คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เชลยรักมาเฟีย ตอนที่10
คลิปวีดีโอถูกถ่ายทอดโดยที่นักแสดงไม่รู้ตัว ภาพหยุดที่ลูกค้ารายสำคัญกอดร่างเด็กฝึกงานในโฮสต์คลับได้ถ่ายทำอย่างเสร็จสมบูรณ์ เขาจงใจทิ้งไว้ให้คนดูได้เต้นเป็นเจ้าเข้า มันคิดไปได้สารพัดทั้งที่ความจริงมันไม่มีอะไรเกินเลยสักนิด แผ่นหลังหนาเอนพิงพนักเก้าอี้สูงถึงแม้ว่าจะได้แก้แค้นให้คนของตนที่ถูกเก็บ แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด เสียงสะอื้นของซินยังดังติดอยู่ในหู ท่าทางของร่างบางที่หวาดกลัวเหลือเกินแม้จะเห็นในมุมสูง เฝ้าถามตัวเองเป็นรอบที่ร้อยว่ามันสะใจพอหรือยังที่ได้ทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วย จริงอยู่ที่ซินไม่ได้ฆ่าพี่ชายกับอาของเขา แต่ความผิดของซินคือเกิดเป็นลูกของหลีไท้ ดังนั้นโทษทัณฑ์ที่ได้รับคือการชดใช้แทนบิดาและส่งผ่านความเจ็บปวดไปสู่ผู้ให้กำเนิดอีกที หากมันสมควรแล้วหรือกับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต้องมารับเคราะห์เช่นนี้
เขาต้องการตอบโต้ที่หลีไท้ฆ่าคนของเขา โดยการส่งลูกชายของมันไปที่โฮสต์คลับ แต่ก็กับชับกับสุภัทรไว้แล้วว่าห้ามใครล่วงเกินซินโดยเด็ดขาด คนของเขาจะเข้าไปจัดการทันทีหากมีการแตะเนื้อต้องตัว แต่เหยื่อที่เข้ามาติดกับแบบเต็มใจ ไม่ใช่ใครที่ไหน ภานุลูกพี่ลูกน้องตัวดีของเขาที่บังเอิญมาที่โฮสต์คลับแห่งนี้พอดี ผิดแผนไปหน่อยแต่ก็ตรงตามความต้องการ แล้วทำไมเขายังรู้สึกหน่วงในอกอยู่อีก เหมือนสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ความคิดขัดแย้งกันอย่างไม่ควรเกิด เขาต้องแน่วแน่และมั่นคง คนอย่างโชติวุฒิไม่เคยทำอะไรผิดพลาด
ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก
ประตูถูกเคาะอย่างด้วยจังหวะที่คุ้นเคย ไม่ต้องรอให้เอ่ยอนุญาตร่างของคนที่มาเยือนก็โผล่เข้ามาแล้ว เชนปิดประตูลงเบาๆ
“ว่าไง”
“เป็นไปตามคาดครับ ท่านวิเชียรช่วยพูดให้พรรครัฐบาลยอมรับเงินสนับสนุนจากเราแล้วครับ จะรุกต่อเลยมั้ยครับ?”
“อย่าเพิ่ง ในพรรคยังมีพวกของหลีไท้อยู่ ถ้าเราผลีผลามเกินไปจะจบเห่เอาง่ายๆ เราต้องทำให้พวกมันเชื่อใจมากๆ พอถึงเวลาค่อยรุกหนัก”
“แล้วคุณหนูซินเซียร์จะให้ทำอย่างไงครับ”
“เดี๋ยวฉันจะไปรับเอง ฝากนายช่วยดูแลโกดังที่บางนาด้วย” วันนี้เพิ่งมีสินค้าล๊อตใหม่มา เป็นของที่นำเข้ามาจากอเมริกาและจะส่งต่อไปที่คูเวต เขาให้เชนไปตรวจสินค้า เพราะยังไม่ไว้ใจใครเท่ากับลูกน้องคนนี้ เชนเป็นลูกน้องชั้นเยี่ยม เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีความจงรักภักดีกับเขามากแค่ไหน
ซินนอนหลับสนิทชนิดที่อุ้มมาหลายสิบเมตรแล้วยังไม่รู้สึกตัว นัทก้มมองคนในอ้อมแขนชั่ววูบ ในตวงตาสีเข้มเหมือนอ่อนลง แต่ก็หายไปเพียงแค่กระพริบตา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เขาไม่รู้จักคำว่าใจอ่อนนับตั้งแต่ฆ่าคนได้ คำสั่งสอนถูกบันทึกลงในแกนสมองอย่าได้ปราณีกับใครเพราะว่าก็ไม่มีใครปราณีเราเช่นเดียวกัน
ท่อนแขนแข็งแรงค่อยๆวางคนที่หลับลึกลงบนเบาะด้านหลังอย่างเบามือ เขาเลือกรถลีมูซีนสีดำคันยาว เพราะว่ามันทำให้ร่างบางนอนได้โดยที่ไม่ค้องคู้กาย ร่างสูงแทรกกายเข้าไปชิดกับร่างบาง ประคองศีรษะขึ้นวางบนตักของตัวเอง ดวงตาเรียวหลุบต่ำลงมองใบหน้าที่งามหวานเกินชายยามหลับใหล...ช่างบริสุทธิ์เหลือเกิน
นัทนั่งนึกย้อนไปถึงตอนที่เข้าไปรับซินในห้อง ภานุยังอยู่ที่นั่นไม่ได้หลับ แม้ปิดตาแต่ประสาทรับรู้ยังทำงานดีเยี่ยม แค่เสียงลูกบิดประตูหมอนนั้นก็เด้งขึ้นจากโซฟา เตรียมพร้อมรอรับเขาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว เมื่อรู้ว่าเป็นเขาท่าทีที่แข็งกร้าวรอปกป้องก็เปลี่ยนไปก่อนยอมถอยให้เขาเข้าไปอุ้มคนคนนี้ออกมา ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าญาติผู้น้องคนนี้สนใจในตัวซินแค่ไหน ทั้งที่รู้ว่าเป็นลูกของศัตรู เป็นของเล่นที่เอาไว้แก้แค้น แต่ก็ห้ามใจไม่ได้ เขาเคยเอ่ยปากไปตรงๆ แต่หมอนนั่นไม่สนใจและทำท่าจะรุกหนักเสียด้วย
“พ่อฮะ...ดูน้องด้วย”
ปากอิ่มพึมพำแต่พอฟังออก ถึงจะหลับแต่ก็ยังห่วงน้องชายห่วงคนที่ตัวเองรักทั้งที่ตัวเองน่าห่วงกว่าเป็นไหนๆ อยู่กับเขามีแต่อันตรายแถมยังต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ความแค้นที่ปะทุเดือดได้ทุกเวลา เจ้าตัวไม่เคยขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยตัวไป หากแต่ขอมากกว่านั้นคือฆ่าเจ้าตัวซะเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง คนที่เขาอยากให้ตายคือหลีไท้ต่างหาก แต่ต้องตายทั้งเป็นเท่านั้นถึงจะสาสม
นัทไล่สายตาไปตามโครงหน้าหวานซึ้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นน้อยๆ จมูกโด่งพองามผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นระยะ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูขยับขมุบขมิบ แม้แต่ในฝันร่างบางยังไม่สงบ คงจะทุกข์ใจไม่น้อยตอนที่ตื่น แต่เข้าตัวเลือกที่จะใช้ความเข้มแข็งซ่อนมันไว้ ชุดที่บางรัดจนเห็นสัดส่วนช่วยเพิ่มเสน่ห์ในเรือนร่างงามอย่างน่าปรารถนามากขึ้น
เลือดในกายหนุ่มวิ่งพล่านผิดปกติ มาเฟียหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่อร่างบางพลิกหน้าเข้าหาลำตัวของเขา ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดทะลุผ่านเนื้อผ้า มือทั้งสองข้างเหนี่ยวร่างเขาไว้ ก่อนที่จะซุกหน้าแนบชิด ไม่บ่อยครั้งนักที่มาเฟียอย่างเขา ต้องหักห้ามความต้องการของตัวเอง เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ยิ่งเจอของที่ถูกใจยิ่งยากต่อการห้ามปราม อากาศถูกดึงเข้าปอดหนักๆครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะถึงบ้านอากาศในรถคงจะหมดพอดี
นัทมองคนขี้เซา ซินหลับลึกกว่าที่คิด ตั้งแต่อุ้มขึ้นรถ ลงรถ กระทั่งขึ้นมาบนเตียงหรือแม้แต่ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ยังหลับสนิท ไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกสายตาจากเขาโลมเลียตั้งแต่หัวจรดเท้า
ซินเกาศีรษะอย่างแรงอย่างไม่กลัวเจ็บ เส้นผมยาวยุ่งเหยิงรายล้อมกรอบหน้ารูปหัวใจ ดูเหมือนว่ายังไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่น่ามองขนาดไหน
“ซินกลับมาที่นี่ได้อย่างยังไง ก็เมื่อคืนนี้อยู่ที่...”
“ยู ว๊อนท์ มี...อยู่กับนายภานุซะด้วย เสียดายที่แขกของเธอเป็นมัน ไม่ใช่คนอื่น”
อะไรในสายตาของร่างสูงทำให้ซินต้องก้มสำรวจมองตัวเอง แล้วพบว่าเสื้อผ้านั้นได้ถูกเปลี่ยนออกไปแล้ว
“ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซิน”
“ฉันเอง เห็นบ่นว่าอึดอัดก็เลยเปลี่ยนให้ จะให้เหมยหลินมาเปลี่ยนให้เธอรึไง ผู้ชายเหมือนกันจะอายอะไร”
“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรแค่อยากรู้”
“รู้แล้วก็ดี รีบลุกไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบได้แล้ว”
“คุณไปรอที่ห้องน้ำก่อนเดี๋ยวซินตามไป” ร่างบางค่อยๆลุกขึ้น แม้จะยังเหมื่อยล้าจากเมื่อคืนที่มีแต่ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ แต่ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ไม่ได้เต็มใจทำเท่าไหร
วันนี้นัทออกจากบ้านไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เขาจะผ่านภาระกิจไปอย่างง่ายดาย โดยที่นัทไม่ได้แกล้งเขาเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้ดูเร่งรีบผิดปกติ หากนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะมันทำให้เขาสบายใจในยามที่มาเฟียจอมโหดนั้นไม่อยู่
ซินได้รับอนุญาตให้เดินเล่นในบ้าน ไม่สิ..ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก ด้วยพื้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยไร่ และตัวบ้านที่ใหญ่น้องๆโรงแรม จนไม่น่าเชื่อว่าแม่บ้านเพียงคนเดียวจะดูแลได้ครบทุกตารางนิ้ว ร่างบางก้มหน้าดูเหมยหลินที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารอยู่
“ทำอะไรฮะ”
“อ๋อ...ทำอาหารให้คุณซินแหละค่ะ”
“ให้ซิน มันคืออะไรหรอฮะ”
“ซี่โครงหมูอบเหล้าจีนนะค่ะ อร่อยนะคะ คุณซินคงจะชอบ”
“ฮะ ซินชอบอาหารของเหมยหลินทุกอย่าง”
“ชอบ...แต่ไม่เห็นคุณซินทานหมดสักครั้งเลยนี่ค่ะ”
“เอ่อ...ซินทานไม่ลงจริงๆ เหมยหลินคงเข้าใจนะฮะว่าเพราะอะไร”
“เหมยหลินขอโทษ ลืมคิดไปว่าคุณซินมาอยู่ในที่แบบนี้ ภาพอย่างนี้ คงจะทานอะไรไม่ลง”
“ไม่เป็นไรฮะ ซินไม่โกรธหรอก ขืนโกรธซินก็อดข้าวตายนะสิ ฮ่าๆๆ”
“คนบ้านนี้หายไปไหนกันหมด ฉันมาทั้งทีไม่เห็นมีใครออกมารับสักคน” เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากห้องโถง สำหรับเหมยหลินรู้ลยทันทีว่าเจ้าของเสียงที่แหลมบาดแก้วหูนี้เป็นใคร
“ใครมาเหรอเหมยหลิน”
“คุณรสาคู่หมั้นนายท่านค่ะ”
ซินใช้เวลาทบทวนอยู่พักใหญ่ถึงได้นึกออกว่าคนที่เหมยหลินบอกเป็นใคร เธอคือผู้หญิงที่แต่งตัวดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่นิสัยแย่สุดๆ ที่มากล่าวหาว่าเขาเป็นไอ้ตัวข้างถนน ก็เหมาะสมกันดีกับคนอย่างนายโชติวุฒิ ร่างบางกลับไปสนใจอาหารที่เหมยหลินทำคาไว้ในเตาก่อนที่จะออกไปรับแขก
ไม่ถึงนาทีเหมยหลินก็กลับเข้ามา ซินมองเห็นแววตาที่กลัดกลุ้มบนใบหน้าแม่บ้าน
“มีอะไรหรือเปล่าฮะ เขาต้องการอะไร”
“เอ่อ...คุณรสาต้องการให้คุณซินเอาน้ำกับของว่างไปให้นะค่ะ”
“ซินน่ะเหรอ” นิ้วเรียวจิ้มไปที่อกตัวเองอย่างไม่แน่ใจ จะแปลกอะไรในเมื่อตัวเขาเองไม่ได้อยู่ในสถานะสำคัญอะไร เชลยหรือคนใช้ก็ไม่ต่างกัน
“ได้สิ เหมยหลินเตรียมของให้ซินน่ะ เดี๋ยวซินเอาไปเสิร์ฟให้คุณรสาเอง”
เหมยหลินช่วยจัดชุดของว่างให้ วางใส่จานให้เรียบร้อยพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้ซินคล้ายจะให้กำลังใจ ซินรับชุดของว่างมาอย่างเต็มใจ การเป็นลูกมาเฟียใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่เป็น ไอ้งานบ้านหรืองานบริการคนจึงเป็นเรื่องที่สบายมาก
คู่หมั่นสาวของนัทนั่งไขว้ห้าง เจ้าหล่อนสวมเดรสทันสมัย กระเป๋าหรูแบรนด์ดังวางอยู่บนโต๊ะ ตัวเดียวกับที่ซินต้องเอาของว่างวางพอดี ซินเลยเบียดชุดของว่างเข้ากับกระเป๋าหรู เพราะไม่มีมือที่จะหยิบหลบไปก่อน“เธอจะทำอะไร!” รสาถามเสียงดัง สายตาจ้องแขม็ง
“ก็เอาของว่างให้คุณไง” ซินตอบกลับไป ไม่ได้แสดงถึงความหวาดเกรงต่อสายตาที่จับจ้องอย่างเอาเรื่อง
“แล้วไม่เห็นหรือไงว่ากระเป๋าฉันวางอยู่”
ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ประคองถาดไว้ด้วยมือข้างเดียว และใช้มืออีกข้างเลื่อนกระเป๋าแสนสำคัญให้ถอยออกห่าง จนเหลือที่ว่างมากพอสำหรับถาดของว่าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้วางถาด ปลายเท้าของรสาก็ตวัดขึ้นปัดถูกถาดในมือจังเบ่อเร่อ แก้วกาแฟร้อนๆหกรดมือของซิน มือบางๆรับรู้ถึงความปวดแสบปวดร้อนทันที
“โอ๊ย!” ซินปล่อยมือทันที ก่อนมองจะมองไปที่คนทำ รสายิ้มมุมปาก ดวงตาพราวระยับคล้ายกับพอใจที่ได้เห็นซินเจ็บ
“คุณตั้งใจใช่มั้ย!”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม ฉันจะบอกไว้เลยนะว่านัทเป็นคู่หมั้นของฉัน อีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันแล้ว อย่าได้คิดที่จะอยากได้ครอบครอง”
“แสดงว่าคุณก็ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงแท้ๆแล้วมากลัวอะไรกับผู้ชายอย่างผม แสดงว่าคุณก็ไม่มีอะไรดีพอที่จะสามารถให้คู่มั่นของคุณหยุดอยู่ที่คุณได้ โดยที่ไม่ต้องระแวงคนอย่างผม”
“แก! แกรู้มั้ยว่าพูดอยู่กับใคร ฉันเป็นถึงลูกสาวของรัฐมนตนะรี”
“รู้ แล้วจะทำไมเหรอ” ซินสวนกลับ
“เพี้ยะ!” รสาอาศัยจังหวะและความเร็วตวัดมือใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง ใบหน้าของซินซีกขวาชาวูบ
“คุณตบผม!” ซินหันหน้ากลับมาพร้อมกับเหวี่ยงมือกลับไปที่หน้าสวยนั้นอย่างไม่คิดออมแรง เขาเป็นผู้ชายไม่เคยคิดที่จะตบผู้หญิง แต่คนๆนี้สมควร ตบมาต้องตบกลับ ยอมเสียศักดิ์ศรีที่รังแกผู้หญิง
คู่หมั้นของมาเฟียใหญ่หันหน้ากลับ พร้อมกับรอยแดงของนิ้วมือทั้งห้า ตาเป็นประกายเจิดจ้าก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ซินจนทั้งคู่ล้มคว้ำลงพื้น
ไม่มีใครสนใจถึงอาการเจ็บ ต่างฝ่ายต่างพยายามทำร้ายกันและกัน รสากดมือไปที่ลำคอเล็กของซิน ออกแรงเต็มกำลัง ซินเองก็ไม่ยอมแพ้ ดึงทึ้งผมอีกฝ่ายจนหน้างาย แม้จะเจ็บจนน้ำตาไหลแต่ก็ไม่มีใครร้องบอกให้ปล่อย สภาพไม่ต่างจากเด็กห้าขวบที่ทะเลาะกัน
จังหวะที่รสาพลาดท่าเพราะว่าถูกดึงผมอย่างแรง ทำให้ซินที่ตกเป็นเบื้องล่างพลิกขึ้นมานั่งทับตัวเธอไว้ได้ พร้อมกับบีบคอรสาอย่างที่ตัวเองเคยถูกกระทำมาก่อน
“ทำอะไรกันน่ะ!”
“นะ...นัท...โฮ...ช่วยรสาด้วย มันจะฆ่ารสา”
ซินรีบผละออกจากร่างของรสา ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“นี่มันอะไรกัน! พวกคุณทำอะไร ใครจะให้คำตอบกับผมได้!” นัทตวาดลั่น กลับเข้ามาเห็นคนสองคนทะเลาะกัน ซินนั่งทับพลางบีบคอคู่หมั้นของเขา ถ้าเขาเข้ามาช้ากว่านี้รสาคงจะถูกลูกของศัตรูฆ่าได้แน่
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
“รสา...รสามาหาคุณ แต่ไอ้บ้านี่มันบอกว่าคุณไม่อยู่แล้วไล่รสากลับ แถมยังบอกด้วยว่ามันนอนกับคุณ ได้อาบน้ำ ได้อยู่ด้วยกัน รสาหึงเลยเผลอตัวต่อว่าไป...มันก็เลยเข้ามาทำร้ายรสาก่อนน่ะค่ะ”
“โกหก!” คนถูกใส่ความสวนกลับ ความกรุ่นโกรธประทุขึ้นอีกระลอกเพราะคำโกหกของผู้หญิงตรงหน้า
“คุณทำร้ายผมก่อน อย่ามาใส่ความกันสิ”
“รสาไม่ได้โกหกนะคะ”
“คุณร้ายกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ ฉันนอนกับเธอก็จริง แต่มันไม่ใช่เพราะว่าพิศวาส เพราะว่าฉันกลัวเธอหนีไปต่างหาก และจะบอกให้นะ...เธอไม่มีสิทธิ์ทำอะไรรสาแม้แต่ปลายเล็บ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด เพราะว่ารสาคือว่าที่นายหญิงแห่งตระกูลบุญสิทธิ์ ส่วนตัวเธอเป็นแค่เชลยที่ฉันจับมาเป็นตัวประกันหมดประโยชน์เมื่อไหร่ ฉันคงจะโยนทิ้งเหมือนของไม่มีค่า แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น” ทุกคำพูดของนัทไม่ได้แค่เข้าไปในหู แต่มันเข้าไปถึงหัวใจของคนฟัง เจ็บกับคำพูดที่ไม่กี่ประโยคจนพูดไม่ออก บาดแผลตามร่างกายไร้ความหมายไปทันที น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
“เดี๋ยวผมทำแผลให้นะ” นัทหันมาพูดกับคู่หมั้นสาว รู้สึกสงสารที่มุมปากมีรอยแผลอย่างเห็นได้ชัด
“ส่วนเธอ...กลับขึ้นไปรอที่ห้องเตรียมตัวรอรับโทษได้เลย” ไม่ต้องรอให้พูดเป็นครั้งที่สอง ร่างบางที่บอบซ้ำ ผ่านทั้งสองไปด้วยใบหน้าที่เชิดขึ้น ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นเป็นอันขาด
“ใส่ยาหน่อยนะค่ะ เดี๋ยวแผลอักเสบ”
ซินปาดน้ำตาก่อนที่จะเงยหน้ามองเหมยหลิน ร่างบางร้องไห้อย่างหมดอาย ไม่ได้เจ็บที่ร่างกาย แต่เป็นที่ใจ ไม่ว่ายาอะไรก็รักษาไม่หาย
“ทำไมคุณไม่บอกกับนายใหญ่ไปล่ะคะว่าคุณรสาทำคุณก่อน” เหมยหลินทรุดกายลงนั่งบนพื้นเช่นเดียวกับคนเจ็บ ก่อนที่จะเอาแอลกอฮอลล์เช็ดที่มุมปากที่แตกจนเป็นแผลใหญ่
“คิดว่าเขาจะฟังซินเหรอ แค่อ้าปากก็ด่าเป็นชุดแล้ว คนอย่างซินทำอะไรก็ผิดไปหมดแหละ”
เหมยหลินไม่พูดอะไรอีก ตั้งใจทำแผลให้อีกฝ่าย แม้ไม่มีคำพูดแต่ความห่วงใยก็ส่งผ่านมาทางแววตาและการกระทำ
“ขอบใจนะ” ซินพึมพำขอบคุณ
“ให้ซินเรียกเหมยหลินว่า..พี่..ได้มั้ย”
แม่บ้านสาวเงยหน้าจากแขนเรียว มีแววแปลกใจในดวงตา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“เสร็จแล้วค่ะ กินข้าวกินยาด้วยนะค่ะ”
“เหมยหลิน!” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง รีบคว้าอุปกรณ์ทำแผลออกไปทันที
นัทย่อกายนั่งลงบนส้นเท้า ปลายนิ้วเรียวแข็งช้อนคางเล็กขึ้น เรียวตาดุกวาดไปทั่วดวงหน้าหวาน ร่องรอยการทะเลาะเห็นอย่างเด่นชัด
“เป็นหมาหรือไง เที่ยวไล่กัดคนอื่นไปทั่ว
“ใช่..ซินเป็นหมา” ร่างบางตะคอกกลับ พยายามดึงคางหนีให้พ้นจากอุ้งมือของคนใจดำ
“จะด่าจะตีหรือว่าจะพาไปขายตัวก็ได้นะ อยากจะทำอะไรก็ตามใจคุณเลย คนอย่างซินไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วนี่ ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น” ซินเกลียดน้ำตาตัวเอง มันเอ่อไหล่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“แต่อย่าเอาศักดิ์ศรีของซินไปเหยี่ยบย่ำเล่น ซินก็คน...มีหัวใจ มีความรู้สึก โดนดูถูกเหยียบหยามสารพัดใครจะทนไหว แล้วไง..ซินตบคู่หมั้นคุณ ทึ้งหัวด้วย จะฆ่าซินก็เอาเลย!” สองมือผลักไหล่กว้างพัลวัน ความในใจที่สั่งสมมาได้ระบายออกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินมาไม่หยุด
นัทปล่อยมือออกจากคางมน หยดน้ำตาเปียกชุ่มมือ ใจอ่อนลงอย่างตั้งตัวไม่ติด ทั้งที่ตั้งใจจะมาสั่งสอนคนอวดดี นัทปล่อยให้ร่างบางร้องไห้จนพอใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าอาการสะอื้นจะหายไป
“เป็นแผลเยอะเหมือนกันนี่”
“น้อยกว่าคู่หมั้นคุณตั้งเยอะ ซินดึงผมเธอหลุดเป็นกระจุก...สะใจชะมัด”
นัทเกือบเผลอยิ้มกับอาการของคนตรงหน้า เมื่อครู่ยังร้องไห้อยู่เลย เผลอแป๊บเดียวกลับมาทำอวดเก่งซะนี่
“ไปอาบน้ำ หน้าตาดูไม่ได้เลย” เขาสั่งเสียงเรียบ
ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เดินกระโผลกกระเผลกเข้าไปในห้องน้ำ ไม่กี่นาทีออกมาพร้อมกับผมที่เปียกชุ่ม พลาสเตอร์ที่ปิดแผลหลุดออกมา นัทมองปากอิ่มที่ถูกเจ้าตัวขบเม้วไว้ แต่กระนั้นเขายังเห็นมันสั่นระริก ร่างบางห่อเข้าหากันแทบจะพุ่งหลาวลงเตียงทันที ถ้าหากว่าเขาไม่คว้าเอาเอวคอดไว้ซะก่อน
“จะนอนทั้งที่ผมยังเปียกอยู่ได้ไง” นัทเอ็ดเสียงเขียว มือหนาดึงข้อมือเล็กเบาๆ จนร่างบางนั่งปุ๊กลงบนเตียง แต่หัวเอียงไปเอียงมา ตาหรี่จวนจะปิดเต็มที ร่างหน้าคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ที่ลำคอระหงขึ้นมาเช็ดผมเปียกๆให้ มือใหญ่คว้าไดร์เป่าผมมาจ่อบนศีรษะเล็ก เกิดมาไม่เคยเป่าผมให้ใคร แม้ว่าจะไม่รู้วิธีนักแค่ทำให้แห้งก็จบ
“อื้อ...มันร้อน” มือเล็กปัดป่ายลมร้อนที่เป่าอยู่เหนือหัว
นัทปล่อยมือจากข้อมือเล็กที่กำเอาไว้นาน ร่างบางหล่นตุบบนเตียง เปลือกตาหรี่จนทาบปิดนัยน์ตาสวย
“กินยาก่อนอย่าเพิ่งหลับ” แก้มนวลถูกบีบไม่เบานัก ยาที่เหมยหลินเอามาถูกป้อนใส่เข้าไปในปากก่อนที่จะประครองแก้วน้ำมาจ่อทีริมปากอิ่ม หัวแม่มือใหญ่ปาดน้ำที่ไหลออกมาจากมุมปาก เขาพ่นลมหายใจโล่งอก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเด็กอ่อนเข้าไปทุกที
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงใหญ่มองร่างบางที่นอนหลับตาพริ้ม ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกางคลุมที่ร่างเล็กที่แสนจะบอบบางผิดกับผู้ชายทั่วไป ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ สมแล้วที่เป็นลูกของมาเฟีย ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด แต่ก็เลือกที่จะยอมลงให้เขา เพื่อที่จะปกป้องคนในครอบครัว
รอยช้ำที่มุมปากเห็นเป็นร้อยช้ำยิ่งกว่าเก่า เขารู้ว่ารสาพูดเกินจริง สองปีที่หมั้นกันมา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ารสาเป็นคนอย่างไง คู่หมั้นของเขาไม่ได้เป็นคนว่านอนสอนง่าย ถูกตามใจจนเสียคน นี่ถ้าไม่คิดว่าเขาต้องอาศัยพึ่งพาบิดาของเธออยู่ เขาคงจะได้ถอนหมั้นไปนานแล้ว นัทหมุนกายออกจากห้องของตัวเอง คืนนี้เขาจะสะสางงานในห้องทำงาน และยกห้องนี้ให้อีกคนได้ครอบครอง
TBC.....
มาต่อแล้วคร่าาาาาา เกือบอาทิตย์ที่หายไป
ตอนนี้ยังไม่ไปไหนเล๊ย วนไปวนมาเนื้อเรื่องยังไม่คืบหน้า แถมตอนนี้ยังมีแต่น้ำเหมือนเดิม
ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านกัน ไม่เม้นไม่ว่าขอแค่แวะเข้ามาก็ดีใจแล้วค่ะ^^
ความคิดเห็น