คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : มังกร~
เรื่องราวของมังกรมีอยู่ทั่วจะแทบทุกมุมของโลกเลยก็ว่าได้ ทั้งมังกรพ่นไฟได้แบบฝรั่งจากตำนานกษัตริย์อาเธอร์ มังกรที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบาบิโลเนียในโบราณ มังกรสัตว์จากสวรรค์ในตำนานของจีน หรือแถบๆ บ้านเรา ประเทศไทย เขมร พม่า ก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค
จากตัวอย่างที่ได้ยกไปมากมายนั้น เราจะเห็นได้จากว่ามีตำนานหรือเรื่องเล่าเก่าๆ ที่มักจะต้องมีมังกรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในเสมอ มันมีตัวตนจริงหรือไม่นั้นก็ยังเป็นคำถามที่ค้างคาใจใครอีกหลายๆ คน ความลึกลับของมังกรยังคงเป็นเหมือนมนต์เสน่ห์ที่ยังดึงดูดผู้คนให้ใฝ่ฝันถึง มังกรจึงถูกจับมาถ่ายทอดด้วยจินตนาการลงบนหน้ากระดาษดังที่เราได้พบเห็นกันอยู่เสมอๆ แม้แต่วรรณกรรมเยาชนเรื่องเอกอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ยังกล่าวถึงมังกร
แล้วความนึกคิดของคนในส่วนต่างๆ ของมุมโลกจะมีทัศนคติต่อมังกรเหมือนกันหรือไม่? มังกรมีกี่ชนิด? หน้าตามังกรจะเป็นยังไง? เราลองมาดูไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ
มังกรในแบบเอเชีย
ลักษณะของมังกรในเอเชียลำตัวจะยาว บาง มีขา 4 ขา หัวจะใหญ่ แล้วก็ไม่มีปีก แต่สามารถบินได้ ลักษณะจะเหมือนงู ดูๆ ไปก็เหมือนงูมีขา (ให้นึกถึงภาพมังกรของจีน ส่วนบ้านเราก็คงต้องเป็นพญานาคล่ะ ซึ่งคนในแถบเอเชียเชื่อว่ามังกรเป็นสัตว์ที่มีสถานะเป็นเทพมีอยู่จริงและยังอยู่ในความเชื่อของคนเอเชียมาจนถึงทุกวันนี้
มังกรในแบบตะวันตก
มังกรของพวกฝรั่งจะมีลักษณะเป็นสัตว์ที่มีตัวใหญ่โต มีหนามแหลมๆ ทั่วตัว มีขา 4 ขา หางยาว แล้วก็มีปีกด้วย ค่อนข้างดุร้าย ส่วนหัวจะมีลักษณะคล้ายจระเข้ หรือตะโขง บางครั้งก็จะต้องมีเขาแหลมๆ มีหนาม หรือ เดือยอยู่บนหัวด้วย
มังกรถูกสันนิษฐานว่ามันอาจจะพัฒนามาจากได้โนเสาร์พันธุ์ Pteronadon ซึ่งห่างไกลจากพวกตระกูลจระเข้ที่เป็นสัตว์น้ำอย่างที่ลักษณะส่วนหัวมันเป็น และมังกรในตะวันตกยังเชื่อกันว่าเป็นตระกูลสัตว์เลือดเย็น มันสามารถบินได้อากาศที่หนาวเย็นได้ หรือมันมักจะบินในช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
มังกรทะเล
มังกรทะเลนี้มีความน่าจะเป็นมากกว่ามังกรชนิดอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมักจะเริ่มจากน้ำ และมหาสมุทรนั้นก็ทั้งลึกและกว้างใหญ่ซึ่งมันมักจะแฝงไว้ด้วยความเร้นรับเกินกว่าที่มนุษย์จะหยั่งถึง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีงูทะเลอยู่จริงก็เป็นได้
มังกรชนิดนี้ไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาของมัน เชื่อว่ามันอยู่แต่ในทะเลลึก และไม่มีปีกเหมือนมังกรชนิดอื่นๆ เพราะมันเป็นมังกรน้ำที่ถ้าตัวแห้งเมื่อไหร่ก็คงตายเมื่อนั้น!
ไฮดร้า (Hydras)
ไฮดร้ามีลักษณะเป็นมังกรที่มี 4 ขา 2 หัว 2 (บางตำราว่ามี 7-9 หัว เวลาทะเลาะกันคงยุ่งพิลึก!) แขน และมีขา 2 ขา มีปีกเหมือนมังกรชนิดอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าไฮดร้าเป็นมังกรแฝดสยามของชาวตะวันตก นอกจากนี้มันยังมีหัวใจ 2 ดวงอยู่ในร่างเดียวกัน แต่ละหัวก็มีสมองเป็นของตัวเอง ซึ่งในตำนานมักจะกล่าวว่าหัวของมันแยกออกจากกันอยู่แล้ว เป็นเชิงว่าหัวใครหัวมัน แต่ตัวเราใช้ด้วยกัน (ให้นึกถึงแฝดอินจันไว้นะคะ แต่ว่าเปลี่ยนจากหน้าคนมาเป็นหน้ามังกรนะ) แต่มังกรชนิดนี้ดูจะไม่ค่อยมีเค้าว่าจะน่าจะมีอยู่จริงสักเท่าไร
แต่บางตำนานอย่างเช่นในเรื่องการผจญภัยของเฮอร์คิวลีส กล่าวไว้ว่าไฮดร้าเป็นมังกร 9 หัว ตัดออกมันก็งอกออกมาใหม่ได้ ซึ่งเชื่อว่ามังกรไฮดร้านี้อาศัยอยู่ในแถบแคว้น Argos ประเทศกรีซ
วีเวินส์ (Wyverns)
เป็นมังกรจำพวกที่คนคิดจินตนาการขึ้นมาเองว่ามันน่าจะมีอยู่จริง แต่ที่จริงแล้วมันไม่น่าจะมีมังกรแบบนี้อยู่ได้จริง คนทั่วไปจินตนาการว่ามันน่าจะมีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ววีเวินส์น่าจะมีลำตัวยาวเหมือนงู แต่มีแค่ 2 ขา มีปีกที่ใหญ่โตมีขนคล้ายนก มีหางที่ยาวๆ
วีเวิรนส์มีความสามารถบินได้เหมือนนก สามารถใช้ปากหรือไม่ก็ขาหลังฉวยเอาเจ้าปลาน้อยที่ว่ายวนอยู่ในน้ำได้เหมือนนก แล้วก็มีฟันแหลมๆ เหมือนพวกไดโนเสาร์ คล้ายๆ กับ Tyranosoraous Rex
ข้อมูลอัพเดท: วีเวิรนส์ เป็นมังกรธาตุดิน บางที่อธิบายว่าหัวมันเป็นงูแล้วก็มีกงเล็บเหมือนนกอินทรี ซึ่งวีเวิรนส์ในสมัยใหม่ถูกอัพเดทความร้ายกาจเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยการให้กงเล็บไปติดอยู่ที่ปลายปีก (เหมือนค้างคาว) แล้วก็ทำให้ทางมันมีพิษ (เหมือนแมลงป่องที่มีพิษอยู่ที่หาง ด้วยเหตุนี้ภาพวาดของวีเวิรนส์บางทีจึงวาดให้หางของมันเหมือนแมงป่องไปซะเลย ) ถิ่นที่อยู่อาศัยจะอยู่ในแถบภูเขาแถวยุโรปหรือสวีเดน
วีเวิรนส์เป็นที่รู้จักของคนฝรั่งเศสในอีกชื่อหนึ่งคือ Vouivre (วูฟเวรอะ ) or Wouive (วูฟ) ซึ่งชื่อของมันในภาษาฝรั่งเศสโบราณหมายถึง งู หรือ ชีวิต นอกจากนี้ภาพวาดของวีเวิรนส์ตัวเมียของชาวฝรั่งเศสจะมีทับทิมหรือโกเมนสีแดงติดอยู่ที่กลางหน้าผากด้วย เพื่อช่วยในการมองเห็นเวลาอยู่ใต้พื้นดิน
เวิร์ม (Wurm)
มีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น Guivre, Worm และ Wrym เป็นมังกรที่ไม่มีขาแล้วก็ไม่มีปีก มีลักษณะลำตัวหนาและใหญ่ เป็นมังกรที่มีรูปร่างและหัวคล้ายกับงู ส่วนหัวจะมีลักษณะแหลมกว้าง ที่ท้องจะแข็งเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันส่วนท้อง
ออโรโบรอส (Ouroboros)
ออโรบอรอสมีการพูดถึงอยู่หลายวัฒนธรรม เช่น แม็กซิโก (อเมริกัน-อินเดียนแดง) อียิปต์ เป็นต้น รูปร่างลักษณะทั่วไปคล้ายงู ที่แปลกคือมันมักจะเอาปากคาบหางของตัวเองไว้ มีปีกแล้วก็ 2 ขา เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอนันต์และวงแหวนแห่งจักรวาล ซึ่งความหมายของออโรบอรอสนี้ยังหมายถึงพลังของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ออโรบอรอสมีต้นกำเนิดมาความเชื่อของคนในประเทศอียิปต์ 1,600 ปีก่อนคริตสศักราช (ก็ประมาณ 3,605 ปี) แล้วก็แพร่หลายไปทั่ว โดยออโรบอรอส มีความหมายว่า "กินหางของตัวเอง
แฟเรีย (Faerie)
แฟเรียเป็นมังกรที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามังกรทั้งหมด เชื่อกันว่ามันเป็นญาติห่างๆ กับสายพันธุ์ของผีเสื้อ ปีกของมันจึงคล้ายๆ กับปีกของผีเสื้อ โดยธรรมชาติแล้วมันจะไม่ผสมคู่ข้ามสายพันธุ์ และที่สำคัญมันเป็นมังกรมังสวิรัติอีกด้วย
เดรก (Drake)
เดรก หรือที่เรียกอีกอย่างว่า เดรกอัคนี (Firedrake) มีลักษณะของมังกรทางความเชื่อของพวกฝรั่ง แต่แปลกออกไปตรงที่มันไม่มีปีก แต่จะมีขา 4 ขา พ่นไฟได้ มีลักษณะตัวคล้ายงู หนังติดกระดูก ตัวยาว หนาและกว้าง หางเหมือนแส้ ตัวมีสีแดง เป็นมังกรธาตุดิน มีความเชื่อในแถบยุโรปว่า เดรกอัคนีคือมังกรผู้เฝ้ารักษาสมบัติ และเป็นมังกรในความเชื่อที่มีพื้นเพมาจากประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศส
ไอซ์เดรก (Icedrake)
ไอซ์เดรกหรือมีลักษณะคล้ายกับมังกรเดรก หรือ เดรกอัคนี แต่จะต่างกันที่มันไม่พ่นไฟ แต่จะพ่นพวกเกล็ดหิมะ เกล็ดน้ำแข็ง หรือลำแสงที่มีลักษณะเป็นสีขาว แล้วก็บินไม่ได้เหมืนเดรกอัคนี ขนาดตัวยาวประมาณ 5-20 เมตร จัดอยู่ในประเภทมังกรธาตุน้ำ
แอนโทรโมร์ฟิค หรือ แอนโทร (Anthromorpihic or Anthro)
แอนโทรเป็นส่วนผสมผสานกันระหว่างคนและมังกร มังกรชนิดนี้ยืนได้ด้วย 2 ขา (เหมือนกับเวลาที่คนยืน) แต่เท้ายังเป็นเท้าของมังกร มีแขนเหมือนคน มีปีก มีหาง มีเกล็ด ส่วนหัวเป็นมังกร ขนาดตัวของมังกรชนิดนี้มีขนาดพอๆ กับคน ทั้งน้ำหนักและส่วนสูง นอกนั้นลักษณะทั่วไปก็เหมือนกับมังกรของพวกฝรั่ง บ้างก็เชื่อกันว่ามังกรชนิดนี้มีหาง มีเขาอีกด้วย
ดรากอนเน็ต (Dragonet)
เป็นมังกรที่มีขนาดตัวไม่เกิน 1.5 เมตร ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ เชื่อกันว่ามันอาศัยอยู่ในภูเขาไพเลท (Pilate) ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เลือดของมันเป็นพิษ และสามารถพ่นไฟได้ จัดเป็นมังกรธาตุดิน
.................................................................................................................................
สีกับมังกร
แน่นอนว่ามังกรนอกจากจะมีรูปร่างที่ต่างกันไปแล้ว สีสันของมันก็ยังขึ้นอยู่กับจินตนาการอีกด้วย สีสามารถสื่อความหมายอะไร และสามารถแบ่งระดับของมังกรได้เพียงไหน คุณคิดว่าอย่างไร?
มังกรแดง
สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและกระตือรือร้น แต่ในส่วนของมังกรสีแดง มันสามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในความหวาดกลัว สามารถทำลายเมืองเล็กๆ ได้ในพริบตาด้วยเปลวไฟของมัน เรียกเอาเลือดเนื้อและความเกลียดชังจากผู้คนได้ สรุปได้เลยว่าเป็นมังกรอารมณ์รุนแรง
มังกรในตำนานของตะวันตกส่วนใหญ่มักจะเป็นสีแดง และจากคำพรรณนาในบทกวีก็มักจะกล่าวว่าตัวของมันเป็นสีแดง บางที สีแดงนี้อาจจะหมายถึง เลือด ไฟ ความรัก และอารมณ์ที่ครุกรุ่นดั่งพายุก็เป็นได้ ส่วนสีนี้ในแถบตะวันออกมีความหมายถึงพายุ
มังกรสีน้ำเงิน
สีน้ำเงินมีความหมายที่สื่อไปในอารมณ์ของความหงุดหงิด และมีความหมายถึงน้ำหรือทะเล โดยส่วนใหญ่มักจะใช้กับพวกงูทะเลที่มักจะมีอารมณ์แปรปรวนจนชอบมาล่มเรือที่แล่นผ่านไปมาแถวมหาสมุทรอยู่บ่อยๆ
นอกจากนี้สีฟ้าอ่อน นี้ยังอาจหมายถึงน้ำแข็งก็ได้เช่นกัน ซึ่งก็อาจจะหมายถึงมังกรน้ำแข็งที่มักจะอาศัยอยู่ในแถบที่มีอากาศหนาวเย็น หรือพวกมังกรจำศีล แต่มังกรพวกนี้มักจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าให้กล่าวถึงเท่ากับพวกมังกรไฟ ในส่วนของชาวตะวันออก สีฟ้าใสหมายถึงความสงบและเยือกเย็น
มังกรสีเขียว
สีเขียวหมายถึงโลก ดังนั้นมังกรสีเขียวก็คือมังกรที่มีความสัมพันธ์กับโลก เป็นมังกรมังสวิรัติ และอยู่กับธรรมชาติ เชื่อกันว่ามังกรสีเขียวพ่นน้ำกรดแทนที่จะเป็นไฟหรือน้ำแข็ง ดังนั้นมังกรสีเขียวจึงสามารถบังคับความเป็นไปของธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ทำให้แผ่นดินไหว หรือเปลี่ยนกระแสน้ำได้
มังกรสีม่วงอ่อน
สีม่วงอ่อนเป็นสีแห่งความสูงศักดิ์ ปกติแล้วเราจะแทบไม่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมังกรสีม่วง มังกรประเภทนี้จัดเป็นมังกรเจ้ายศเจ้าอย่าง มันมักจะคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งกว่าชาวบ้าน เชื่อกันว่าลมหายใจของมันเป็นสีม่วงด้วย!
มังกรสีเงิน
มังกรสีเงินจัดอยู่ในประเภทมังกรที่ฉลาด มีความคิด และระแวดระวังภัยเป็นเลิศ แต่เมื่อมันแก่ตัวมากขึ้นมันก็มักจะอยู่เฝ้าสมบัติของตัวเอง มากกว่าไปสุงสิงกับมังกรตัวอื่นๆ มังกรประเภทนี้จะชอบสิ่งของที่สะท้อนแสงแวววาวทุกชนิด โดยเฉพาะกระจก มังกรสีเงินมักจะเป็นพวกอยู่ติดบ้าน ไม่ยอมออกจากถ้ำไปไหน มันชอบการจำศีล ไม่ก็ซ่อนตัวเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้
มังกรดำ
มังกรดำในความคิดของคนทั่วไปแล้วมักจะเป็นไปในทางไม่ดี สีดำคือสีของปีศาจและความชั่วร้าย คนทั่วไปมักจะไม่ชอบมังกรสีนี้ และบางคนก็เชื่อว่ามันเป็นอมตะ เพราะสีดำเป็นสีแห่งความตายและมัจจุราช ซึ่งสีดำนี้ คนเรามักจะเอามาเปรียบเทียบกับสีของยามค่ำคืนอันมืดมิด
ส่วนในความเชื่อของชาวเอเชีย สีดำเป็นสีของความสับสน มังกรดำของคนเอเชียเชื่อกันว่าเวลามันพ่นไฟจะทำให้เกิดพายุฟ้าแลบแปรบปราบ และว่ากันว่ามังกรดำคือมังกรแห่งทิศเหนือ
มังกรสีขาว
มังกรสีขาวเป็นมังกรที่ฉลาดสขุม เพราะสีขาวมีความหมายถึงแสงสว่างและศีลธรรม แต่ก็มีอยู่หลายเรื่องที่ให้มังกรขาวเล่นบทเป็นตัวร้าย เพราะมังกรชนิดนี้ฉลาดพอที่จะไม่พูดความจริงทั้งหมด ในประเทศจีนก็มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับมังกรขาว และชาวจีนยังเชื่ออีกว่ามังกรขาวคือผู้รักษาความสมดุลย์ธาตุหยินและหยางในโลก ทำให้โลกมีความสงบสุขด้วย
สีขาวสำหรับชาวเอเชียคือสีแห่งการไว้ทุกข์ มังกรขาวจึงกลายเป็นผู้เตือนแห่งความตายแต่ไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน มังกรขาวคือมังกรประจำทิศใต้
มังกรทอง
มังกรทองส่วนใหญ่จะหมายถึงราชามังกรและราชินีมังกร มังกรสีทองนี้จะเป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สมบัติทั้งทองคำ เพชรพลอยและรัตนชาติ มังกรประเภทนี้จะเป็นมังกรนิสัยดีและมีความยุติธรรมและให้ความเท่าเทียมกันกับมังกรทุกชนิด มังกรทองนี้ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ออกมาเวลาอยู่ในที่สาธารณะ
ในความเชื่อของชาวเอเชีย มังกรทองยังรวมไปถึงมังกรสีเหลืองด้วย มังกรทองเอเชียมักจะอยู่อย่างสันโดษไม่ค่อยสุงสิงกับใครและจะปรากฎให้ตัวให้คนเห็นเมื่อฤกษ์งามยามดีเท่านั้น
ทัศนคติเรื่องมังกรของชาวจีน
ในความเชื่อของชาวจีนนั้นมังกรเป็นสัตว์เทพเจ้า ซึ่งแบ่งมังกรออกได้ดังนี้
- มังกรเจ้าที่ ซึ่งมังกรประเภทนี้จะมี 5 นิ้ว
- มังกรเทพเจ้า ซึ่งสามารถควบคุมลมและฝน
- มังกรบาดาลหรือมังกรน้ำ สามารถควบคุมกระแสน้ำ
- มังกรใต้บาดาลหรือใต้พิภพ เป็นผู้รักษาทรัพย์สมบัติซึ่งเชื่อกันว่าก็คือไข่มุกนั่นเอง
ชาวจีนเชื่อว่าสามารถสังเกตอายุและความแข็งแกร่งของมังกรได้จากสีของตัวมัน มังกรสีดำหรือสีแดงจะมีลักษณะที่ดุร้าย แต่จะมีฤทธิ์น้อยกว่าสีเหลือง เชื่อกันว่ามังกรเกิดมาจากไข่ของงูพันปี หรือ ไข่ของงูน้ำที่ได้กลายร่างเป็นมังกรมาแล้ว 500 ปี พอมังกรมีอายุครบพันปี ก็จะมีขา 4 ขา และก็เครามังกร หลังจากนั้นอีก 500 ปี มังกรก็จะมีเขางอกออกมา แล้วพอครบ 3000ปี มันก็จะกลายเป็นมังกรผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
ส่วนมังกรของญี่ปุ่นและเกาหลีก็มีลักษณะโดยทั่วๆ ไปเหมือนกับของจีน แต่ต่างกันตรงที่นิ้วเท้าของมังกร ที่ของจีนอาจจะมี 4 หรือ 5 นิ้ว ในขณะที่ของญี่ปุ่นมีเพียงแค่ 3 นิ้ว
สีของมังกรจีน
สีดำ เป็นมังกรวัยเด็ก อายุไม่เกิน 1,000 ปี ลักษณะตัวจะเป็นสีทอง-ดำ สัญลักษณ์ประจำทิศเหนือ เชื่อกันว่ามังกรชนิดนี้เป็นตัวทำให้เกิดพายุ (เคยพูดไปแล้วในสีกับมังกรตะวันตก)
สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน เป็นมังกรเด็กอายุประมาณ 800 ปี ลำตัวเป็นสีฟ้าใส และเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ เป็นสัญลักษณ์ประจำทิศตะวันออก
สีเหลือง เป็นมังกรที่เกิดมังกรสีเหลืองทองที่มีอายุตั้งแต่ 1,000 ปีขึ้นไป ชอบอยู่อย่างสันโดษและท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ อยู่ตัวเดียว มังกรชนิดนี้จะปรากฎตัวให้คนเห็นเมื่อถึงเวลาที่เรียกว่า "ฤกษ์งามยามดี"
สีแดง เป็นมังกรที่เกิดจากมังกรสีแดงทองที่มีอายุประมาณ 1,000 ปี เป็นสัญลักษณ์ของทิศตะวันตก และเชื่อว่าเป็นมังกรอีกตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดพายุนอกจากมังกรดำ
สีขาว เป็นมังกรที่มีอายุ 1,000 ปี เป็นสัญลักษณ์ของทิศใต้ ซึ่งสีขาวของคนจีนหมายถึงการไว้ทุกข์ มังกรขาวจึงเป็นมังกรที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายด้วยแต่ไม่ใช่มังกรปีศาจอย่างแน่นอน (ตามที่เคยพูดไปแล้วในสีกับมังกรตะวันตก)
การแบ่งมังกรออกเป็นธาตุต่างๆ
มังกรธาตุลม (Dragons of Air)
มังกรธาตุลมปกครองทางทิศตะวันออก ซึ่งหัวหน้ามังกรธาตุนี้ก็คือ Sairys (อ่านว่า แซร์อิซ) เป็นผู้ดูแลมังกรในธาตุลม ตัวของแซร์อิซจะเป็นสีเหลืองทั้งตัว ค่อนข้างจะอุ่นๆ แล้วก็ชื้นๆ
มังกรในธาตุนี้มีความสัมพันธ์กับสายตระกูล ดราโกนิค (Draconic) รวมไปถึงมังกรสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับลม พายุ ฤดูกาล และเป็นมังกรที่เข้ากับสายพันธุ์อื่นๆได้ดี
มังกรธาตุดิน (Dragons of Earth)
มังกรดินคือมังกรที่ครอบครองทางทิศเหนือ หัวหน้ามังกรธาตุดินคือ เกรล (Grael หรือ Grail) เป็นผู้ดูแลมังกรภูเขา แผ่นดิน น้ำแร่ รัตนชาติ และแสงจันทร์ สีของเกรลจะเป็นสีดำสนิททั้งตัว ตัวของเดรลจะแห้งและเย็น
มังกรธาตุดินจะมีลักษณะตัวที่ใหญ่ มีพลังที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ มังกรที่อยู่ในสายของมังกรภูเขาและป่ารวมไปถึงมังกรที่อยู่ในพื้นที่แห้งแล้งและทะเลทรายจัดเป็นมังกรในธาตุดิน ซึ่งมังกรธาตุนี้มีความใกล้เคียงกับมังกรไฟหรือมังกรภูเขาไฟมาก
มังกรธาตุไฟ(Dragons of Fire)
มังกรในธาตุไฟปกครองอยู่ทางทิศใต้ หัวหน้ามังกรคือ ฟัฟนิร์ (Fafnir) เป็นผู้ดูแลมังกรไฟและแสงอาทิตย์ ลำตัวเป็นสีแดงล้วน ลำตัวแห้งและร้อน
มังกรในธาตุไฟจะอยู่ในสายตระกูลของมังกรไฟและมังกรภูเขาไฟ และสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับทะเลทรายและแผ่นดินที่แห้งแล้ง ซึ่งมังกรไฟและมังกรภูเขาไฟจะมีลักษณะเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองเข้ม ตัวหนาและใหญ่ ลำตัว คอ และหางยาวเหมือนงู มังกรไฟบางชนิดจะชอบนอนจำศีลอยู่ในปล่องภูเขาไฟ และมันก็มีอาวุธประจำตัวคือลูกไฟที่มันจะพ่นออกมาเพื่อป้องกันตัวนั่นเองและจัดเป็นมังกรประเภทขี้หงุดหงิด ขี้โมโหและเอาใจยาก ซึ่งถ้าใครคิดจะไปยุ่งกับมันก็จะจบท้ายด้วยการโดนมันจับเผาเท่านั้นเอง
Dragons of the Seas and Various Waters
มังกรธาตุนี้เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเล ทะเลสาบ แม่น้ำ สระน้ำ และในแหล่งน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ขนาดตัวจะใหญ่พอๆ กันมังกรในเอเชีย นั่นก็คือ มีลักษณะยาวและมีลำตัวคล้ายงู แล้วก็ไม่มีปีกไม่มีขาด้วย หัวหน้าของมังกรชนิดนี้คือ เนลยอน (Naelyan) เป็นมังกรที่ดูแลมังกรน้ำและมังกรทะเล ซึ่งตัวของมันจะเป็นสีฟ้าทั้งตัว มีลักษณะเย็นและเปียกชื้น
มังกรธาตุน้ำส่วใหญ่ลำตัวจะอยู่ในโทนสีฟ้า มีทั้งตั้งแต่ ฟ้าประกายเงิน สีฟ้าอ่อน ยันไปถึงสีฟ้าน้ำทะเล ซึ่งสีของตัวมันจะสอดคล้องกับถิ่นที่อยู่ของมันนั่นเอง ที่หลังและปากจะมีลักษณะของปุยๆ หรือกระจุกขนๆ ที่ดูคล้ายขนนก (นึกถึงเวลาเขาเชิดมังกรจีนไว้) รอบเบ้าตามีลักษณะเป็นกระดูกแข็งๆ ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายงู ลำตัวจะเล็กหรือจะตัวยาวก็ได้ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่อยู่อาศัย
ในทะเลนั้นเชื่อกันว่ามีมังกรพวกนี้ซ่อนตัวอยู่เกือบทั่วทุกมุมโลก และสถานที่เชื่อว่าน่าจะเป็นแหล่งกบดานของมังกรพวกนี้คือแถบทะเลสแกนดิเนเวีย เดนมาร์ก อังกฤษ อเมริการเหนือ และตามแม่น้ำ ทะเลสาบ เป็นต้น
..................................................................................................................................
Gem Dragon (มังกรอัญมณี)
มังกรอัญมณีนี่เป็นมังกรที่มีลักษณะของตัวเป็นสีเหมือนกับอัญมณี
Crystal Dragon (คริสตอล ดราก้อน)
มังกรชนิดมีไม่ดุร้าย เป็นมังกรขนาดเล็ก มีถิ่นที่อยู่อาศัยบริเวณเทือกเขาแถบอาร์คติค หรือที่มีอุณหภูมิเย็นสบาย นอกจากนี้แล้วคริสตอลดราก้อนยังเป็นมังกรที่ฉลาดสามารถหลบหลีกมังกรที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ อาหารของมันคืออัญมณีหรือแร่เหล็ก อุปนิสัยไม่ก้าวร้าวและเป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในด้านของพลังก็ไม่ใช่มังกรที่มีความสามารถในการต่อสู้เหมือนมังกรอื่นๆ แต่ก็ยังพอมีอาวุธประจำตัวอยู่บ้างนั่นก็คือลำแสงที่มีลักษณะสว่างที่ปล่อยออกมาจากปาก
Amethyst Dragon (อเมทีสต์ ดราก้อน)
ลำตัวของอเมทีสต์ ดราก้อนมีสีม่วงที่มีประกายระยิบระยับ เป็นมังกรที่ใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์มังกรอัญมณี ถิ่นที่อยู่ของมังกรชนิดนี้มักจะอยู่ในบริหารชายฝั่งและมีอุณภูมิเย็น ซึ่งบางทีก็อาจทำรังอยู่ในบริเวณภูเขาหรือทะเลสาบที่มีอากาศเย็นสบาย อาการของมันก็จะเป็นพวกปลา หรือ พวกสินแร่อัญมณีที่หาได้แถวๆ รังของมัน อาวุธประจำตัวของมันคือพลังที่เป็นลักษณะคล้ายเพชรทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้โจมตีใส่ศัตรู โดยปกติแล้วมันไม่ค่อยเป็นมิตรกับมังกรสีขาวและสีแดง แต่จะชอบคบหากับมังการสีเงินหรือสีทองแดงมากกว่า
Sapphire Dragon (แซฟไฟร์ ดราก้อน)
เป็นมังกรที่มีความฉลาดเฉลียว ลำตัวมีสีฟ้าเป็นประกายของบุษราคัม บางทีก็มีลักษณะสีออกสีน้ำทะเลอ่อนๆ หรือสีน้ำเงินที่ดูเย็นตา แต่เนื่องจากมังกรชนิดนี้มีศัตรูเยอะมากจึงทำให้มังกรชนิดนี้มีถิ่นที่อยู่ที่ลึกลับมาก มันจึงต้องไปทำรังอยู่ใต้ดินเพื่อหลบหนีศัตรู อาวุธประจำตัวของมันคือพลังที่ทำให้ศัตรูต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและสูญสลายไปในพริบตา
Emerald Dragon (เอ็มเมอรอล์ด ดราก้อน)
เอ็มเมอรอล์ด ดราก้อนเป็นมังกรที่มีสีเขียนเหมือนหยก รังของมันมักจะอยู่แถวๆ ปากปล่องภูเขาไฟหรือที่ที่มีอากาศร้อน สามารถพ่นลำแสงใส่ศัตรูได้เหมือนมังกรชนิดอื่นๆ มังกรชนิดนี้มักมีนิสัยหวงลูก นอกจากนี้บางทีมังกรเอ็มเมอรอล์ดก็อาศัยรวมกันกับมังกรแซฟไฟร์ แต่มังกรเอ็มเมอรอล์ดก็ยังถูกล่าเป็นอาหารโดยมังกรแดงที่มีลำตัวที่ใหญ่กว่า
Topaz Dragon (โทเปส ดราก้อน)
โทรเปสดราก้อนเป็นมังกรที่เห็นแก่ตัวและไม่ชอบเข้าสังคมกับมังกรอื่นๆ นับเป็นมังกรที่นิสัยแย่ที่สุดในบรรดามังกรอัญมณี ลำตัวของมันมีขนาดเท่ากันกับคริสตอลดราก้อน ลำตัวของมันมีสีทองอมส้ม ด้วยอุปนิสัยที่ไม่ชอบคบหากับมังกรตัวอื่นมันจึงมักอยู่อย่างสันโดษบริเวณที่ที่มีอากาศเย็น หรือ อุณภูมิต่ำๆ แถบชายทะเล และว่ากันว่าทางเข้าถ้ำของมันอยู่ใต้น้ำ เวลาจะเข้าถ้ำก็ต้องว่ายน้ำไป มังกรชนิดนี้จะใช้ลำแสงในการต่อสู้เท่านั้น นอกจากนี้มันก็ชอบใช้กรงเล็บแล้วก็เขี้ยวอีกด้วย ซึ่งมังกรที่มันเกลียดที่สุดคือมังกรสีบรอนส์ เกลียดชนิดที่ว่าเห็นเมื่อไหร่มันก็ต้องโจมตีใส่เขาเมื่อนั้น
ความคิดเห็น