คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เชลยรักมาเฟีย ตอนที่13
แผนดักปล้นอาวุธได้ผลดีเกินคาด มาเฟียรุ่นลูกอย่างนัทไม่มีทางรู้ว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพันธมิตร ทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตามองด้วยคนของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะได้อาวุธโดยที่ไม่ต้องซื้อ เขายังสร้างอุป สรรคให้เด็กเมื่อวานซืนอีกด้วย ส่วนเขาไม่มีปัญหา เพราะว่าพวกที่ส่งไปไม่ใช่คนของเขาโดยตรง
ร่างใหญ่ที่ยังคงรักษาความผึ่งผายเอาไว้เอากายพิงพนักเก้าอี้ มองบุคคลตรงหน้าพร้อมกับร้อยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน
“ผมรู้นะครับว่าตอนนี้ท่านกำลังต้องการเงินจำนวนมาก โครงการซื้อเครื่งบินรบใช้เงินไม่น้อยเลย”
“ก็ใช่นะสิ ผมถึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”
อีกฝ่ายบอกสีหน้าเคร่งเครียดเพราะว่ากลัวจะมีคนมาเห็นเข้า ผู้นำประเทศมาพบกับมาเฟียใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมมากนัก แม้จะรู้ดีว่าหลีไท้ผู้นี้จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อปูทางสำหรับหนึ่งตำแหน่งในคณะรัฐบาล แต่การพูดจาเพื่อเจรจาเรื่องเงินทองมันเสียศักดิ์ศรี ตาเรียวคอยเหลือบมองอย่างระแวดระวัง
“ร้อยล้านเชียวนะ แต่โครงการของท่านเงินแค่ร้อยล้านจะพอเหรอครับ”
หลีไท้ถามยิ้มๆ ยกแก้วชาขึ้นจิบ
“พะ...พอสิ เราจะใช้อย่างประหยัด คุณคงไม่อยากเห็นประเทศเราตกเป็นเบี้ยล่างของต่างประเทศหรอกนะ”
“แน่ใจนะว่าพอ ไม่ได้ไปขอเพิ่มจากหนุ่มไฟแรงคู่แข่งของผมหรอกเหรอครับ”
ท่านผู้นำประเทศหน้าซีดเมื่อถูกจับไต๋ได้ เงินใครก็อยากได้ ไม่ว่าจะได้มาจากมือใครได้มมาอยู่ในใอตัวเองมันก็กลายเป็นของเขาไปแล้ว หนุ่มใหญ่วัยเฉียดแซยิดหัวคิ้วแถบจะชนกัน สองมือประสานกันบนโต๊ะ
“ผะ...ผมจะเอาของคนพรรคนั้นทำไมกัน ผมไม่เอาพวกเด็กเมื่อวานซืนมาสร้างปัญหาให้ตัวเองหรอก”
หลีไท้จับผิดคนโกหกได้ ท่านผู้นำคนนี้ทำได้ทุกอย่างขอแค่ให้ได้เงิน คงจะคิดว่าชายแก่ๆอย่างเขาจะรู้ไม่ทัน
“งั้นเหรอครับ เอาเป็นว่าเงินร้อนล้านจะถูกส่งเข้ากองคลังในวันพรุ่งนี้ ท่านมาขอร้องด้วยตัวเองผมจะปฏิเสธอย่างไง...จริงมั้ย?”
หลีไท้กวักมือเรียกคนสนิทมากระซิบอะไรบางอย่างสมุนมือหนึ่งพยักหน้ารับก่อนเดินจากไป
“ท่านผู้นำประเทศที่เห็นแก่ได้อย่างนี้ ประเทศเราจะเจริญได้เหรอครับ”
“มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก คิดเหรอว่าเงินที่ฉันให้ไปมันจะหายเข้ากระเป๋าไอ้นั่นได้ง่ายๆ ฉันมีวิธีเรียกคืนที่สาสมกว่านี้อีก แต่ตอนนี้ต้องยอมมันไปก่อน เพราะเราใช้มือมันเล่นงานไอ้มาเฟียหน้าอ่อนนั่น”
“แล้วคุณหนูซินเซียร์ล่ะครับ จะทำอย่างไง”
“เราต้องอาศัยความเข้มแข็งของซิน รอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง ฉันจะเอาคืนมันให้สาสมทีเดียว”
ดวงตาที่นิ่งสงบฉายแววกร้าว มันทำลูกของเขาเจ็บแค่ไหนก็ต้องเอาคืนให้หนักแค่นั้น
เพราะว่าความประมาทเลินเล่อของตัวเอง ทำให้นัทต้องพลาดท่าให้กับไอ้เสือแก่นั่น เขาต้องเสียเงินให้กับไอ้ผู้นำประเทศหน้าเสือดเฉียดสองร้อยล้าน มันอ้างว่าจะนำไปพัฒนาโครงการบ้าบออะไรของมัน แม้ไม่เต็มใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ และเพราะว่าไม่อยากเสียแผนมากไปกว่านี้ ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องมีการนัดประชุมพลพรรคตระกูลบุญสิทธิ์ เขาสั่งให้เชนสังเกตุคนที่น่าสงสัยมากที่สุด ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากแต่คราวนี้เขาไม่ได้ใช้บ้านเป็นที่ประชุม แต่เลือกโรงแรมที่ตระกูลของเขามีหุ้นอยู่เกือบร้อยเปอร์เซนต์ มีการอารักขาดีเยี่ยมโดยใช้การจัดการฉลองครบรอบการก่อตั้งโรงแรมเป็นฉากบังหน้า เพื่อป้องกันการรอบสัง หารและพวกตำรวจจอมยุ่ง แน่นอนว่างานนี้เชลยตัวดีของเขาต้องไปด้วย เขาจะประกาศเป็นกลายๆว่าซินคือลูกไก่ในกำมือของเขา ถ้าหากไอ้หลีไท้มันเล่นตุกติก ลูกชายของมันก็จะกลายเป็นเหยื่อทันที
ชายหนุ่มสำรวจตัวเองในกระจกอีกที ชุดสูทแบบทักซิโดเข้ากันได้ดีกับเรือนกายแข็งแรง เขาพร้อมแล้วสำหรับการออกงาน เหลทือแต่คนสำคัญที่ยังอ้อยอิ่งที่อยู่ในห้องน้ำ
“ถ้าภายในสามสิบวิไม่ออกมา ฉันจะเข้าไปช่วยเธอแต่งตัวเอง”
ผัวะ!
ซินขมวดคิ้วแน่นตอนก้มลงมองมือใหญ่ที่ยุกยิกอยู่ตรงหน้าอก จนเมื่อเขาละมือออกไปถึงได้รู้ว่าเขาได้สวมสร้อยให้ มันเป็นสร้อยหน้าตาประหลาด ไม่ได้สวยเหมือนที่เคยเห็นตามร้านจิวเวลรี่ แต่เป็นรูปอะไรบางอย่างที่ยาวคล้ายงู ซินเห็นมันไม่ถนัดจึงต้องใช้มือคลำเดาว่ามันคงเป็นมังกร พอมองเป็นคำถาม ก็ได้แค่รอยยิ้มที่มุมปากตอบกลับมา
“ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน” มือใหญ่โอบรอบเอวบางอย่างถือวิสาสะ แล้วเกี่ยวร่างบางให้เดินตามไปด้วย
ซินออกนอกรั้วบ้านเป็นครั้งที่สอง อดหวั่นใจไม่ได้ว่าพ่อมาเฟียตัวร้ายจะพาเขาไปที่ ยู ว้อนท์ มี อีก แต่ละเรื่องที่เขาทำสร้างรอยแผลให้เสมอ
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ทำอะไรซ้ำสองหรอก”
คำพูดกำกวมไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ใบหน้าหวานติดกังวลแกมหวาดหวั่น ไม่มีอารมณ์จะสนใจทิวทัศน์ยามค่ำคืน เกือบชั่วโมงที่รถคันหรูกว่าจะหยุดลง ซินแนบหน้าติดกระจกรถกวาดตามองอาคารใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน
“ลงได้แล้ว”
เพราะว่ามัวแต่สนใจโรงแรม ซินเลยไม่ว่านัทออกมายืนรอรับอยู่ด้านนอกแล้ว คืนนี้นัทแต่งตัวเนี้ยบผิดปกติ ถ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นมาเฟียตัวร้าย ต้องคิดว่าเขาเป็นพระเอกหนังจีนแน่
ภายนั้นโอ่อ่า ตกแต่งสไตล์กรีกโบราณเน้นสีขาวเป็นหลัก วันนี้คงมีงานเลี้ยงหรืองานอะไรสักอย่าง ผู้คนถึงได้ดูหนาตาแถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ผ้าม่านสีครีมถูกจับเป็นริ้วสวยอยู่บนสุดของกำแพงกระจก คืที่ซินสนใจคือรูปปั้นนักรบโบราณที่อัดแน่นอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม มันเหมือนภาพสามมิติ นึกอยากจะหยุดดู แต่มือที่เหนี่ยวเอวไว้ไม่ยอมให้ได้ทำตามใจ นัทพาซินเดินไปบนพรมแดงสดที่ทอดตัวยาวสู่ดด้านใน บทสนทนาหยุดลง ทุกคนเงียบเพื่อให้เกียรติแขกคนสำคัญ ซินรู้สึกเหมือนตัวแข็งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่านัทจะได้รับการเคารพจากคนอื่นมากถึงเพียงนี้ นัทไม่ได้พูดอะไรระหว่างที่พาซินเข้ามาในงาน จะว่าไปแทบไม่มีใครพูดอะไรกันเลย ความรื่นเริงลดน้อยลง
ซินเห็นเชนอยู่แวบๆ หลังจากที่เกิดเรื่อง กะว่าวันรุ่งขึ้นจะไปเยี่ยมเขา แต่ก้กลายเป็นว่าตื่นมาอีกทีก็บ่ายแล้ว แถมพอจจะออกไปมาเฟียจอมโหดก็บอกให้เตรียมตัวพร้อมกับโยนชุดมาให้ เลยหมดโอกาศที่จะไปเยี่ยมคนเข็บทั้งสาม แต่เท่าที่เห็นท่าทางกระฉับกระเฉงของเขา คิดว่าบาดแผลคงจะทุเลาลงแล้ว หากแต่ยังอดห่วงอาถิงกับอาจูไม่ได้ สองรายนั้นอาการหนักกว่าเชนเสียอีก
“อยู่กับฉันห้ามมองคนอื่น” เสียงกระซิบที่หนักจนคล้ายคำขู่ ฉุดให้ซินหลุดจากการเป็นห่วงคนอื่นแล้วหันมาห่วงตัวเอง วันนี้นัทดูสงบนิ่งจนดูน่ากลัว เขาดูเหมือนท้องทะเลก่อนที่มีพายุใหญ่
“คุณจะจกตาซินไว้ในมือคุณเลยก็ได้นะ ไม่ว่ากัน” ซินกล่าวประชด แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนจากโอบเอวเป็นกดหนักๆที่บั้นท้ายแทน
“เอามือออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
นัทไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม กดมือแช่ไว้อย่างนั้น ไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ในที่ส่วนตัว เชนก้าวเดินเร็วๆมาหาผู้เป็นนาย
“นายครับ มากันครบแล้ว”
เพลงที่ใช้ขับขานมาจากการบรรเลงสดของวงดนตรี ถ่ายทอดบทเพลงอันแสนไพเราะ เสียงพูดคุยตามประสาคนรู้จักกลับมาอีกครั้ง ซินลอบมองคนข้างๆที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากสะโพกอย่างหงุดหงิดใจ
แสงวาบบางอย่างสาดมาจนต้องกระพริบตาหนี และเมือหันไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นกล้อง ไม่ใช่แค่ตัวเดียวแต่เยอะจนนับไม่ถ้วน ซินกำลังถูกระดมถ่ายภาพจากนักข่าว บางคนถือเครื่องบันทึกเสียงที่หนักสุดคือไมค์ซึ่งยื่นมาจนเกือบชิดหน้าอยู่รอมร่อ
“หนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้เป็นใครกันค่ะ” หนึ่งในนักข่าวถามขึ้น นัททำทีอมยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นโอบไหล่บางอย่างสนิทสนม
“ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ว่าที่พันธมิตรใหม่ของเราเอง”
“ใครเหรอครับ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศทาง ทุกคนรู้ว่าหลีไท้มีครอบครัว แต่ไม่มีใครรู้ว่าภรรยาและลูกของมาเฟียใหญ่เป็นใคร นั่นเลยน่าสนใจกว่ารายชื่อนักการเมืองเสียอีก ในเมื่อไม่มีใครเคยเห็น ก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม
“ใช่เหรอครับ ไม่เห็นเหมือนท่านหลีไท้เลยนะครับ”
“ถ้าไม่เชื่อลองถามท่านหลีไท้ดูสิครับ” นัทตอบอย่างยิ้มๆ โดยไม่คาดคิดใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำ ปลายนิ้วเรียวช้อนคางมนของคนข้างกายขึ้นและประกบริมฝีปากอิ่มท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้ที่มาร่วม งาน
ซินเบิกตากว้าง คาดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะจูบโชว์ต่อหน้ากล้องและด้วยสัญชาติญาณหรือกระหายข่าวกันแน่ ไม่มีใครหยุดรัวชัตเตอร์แม้แต่วินาทีเดียว ทุกภาพทุกช็อตถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานนานเกือบนาทีกว่ามี่นัทจะถอยออกไป
“สนิทกันขนาดนี้ หมายความว่าอย่างไงครับ” นักข่าวคนเดิมเอ่ยถามขึ้นอีก นัทยิ้มพรายแทนคำตอบ
“แล้วคุณรสาล่ะคะ ท่านรัฐมนตรีไม่ว่าอะไรเหรอค่ะทีคุณโชติวุฒิควงคนอื่นออกงาน”
“เราตกลงกันแล้วครับ ใครว่าผมมีผู้หญิงหลายคนไม่ได้ ผมเป็นคนเปิดเผยครับ เอ่อ..แล้วนี้ก็ไม่ใช่ผู้หญิง คงอยู่ในกรณียกเว้นผู้หญิงของผมนะครับ” มาเฟียหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล
“เอ่อ...สร้อยที่คอคุณหนูซินเซียร์ เป็นสัญลักษณ์ของพรรคมังกรดำใช่มั้ยค่ะ”
“อ้อ...ครับ ผมให้เอง คิดว่าท่านหลีคงจะชอบทีมันได้อยู่บนคอลูกชายท่าน”
มือขาวของนัทแตะลงบนสร้อยรูปมังกร ตัวสร้อยเป็นทองคำขาวทั้งเส้น ส่วนหัวเป็นรูปมังกรและมีเพรชสีดำประดับเป็นดวงตา มันทั้งสวยทั้งน่าเกรงขามไปพร้อมๆกัน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้สวมใส่แม้แต่รสา แสดงว่าคนๆคนนี้มีความสำคัญมากกว่า นักข่าวมือไวเก็บภาพลอตสุดท้าย ก่อนที่จะปล่อยผู้ก่อประเด็นร้อนไป
ตาเรียวแต่หวานหยดของรสาจับจ้องไปยังภาพตรงหน้า หัวใจรัดแน่นด้วยแรงบีบ เป็นอีกครั้งที่นัทไม่ไว้หน้าเธอสักนิด ตำแหน่งที่เชลยหน้าหวานยืนต้องเป็นของเธอ ทว่าอยากประกาศตัวสักแค่ไหน เธอก็ไม่อาจทำได้เพราะถูกบิดาห้ามไว้ ท่านบอกให้เธอทำใจยอมรับ ถึงแม้ว่านัทจะเอาตัวมันออกมาอวด แต่ทุกคนรู้ว่ามันเป็นแค่เชลย สักวันหนึ่งพอหมดความหมายนัทคงจะเขี่ยมันทิ้ง ที่ทำได้ตอนนี้คือต้องอดทนเท่านั้น
“อดทนไว้ลูก เดี๋ยวมันก็เป็นวันของลูกแล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่ไอ้การแก้แค้นบ้าๆนี่มันจะจบลงซะทีคะ หนูอยากจะแต่งงานแล้ว ตอนนี้ชักไม่มั่นใจในตัวของนัทแล้วคะพ่อ” ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวล ตั้งแต่เห็นในห้องน้ำเธอก็ไม่เคยไว้ใจทั้งมันทั้งเขา แม้ว่าการปะทะครั้งล่าสุดเขาจะเข้าข้างเธอ แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่ามันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
“อีกไม่นานหรอก ถ้าเราร่วมมือทำลายหลีไท้ได้เร็วเท่าไหร่ เวลาของลูกก็มาถึงเร็วเท่านั้น
“พ่อตอยดูเถอะค่ะ รสาจะช่วยทำให้มันเร็วขึ้น” เชลยหน้าหวานคนนั้นคือตัวมารที่เข้ามาขวางเส้นทางรักของเธอกับนัท แผนการถูกวางเงียบๆในสมอง มันอาจจะได้ผลหรือไร้ประโยชน์ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเธอทั้งสิ้น
แขกทุกคนที่ได้รับเชิญจากมาเฟียหนุ่มอยู่ในสายตาของเชน เขาเก็บรายละเอียดและพฤติกรรมของทุกคน เบื้องหน้ามันคืองานเลี้ยงฉลองครบรอบการก่อตั้งโรงแรมใหญ่กลางเมือง แต่ฉากหลังมันคือการถามไถ่ถึงผลประโยชน์ และความผิดพลาดของการดำเนินงาน นัทฉลาดมากพอที่จะไม่เอ่ยปากถามตรงๆ เพราะว่ารู้ดีว่าคงไม่มีใครยอมรับว่าตนคือสายลับที่หลีไท้ส่งมา
“อย่างที่รู้ว่า...การส่งของเรามีปัญหา เราถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่ไม่รู้ว่าใครส่งมา” นัทเริ่มประเด็นร้อนขึ้นมาทันที ดวงตาคมกวาดตามองทุกคน แต่มันเรียบเฉยไม่ได้แสดงอาการโกรธไม่พอใจ เหมือนแค่เป็นการพูดคุยกันธรรมดา หากบรรยากาศกลับมาคุ
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าพวกมันเป็นใคร” หนึ่งในพันธมิตรถามขึ้น
“ไม่ครับ แต่คิดว่าไม่ยากหากคุณอยากจะรู้”
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติถ้าอยากรู้ว่ามันเป็นพวกไหน เราจะได้รู้ว่าศัตรูของเรามันเพิ่มขึ้นหรือเป็นพวกเดิม”
“อย่ากลัวไปเลยครับ จะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงมันจะไม่มีผลกระทบใดๆกับธุระกิจของเรา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
“ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก มันเหมือนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรียังไงไม่รู้”
“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ผมประมาทมากไปหน่อย ไม่คิดว่ามันจะเล่นทีเผลอ”
“แล้วมันรู้ได้ยังไงว่าเราส่งของกันวันไหน”
“ข่าวคงรั่วมั้งครับ ลูกน้องของผมมันเก็บความลับไม่อยู่” คนตอบอมยิ้ม ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวหรือไม่พอใจ ปลายนิ้วแกร่งลูบวนที่หัวไหล่อย่างสบายใจ ผิดกับคนถูกลูบที่คันยิบๆเหมือนโดนหมามุ่ย
“งั้นก็เอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ผมไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอยอีก”
“ครับ อย่าได้กังวลใจไปเลย เรามาดื่มกันดีกว่า วันนี้เป็นวันดีเราอย่าเครียดกันเลย”
ผัวะ!
“ทำดีมากอาจู”
“คุณจู!” ซินแปลกใจที่ได้เห็นคนที่เกือบตายเมื่อวันก่อนมายืนจังก้ากลางห้อง แทบไม่เหลือบาดแผลให้เห็น ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่วันเดียวจะรักษาแผลให้หายได้
“ผมจับมันได้ตอนที่โดนแทง” อาจูขอกพลางใช้เท้าเหยียบที่ยอดอกคนเจ็บ ขยี้แรงๆบนแผลที่เกิดขึ้นจากฝีมือของเขา
“หนึ่งแผลแลกกับหนึ่งคน คุ้มดีเหมือนกันนะ” นัทยิ้มกว้าง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สาวเท้าเดินเอื่อยมาใกล้อาจู
“ฉันจะให้รางวัลแกอย่างงามเลยอาจู ขอบใจมาก...ไปได้แล้ว” อาจูก้มหัวให้ผู้เป็นนาย
“ผมลืมบอกไปว่าไอ้บ้านี่มันไม่ยอมคายความลับ ขนาดโดนกระทืบบางตายยังปิดปากเงียบ”
ปึก!
ร้องเท้าหนังสีดำมันปลาบตวัดเต็มแรงเข้ามี่ใบหน้ามันจนบวมปูดมันร้องลั่น คายลิ่มเลือดที่กระพุ้งแก้มออกมา
“ใครส่งแกมา!” มันทำแค่ไอแค่กๆ เพราะเลือดนั้นเต็มปาก แต่ยังไม่ยอมปริปากออกแม้แต่คำเดียว
“ปากแข็งจังนะ อย่างนี้มันต้องเลาะฟันออกสักสองสามซี่” มาเฟียหนุ่มนั่งย่อกายลง มือใหญ่บีบที่แก้มช้ำของมัน ริมฝีปากแตกยับแยกออกจากกันมองเห็นเลือดสีแดงในปาก นัทปล่อยมือออกจากแก้มของมัน แต่ตะบันกำปั้นใส่แก้มของมันไม่ยั้ง มันไอโขลกพร้อมกับฟันซี่หนึ่งที่หลุดออกมา
“พอที! พอเถอะ! ไม่เห็นหรือไงว่าเขาเจ็บหนัก” มันเกินจะทนกับภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน ทุกคนนั่งมองเหมือนดูหนังสามมิติ ร่างบางลุกจากที่นั่งถลันเข้าไปดึงแขนที่กำลังจะเงื้อหมัดใส่คนเจ็บซ้ำอีก
“อย่าทำอะไรเขาเลย พอเถอะนะ” นัทปรายตามองคนตัวดีที่จุ้นได้ทุกเรื่อง ก่อนที่จะเหลือบมองมือเล็กที่เกาะแขนเขาไว้แน่นด้วยความหงุดหงิด เขาสะบัดออกแต่ซินก็ยื้อไว้เต็มกำลังแขนของตัวเอง
“มันเป็นคนที่ทำให้อาถิงกับอาจูเจ็บ” นัทบอกเสียงเย็น
“มันเป็นศัตรูของตระกูลบุญสิทธิ์”
ซินนิ่งไป ชายคนนี้คือคนที่ทำร้ายทั้งอาจูและอาถิงรวมทั้งเชนด้วย เขาควรได้รับโทษ แต่ซินไม่อาจทนมองคนที่เจ็บอยู่แล้วเจ็บกว่าเดิม มันโหดร้ายเกินไป
“แต่เขาเจ็บอยู่ มันจะได้ประโยชน์อะไรถ้าคุณจะคาดคั้นเอาความจริงจากปากคนเจ็บ รอให้เขาดีขึ้นอีก
หน่อยไม่ดีกว่าเหรอ”
นัทลดมือลงและหันมามองคนพูดอย่างเต็มตา
“นะ....ซินขอร้อง รอให้เขาดีขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่”
“เป็นคนดีจริงน้า ลูกของหลีไท้คนนี้” มือที่หมายจะทำร้ายคนเจ็บซ้ำ เปลี่ยนมาเป็นประคองใบหน้าหวานแทน
“นางฟ้าเดินดิน” ใครบางคนลอบถอนหายใจ แต่ไม่พ้นสายตาดุจอินทรีหนุ่มข้อมูลถูกบันทึกไว้ในความทรงจำอันแม่นยำ มาเฟียหนุ่มลึกขึ้นโดยไม่ลืมดึงร่างของซินมาด้วย เขาประวิงเวลาให้มันได้มีโอกาศอยู่บนโลกนี้ไปอีกสักพัก ก่อนที่จะส่งให้ไปอยู่ในนรกอย่างแท้จริง
“เพราะว่าแกได้คนคนนี้ช่วยไว้เลยรอดไป แต่...ถ้าอาการแกดีขึ้นมาเมื่อไหร่ แล้วยังไม่บอกว่าใครเป็นคนใช้แกมา เตรียมตัวกลับบ้านเก่าได้เลย”
ลมหายใจของคนเจ็บรวยรินจนน่าสงสาร ร่างบางอยากจะเช็ดเลือดให้เหลือเกิน แต่นัทไม่ปล่อยให้ทำเช่นนั้น มือใหญ่กอดเอวบางไว้แน่น
“ต้องขอโทษด้วยครับ โชว์ของเราจบแล้ว อีกสักอาทิตย์คงจะได้รู้คามจริง เชิญทุกคนออกไปสนุกด้านนอกกันต่อดีกว่าครับ”
เสียงอื้ออึงคล้ายผิดหวังดังขึ้น แต่ทุกคนก็ยินยอมทำตามคำสั่ง แม้ว่าบางคนจะเสียดายที่ไม่ได้เห็นคนตายกับตา
“เอามันไปทำแผล หายเมื่อไหร่เคลียร์ยาวแน่”
“ครับท่าน” เชนค้อมกายรับคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างไม่อิดออด
นัทจูงมือบางออกจากห้องหลังจากสั่งงานเสร็จ ร่างบางคัดค้านไม่ได้ สองขาก้าวตามไปอย่างอ่อนแรง ซินไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านัทพาไปที่ไหน แต่มันไม่ใช่ทางเดิมที่เขาพาเข้ามาในตอนแรก
“ใจดีจังนะเธอเนี่ย”
“หือ...”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นคาวเลือดหรือนัทเข้ามาในระยะประชิด กลิ่นเมนทอลเย็นที่เริ่มคุ้นเคยทำหน้าที่ขับกล่อมให้ซินเคลิบเคลิ้มคล้ายอยู่ในความฝัน มือที่จับแขนเปลี่ยนมาเป็นประคองหน้าสวยเอาไว้ ปลายนิ้วไล้ขอบปากร่างบางอย่างมีความหมาย
“จำคราวเหมยหลินได้มั้ย” เขาถามเสียงแผ่ว แต่ทำให้คนฟังขนลุกได้ ลมหายใจร้อนเป่ารดแก้มนวล
“อะไร?” ซินถามเหมือนคนโง่ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แม้ว่าจะเห็นหน้าเขาไม่ถนัด แต่ไม่อาจสบกับตาคู่นั้นได้ต้องแกล้งเสมองทางอื่น
“ทุกการต่อรองย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน แถมวันนี้เธอขอมากซะด้วย ฉันว่าจะแสดงสดให้พรรคพวกดูซะหน่อย แต่เธอก็ดันเข้ามาขวาง รู้มั้ยว่าฉันหงุดหงิดมาแค่ไหน” คนพูดเกลี่ยนิ้วเรียวแกร่งไปตามรูปหน้า กลิ่นหอมจากกายอ่อนๆทำให้ชวนคลั่งใคล้
“เธอพร้อมจะรับผิดชอบหรือยัง...ซินเซียร์”
“ซินมีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอ” ตาหวานซึ้งช้อนขึ้นมองเขา ไม่ว่าจะอย่างไรซินก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของเขาได้ เพราะว่าทุกๆชีวิตอยู่กับการตัดสินใจของตัวเองทั้งนั้น
“เข้าใจพูดนี่ แต่ฉันอยากฟังเสียงอย่างอื่นมากกว่า”
ซินหลับตาลง ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจ นัทยิ้มอย่างพอใจที่เสือกลายเป็นแมวไปชั่วขณะ ชายหนุ่มกดริมฝีปากของตัวเองลงบนกลีบปากอิ่ม ซินยอมเปิดปากโดยไม่ต้องบอก สองลิ้นเกี่ยวพันโรมรันร่างบางเริ่มจับทางเขาได้ แถมยังเป็นนักเรียนหัวดีที่สอนไปไม่กี่ทีก็จำได้ จนนัทครางในลำคอ
ในซอกแคบๆกายหนาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังชิดติดกำแพง มาเฟียหนุ่มสอดมือรัดรอบเอวบาง เกลี่ยไล้ปลายนิ้วไปทั่วแผ่นหลังเนียน ซินเผลอครางออกมาเล็กๆ มือใหญ่เปลี่ยนจากไล้เล่นแถวเอวขึ้นมาวนเวียนแถวหน้าอกเนียน นัทจับทางได้หมดปลายนิ้ววนเวียนไม่กี่ทีก็เรียกเอาตุ่มไตเล็กชูชันขึ้นมาได้ ร่างบางเอนศีรษะซบที่อกแกร่ง แข้งขาอ่อนแรงเพราะการเล้าโลมที่หนักขึ้น
“จะทำอะไรก็ให้เกียรติรสามั่งนะค่ะ คู่มั้นยืนหัวโด่อยู่ทั้งคน กลับเอาใครที่ไหนไม่รู้มากอดจูบ แค่นี้รสาก็อับอายคนอื่นจะตายอยู่แล้วค่ะนัท”
TBC…..^^
มาต่อแว้ววววว ไม่ได้หนีหายไปไหนหรือช้ำใจที่มีคอมเม้นเพียงน้อยนิดนะเคอะ ตอนนี้เวลาว่างแทบไม่มีเลยค่ะ หลังจากสอบภาษาสวีเดน(ที่ตกแล้วตกอีก ฮ่า) วันหยุดก็ต้องไปเรียนทำอาหารฝรั่งกับกุ๊กที่โรงแรม ชีวิตวุ่นวายดีค่ะ บางวันแทบจะไม่มีเวลาคิดเนื้อเรื่องเลย ตอนนี้นายเอกของเราไม่มีบทเลยเนอะ เนื้อเรื่องไม่โอเคเท่าไหร่ ขอแก้ตัวในตอนหน้านะค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นที่เม้นให้ ขอบคุณคนอ่านที่ยังไม่หนีหายไปไหน รักคนอ่านที่สวดดดดด ^_____^
ความคิดเห็น