค้อนทุบที่ศีรษะอย่างจังจนเซลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงอีกครั้ง
...โอ้ยยยยยยยยยย ทำไมปวดหัวอย่างงี้วะ....
มือใหญ่ถูกยกขึ้นกุมศีรษะ นึกโมโหตัวเอง ทั้งนอนก็แล้ว กินข้าวก็แล้ว กินยาก็แล้ว ยุนโฮไม่สบายตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ แต่ก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองหายแล้ว แล้วทำไมมันถึงยังไม่ดีขึ้นเลย
ไอ้ไข้บ้า เป็นวันอื่นไม่ได้เหรอไง?
ฟันคมขบเข้าหากันอย่างหัวเสีย ดวงตาคมมองนาฬิกาที่ตีเวลาเจ็ดโมงสิบนาที ทันใดนั้นเขาพยายามทรงตัว ยุนโฮลุกขึ้นก่อนจะคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แม้ภายในจะรู้สึกว่าซีรีเบลลัมของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วก็ตาม
กิ๊งก่อง!
เสียงกริ่งที่ดังขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่าแขกที่เจ้าบ้านเฝ้ารอตั้งแต่เช้านั้นได้มาถึงแล้ว ร่างสูงที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกพลางดูโทรทัศน์ไปพลางลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะรีบไปเปิดประตูให้ ทันทีที่สายตาคู่คมสบเข้ากับดวงตากลมประดับรอยยิ้มในแววตา เสียงใสๆ นั่นก็เอ่ยทักเขา
“พี่ยุนโฮ...คิดถึงจัง”
ยุนโฮก้าวต่อไปและก้าวต่อไป เขาพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปหาแจจุงที่ยืนอยู่หน้าบ้าน วันนี้แจจุงน่ารักมากในชุดเสื้อคอกลมลำลองสบายตาสีเหลืองอ่อนสกรีนลาย spongebob แสนสดใสกับกางเกงผ้ามันเข้ารูปสีดำและรองเท้าผ้าใบลายกระดุม เส้นผมนุ่มๆ ถูกจัดพอเป็นทรงตามสมัยนิยมดูดีสไตล์คิมแจจุง ในขณะที่ยุนโฮเองก็หล่อมากไม่แพ้กัน
ทันทีที่เข้าประชิดถึงตัว รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และก่อนที่จะทันได้ทักอะไรออกไป แจจุงก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อร่างสูงที่เมื่อครู่ยังยืนสบตากับเขาอยู่ที่ประตูด้านในล้มลงทรุดลงตรงหน้าพลางกอดเขาเอาไว้แน่น
แม้จะไร้สติ หากแต่แจจุงยังคงได้ยินริมฝีปากได้รูปนั้นเอ่ยพึมพำที่ข้างหู
“ตัวสวย...ไปเที่ยวกันเถอะ...”
“ครับ ครับ คุณแม่ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวแจจุงอยู่ดูแลให้เอง”
“....”
“อื้มครับ...แล้วเจอกันตอนเย็นครับ”
มือขาวยื่นนิ้วป้อมๆ ไปกดวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะยัดใส่กระเป๋าตัวเองแล้วมานั่งเท้าคาง ดวงตากลมใสจับจ้องคนที่หลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาอย่างหมดสภาพนั้นแล้วก็ได้แต่เป่าลมออกจากปาก “ให้มันได้อย่างนี้สิน่า~”
แจจุงพยุงยุนโฮมานอนพักบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากจู่ๆ ร่างสูงก็สลบลงไปแบบไม่ได้ทันตั้งตัว เล่นเอาแจจุงหายใจไม่ทั่วท้อง ร่างเล็กๆ ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ก่อนจะเอามืออังที่หน้าผากมนุษย์ดาวอังคารอย่างห่วงใยแล้วหัวเราะเบาๆ “ดูสิ หน้าซีดหมดหล่อเลย คนเราน่ะน้า”
“ตัว...สวย”
จู่ๆ เสียงแผ่วเบาที่ทั้งแหบแห้งและอ่อนระโหยก็ดังขึ้น แจจุงรีบหันหน้าไปมอง ก็เห็นยุนโฮที่นอนแบ็บไม่มีแรงแม้แต่จะทำอะไรปรือตาขึ้นมองเขา “กี่โมงแล้ว? ...จะไปกันหรือยัง?”
“อือหือ ยังมีหน้ามาถามอีกนะ ยังคิดจะไปอีกเหรอเมียงดง? คนเรานี่ มนุษย์ดาวไหนเนี่ย? ทำไมจู่ๆ กลายเป็นสภาพนี้ไปได้ ? ป่วยขนาดนี้จะไปเที่ยวได้ไงล่ะ?”
คำตอบที่เต็มไปด้วยคำถามของแจจุงทำเอารอยยิ้มที่ควรจะปรากฏบนใบหน้าของตัวหล่อแสนดีคนเดิมหายไป ยุนโฮหน้านิ่ง นอนเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรอีก
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ตัวหล่อ รู้น่าว่าอยากไป” แจจุงยิ้ม ก่อนจะเอามือป้อมๆ ลูบหน้าผากคนป่วยอย่างอ่อนโยน “ไม่เห็นต้องง้อเมียงดงเลย เราเที่ยวกันที่บ้านก็ได้ เชื่อฝีมือตัวสวยเหอะ!”
“39.4....โห ดีนะไม่ตายไปซะก่อน” แจจุงมองหน้าคนป่วยที่นอนซมจนไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นมาพูดหรือกวนประสาทอะไรเลยสักคำ ก่อนจะอมยิ้ม การบำบัดมนุษย์ดาวอังคารที่อยากไปเที่ยวกับแฟนมากแต่ดันป่วยหนักจนเกือบจะเข้าโรงพยาบาลนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกันแฮะ
“ไปโรงพยาบาลมั้ย?”
แจจุงถามไปงั้นแหละ และแน่นอนว่าคำตอบของยุนโฮก็คือการส่ายหน้า
“นี่ กลับบ้านไปเหอะ เดี๋ยวติดหวัด” ยุนโอเอ่ยออกมาจนได้ เมื่อเห็นสภาพตัวเอง และแจจุงที่ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ “ไม่ต้องไล่หรอก วันนี้บอกคุณแม่แล้วว่าจะเฝ้า นอนป่วยอย่างนี้ฉันก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเหมือนกัน มากินข้าวกันดีกว่า จะได้กินยา”
“ข้าว?”
“อื้อ ทำเอาไว้ ตอนที่สลบไปตะกี้ นี่ ข้าวต้มหอมๆ นะ” แจจุงยิ้ม ”ลุกขึ้นมาก่อนเร็วหมีขี้เกียจ กินข้าวแล้วกินยา จะได้นอน ยิ่งไม่ได้กินอะไรเชื้อโรคยิ่งโจมตีแรงนะ”
ยุนโฮขมวดคิ้ว เขาจำไม่ได้ว่ามีทฤษฎีในตรรกะวิทยาศาสตร์ข้อไหนที่กล่าวถึงเรื่องแปลกๆ อย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเป็นแจจุง เขาก็คงจะเชื่อหมดทุกอย่างละมั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด ยุนโฮมองเสื้อผ้าของตัวเองกับแจจุงที่ดูยังไงวันนี้ก็จะใส่ไปเที่ยวแน่ๆ แล้วถอนหายใจ
ชองยุนโฮเกลียดไข้หวัด
แจจุงค่อยๆ ดึงยุนโฮที่นอนแบ็บอยู่ขึ้นมากินข้าวต้มด้วยกัน “มากิน”
ยุนโฮได้แต่นั่งเบลอ ก่อนจะเลื่อนมือไปคว้าช้อนขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง ... ท่าทางที่แจจุงเห็นแล้วต้องรีบเปลี่ยนมืออย่างเร่งด่วน มือเล็กเอื้อมไปหยิบช้อนมาไว้กับตัวเอง ก่อนจะเป็นฝ่ายตักข้าวต้มหอมฉุยร้อนๆ ขึ้นมาหนึ่งคำ เป่าจนมันอุ่นไม่ลวกปาก แล้วจึงยกขึ้นจ่อที่ปากคนป่วยแล้วยิ้ม
“อ่ะ”
ทันทีที่บอก ยุนโฮก็อ้าปากก่อนจะรับเข้าไปอย่างว่าง่าย ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีจางๆ เมื่อแจจุงหยิบทิชชู่มาเช็ดริมฝีปากให้เขา ก่อนมันจะขึ้นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนแดงเถือกไปหมด เมื่อคนสวยใจดียังคงตักข้าวป้อนให้เขาอยู่ข้างๆ จนยุนโฮทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งนิ่งแข็งเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ ให้แจจุงเล่นไปอย่างนั้นเอง
ในที่สุด ข้าวต้มน่าอร่อยก็หมดไปอย่างรวดเร็วภายในเวลา 23.44 นาที
“เอ้ากินยา จะได้นอน”
“....”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ กินเร็วๆ เดี๋ยวก็เปื้อนหมดกันพอดี”
“อยากไปเที่ยว...”
“กินยาแล้วนอนเลย ท่งเที่ยวอะไร เดี๋ยวนั่งเดทเป็นเพื่อนถึงเย็นเลยละกันดีป่ะ?” สิ้นคำ แจจุงก็รั้งคอยุนโฮมาแนบริมฝีปากที่หน้าผากแผ่วเบา ทำเอาตัวหล่อนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมคายขึ้นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่มีแรงแม้แต่จะยกฝ่ามือขึ้นมา หากแต่หัวใจกลับอุ่นจนรู้สึกสบาย ยุนโฮกินยา กลืนน้ำตาม ก่อนจะตัดสินใจตัดบทด้วยการนอนลงบนโซฟาราคาแพง แล้วพลิกหน้าหันหลังให้แจจุง “อ้าว หันหนีซะงั้น”
แจจุงยิ้ม..
ก่อนจะเฝ้ามองยุนโฮที่นอนหลับไปข้างๆ ไม่ห่างไปไหน...
ยุนโฮลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพบว่าอาการปวดหัวทั้งหมดได้หายไปแล้ว
ทันทีที่ลืมตา เขารู้สึกสบายตัวขึ้นมาก อย่างน้อยก็ดีกว่าก่อนที่แจจุงจะมาก็แล้วกัน
ยุนโฮไม่ใช่คนขี้โรค เพราะฉะนั้นจึงเป็นหวัดไม่บ่อยและไข้ก็ลดเร็ว
ไม่น่าเลย...
ทำไมไข้ต้องมาหายตอนที่ยุนโฮเพิ่งรู้ข้อดีของมันด้วยนะ?
หลังจากที่ได้ตัวสวยมาคอยดูแลประคบประหงม ป้อนข้าวป้อนน้ำตลอดทั้งวันแถมยังนอนเฝ้าเค้าตอนหลับ ยุนโฮก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า บางทีการเป็นไข้ก็ไม่ใช่เรื่องโชคไม่ดีซะทั้งหมดหรอก
ไม่รู้สิ – ก็แค่ พอเห็นหน้าตัวสวยมันก็รู้สึกอยากจะป่วยขึ้นมา
ก็ถ้ารู้ว่าป่วยแล้วดูแลดีขนาดนั้น ... บางทีชองยุนโฮก็อยากจะลองป่วยทุกวันเลยบ้าง...
แกร๊ก
เสียงประตูที่ดังขึ้น บ่งบอกให้ยุนโฮรู้ว่าสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งสิ่งที่ใช้ออกซิเจนร่วมกับเขาในบ้านหลังนี้ได้เข้ามาในห้องเขาแล้ว ด้วยสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ยุนโฮที่อันที่จริงแล้วค่อนข้างอาการดีขึ้นมาก จึงได้แต่ยกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอก ก่อนจะทำตาปรือ อารมณ์ว่าเพิ่งตื่นเต็มที่
“ตื่นแล้วเหรอพี่ยุนโฮ? ... ดีขึ้นมั้ย?” แจจุงทัก ก่อนจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เตียง แล้วฟังเสียงแหบแห้งที่ดังลอดออกมาแผ่วเบา “อือ...ยังไม่มีแรงเท่าไหร่เลย...”
“เหรอ? แล้วหิวข้าวมั้ย แจจุงจะไปทำข้าวต้มเพิ่มให้” แจจุงไต่ถามอย่างเป็นห่วง ก่อนยุนโฮจะยิ้มจางๆ “อือ ...”
“พี่ยุนโฮยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอ?” แจจุงถามขึ้นในขณะที่ลงมือป้อนข้าวยุนโฮเป็นมื้อที่สอง ยุนโฮที่ (ดูเหมือนจะ) ไข้ไม่ลดพยักหน้าตอบให้นางฟ้า “งั้น...”
อยู่ อยู่ อยู่
ยุนโฮภาวนา
“งั้นแจจุงจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ยุนโฮพรุ่งนี้เลยอีกวันละวัน”
โอ้เยส!
สาบานได้ว่าชองยุนโฮกำลังป่วยหนักจริงๆ...
แล้วกว่ายุนโฮจะ(ยอม)หายป่วยก็ล่วงเลยไปถึงวันจันทร์ ซึ่งกินเวลายาวนานผิดปกติเหมือนกับว่าเจ้าตัวเป็นโรคอะไรร้ายแรงเสียอย่างนั้น โชคดีที่แจจุงไม่รู้สึกตัวเลยเพราะเอาแต่เป็นห่วงเขา
ไม่รู้ทำไม
ชั่วครู่หนึ่ง..
ยุนโฮก็รู้สึกอยากป่วยนานๆ ขึ้นมา
เพราะถึงสุดท้ายจะไม่ได้เที่ยวที่ไหนกับแจจุง
แต่ถ้าที่บ้านมีตัวสวยใจดี ซื้อขนม ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ตามดูแลอยู่ไม่ขาดแบบนี้ล่ะก็
บางทีการไม่สบาย ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่างหรอกนะ...
ความคิดเห็น