ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชลยรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #17 : เชลยรักมาเฟีย ตอนที่15

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 56


              ร่างกายปวดร้าว หัวปวดมึนอย่างรุนแรง ลำคอแห้งผากและร้อนผ่าวไปทั้งตัว นี่คือความรู้สึกแรกที่ลืมตาขึ้นมา ซินขยับตัวไม่ได้เลย รู้สึกเหมือร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หัวก็ปวด คอแห้งขมเหมือนคนขาดน้ำเป็นเวลานาน

              ร่างบางปิดตาลงอีกครั้ง พยายามไม่คิดถึงอะไร อยากแค่นอนเฉยๆ ปล่อยให้เวลาล่วงผ่าน แต่แค่ปิดตาภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อคืนก็หวนกลับมา ความจริงที่แสนเจ็บปวดหนักหนายิ่งกว่าอาการทางกายเสียอีก น้ำ ตาร้อนๆ ไหลผ่านหางตาซึมสู่หมอน ไม่ใช่แค่การกระทำที่แสนโหดร้ายราวกับไม่ใช่มนุษย์ของเขาเท่านั้น ที่ทำให้ซินปวดใจถึงเพียงนี้ คำพูดของบิดาที่รับถ่ายทอดมาก็โหดร้ายไม่แพ้กัน ท่านเลือกความยิ่งใหญ่มากกว่าชีวิตของเขา จริงอยู่ว่าในวงการนี้การตัดเรื่องบางเรื่องไปบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่เขาก็มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกไม่ใช่ก้อนเนื้อที่จะผลักไสไปไหนก็ได้

              นัทยืนมองร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างของตน เมื่อคืนนี้หลังจากสานสัมพันธ์ในห้องน้ำไปสองครั้ง เขาก็พามาต่อบนเตียงอีกจำไม่ได้ว่ามันจบตรงไหน แต่เขาทั้งสุขทั้งอิ่มจนล้นอก หากเพราะอารมณ์ดิบและความลืมตัวนั้น ก็ส่งผลให้เชลยต้องมานอนป่วย ใบหน้าเรียวซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด บนขมับบางมีเหงื่อซึมทั้งที่เปิดแอร์ เขาได้ยินร่างบางบ่นพึมพำอะไรบางอย่าง แต่มันเบามากจนไม่อาจจับใจความได้ มาเฟียหนุ่มยืนมองเศษซากแห่งพายุอารมณ์ที่กระจัดกระจายเกลื่อนห้อง เขาพ่นลมหายใจเบาๆ เห็นทีงานนี้คงต้องถึงมือหมอ ถ้าให้เขารักษาเองมีหวังได้ส่งเข้าห้องฉุกเฉินแน่

              ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคุณหมอก็มาถึงตามคำบัญชา นายแพทย์หนุ่มใหญ่วัยใกล้หกสิบจัดการวางทุกอย่างลงบนโต๊ะข้างเตียง เพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้ว่าคนป่วยไปเจออะไรมา

              “เป็นไงบ้างครับมาเฟียหนุ่มถามหลังจากที่คุณหมอจับชีพจรของคนป่วย อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ แต่มันธรรมดาของคนป่วย

              “เป็นไข้หวัดธรรมดาครับ พักผ่อนสักหน่อยไม่กี่วันก็หาย แต่ผมว่าระยะนี้ห้ามยุ่งกับคนป่วยจะดีกว่านะครับ ร่างกายของคนไข้บอบช้ำพอสมควรนายแพมย์หนุ่มใหญ่บอกตามประสบการณ์ที่ผ่านมา แทบไม่ต้องตรวจรายละเอียดอื่นๆ เขาก็รู้ว่าคนไข้คงต้องถูกใช้งานเกินคุ้มแน่ 

              “กี่วัน

              “สองอาทิตย์....ก็ประมาณสิบสี่วัน

              “สิบสี่วัน!นัทอุทาน ยิ่งกว่าตกใจคือเสียดาย

              “มันนานไปนะ

              “ก็คุณรุนแรงเกินไป กว่าจะหายดีก็ใช้เวลาหน่อย ถ้าถนอมแต่แรกก็ไม่มีปัญหา ผมว่าหนักกว่าเด็กที่ ยู ว้อนท์ มี อีกนะ

              “อย่าพูดมาก รีบรักษาแล้วก็จัดยามาด้วย

              ชั่วพริบตาเขาเห็นโหนกแก้มของเจ้านานเรื่อขึ้น คงอายที่ถูกจับได้ว่าใช้ความรุนแรง จัดการรักษาและจัดยาให้ตามความประสงค์ ก่อนที่จะส่งตัวกลับไปพร้อมกับค่าตอบแทนที่สาสม

              เหมยหลินถูกเรียกให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้อง และคอยเช็ดตัวให้คนป่วยจนกว่าตัวจะเย็น แต่ยาที่หมอฉีดให้ก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม

              “ดูคุณหนูซินด้วย ยาให้กินตามที่หมอจดไว้ เดี๋ยวค่ำๆ ฉันจะกลับ จัดโต๊อาหารไว้ด้วยล่ะฉันจะกลับมากินข้าวเย็น ฉันอยากกินแกงเขียวหวานทำไว้ให้ด้วยล่ะ

              แม่บ้านสาวก้มหน้ารับค่ำสั่ง ขณะที่ความสนใจพุ่งตรงไปยังร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง รอจนกว่าผู้เป็นนายผ่านพ้นประตูไปแล้ว จึงรีบเข้าดูคนป่วยด้วยความเนห่วงสุดหัวใจ

              “โธ่...ซิน ทำไมถึงหน้าสงสารขนาดนี้นะน้ำตาที่ไม่เคยรู้จักมานานหลายปีไหลผ่านแก้มขาว เธอก่นด่าตัวเองเป็นร้อยรอบที่ไม่อาจช่วยเหลือน้องต่างสายเลือดคนนี้ได้ ปล่อยให้นายได้ย่ำยีจนต้องมานอนป่วยอยู่อย่างนี้ ถ้าหากเธอกล้ากว่านี้อีกนิด คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง บางที่ซินอาจจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

              เปลือกตาบวมเปิดขึ้นช้าๆ ภาพพร่ามัวเด่นชัดขึ้นตามลำดับ ความเหมื่อยขบร้อนผ่าวเบาบางลงมาก คงเหลือที่หัวหนักจนยกไม่ขึ้น ดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วได้พบกับเหมยหลิน

              “พี่...เหมย...หลินเสียงที่ขาดห้วงและแหบอย่างน่าเกลียด แต่ก็อยากจะเรียกชื่อนี้ให้ใจชื้น อย่างน้อยในเวลาที่เจ็บป่วย ได้เห็นคนที่เป็นห่วงกันอย่างแท้จริงมันมีกำลังใจขึ้นเยอะ

              “ซิน...เป็นอย่างไงบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างเหมยหลินถามเสียงสั่น แววตาวาววับด้วยหยาดน้ำตา สองมือยกขึ้นประคองมือเอาไว้

              “เจ็บทั้งตัวเลยฮะเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของแม่บ้านผู้เข้มแข็ง ซินเองก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย ความอ่อนแอเข้าครอบคลุมร่างกายและหัวใจ เขาเองไม่อาจแสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้อีก ทุกอย่างมันหนักหนาจนเกินแบกรับไว้ได้อีก

              “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวก็หายแล้ว พี่จะทำข้าวต้มให้ทาน ทานแล้วจะได้ทานยาเหมยหลินละมือข้างหนึ่งมาลูบศีรษะของคนป่วยอย่างแผ่วเบา สงสารน้องต่างสายเลือดอย่างจับใจ หากเมื่อนึกได้ก็รีบเช็ดน้ำตา เธอไม่ควรร้องไห้ให้ซินเห็น เพราะจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายใจเสีย เหมยหลินเช็ดตัวให้คนป่วยอีกรอบ แต่ก็สะดุดหลายครั้งกับร่องรอยบนตัว ผิวสีน้ำนมช้ำเป็นจ้ำกระจายไปทั่วตัว

              ซินหลับไปอีกรอบหลังจากกินข้าวต้มไปนิดหน่อย เหมยหลินไปที่เรือนหลังเล็กเพราะต้องไปดูแลคนเจ็บอีกคน ผู้ชายคนนั้น...ศัตรูของนายใหญ่ อาการเพิ่งจะดีขึ้นด้วยยาของคุณภานุ และเพราะต้องคอยดูแลอาการของซินทำให้เลยเวลาให้ยา ถึงเขาจะไม่ใช่มิตร แต่เธอก็ไม่ถึงกับใจดำขนาดปล่อยปละละเลยไปได้ ร่างบางรีบสาวเท้าไปที่เรือนหลังเล็กอย่างร้อนรน

              เมื่อไปถึงเหมยหลินต้องแปลกใจที่ไม่ เพราะว่าในห้องนั้นไม่ได้มีแต่คนเจ็บแต่มีฟางแก้วอยู่ด้วย ที่น่าแปลกใจมากกว่านั้นคือคนที่ทำท่าไม่ดีเมื่อวานตอนนี้กลับนั่งได้แถมยังกินได้อีก เธอเห็นชามข้าวใบใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ

              “อ้าว...คุณเหมยหลินมาพอดีเลย คุณคนนี้เขาดีขึ้นแล้วค่ะ ดูสิค่ะ...กินข้าวต้มได้เป็นชามๆเลย

              ฟางแก้วบอกพร้อมรอยยิ้มที่โล่งอก คงจะอึดอัดไม่น้อยที่จะต้องมาดูแลคนของศัตรู ซ้ำยังมีสายตาของสามีที่คอยสอดส่องอยู่หน้าประตูอีกด้วย

              “แล้วทำไมเธอถึง...

              “ก็ฉันมาก็เห็นคุณคนนี้นั่งอยู่พอดี ที่แรกกะว่าจะรอคุณกับคุณซินแต่มันนาน คนเจ็บเลยเวลากินยาไม่ดีเท่าไหร่ก็เลยต้มข้าวต้มแล้วก็อุ่นยาให้ ว่าแต่ทำไมคุณซินถึงไม่มาด้วยล่ะคะ

              “คุณซินไม่สบายน่ะฉันเลยมาสาย ของใจมากนะฟางแก้ว...

              “คุณหนูเป็นอะไร!”  คนป่วยร้องถามเสียงดัง ดูเหมือนจะลืมอาการเจ็บของตัวเองไปชั่วขณะ

              “เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ห่วงตัวเองเถอะนายน่ะ อาการหนักกว่าคุณซินเยอะ”  เหมยหลินบอกพลางส่งสายตาตำหนิ ทั้งที่ตัวเองมีสภาพที่น่าห่วงมากกว่าแต่กลับไปห่วงคนอื่น

              “กินยาแล้วใช่มั้ย กินได้ลุกขึ้นนั่งได้อีกไม่กี่วันก็หาย เตรียมใจไว้เลยนะ นายใหญ่ไม่ปล่อนายไว้แน่

              “ผมนับวันรออยู่”  เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีความตกใจหรือหวาดกลัวซ่อนอยู่ในน้ำเสียง

              “แค่คุณหนูของผมปลอดภัย ผมก็สบายใจแล้ว

              “คุณซินปลอดภัยดี นายตายตาหลับได้เลย

              คนเจ็บพยักหน้าเบาๆ หน้าที่ของเขาคือทำตามหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมา ต่อให้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต วิรัตน์มองมือเรียวที่เปลี่ยนผ้าพันแผลของเขาอย่างคล่องแคล่ว

              “ผมชื่อวิรัตน์ คุณชื่อเหมยหลินใช่มั้ย

              คนถูกถามทำได้แค่พยักหน้า เจ้าหล่อนพูดน้อยต่อยหนัก สังเกตุได้จากการที่บอกให้เขาเตรียมใจไว้รอวันตาย เขาอยากบอกเหลือเกินว่าทุกวันนี้เขาก็อยู่บนความตาย ไม่เคยทีวันไหนที่จะกลัวคำว่าตาย

              “เดี๋ยวฉันจะให้ฟางแก้วดูแลเรื่องยากับอาหารให้

              “ขอบคุณครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณพวกคุณเลย แม้ว่าจะตายไปแล้ว

              เหมยหลินไม่ได้ซาบซึ้งไปคำพูดสรรเสริญเยินยอ ถึงอย่างไรซะผู้ชายคนนี้คือศัตรู เป็นคนที่ทำให้อาถิงกับอาจูเจ็บตัว ร่างบางลุกขึ้นภาระที่แบกอยู่บนบ่าหมดไปหนึ่งอย่าง และอีกไม่กี่วันผู้ชายคนนี้ก็จะหายไปจากชีวิต

              วิรัตน์มองตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆหายไป ลมหายใจถูกถอนแผ่วเบา เขายังมีชีวิตอยู่และทำตามคำสั่งถ้าหากยังไม่ตายเขาจะต้องเอาตัวคุณหนูออกไปจากที่นี่ให้ได้ คุณหนูไม่สบายเขาเองก็ปางตาย ขืนไปช่วยตอนนี้คงได้ตายคู่แน่

     

               ข่าวการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่ว เพราะว่าผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่หาใช่มาจากการเลือกตั้งไม่ นัทขยำหน้าหนังสือพิมท์ที่พาดหัวข่าวใหญ่โตนั้นทิ้ง ความกรุ่นโกรธแผ่ซ่านไปทั่วทั้งอก ไอ้สารเลวนั้นเห็นอำนาจดีกว่าชีวิตลูกของตัวเอง

              “หุ้นในบริษัทที่หลีไท้ถืออยู่พุ่งลิ่วเลยครับ พวกนักลุงทุนแห่ซื้อกันใหญ่” 

              เชนรายงาน  วันที่เจ้านายของเขาเข้าไปประชุมกับท่านนายกเขาก็ไปด้วย อดรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นแทนผู้เป็นนายไม่ได้ เมื่อคืนตอนที่ลูกของหลีไท้ถูกย่ำยีเขาก็อยู่ในห้องโถงด้วย หากเขาไม่คิดจะห้าม เพราะว่าสมควรโดนเช่นนั้นแล้ว ไม่มีคำว่าเหตุผล มีแค่ความสะใจเท่านั้น

              “คิดแล้วน่าเจ็บใจ ฉันน่าอัดคลิปเมื่อคืนส่งไปให้ไอ้เลวนั่นดู

              “แล้วนายจะทำอย่างไงต่อไปครับ

              “ฉันจะบีบท่านนายก มันเอาเงินเราไปเยอะ เรื่องอะไรจะยอมง่ายๆ” 

              “แล้วเรื่องคนของหลีไท้ล่ะครับ จะจัดการเลยมั้ย

              “ยังก่อน....ฉันจะเอามันไว้ทรมานเล่น รอให้มันหายดีก่อนค่อยว่ากันอีกทีผู้เป็นนายทิ้งช่วงนิดหน่อย

              “ต้องจัดการดันบริษัทของเราให้เท่ากับของมัน ไม่อย่างนั้นฐานะการเงินของเราจะแย่กว่ามัน ถ้ามันเปิดซ่องได้ เราก็เปิดบ่อนอย่างเป็นทางการได้เหมือนกัน

              “หมายความว่า....

              “ใช่ ฉันจะเปิดกาสิโนแบบครบวงจร ดูซิว่าซ่องกับบ่อนอันไหนมันจะรุ่งกว่ากัน

              เชนพอจะเดาแผนการของเจ้านายออก จากบ่อนลับๆจะกลายเป็นคาสิโน แหล่งรวบรวมผู้คนที่หลงไหลในการพนัน เขาก็เชื่อจะไม่มีใครกล้ามาสั่งปิดเพราะว่าอำนาจเงินค้ำคอ

              “นายจับตาดูคนคนนั้นไว้ให้ดี ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นสายให้หลีไท้

              “ครับนายท่าน

              เชนน้อมรับคำสั่งก่อนที่จะขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ สายตาทั้งของเขาและของเจ้านายไม่เคยพลาด ถ้าคนนั้นคือสายของศัตรูจริงมันจะได้ลงไปนอนในนรกก่อนเจ้านายของมัน

              ทว่าแม้จะมีสารพันปัญหาเข้ามาได้แก้ แต่นัทก็ยังไม่วายแบ่งความคิดถึงไปถึงใครบางคน ที่คงจะนอนอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้เล่นงาน มุมปากยกสูง รสชาดหอมหวานยังติดตรึงทั้งที่ปลายลิ้น นิ้วมือ และส่วนต่างๆที่ได้สัมผัส เขามีสัมพันธ์กับผู้หญิงจนนับนิ้วไม่หมด ทั้งที่ผ่านเข้ามาและจากไปหรือกระทั้งที่คบหาดูใจ แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคิดถึงแม้ในยามที่ยุ่งลำบากใจเช่นนี้

              กลิ่นกายหอมเหมือนขนมหวานลอยวนอยู่รอบตัว ผิวกายสีน้ำนมนวลเนียนน่าหลงใหล ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ หรือแม้แต่เสียงครางที่ติดอยู่ในห้วงคำนึง นัทเผลอยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก ตัวเองเพราะติดใจรสหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งในโพรงปากของซิน สองอาทิตย์มันนานเกินไปสำหรับเขา ชายหนุ่มค่อยๆถอนหายใจ นี่เขากลายเป็นคนตัณหากลับไปแล้วหรือไง

              กลิ่นหอมเครื่องเทศอย่างคุ้นจมูกลอยโชยเข้ามา ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน กลิ่นคล้ายๆเมื่อคืน แต่มันเด่นชัดกว่า ที่สำคัญมันเรียกน้ำย่อยในกระเพาะเขาให้ทำงานได้อีกด้วย ร่างสูงเดินเข้าใกล้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ แล้วพบว่าบนโต๊ะมีอาหารที่เขาสั่งไว้เหมยหลินทำมันจริงๆ

              มือขาววางชามใหญ่ตรงตำแหน่งที่เขานั่งประจำพอดี แม่บ้านสาวเงยหน้ามองเขานิดหน่อยแล้วค้อมตัวลงทำความเคารพ

              “แกงเขียวหวานใช่มั้ยชายหนุ่มถาม แม้ว่าจะสั่งไว้ แต่เขาไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย ยอมรับว่าเรื่องอาหารเขาไม่ค่อยสันทัด

              “ค่ะแม่บ้านสาวตอบสั้นๆ

              ร่างสูงของเจ้านายนั่งลงยังตำแหน่งของตัวเอง โตะอาหารตัวยาวดูอ้างว้างเมื่อไร้ผู้ร่วมโต๊ะ

              “ดิฉันไม่ได้ทำคนเดียวหรอกค่ะ แต่...เอ่อ..คุณซินช่วยทำด้วยค่ะ

              “ซิน..คิ้วเข้มยกขึ้นสงสัย ไม่สบายแล้วมีแรงลุกขึ้นมาทำอาหารได้อย่างไง

              ร่างระหงเดินอ่อนระโหยออกมาจากห้องครัว ใบหน้าซีดเผือดเพราะว่ายังไม่หายไข้ดีนัก มือเล็กเกาะพนังกำแพงเพื่อใช้ประคองตัว ป่วยอยู่แท้ๆ แต่ดันลุกขึ้นมาทำอาหาร มันน่าตีให้ก้นลายนัก ลุกขึ้นจากเก้าอี้

    แล้วเดินก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ไปถึงร่างของคนหัวแข็ง มือหนาดึงต้นแขนนุ่มไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะล้มลงเพราะเสียจังหวะ

              “ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ ลงมาทำไม

              “เรื่องของซินร่างบางตอบเสียงห้วน

              “เหมยหลิน!

              นัทตะโกนเรียกแม่บ้านที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้เพราะต้องการอยู่รับใช้เขาหรือเพราะเป็นห่วงเพื่อนใหม่กันแน่ เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆก่อนที่จะขานรับและขยับเข้ามาใกล้เจ้านาย

              “เธอให้ซินเซียร์มาช่วยใช่มั้ย

              “เปล่านะ!ซินรีบชิงตอบพลางหอบหายใจแรงกว่าเดิม เพราะว่าใช้พลังงานมากเกินไป

              “ซินแค่อยากมาช่วย

              “ไม่ยักรู้ว่าไอ้หลีไท้มันเลี้ยงลูกเป็นแม่พระ ใจดีเหลือเกินนะ ตัวเองจะตายอยู่แล้วยังมีใจคิดถึงคนอื่น”  เขาประชด รั้งร่างที่จะออกห่างให้เข้าใกล้มากขึ้น เขาสัมผัสไอร้อนจากตัวเธอได้ ไข้ไม่ได้หนักเท่ากับเมื่อเช้า

              “อย่ามา...เรียกพ่อซินว่า...ไอ้นะ

              ตาแดงขุ่นตวัดมองเขาอย่างไม่พอใจ คงอยากจะทำมากกว่ามอง แต่เรี่ยวแรงไม่เอื้ออำนวย ผิวแก้มมีสีเรื่อๆแซมขึ้นมาเป็นพักๆแม้จะป่วยก็น่ามอง เขาเพิ่งจะสังเกตุว่าร่างบางใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขา ชายเสื้อยาวเลยต้นขามานิดหน่อย มือใหญ่เปลี่ยนจากกุมต้นแขนเป็นช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน คนถูกอุ้มร้องด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้เพราะว่ายังไม่มีแรงพอ ซินหน้าง้ำตอนที่ต้องยกมือโน้มคอเขาเอาไว้กันตัวเองตก

              นัทอมยิ้มพลางอุ้มคนป่วยหัวแข็งเดินดุ่มมาที่โต๊ะอาหารกะจะพักรบสักพัก ไม่ใช่เพราะว่าความแค้นมันดับลงไปแล้ว หากแต่ไม่ต้องการรังแกคนป่วยมากกว่า ส่วนเรื่องที่ไม่ให้ยุ่งสองอาทิตย์เขาไม่รับปาก ขึ้นอยู่กับความอดทนของตัวเอง

              เขาว่างร่างเล็กลงบนตักตัวเอง ทำเหมือนเป็นเด็กน้อยที่ต้องการผู้ใหญ่เอาใจ ซินไม่ยอมอยู่เฉย หากไม่รู้เลยว่าก้นนิ่มๆของตัวเองมันปลุกไอ้ส่วนที่สงบอยู่ให้ตื่นขึ้นมา นัทต้องกัดฟันข่มความรู้สึกเอาไว้ เบนความสนใจไปที่อาหารบนโต๊ะแทน มือหนารัดเอวบาง แผ่นหลังเนียนแนบกับอกแกร่งของเขา ยื่นหน้ามองมื้อเย็นที่มีมากกว่าแกงเขียวหวาน

              “นั่นอะไร”  เขาบุ้ยปากบอกตำแหน่งของอาหารแทนมือ ที่มันยุ่งอยู่กับการบังคับให้คนบนตักอยู่นิ่งๆ

              “ใข่ยัดไส้!”  กระแทกเสียงตอบ เรี่ยวแรงถดถอยมากขึ้นทุกทีจนต้องยอมนั่งนิ่งๆบนตัก ปล่อยให้มือใหญ่กุมเอวไว้เกือบรอบ

              “ตักให้หน่อย ฉันตักไม่ถึง

              “คุณก็ปล่อยซินลงสิ จะได้กินได้”  ซินหยุดหายใจ หัวเริ่มมึนขึ้นทุกที ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเอียงกายพิงเขามากกว่าเดิม

              “ถ้าปล่อยเธอก็ไม่ได้กินข้าวเย็นนะสิกลิ่นกายหอมๆของคนบนตักเป็นตัวกระตุ้นได้เป็นอย่างดี นัทฉวยโอกาสสูดกลิ่นหอมๆซอกคอเล็ก วันนี้ซินมวยผมขึ้นเปิดคอสวย ลูกผมเล็กๆเกลี่ยต้นคออย่างน่ามอง เขาไม่ได้ตั้งใจจะรั้งเอาคนป่วยมาแกล้งให้สนุก แต่อยากให้กินข้าวเย็นด้วยกันเพราะว่าต้องกินยา รู้ดีวาคนหัวดื้ออย่างร่างบางต้องไม่ยอมกินอะไรแน่

              “ถ้าไม่ตักให้ฉัน ฉันจะป้อนเธอด้วยปาก          
                ช้อนยาวตักจ้วงลงไปในแกงเขียวหวานไก่ วันนี้ซินจงใจให้เหมยหลินเพิ่มพริกแกงเพราะว่าอยากแกล้งคนนิสัยเสีย ข้าวพูนช้อนถูกยื่นมาจ่อปากคนบ้าอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มอ้าปากรออย่างน่าหมั่นไส้ 

              “เอาอันนั้นน่ะ...อะไรนะ ไข่ยัดไส้ใช่มั้ย”  เขาถามขณะที่กลืนคำแรกลงท้อง

              ซินตักไข่ยัดไส้แล้ววางลงในจานข้าว ทำท่าจะยัดใส่ปากเขาอีกรอบ แต่เขากลับแย้งช้อนไปถือไว้เอง

               “อ้าปาก

              “อะไร?”

              “อ้าปากไง กินข้าวจะได้กินยาเขาบอก จับซินนั่งพาดไปด้านข้าง เอี้ยวหน้าเข้ามาใกล้พลางประคองช้อนเข้าปากอิ่ม  คนป่วยหัวดื้อเบี่ยงหน้าหนีเหมือนเด็ก ปากเม้มแน่นไม่ยอมรับอาหารที่เขาจะป้อน

              “กินซะ อย่าให้ต้องป้อนด้วยปาก

              มันไม่ใช่แค่คำขู่ซินรู้ดี นัทพูดจริงทำจริง ร่างบางตัดความรำคาญด้วยการอ้าปากรับเอาข้าวและไข่ยัดไส้เข้าในปาก

              นัทมองคนหัวดื้อที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ แม้หน้าจะบึ้งแต่อาการมึนตึงลดลงไปบ้างเล็กน้อย จากนั้นก็พลัดกันป้อนคำต่อคำ แน่นอนไม่ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ เขาต้องขู่สารพัดถึงจะยอม ไม่นานอาหารทุกอย่างบนโต๊ะถูกจัดการไม่เหลือหลอ

              นัทใช้ผ้าสีขาวที่เหมยหลินวางไว้ให้เช็ดที่มุมปากคนป่วย อารมณ์ที่ครุกรุ่นที่เกิดจากหลากปัญหาหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ แค่ได้กินข้าวกับคนคนนี้ แม้จะต้องขู่บ้างบังคับบ้างก็ตาม

              “พอได้หรือยัง ซินอยากนอนแล้ว”  ถามแต่เขาไม่ตอบ ร่างบางทำท่าจะกระโดดลงจากตัก แต่เขาก็ช้อนตัวไว้ได้ทัน รอให้ถึงสองอาทิตย?คงไม่ไหว ตั้งใจพยาบาลหน่อยจะได้หายไวขึ้น

              “กินยาแล้วเช็ดตัวก่อนเด็กดื้อ

              แม้ว่าอยากจะประท้วงสักแค่ไหน แต่ก็จนปัญญาจะทำ อ่อนล้าเกินกว่าจะพูดด้วยซ้ำ จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจ ซินซบหน้าลงที่อกกว้าง ความหวาดกลัวจางลง หรือบางทีอาจเป็นเพราะพิษไข้ก็ได้

              ตาคมอ่อนแสงลงจ้องมองคนใต้ร่าง ใบหน้าเนียนซับสีเลือดทั้งทั่งป่วยอยู่ ตากลมมองมาที่เขาไม่กระพริบ ปากอิ่มที่หายบวมแล้วเม้มตรง มือทั้งสองกุมคอชุดนอนแน่น

              “ซิน...ปวยอยู่

              “ฉันรู้

              “รู้...แล้วจะ...

              “ฉันบอกเหรอว่าจะทำ อย่สำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย"

              ซินตวัดตาวาวๆ มองเขาก่อนที่จะซุกหน้าลงหมอน หลายครั้งที่ซินทำให้เขาเห็นว่าเจ้าตัวยังเด็กอยู่ เช่นการหันหน้าหนีนี้ คงคิดว่ามันจะหลบสายตาเขาได้ เขาไม่ได้คิดที่จะทำอะไรคนป่วยจริงๆ เพียงแต่จะแกล้งเล่นเท่านั้น ก็เจ้าตัวดื้อแพ่ง ไม่ยอมให้ถอดดเสื้อ ถอดแล้วก็ต้องเอาผ้ามาคลุม ทั้งที่มากกว่าเห็นเขาก็ทำมาแล้วแท้ๆ ไม่เขาใจว่าจะอายอะไรนักหนา

              “ลุกออกไปสิ อึดอัด

              ชายหนุ่มไม่อยากต่อปากต่อคำ หากแต่ก้มหน้าต่ำจนไอร้อนจากลมหายใจเป่าชนรดผิวแก้มด้านที่หันหนีเขา ขนในกายลุกชัน หลับตาแน่นกว่าเดิม ปลายจมูกโด่งกดที่แก้มหนักๆ แล้วลามไปที่มุมปาก ฝังนิ่งไว้ตรงนั้นไว้เนิ่นนานกว่าจะถอยออกไป

    TBC......^^
                เอามาต่อแล้วคร่าา อาจจะสั้นไปหน่อยสำหรับตอนนี้ ขอโทษจริงๆคะ หัวไปได้แค่นี้จริงๆ ฮ่าาา ต่อจากตอนนี้ไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาอัพเมื่อไหร่ ช่วงนี้ที่ร้านยุ่งๆค่ะ ทำงานทุกวันเลยถ้าไม่เหนื่อนจนเกินไปจะเข้ามาอัพให้อ่านกันนะคะ 
    ขอบคุณทุกคอมเม้นที่เม้นต์ให้ค่ะ ^^ 

     
                     

             

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×