คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : HUN x HAN : Im going CRAZY 1
เจ้าคนเอาแต่ใจ !
“ ฉันล่ะเบื่อที่สุด พวกนั้นมันอะไรกันคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน สั่งฉันอยู่ได้ ตัวเองก็เป็นแค่ไอดอล คิดว่าหล่อนักหรือไง ! ”
เสียงโวยวายของแบคฮยอนทำเอาผมต้องหันไปมอง อย่าที่เจ้านี่พูดมันจริงทุกประการ
“ เอาน่ะแบคฮยอน ทุกคนทำอะไรก็ต้องมีเหตุผล สิ่งที่พวกเขาคู่ควรคือสิ่งที่ดีที่สุด มันคือลำดับขั้นตอนต่อไปต่อการสนองความต้องการ คนเราเมื่อได้สิ่งหนึ่งก็จะพึงพอใจสิ่งนั้นและดูแคลนสิ่งที่ด้อยกว่า งานที่นายเสนอไปคุณภาพอาจจะไม่ผ่าน ไม่เหมาะกับพวกนั้น ลองคิดอีกแง่ถ้างานไม่ดีเดี๋ยวนี้พวกเขาไม่ว่าไอดอลหรอกนะ แต่จะว่าพวกเราที่ทำงานแย่ อีกทั้งจะทำให้พวกเราเสียเครดิตไปด้วยนะ ”
ผมแจงเหตุผลร้อยแปดเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ของแบคฮยอนที่กำลังเดือดสุดๆ กับพวกบอยแบนด์ไอดอลที่กำลังมาแรงห้าคน ได้ชื่อถือว่าความที่สุดและเรื่องมากที่สุด ว่ากันว่าผู้จัดการมากเรื่องสุดแล้วพอมาเจอศิลปินนี่ที่สุดกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามงานใครก็งานมันรับผิดชอบส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
“ นายนี่มันเทวดานางฟ้าดีๆ นี่เอง ให้ตายเถอะ นายชักโลกสวยและคนดีเกินไป แบบนี้จะโดนเอาเปรียบกันง่ายๆ นะ ” แบคฮยอนกล่าวด้วยความเป็นห่วง มันเรื่องจริงทุกประการ แต่ผมคงต้องตอบแค่ ..
“ ช่างมันเถอะ .. ”
นี่ล่ะ .. พ่อพระลูฮานที่ใครในบริษัทผลิตรายการต้องรู้จัก โปรดิวเซอร์มือหนึ่งของบริษัท EXO
“ ตัดเข้าโฆษณา นับถอยหลังด้วยนะครับ ! ”
“ ทำงานหนักหน่อยนะครับ ” ผู้จัดการของวง EX-BOY กล่าวด้วยรอยยิ้ม ถ้างานมันออกมาดี ผู้จัดการที่แสนไร้ไมตรีก็ดูเป็นคนดีขึ้นมาทันที และดูดีใจที่งานออกมาข้างข้างดีพอใจเขาในระดับหนึ่ง
“ นิดหน่อยครับ ผมเข้าใจ ” ผมยิ้มตอบกลับ ต่างจากแบคฮยอนที่นั่งอ่านสคริปต์ปนทำปากมุบมิบใส่ชานยอลสมาชิกตัวโย่งของ EX-BOY
“ นี่เจ้าเด็กส่งน้ำ ฉันหิวน้ำ ไปหาน้ำมาให้หน่อยสิ ” ชานยอลตะโกนใส่แบคฮยอนที่ทำหน้าเหวอเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนใช้ และถูกลดระดับจากคนเขียนสคริปต์เป็นเด็กเสิร์ฟน้ำ
“ นี่ปาร์คชานยอล .. สุภาพหน่อย ” ผู้จัดการหันไปกล่าว แต่ก็ไม่สามารถหยุดรอยยิ้มยั่วยุของชานยอลได้เลย .. ร้ายการชะมัด
“ อา~ ชานยอลของฉันไม่ใช่โฮโมใช่ไหมเนี่ย ทำเหมือนกำลังแกล้งคนที่ตัวเองสนใจอยู่เลย ”
ผมหันไปมองสามสาวที่เข้ามาดูเพราะชื่นชอบในวงนี้ทั้งที่พวกเธอไม่ได้มีส่วนในรายการนี้แต่น้อย แต่ก็ปลีกตัวจากรายการตัวเองมานี่ถือว่าสุดยอด .. โดดงานได้สุดยอดเลย
“ พวกเธอมองออกด้วยเหรอว่าใครเป็นไม่เป็น ” ผมหันไปถามพวกเธอที่หันมาส่ายหน้า
“ มองไม่ออกหรอก แต่แบบลูฮานดูสิทั้งวันนี้ชานยอลเอาแต่แกล้งแบคฮยอนของเรานะ ”
ตกลง .. จะแบคฮยอนของเรา หรือปาร์คชานยอลกันแน่พวกเธอ = =
“ คงแค่หมั่นไส้หรือเปล่าเถอะ ”
“ ก็ขอให้เป็นแบบนั้นแล้วกัน ” พวกเธอว่าก่อนจะต้องเข้าสู่รายการต่อ นี่ผมไม่ได้บอกใช่ไหมว่านี่มันเป็นรายการสด ใช่แล้วว่ามันคือรายการสดเลยไม่สามารถเทคใหม่ได้ ถ้ามีปัญหาโอกาสที่จะบานปลายมันมีมากจนน่าปวดหัว
นั่งมองห้าคนตอบคำถามพิธีกรหญิงอย่างชำนาญผ่านมอนิเตอร์ ต่างกับหลังกล้องไม่มีผิด พวกที่เอาแต่ใจยิ่งกว่าอะไร พวกที่ถือว่าตัวเองวิเศษมาจากวิมานไหนกลับกลายเป็นสามัญชนปกติเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง พวกเสแสร้งที่สุด ให้ตายเถอะอยู่วงการนี้มานานมันเจออะไรสุดๆ ก็วงนี้นี่ล่ะที่เรื่องมากตั้งแต่ผู้บริหารยันศิลปิน สาบานว่าจะไม่พามาอีกครั้งต่อไป
“ คำถามสุดท้ายก่อนให้ฝากผลงานนะคะ .. เพลงที่ร้องนี่เห็นว่าแต่งกันเองจากประสบการณ์ ช่วยร้องซักท่อนหน่อยได้ไหมคะ ” พิธีกรกล่าวจบทั้งห้าก็เริ่มหันหน้ามองกันก่อนที่หนึ่งในนั้นซึ่งจำไม่ผิดว่าชื่อจงอินจะยื่นไมค์ให้กับคนที่อายุใกล้เคียงกับเขา
“ ต้องโอเซฮุนแล้วล่ะครับ ”
เจ้าของชื่อรับไมค์ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ราวกับว่าปรับอารมณ์
“ ♬ตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันอยากบอกว่า .. คุณไม่เคยรับฟัง, you never listen คุณไม่เคยที่จะเชื่อฉัน No~ ความรักในหัวใจของเราเมื่อเจอกันแรกพบ มันหายไปอยู่ที่ไหนกัน เราทำลายมันไปแล้วหรือ ♬ ”
เสียงที่แสนนุ่มนวลของเขากับบทเพลงมันทำให้ผมใจหาย หายไปไหนกัน ..
“ ♬ ฉันไม่ชอบความรักของเราที่เปลี่ยนแปลงไป ฉันเหนื่อยล้ากับการโต้เถียงซ้ำๆ ระหว่างเราทุกวัน มันเลวร้ายมากเมื่อเราต้องอยู่ตามลำพัง และจะทนต่อไปจนถึงสุดท้ายได้ไหมนะ ฉันไม่อยากตำหนิคุณในเรื่องราวที่เราไม่ลงรอยกัน~ I’m going crazy crazy, ความรักของเรา we just going crazy ♬ ”
ความเงียบยังคงอยู่แม้ว่าบทเพลงจะจบลง เหมือนเกิด Dead Air กลางคัน มันคือช่องว่าระหว่างการสนทนาที่ขาดหายไป
“ อ .. โห เงียบกันทั้งห้องส่งเลยนะคะ เพราะมากค่ะ ” พิธีกรที่พยายามใช้ไหวพริบของเธอในการแก้สถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ ขอบคุณครับ ” เจ้าตัวตอบพร้อมกับยิ้มรับ
“ งั้น ก่อนจากกันช่วยฝากผลงานด้วยนะคะ ... ”
การดำเนินรายการมาถึงตอนท้าย รายการกำลังจบลงเหมือนทุกครั้ง เมื่อทุกอย่างจบก็ถึงเวลาต้องจากกัน เวลาเดินไปไว ไม่เคยรอใคร อย่างที่เคยบอกไว้ คนเราเพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ .. แต่ให้ตายเถอะ เสียงเพลงนั้นมันก้องอยู่ในหัวไม่ยอมหายไปไหนซักที
“ ลูฮาน .. เป็นอะไรไปน่ะ ” แบคฮยอนที่คงสังเกตเห็นว่าผมเริ่มนิ่งผิดปกติถามผม
“ เปล่าน่ะ แค่รู้สึกตื้อนิดหน่อย สงสัยอาหารตอนเที่ยงทำพิษแน่เลย ” ผมลูบท้องตัวเอง
“ อา~ ลูฮาน นายนี่กระเพาะเด็กก็หัดกินอาหารดีๆ ดูแลสุขภาพบ้างสิ ”
“ รู้แล้วน่า .. นายนี่บ่นจังเลย ”
“ ก็ถ้าฉันไม่บ่นแล้วใครจะมาบ่นแทนล่ะ ก็หาเมียมาดูแลบ้างนะ ” สิ้นเสียงของแบคฮยอนก็เป็นเวลาที่รายการจบลงและกลายเป็นเบื้องหลังในทันที เบื้อหลังที่ผมเป็นมาตลอด ทำได้แค่อยู่ข้างหลังแบบนี้
“ ปวดท้องชะมัดเลย นี่เจ้าเตี้ยนายเอาอะไรมาให้ฉันกินเนี่ย~ ” ชานยอลหันมาบ่นใส่แบคฮยอนที่เริ่มเดินหนีออกไปไม่รอ คงรำคาญน่าดูเลยสินะ
“ ขอบคุณที่ทำงานกันอย่างหนักนะครับ ”
ท้ายสุดทั้งห้าก็โค้งกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะแยกย้ายกลับบริษัทของตน .. ทั้งที่เรายังไม่มองหน้ากันเลย
ติ๊ด ติ๊ด~
ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาอ่านข้อความ
‘ ยาแก้โรคกระเพาะอยู่ในกระเป๋านะ .. โอเซฮุน ’
ผมเดินตรงไปที่กระเป๋าเป้ตัวเองที่วางไว้บนเก้าอี้ก่อนจะเปิดมันก็พบว่าข้างในมีแผงยาแก้โรคกระเพาะที่ผมชอบลืมพกก่อนออกจากห้องพักเป็นประจำ หมอนั่นเดินเอามาให้ตั้งแต่เมื่อไร ยังจำได้อยู่อีกเหรอ ปกติเป็นคนขี้ลืมไม่ใช่เหรอ ขนาดวันนี้ .. เขาก็ยังคงลืมมันเหมือนกันใช่ไหม
ตกลงเราเป็นแฟนกันจริงหรือเปล่า .. ขนาดหน้าเรายังไม่มองกันเลย
‘ โอเซฮุน !~ ไหนว่าเลิกงานสามทุ่มไงนี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะนายหายหัวไปไหนเนี่ย !? ’
[ อ่า~ ลูฮาน ขอโทษนะแต่วันนี้มันเลทจริงๆ อีกทั้งต้องไปรับประทานอาหารกับผู้บริหารด้วย นายยังไม่ได้ทำอาหารพวกนั้นใช่ไหม ]
ว่าไงนะ !? ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนหน้านี้ซักชั่วโมงนึงล่ะ
‘ แน่นอนที่ฉันทำแล้ว บอกแบบนี้นายจะกลับมาไหมล่ะ ’
[ ขอโทษนะลูฮาน นายก็ .. เอาไปให้คนข้างห้องนายแล้วกันนะ ]
‘ ว่าไงนะ !? โอเซฮุน ! นี่โอเซฮุน !! ห้ามวางนะ นี่ !! ’
เจ้าคนเลว !
“ คิดอะไรอยู่ลูฮาน ” แบคฮยอนเดินเข้ามาถามผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เรื่องราวของผมที่ไม่สามารถบอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท เพราะมันผิดที่บริษัทโอเซฮุนใช่ไหมที่ไม่อนุญาตให้มีแฟน และที่แย่ไปกว่านั้น แฟนคลับ 99% ของเขาเป็นผู้หญิง มันจะเลวร้ายแค่ไหนถ้าข่าวมันออกมาว่าสุดท้ายโอเซฮุนนั้นมีแฟนเป็นผู้ชาย มันคงเป็นจุดจบของเจ้านั่นที่คงไม่ยอมให้อภัยผมที่เป็นของสำคัญอันดับสองรองจากการเป็นนักร้อง
และรู้อะไรไหม อันดับหนึ่งและอันดับสองมันห่างกันมากมายจนแทบไม่แน่ใจว่ามันมีอันดับสอง หรือว่าความสำคัญมีเพียงอันเดียวเท่านั้น คือการเป็นท็อปไอดอล ..
“ คิดว่าปาร์คชานยอลต้องคิดอะไรกับนายแน่เลย ”
“ ตายหอง !! คิดได้ไงวะ เหี้ย ห่า เสลดเป็ดมาก !! ”
แบคฮยอนถึงกับโวยวายสบถออกมามากมาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่มันก็เบี่ยงจุดสนใจจากคำถามนั้นได้ดีเลยทีเดียว
“ ล้อเล่น~ ฉันแค่คิดว่าเทปหน้าอยากได้ไอดอลหญิงมาออกบ้าง ”
“ แททิซอไง กำลังดังเลยแถมน่ารักมากด้วย ” แบคฮยอนกล่าวด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ดูท่าทางคงชอบจริงจังสินะ “ อ่า~ แถมซอฮยอนเองก็มีข่าวว่าแอบกิ๊กกับโอเซฮุนด้วยนะ ”
ตุบ !
“ เป็นอะไรลูฮาน ”
“ ป .. เปล่าน่ะ ” ผมก้มลงเก็บปากกาที่หลุดจากมือ “ ฉ .. ฉันแค่ แค่หวงซอฮยอนของฉันน่ะ ”
“ อา~ นี่น้องซอฮยอนก็สเป๊กนายเหรอ .. ฮ่า น้องเขาเป็นสเป๊กของชายแทบทุกคนเลยนะ อ่อนหวาน น่ารัก ดูเป็นคุณหนูที่สูงส่ง ”
“ นายก็ชอบเหรอ ? ”
“ เปล่านะ ไม่ใช่แนวฉันหรอก ฉันแค่อธิบาย ” เจ้านั่นยิ้มก่อนจะเดินออกไป แต่ทำไมผมถึงไม่ยิ้มตามนะ รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเอาเหลือเกิน ถึงขนาดมีข่าวแปลว่ามันก็ต้องมีอะไรให้จับผิดสิ ให้ตายเถอะทำไม่เจ้านั่นต้องหาเรื่องให้คิดมากอีกแล้วนะ
‘ ไอ้คนบ้าโอเซฮุน_ ’
“ หึ่ย ! ”
เป็นอีกครั้งที่ไม่กล้า ถ้าท้ายที่สุดพิมพ์เสร็จก็ต้องลบข้อความนั่นทิ้งลงไป
“ นี่ลูฮาน~ ไปดื่มกันเถอะนะ ”
แขนของผมถูกฉุดรั้งโดยเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาสองทุ่ม มันยังไม่ถือว่าดึกสำหรับพวกเราเลย เรียกว่าเวลากำลังสนุก แต่ทำไมผมเหนื่อยชะมัด
“ ไม่ดีกว่า พอดีวันนี้มีนัดแล้วล่ะ ” ผมตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “ ไม่ได้นัดกับสาวที่ไหนหรอก อย่าทำหน้าแบบนั้นกันสิ ”
ผมกล่าวด้วยตามนิสัยรู้ทัน เพราะมันบ่อยเกินไปแล้วที่พวกนี้จะสงสัยว่าผมมีแฟน แต่พวกเขาไม่เคยรู้ว่ามันควรจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงที่พวกเขาคิดกัน
“ โอเค~ ตามนั้นก็ได้ แต่ถ้าจะชวนเพื่อนนายมาดื่มด้วยก็ไม่ว่านะ ” สาวในที่ทำงานกล่าวพร้อมกับขยิบตาไม่ทราบว่าหิวโหยกันมาจากไหน
“ จะพยายามนะ ” ผมยิ้มก่อนจะโบกแท็กซี่ ทั้งที่เป็นคนไม่อยากใช้เงินฟุ่มเฟือยแต่เพราะไม่อยากจะสาย แต่ต้องการใช้เวลาให้คุ้มที่สุดผมเลยยอมเปลืองเงินเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด และไม่อยากให้คนนั้นต้องรอนานด้วย ..
‘ โอเซฮุน~ ฉันกำลังไปนะ รอฉันหน่อยไม่เกิน 10 นาทีหรอก ’
ข้อความที่ถูกส่งไปไม่ถึงห้านาทีถูกส่งกลับมา
‘ วันนี้เรา .. นัดกันไปดูหนังใช่ไหม .. อา~ ฉันลืมไปสนิทเลย ขอโทษนะ ’
‘ นายยังไม่เลิกสินะ ฉันรอได้_ ’ ไม่ทันจะพิมพ์จบและไม่ทันจะกดส่งข้อความที่สองก็ถูกส่งมาเพิ่ม
‘ โทรศัพท์บ้าเผลอกดส่ง .. คือว่า ไปไม่ได้แล้วน่ะ ตอนนี้งานยุ่งมากเลยเลทมากเลยไม่อยากให้รอ ไม่ต้องรอนะ ’
สุดท้ายก็ต้องลบข้อความของตัวเองและส่งใหม่ ..
‘ ช่างเถอะ .. สุดท้ายนายก็เบี้ยวนัดอยู่ดี ’
ข้อความน้อยใจที่ส่งไปมันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกแท้จริงในตอนนี้ กี่สายของเขาที่โทรมาผมพยายามไม่รับมัน ลูฮาน .. การเปลี่ยนเป็นคนที่ดีมันก็ดี แต่บางทีนายจะโดนเอาเปรียบเอานะ
“ เปลี่ยนไปที่ฮงแดครับ ”
“ อา~ ลูฮานตัวหนักชะมัด ข้างในมีเหล็กหรือไง หนักกว่าที่เห็นภายนอกอีก ”
เสียงบ่นของเพื่อนร่วมทริปที่แบกผมขึ้นห้องกล่าว จะบ่นอะไรนักหนาก็ตอนแรกชวนไม่ใช่หรือไงเล่า ให้ตายเถอะเจ้าแบคฮยอนไม่ยอมมาส่งผมเลยต้องให้เพื่อนคนอื่นมาส่งในสภาพผมที่ ...
“ ดูมัน แค่ยืนก็เป๋ยังกล้าที่จะเดินเองอีก ”
“ ม่ายต้อง ! เดินเองได้ ! กลับไปเลยยยยยย~ ”
“ ตายกันพอดีถ้าทิ้งเอ็งไว้ จะนอนตรงบันไดหรือไงกัน ไม่เฮิร์ทอะไรมา พอถึงร้านก็ซัดเอาแบบนี้ ไม่พูดจาอะไรเลย มีอะไรบอกพวกฮยองได้เลยนะ สาวที่นายนัดบอกเลิกนายใช่ไหม ”
“ ไม่ ! ” ผมตะโกนสุดเสียง “ ใคร ! ครายจะกล้า อึก ! กล้าทิ้งท่านลูห่านนนน~ ”
สะอึกจะแทบจะพูดไม่ถูก
ในที่สุดผมก็เดินเข้ามาในห้องได้ซักทีก่อนจะปิดประตูทันทีที่บอกลาพวกรุ่นพี่เสร็จแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาแสนนุ่ม ให้ตายเถอะไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อน ความจริงผมก็ไม่ได้เมาไร้สติขนาดนั้น เพียงแค่มันดีกว่าที่แกล้งทำ ขืนทำเหมือนมีสติคำถามมากมายจะถูกยิงใส่ผม แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ผมไม่ได้เมาเลยหรอกนะ .. ไม่น้อยเลยล่ะ
“ นี่ลูฮาน ไปเมามาอย่างนั้นเหรอ ฉันบอกให้นายไปแค่ดูหนังนะ ไม่ได้บอกให้เมาเสียหน่อย .. นี่นายฟังฉันอยู่หรือเปล่าลูฮาน นี่ฉันโทรหานายก็ไม่ยอมรับและยังตัดสายอีกนะ ! ”
ผมมองคนที่เดินออกมาจากห้องนอนเขาอยู่ในชุดนอนปกติของเขา เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงขายาว ผมของเขาเปียกบอกได้ว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หมายความว่าเขาเพิ่งถึงไม่นานและนี่ก็เกือบตีสี่แล้ว ไอ้บ้านี่ไม่มีงานตอนเช้าหรือไงนะ ..
ผมกำลังด่าตัวเองไปด้วยใช่ไหมเนี่ย
“ นี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่า ” เขากดเสียงต่ำเป็นเชิงคำสั่งพร้อมกับจับต้นแขนผมจนรูปสึกได้ว่ามันไม่นุ่มนวลเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว .. ตั้งแต่เมื่อไรนะ
“ ฉันฟังนายตลอดนั่นล่ะโอเซฮุน ”
“ ไม่ .. นายไม่เคยฟังฉัน ฉันบอกซ้าย นายไปขวาตลอด เราไม่เคยมีอะไรที่เหมือนกันเลยนะลูฮาน ”
“ นายเพิ่งรู้เหรอทั้งที่จริงมันก็เป็นมาตั้งนานแล้วล่ะโอเซฮุน ทุกครั้งนายมองข้ามมันไปตลอด แล้วตอนนี้เพิ่งมาสนใจเหรอ ทำไมกันล่ะ ”
“ มันชักจะไปไกลและเหมือนว่าเราจะทะเลาะกันแล้วนะ ”
“ ขอโทษนะ .. นายเริ่มก่อนเองนี่ ” ผมเงยหน้าสู้หน้าเขาที่พยายามจะหันกลับและเดินหนี “ นายกำลังจะเดินหนีฉันอีกแล้วนะ นายรู้ไหมว่านายตอบตัดปัญหาแล้วเดินหนีไปตลอดเลย การที่ฉันไม่พูดไม่ได้หมายความว่าฉันไม่คิดนะ ”
“ แล้วจะเอายังไง นายเมาแล้วฉันเลยคิดว่าถ้าเราพูดกันบางทีเราอาจจะทะเลาะ ”
“ ฉันไม่ได้เมาอย่างที่นายเห็นหรอกนะ ” เป็นทีที่ผมลุกขึ้นยืนบ้าง เซฮุนถึงกับถอนหายใจแล้วหันหน้าหนีอีกครั้ง
“ ฉันเหนื่อยแล้ว ” ว่าเสร็จเขาก็เดินไปที่ห้อง
“ ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ” ผมเดินไปดันหน้าเขา แต่ไม่ช่วยอะไรเขาเดินผ่านผมไปที่เตียงนอนก่อนจะล้มลงนอนและห่มผ้ามิดหัว “ นี่นายกำลังจะหนีอีกแล้วใช่ไหม ”
ผมดึงผ้าห่มเขาออก
“ ลูฮาน .. ฉันมีงานตอนสิบโมง ” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มกลับ
“ ฉันมีงานตอนแปดโมงเหมือนกันนะ ”
“ นั่นหมายความว่านายต้องนอนได้แล้ว ” เขาดึงผมหากแต่ว่าผมพยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ลงไปนอน
“ ถ้านายอยากนอนก็กลับไปนอนบ้านตัวเองสิ ” ผมกล่าวและเขาหยุด เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยิบแจ็คเก็ตของเขาขึ้นมาสวมก่อนจะหยิบของแล้วเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
“ รู้ไหม ฉันคิดว่าบางทีเราควรมีเวลาด้วยกัน ”
“ ประโยคนั้นฉันควรพูดมากกว่านะโอเซฮุน ”
เขาเงียบและมองผม สายตาของเขาไม่ได้บอกว่ารู้สึกผิด หรือจะบอกว่าผมพูดถูกเลย เป็นสายตาที่บอกว่า .. เอาอีกแล้วนะลูฮาน ไม่ฟังเขาอีกแล้วนะ.
“ ฉันอยากกอดนายอีกครั้ง แต่ไม่เป็นไรนายคงยังไม่พร้อม ” ว่าแล้วเขาก็สะพายกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตู
“ โอเซฮุน กลับมานะ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ นี่นายจะหนีไปอีกแล้วใช่ไหม ” ผมถามเขาที่ไม่คิดจะฟังอะไรเลย เขาเองก็ไม่เคยที่จะฟังผมเหมือนกันนั้นล่ะ “ ถ้านายออกไป เราเลิกกัน ! ”
นี่ผมไปเอาความกล้ามาจากไหนกันนะ !
“ ... ” เขาเงียบก่อนจะหันกลับมา “ ได้ .. เราเลิกกัน ”
และแล้วประตูก็ถูกปิดลง .. มันใช่หรือเปล่าที่เหมือนว่าเป็นครั้งแรก .. มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำตามผม
ความคิดเห็น