ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชลยรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #8 : เชลยรักมาเฟีย ตอนที่7

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 56


                ร่างสูงของนัทลุกยืนขึ้น ไม่สนใจคำร้องขอจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่มีความปราณีสำหรับศัตรูหรือคู่แข่ง ซึ่งหลีไท้เป็นทั้งสองอย่าง นัทพยักหน้ากลายๆให้เชนไปจัดการส่งภาพไปให้ศัตรูที่รักเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน ร่างบางนอนพับหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น น้ำตาที่เขาไม่ได้เห็นมาหลายวันทะลักทลายเหมือนเขื่อนแตก สะอื้นไห้จนตัวโยน เขาใล่สายตาไปตามร่างบาง เนื้อผ้าบางเปียกน้ำค้างเท้าเปล่าเปื้อนดินและใบหญ้า

              “จะร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ อีกไม่กี่นาทีไฟล์วีดีโออันนี้ก็จะส่งถึงมือพ่อของเธอ”

              “นายมันเลว....ใจร้าย...ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ นายมันไม่ใช้ลูกผู้ชาย” ซินก่นด่าทั้งที่หน้ายังซุกอยู่ที่พื้น เจ็บกายยังพอทนได้แต่เจ็บใจนั้นสุดทน กับศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำ

              “แล้วพ่อของเธอล่ะเป็นผู้ชายหรือเปล่า หึ...มันฆ่าได้กระทั้งเด็กสิบขวบ เธอรู้มั้ยว่าสภาพของพี่ชายฉันเป็นอย่างไง มันถ่ายภาพนั้นมาให้พ่อฉันดู พี่ชายฉัน....แค่สิบขวบนอนจมกองเลือด...ถูกยิงกลางหน้าผาก ตายังไม่ปิดด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของนัทเริ่มขาดหาย ภาพที่คอยตอกย้ำถึงความแค้นที่สั่งสมมานาน มันไม่เคยลบเลือนไปไหน

               “มะ...ไม่จริง พ่อของฉันไม่ฆ่าเด็กหรอก พ่อไม่ทำอย่างนั้น!

               “จริงหรือเปล่า...ถ้ามีโอกาสได้เจอกันก็ลองถามดู ว่าเสียงร้องขอชีวิตมันเพราะขนาดไหน” นัทพูดแค่นั้นก็เดินจากไป ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด เรื่องตายของอาและพี่ชายของเขาเป็นปมใหญ่ที่เขาไม่อาจลืม 

              ซินซุกหน้าลงกับพื้น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างไม่คิดจะกลั้น ร้องบอกตัวเองว่าสิ่งที่นัทพูดไม่เป็นความจริง มือสั่นระริกกุมหัวใจ ภาวนาต้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้สิ่งที่นัทพูดเป็นเพียงแค่คำโกหก

               

             ภาพในไฟล์วีดีโอที่ได้รับผ่านทางอีเมลล์ มันเหมือนมีดปักลงกลางใจผู้เป็นพ่อ ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของลูกชายถูกศัตรูคู่อาฆาตลากลิ้นเลียทั่วไปหน้า เท่านั้นยังไม่พอ...มันยังบังอาจจูบลูกของเขาอย่าน่าเกลียด เสียงร้องไห้ปิ่มใจจะขาดของซินบอกถึงความทุกข์ทรมานที่ได้รับ หลี่ไท้ยกมือกดที่หน้าอกด้าน ซ้าย มันปวดไปทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ มันคงอยากให้เขายอมถอยจากการเป็นหัวคะแนนในการสนับ สนุนพรรคการเมืองถ้าหากการเลือกตั้งครั้งนี้ชนะพรรคที่เขาสนับสนุนชนะ มันก็ง่ายที่เขาจะทำอะไรไม่ว่าทั้งด้านมืดและด้านสว่าง  แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เขาจะทำให้เห็นว่าเสือแก่ยังเขี้ยวคมอยู่

               ซินไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แค่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ  ยังถูกขังอยู่ในห้องเล็กไร้ซึ่งอิสรภาพ เสียงไขประตูหน้าห้องดังขึ้น ดึงให้ซินหลุดจากความคิด แปลกใจที่ห้องถูกไขก่อนกำหนดเวลา อีกสองชั่วโมงกว่าจะได้เวลาอาหารเย็น ซึ่งร่างที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่เหมยหลินแต่เป็นมาเหียใหญ่ใจโหดที่เขาเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะมอง ซินสะบัดหน้าหนีทันที

              “ฉันมีข่าวดีมาบอก ฉันส่งคลิปไปให้พ่อเธอแล้วนะ คิดว่าอีกไม่กี่วันคงจะได้เห็นคนของพ่อเธอมาป้วนเปี้ยนแถวนี้”

              “ออกไปซะ ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณแค้นนักก็ฆ่าเลยสิ จะได้จบๆกันไปซะที เบื่อกับการแก้แค้นที่บ้าบอนี่เต็มทีแล้ว”

              “แก้แค้นบ้าบอ...อย่างนั้นเหรอ สำหรับเธอมันอาจเป็นแค่เรื่องบ้าบอ แต่ถ้าเธอได้สูญเสียคนที่เธอรักอย่างฉัน เธอจะไม่คิดว่ามันบ้าบอหรอกนะ” นัทข่มความเจ็บปวดที่ได้รับตั้งแต่เยาว์วัย การที่ต้องเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับมันทุกข์ทรมานแค่ไหน

              “ฉันจะพาเธอออกไปข้างนอก ห้องใหญ่น่ะ แล้วยังอนุญาตให้เธอเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยนะ”

              “เมารึไง”

              “ถ้าจะเมาก็คงเมาปากหวานๆของเธอล่ะมั้งคุณหนูซินเซียร์” ชายหนุ่มเล่นลิ้น กอดอกมองคนอวดดีที่มีหน้าเข้มขึ้น เจ้าตัวเม้มปากเน้น คอตั้งตรงมองออกนอกหน้าต่าง ใบหน้าด้านข้างสะท้อนกับแสงแดดยามเย็นเพิ่มความงดงามให้มากขึ้น ผิวสีขาวราวกับน้ำนมเนียนเรียบน่าหลงใหล ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูดต่อเพศเดียวกันไม่น้อย

               “ฉันอยากให้เธอไปอยู่ห้องใหญ่ ในฐานะเชลยกิตติมศักดิ์”

               “ไม่ไป อยู่ในนี้ก็สบายดีแล้ว”  ปฏิเสธออกไปทั้งที่ในใจแสนจะยินดีกับข้อเสนออันนี้ หากเพราะทิฐิเลยไม่อาจตอบตกลงได้

                “ตามใจ ฉันให้โอกาสแล้วนะ ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้เธอ ไม่รับก็ตามใจ”

                “เดี๋ยว....รอด้วยสิ” ร่างบางกระโดดลงจากเตียง หัวใจลิงโลดด้วยความยินดี

                ภายในห้องนอนใหญ่ที่มีเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ข้าวของเครื่องใช้ไม่มีอะไรมากนัก แม้แต่ทีวีก็ไม่มี อาจเป็นเพราะคนดิบเถื่อนคงไม่ต้องการความบันเทิงให้กับชีวิต แต่กลับมีชั้นหนังสือ มันเป็นที่หมายตาของเขาตั้งแต่วันแรกๆที่เห็น แต่ไม่กล้าแตะต้องหนอนหนังสือที่สิงอยู่ในตัวเรียกร้องหากลิ่นกระดาษด้วยความโหยหาในตัวอักษร

               “นี่ตู้เสื้อผ้าของเธอ ฉันให้คนทำเพิ่ม”

               “ทำให้ทำไม”

               “อยากให้...พอใจ หน้าที่ของเธอคือทำตามที่ฉันบอก อ้อ..แล้วอีกอย่างช่วยเรียกแทนตัวเองว่า “ซิน” อย่างที่เคยใช้กับพ่อและแม่ของเธอด้วยนะ”

               “ทำไมจะต้องทำตามอย่างที่นายบอกด้วย”

               “เธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงว่า...เธอมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง เข้าใจมั้ยซินเซียร์”

               “ก็เพราะว่า.....” เมื่อเห็นตาเรียวที่ตวัดมองอย่างไม่สบอารมณ์ผ่านทางกระจกตู้เสื้อผ้า ซินก็เงียบปากทันที ไม่ใช่ผลดีหากจะต่อปากต่อคำกับคนที่อารมณ์ ไม่คงที่ แต่ความร้ายกาจเสมอต้นเสมอปลาย

               “ทุกเช้าเธอต้องไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบ จัดเสื้อผ้าเอาให้เข้าชุดกันด้วยนะ เสื้อผ้าของฉันทุกชิ้นเธอจะต้องเป็นคนซักห้ามให้ใครช่วยเด็ดขาด”

               “ฝันไปเถอะ ทำไมต้องทำ ไม่ใช่คนใช้นะ!

               “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกตัวเองว่า”ซิน”แบบที่เธอใช้กับคนที่เธอสนิท มาอยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์เธอคงจะสนิทกับฉันแล้วนะสิ”

              “ให้ตายเหอะนี่เขาจะต้องเรียกแทนตัวเองตามที่ไอ้มาเฟียจอมโหดบอกอย่างนั้นเหรอ” ซินคิดในใจ

              “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าขัดคำสั่งของฉัน อยากให้พ่อเธอเห็นมากกว่าจูบหรือไง”

              เขาเกลียดไอ้มาเฟียจอมโหดคนนี้....เกลียดที่สุด ร่างบางลำคอตีบตันไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่พากันตีตื้นขึ้นมา หลับตาแน่น บอกกับตัวเองว่าต้องยอม

              “ก็ได้!” ซินกระแทกเสียงตอบ ตาหลุบต่ำลง ไม่อยากเห็นแววตาเย้ยหยันในตาคู่นั้น

          “แล้วซินต้องตื่นกี่โมง”

               “ตื่นก่อนฉัน” นัทตอบสั้นๆง่ายๆ

               “ลงไปกินข้าวได้แล้ว คนอื่นๆรออยู่”

               “คนอื่น? หมายความว่าไง”

              “หน้าที่ของเธอคือทำตามที่ฉันบอก โดยปราศจากคำถามหรือข้อข้องใจใดๆทั้งสิ้น”

             นัทพาซินลงมาที่ห้องอาหาร โต๊ะอาหารตัวยาวที่เคยว่างเปล่า บัดนี้มีแขกที่ได้รับเชิญเดาคร่าวๆคงไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน สายตานับสิบคู่จับจ้องมองผ่านเจ้าของบ้านเลยมาที่เขาราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด เขาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่เหมาะกับอาหารมื้อนี้

               “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอนาน แขกคนสำคัญของเรามาถึงแล้ว”

                “นี่นะเหรอลูกชายของหลีไท้” ใครคนนึงพูดขึ้น นัทยิ้มบางเบาพลางพยักหน้า

                “ครับ นี่แหละซินเซียร์ลูกชายของหลี่ไท้ที่ซ่อนไว้จากพวกเรา”

               “อืม...หน้าสวยมาก สวยเหมือนผู้หญิงจนผมคิดว่าหลี่ไท้มีลูกสาวหรือว่าลูกชาย”

               “เลือดแม่คงจะแรงครับ ผมว่าเราอย่าเสียเวลากันอีกเลย ผมหิวจะแย่แล้ว” นัทพูดตัดบทออกไปซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน ร่างสูงขยับเข้าหา “แขกคนสำคัญ”ที่ยืนตัวแข็งเป็นหุ่นยนต์ มือแตะไปที่หลังเบาๆ กระตุ้นให้ร่างบางรู้สึกตัวด้วยปลายนิ้วที่กดลง

                “ไปเถอะซินเซียร์ ทุกคนรออยู่” สองเท้ายังคงวางแน่นอยู่กับที่ ความอับอายแผ่ซ่านไปทั่ว เสื้อผ้าที่แสนจะธรรมดา ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่ได้หวีจัดแต่งหรือรวบมัดให้เรียบร้อย กระทั่งร้องเท้าก็ยังไม่มีใส่ น้ำตารื้นมาที่ขอบตาอย่างช่วยไม่ได้

               “ซินไม่ไป ซินไม่หิว”

               “ทำไมล่ะซินเซียร์ คนอื่นๆรอคุณอยู่นะ อย่าเสียมารยาทสิ”

               “ซินไม่หิว”

              “ผมสั่งให้คุณหิว คุณก็ต้องหิว!”

              “เชิญทุกท่านรับประทานอาหารได้แล้วครับ”

               อาหารสิบกว่าอย่างถูกนำมาเสิร์ฟ ล้วนแต่น่าทานทั้งนั้น แต่สำหรับซินกลับไปรู้สึกหิวเลยสักนิด เสียงช้อนกระทบจานและเสียงพูดคุยกันเบาๆอย่างสนิทสนม ทำให้ซินเหมือนหลุดออกจากโลกของพวกเขา

               “อันนี้อร่อยนะ” บร๊อกโคลี่ผัดน้ำมันหอยถูกตักมาวางใส่ในจานด้วยช้อนของคนข้างๆ ผู้ชายแปลกหน้าที่ยิ้มให้เขา ตวงตาเป็นเส้นเดียวกันในยามยิ้มกว้างดูจริงใจ มันช่วยทำให้เขาคลายความกังวลและความกลัวลงได้เล็กน้อย

             “คุณผอมไปนะ แต่ว่าคุณดูสวยมาก ขอโทษที่ผมต้องบอกว่าคุณสวยมากกว่าหล่อนะครับ”

             “ขอบคุณฮะ” ซินพึมพัมขอบคุณเขาไป

             “ผมชื่อภานุนะ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนัท” เขาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

             “ฮะ ผมชื่อซินหรือ...ซินเซียร์ คุณคงรู้จักผมมาบ้างแล้วจากพี่ชายของคุณ”

             “ครับ ผมพอรู้จักคุณบ้างแล้ว ชื่อคุณเพราะจัง...ซินเชียร์...ความหมายก็ดีด้วย ซินเซียร์ที่แปลว่าบริสุทธิ์ใช่มั้ยครับ”

             “ ฉันว่าชื่อของเธอเหมาะกับความหมายที่เรียกว่าปาบมากกว่านะ ปาบที่เกิดมาเป็นลูกของหลี่ไท้” คนที่ตอบไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของนัท ทำให้ความเบิกบานที่ผ่านแวบเข้ามาหายไปทันที

             “ปาบเหรอครับ แต่รู้สึกว่าตอนนี้ผมอยากทำปาบมากกว่าบุญแล้วนะสิ”

              “นายภานุ!” นัทตวาดเสียงดังจนลืมแขกคนอื่นๆที่ร่วมรับประทานอาหารร่วมอยู่ด้วย

              “ทำไมเหรอครับ หรือว่าพี่อยากเป็นคนทำปาบซะเอง” ภานุถามกลับไป

              “ผู้ชายคนนี้เป็นเชลยของฉัน....แล้วถ้าฉันไม่อนุญาตก็ห้ามใครหน้าไหนเข้ามายุ่ง”

              “ไม่เข้าใจ...แล้วก็ไม่สนด้วย ผมจะยุ่ง”

               ซินเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง รับรู้ถึงพายุร้ายที่เริ่มก่อตัวขึ้น แต่คนข้างๆหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมทั้งยังตักอาหารใส่ปากหน้าตาเฉย

               “ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนเลยนะ ว่าคนคนนี้เป็นของฉัน ในฐานะอะไรคงไม่ต้องบอกเพราะคิดว่าทุกคนในที่นี่รู้ดี” นัทจ้องเขม็งไปที่ลูกพี่ลูกน้อง อีกฝ่ายทำแค่มองตาแต่ไม่ตอบรับคำสั่ง

                คิ้วเข้มตัดกับผิวขาวของนัทยกสูงขึ้น แม้ปากจะปากว่าผู้ชายคนนี้เป็นแค่ตัวประกันที่เอาไว้ต่อรองกับหลี่ไท้ แต่พี่ชายของเขากลับหวงก้าง น่าสนุก ยิ่งหวงยิ่งท้าทาย แถมคนข้างๆนี้ก็น่าสนใจไม่หยอก ใช่ว่าเขาไม่ค่อยได้เจอของถูกใจ แต่เพราะท่าทางที่หวงเกินไปของลูกพี่ลูกน้องของเขา มันเพิ่มความน่าสนใจให้กับคนนี้ต่างหาก

                  “ผมกลับก่อนนะครับ ไว้จะมาเยี่ยมบ่อยๆ”

                  “ฮะ” ซินพยักหน้าน้อยๆ และส่งยิ้มให้เขา ร่างบางเองทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะว่าคนข้างกายที่ยืนกำกับอยู่

                  “มีคนน่ารักอยู่ที่นี่ผมจะมาทุกวันเลยครับ หวังว่าพี่นัทคงจะต้อนรับผมนะครับ” คนพูดฉีกยิ้มกว้าง ไม่รับรู้ความกรุ่นโกรธที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้าของนัท

                  ไม่รู้ว่าทำไมในอกของเขาถึงได้ร้อนรุ่มนัก ร้อยยิ้มที่แผ่วเบาของซินไม่เคยมีเผื่อมาถึงเขาเลยสักครั้ง แถมภานุก็ดูจะรุกหนักด้วย ทั้งที่ย้ำว่าคนคนนี้เป็นของเขา ท่อนแขนใหญ่พาดลงมาที่ไหล่มนเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีของเขา

                  “ไม่ยินดี ถ้าไม่ใช่เรื่องงานนายห้ามมาที่นี่เด็ดขาด นี่คือคำสั่ง!

                  “โอเคคร้าบ พี่สั่งอะไรผมก็ต้องทำตามอยู่แล้ว แล้วเจอกันนะครับคุณซิน”

                  ซินทำได้แค่ยิ้มฝืนๆ เท่านั้น แรงกระชับที่หัวไหล่มีมากขึ้นตามแรงอารมณ์ของเจ้าของมือ ภานุค้อมตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่วายเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาอย่างมีความหมายบางอย่าง ก่อนที่จะตามคนอื่นๆที่ทยอยกลับจนเกือบจะหมดแล้ว

                  “ขึ้นไปรอที่ห้อง ถ้าฉันยังไม่นอนเธอก็ห้ามนอนด้วยเหมือนกัน”

    TBC………..^^

    มาต่อแว้ววววววว เกือบจะไม่เสร็จเพราะว่าอาการป่วยมาเยือนถึงที่

     

    ขอบคุณรีดเดอร์ที่หลงเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้ และขอบคุณสำหรับเม้นต์ทุกเม้นต์ที่มีให้นะค่ะ         

           

                   

                         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×