ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ambition | Shawn Mendes FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      37
      1 เม.ย. 65


     
     
     
           'สเตฟานี่ ลินเดน นักข่าวสายการเมืองจากสำนักข่าว Clever ได้ขึ้นแท่นนักข่าวทำรายได้สูงสุดในปี 2016 ผ่านการคอนเฟิร์มจากนิตยสาร Forbes! อ่านประวัติและรายละเอียดเพิ่มเติมของหญิงสาวที่เหล่านักการเมืองเรียกว่า นักข่าวยอดเยี่ยม ได้ในหน้าถัดไป'
     
     
            ฉันรีบปิดนิตยสารลงเมื่อเห็นข่าวล่าสุดของเช้าวันจันทร์ ไม่คิดอยากอ่านข่าวที่มีชื่อของตัวเองอยู่ในนั้นต่ออีกสักวินาทีเดียว เพราะสุดท้ายจะจบลงด้วยการนั่งเถียงกับตัวหนังสืออย่างไม่มีสาเหตุเช่นทุกครั้ง
     
            สังคมของโลกใบนี้ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของผู้คน ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตจริง แต่นั่นฟังดูไม่เข้าท่า ไม่เลยสักนิด เราสมควรจะทำดีต่อกัน ไม่เอาเปรียบกันไม่ใช่หรือ?
     
            ไม่ว่าจะงานอาชีพอะไร เรามักมีเพื่อนร่วมงานคล้ายๆกัน พวกตีสองหน้า พวกเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ หรือพวกที่เกลียดชังทุกคนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าโชคดีหน่อยคุณอาจได้เพื่อนแท้สักคน  อาชีพนักข่าวก็เช่นกัน เมื่อคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จหรือได้รับคำชมจนมากเกินไป คนอื่นๆจะเริ่มมองคุณเป็นคู่แข่งหรือศัตรู
     
            แน่นอน การเป็นนักข่าวหมายถึงคุณเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน ใบหน้าของฉันออกทีวีเป็นประจำ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เป็นนักข่าวขวัญใจประชาชน และเพราะการที่ฉันไปรายงานข่าวหน้าธรรมเนียบขาวหลายครั้ง ข่าวบันเทิงจากสำนักอื่นจึงเล่นสกปรกอย่างการพาดหัวข้อข่าวว่าฉันเป็นกิ๊กของใครสักคนในบรรดานักการเมือง
      
            "สเตฟ"
     
            กำแพงความคิดถูกทำลายลงเมื่อชื่อถูกเรียกด้วยเสียงที่คุ้นหู
     
            ฉันหยุดการเดินกระทันหัน รองเท้าส้นสูงที่สวมดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเช้าวันจันทร์ที่วุ่นวายภายในสำนักข่าว Clever เมื่อหันกลับไป ฉันพบ เจย์ อัลวาโร ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าปีเดินเข้ามาหาพร้อมกระดาษ Post it สะท้อนแสงในมือ
     
           "ฉันบอกเธอเป็นรอบที่สามแล้วว่าอย่าลืมตารางวันนี้ของเธอ"
     
           "โอ้ เปล่า ฉันไม่ได้ลืม แต่ฉันต้องเอาแฟ้มเอกสารไปให้บก.ที่ห้องประชุมตอนนี้"
     
           "เดี๋ยว เธอต้องลงไปที่ชั้นล่างของตึกด้วย เมื่อกี้แบรดรอเธออยู่ แต่ตอนนี้เขามีประชุม เขาบอกจะกลับมาใหม่ตอนบ่ายโมง"
     
           "ว่าต่อเลย" ฉันยกมือโบกไปมาให้ชายข้างๆพูดขณะเดินไปที่ลิฟท์
     
           "ทุกคนอยากขอความเห็นเธอเรื่องการตีพิมพ์นิตยสารที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และนัดตอนสิบเอ็ดโมงของเธอคือในห้องประชุมใหญ่ มีอีกทีตอนสิบเอ็ดโมงสามสิบด้วย  แล้วก็ เด็กฝึกงานอยากได้ความช่วยเหลือจากเธอ - อ้อ และมีผู้จัดการของนักร้องคนหนึ่งโทรมาขอนัดพบเธอเย็นนี้"
     
           "ใช่ เกือบลืมไป" ฉันหยุดเดินหน้าประตูลิฟท์ "ฉันว่าจะให้นายไปพบผู้จัดการคนนั้นแทน นายก็รู้ว่าฉันไม่ถนัดงานสายบันเทิงเท่าไหร่ และฉันต้องไปงานหาเสียงของฮิลลารี่ คลินตันกับโดนัลด์ ทรัมป์เย็นนี้"
     
           "อะไรนะ" เจย์ขยำกระดาษ เขาโยนมันลงถังขยะและหันมามองฉัน "ไม่ - ไม่งานนี้เขาเจาะจงนัดพบเธอ และฉันต้องไปที่ดาวทาวน์แอลเอเย็นนี้"
     
           "ทำไมถึงนัดฉัน เขาไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นนักข่าวการเมือง" ฉันถามปนเสียงหัวเราะก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก
     
           "ลองไปคุยดูก่อนก็ไม่เสียหาย เขาอาจให้งานสบายๆกับเธอก็ได้ เธอก็เห็นว่านักข่าวสายบันเทิงวันๆสบายกว่าเธอมากแค่ไหน"
     
           "แต่ฉันไม่ถนัดข่าวสายบันเทิง และฉันไม่คิดว่าบก.จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้" ฉันกอดแฟ้มหนา มองหน้าเจย์ที่ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไหร่
     
           มันไม่ใช่แค่เพราะฉันไม่ถนัดข่าวสายบันเทิง แต่เพราะการใกล้ชิดกับเหล่าคนดังนั้นเป็นสิ่งที่ตั้งใจหลีกเลี่ยงมาตั้งแต่หลายปีที่แล้ว  การอยู่ใกล้คนดังมีแต่จะทำให้ทุกอย่างในชีวิตวุ่นวาย อย่างที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีต
     
           "ฉันขอบคุณนายมากที่อุส่าห์คอยเตือนเรื่องตารางงานของฉันให้ แต่นายมีงานต้องทำอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้นายมาเสียเวลากับฉัน นายควรรีบกลับไปทำงาน"
     
           "แหม ก็ฉันรู้ว่านักข่าวดาวเด่นอย่างเธอไม่เคยว่าง และฉันก็แค่...เต็มใจช่วย" 
     
           ชายหนุ่มผมดำใช้มือขยี้เส้นผมตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเอามือทั้งสองข้างลงแนบลำตัว ฉันยืนจ้องมองเขา พยายามควานหาคำขอบคุณแต่สีหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเข้าใจดี
     
           "เอาเป็นว่าเย็นนี้ลองไปคุยกับเขาก่อนก็ไม่เสียหายอะไร ไม่เกินห้านาทีหรอก"
     
           "ถ้าฉันเสร็จจากงานที่เหลือฉันอาจไป" ฉันตอบรับเพื่อนชาย จากนั้นเดินไปกดหมายเลขในลิฟท์
     
           เจย์ถอยหลังออกไป เขาโบกมือให้เล็กน้อย ไม่นานนักจึงหันหลังวิ่งกลับเข้าสู่ความวุ่นวายใจกลางโถงสำนักข่าวอีกครั้ง
     
     

    Stephanie with Brad
     
     
            ลายหมึกปากกาตรงฝ่ามือใกล้จะถูกลบล้างออกไปเมื่อตกเย็น เหลืองานอีกแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นฉันจะได้ออกจากตึกสำนักข่าว อะไรที่เรียกว่าอิสระ แฟ้มจำนวนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขนขณะที่พาตัวเองเดินมาถึงชั้นล่างสุด
     
            "สเตฟ มีคนมารอพบเธอที่ด้านหน้าตึก" หญิงสาวผมดำผู้นั่งประจำตรงล็อบบี้หน้าทางเข้าสำนักข่าวเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
     
            ฉันรีบก้มลงมองนาฬิกาข้อมือระหว่างเดินอย่างที่ชอบทำ มันใกล้จะค่ำเต็มทีแล้ว และเมื่อเดินมาถึงหน้ากระจกใสบานใหญ่ยักษ์ ฉันก็พบกับชายสวมชุดลำลองที่กำลังเดินมุ่งตรงเข้ามาหา เขาสวมแว่นกรอบดำ ตัวค่อนข้างเล็ก หรืออาจเพราะฉันสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซนติเมตร ถึงได้มองทุกคนตัวเล็กจิ๋ว
     
             "สเตฟานี่ ลินเดนใช่มั้ยครับ"
     
             "ค่ะ ใช่ค่ะ" ฉันรีบประคองแฟ้มในมือไม่ให้ตกลงบนพื้น
     
             "ผมแอนดรูว์ เกิร์ทเลอร์* ผู้จัดการส่วนตัวของชอว์น เมนเดส"
     
            ฉันชะงัก แอบเหลือบตามองฝ่ามือที่มีหมึกปากกาสีดำเขียนตารางงานไว้ "พระเจ้า ฉันไปนัดของคุณสาย" ฉันอุทาน "ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณต้องลำบากมาถึงนี่"
     
             "ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ" แอนดรูว์หัวเราะร่า ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจหรือแสร้งหัวเราะแบบคนที่พบเจอทุกวัน "คุณพอจะว่างคุยด้วยสักครู่มั้ย"
     
             "แน่นอนค่ะ เชิญนั่ง" ฉันรีบผายมือไปทางโซฟาสีขาวใกล้กระจกหน้าต่างบานใหญ่
     
             "เข้าเรื่องเลยนะครับ" แอนดรูว์นั่งลงบนโซฟา "เราจะทำสารคดีของชอว์น เมนเดส และสำนักข่าวคุณติดต่อมาว่ายินดีจะช่วยดำเนินการถ่ายทำให้"
     
             "ค่ะ" ฉันตอบรับ  แม้จะยังไม่รู้ว่าใครคือชอว์น เมนเดส
      
             "และผมอยากให้คุณมามีส่วนร่วม ทีมงานของเราอยากพบคุณ พวกเขาประทับใจในผลงานของคุณมาตลอด และอยากจะร่วมงานด้วยสักครั้ง"
     
             "กับฉันเหรอคะ" ฉันย้ำอีกรอบ "ฉันกับการทำสารคดี คงไม่ใช่อะไรที่ดูเข้ากัน"
     
             "คุณแค่สัมภาษณ์ชอว์นในแต่ละสถานที่ที่เราไปประมาณสิบนาทีเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคุณแค่พูดตามสคริปเพื่อใช้เป็นเสียงบรรยายสารคดี"
     
             "พอดีช่วงนี้ฉันต้องบินไปมาระหว่างวอชิงตันดีซีกับนิวยอร์กเพื่อทำข่าวการเมืองด้วย และฉันไม่คิดว่า--"
     
             "เรื่องนั้นผมคุยกับดัสตินแล้วครับ บก.คุณบอกว่าจะเคลียร์ตารางงานของคุณให้ คุณจะมีเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นด้วย"  แอนดรูว์รีบอธิบาย  "งานนี้คุณจะได้ค่าตอบแทนอย่างคุ้มค่า ประมาณสามเท่าจากปกติ พวกเรารู้ดีว่าคุณมีคิวงานค่อนข้างรัดตัว และผมรู้ว่าการยืมตัวคุณมาในระยะเวลามากกว่าสองเดือนเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก และชื่อคุณอยู่ในฟอบส์"
     
            ฉันคิดว่าคำพูดที่แอนดรูว์ใช้สวยหรูเกินไปสำหรับคนอย่างฉัน มันจริงอย่างที่เขาบอกเรื่องที่ว่าฉันมีคิวงานรออยู่ แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีความสามารถขนาดนั้น มันเป็นเพราะบก.ยัดเยียดงานให้ฉันคนเดียวมาตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ด้วยเหตุผลที่ว่า 'เธอส่งงานก่อนกำหนดมาตลอด'
     
            เมื่อพูดถึงนิตยสารฟอบส์ อาจใช่ที่ชื่อของฉันบรรจุอยู่ในหมวดหมู่นักข่าวทำรายได้สูงสุดในปีนี้ มันเป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจและเป็นสิ่งยืนยันว่าฉันประสบความสำเร็จในอาชีพไปอีกขั้นหนึ่ง แต่มันมาพร้อมความกดดันที่เพิ่มขึ้น ผู้คนรอบข้างหวังให้งานออกมาไร้ที่ติ เพื่อนร่วมงานบางคนจำชื่อจริงของฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่เรียกว่า 'แม่สาว Forbes'
     
            "มีอีกเรื่องหนึ่ง" แอนดรูว์ว่าต่อ น้ำเสียงลังเลเริ่มปรากฎทีละนิด สังเกตได้เพราะเขาลดเสียงตัวเองให้เบาลง ศีรษะก้มลงมองพื้นกระเบื้อง
     
            "เรื่องอะไรคะ" ฉันถาม แต่เขายังลังเล เหมือนไม่แน่ใจว่าการบอกนักข่าวจะเป็นเรื่องฉลาด "มิสเตอร์เกิร์ทเลอร์ ถ้าคุณอยากให้ฉันร่วมงานด้วย ฉันจำเป็นต้องรู้เรื่องที่มีผลกระทบกับงานนะคะ"
     
            ชายหนุ่มตรงหน้าค่อยๆปล่อยลมหายใจ "ชอว์น พอดีช่วงนี้เขามีปัญหาบางอย่าง" แอนดรูว์พูดอย่างเหนื่อยใจ "ตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยออกมาจากห้องพักถ้าไม่มีการคุยเรื่องงาน เขาไม่ทานอาหารครบสามมื้อ และไม่ได้จับกีตาร์มาหลายอาทิตย์แล้ว"
     
            "อาจเกิดจากความเครียด" ฉันออกความเห็น แม้จะยังประเมินไม่ถูกว่าชอว์น เมนเดสสภาพเป็นอย่างไร นึกไม่ออกแม้แต่อายุ อาจยี่สิบสอง? หรืออาจมีรูปลักษณ์เหมือนแมทธิว ฮีลลีย์ที่ชอบยกขวดแอลกอฮอล์ไปดื่มบนเวทีระหว่างการแสดงสด?
     
            "อีกไม่นานการถ่ายทำสารคดีจะเริ่มขึ้น ผม - เราทุกคนไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้ มันยากต่อการทำงาน" แอนดรูว์มองฉันอย่างคาดหวัง "คุณเป็นนักข่าวคงเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไงถ้าคนให้สัมภาษณ์ไม่ให้ความร่วมมือเต็มที่"
     
            "ค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบ "ฉันเข้าใจ"
     
            "ถ้าคุณเป็นอย่างในข่าวจากหลายๆที่บอก ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ ผมอยากให้คุณลองคุยกับเขา ไม่ใช่ในฐานะนักข่าว แต่ในฐานะรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ชีวิต"  แอนดรูว์พูดรัวเร็ว  "ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และต่อให้ถาม ก็คงไม่ได้คำตอบ แต่วัยรุ่นบางทีมักพูดเปิดใจกับคนที่ไม่สนิทมากกว่าคนรอบข้าง ผมเลยคิดว่ามันเป็นอะไรที่...น่าลอง"
     
            ฉันค่อยๆปล่อยเสียงหัวเราะแห้งๆอย่างระมัดระวัง มีข้อมูลหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าแอนดรูว์อ่านข่าวของฉันในหัวข้อไหนมา ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่หัวข้อข่าวไร้สาระอย่างที่พบทุกเช้าวันจันทร์
     
            "โดยหลักการแล้วคุณไม่ควรไว้ใจฉันให้ทำเรื่องนี้นะคะ" ฉันเริ่มอธิบายตามตรง "การให้นักข่าวรับฟังเรื่องราวส่วนตัวของคนดังเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่คงไม่ทำ"
     
            "มิสลินเดน ผมติดตามข่าวการเมืองนะ โอบาม่าชื่นชมในตัวคุณขนาดนั้น ผมคิดว่าคงไม่มีใครน่าเชื่อถือไปกว่าคุณแล้ว"
     
            "คุณเชื่อใจฉันมากไปนะคะมิสเตอร์เกิร์ทเลอร์"
     
           การต้องนั่งรับฟังปัญหาชีวิตของใครสักคนหนึ่งค่อนข้างจะเกินหน้าที่ และฉันอาจตอบปฏิเสธตั้งแต่แรกถ้าหากไม่ได้ยินแอนดรูว์พูดถึงค่าตอบแทน ทำงานในนิวยอร์กไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันคิดว่าบางทีตัวเองสมควรได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกสักนิด เรื่องเงินนั้นคล้ายกับเชือกเส้นหนาที่รั้งให้ฉันยังนั่งอยู่บนโซฟาตัวนี้
     
           "เราหมดหนทางแล้วมิส เราไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้ ชอว์นกำลังจะออกทัวร์อีกครั้ง เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้"  คนตรงหน้าพูดต่อเหมือนอ่านใจออก  "วันเวลานัดทำสารคดีถูกระบุไว้ชัดเจนแล้ว  เราจำเป็นต้องให้ชอว์นกลับมาให้ความร่วมมือเท่าที่จะทำได้"
     
            "ขอโทษนะคะ....เขาอายุเท่าไหร่" ฉันกระแอมไอหลังเงียบไปครู่ใหญ่ "ชอว์น เมนเดสอายุเท่าไหร่คะ"
     
            "ปีนี้เขาจะอายุสิบแปด" แอนดรูว์ตอบ "คุณคงยังไม่ได้อ่านแฟ้มงาน ชอว์น เมนเดสเป็นนักร้อง เขาเป็นคนแคนาดา"
     
            แอนดรูว์ให้ข้อมูลเสริมหลังจากที่เห็นสีหน้าของฉัน ดูเหมือนอาการงุนงงคงจะปิดไว้ไม่มิด และมันช่างน่าอับอายที่ฉันไม่ได้อ่านข้อมูลอะไรมาทั้งสิ้นก่อนพบเขา นี่เป็นข้อผิดพลาดสิ่งแรกที่ทำในวันนี้
     
            "ตกลงคุณว่าไงครับ" แอนดรูว์รีบถามต่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าคาดหวัง "คุณตกลงมั้ย"
     
            และเพราะสีหน้านั้น มันทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบแบบไหน คิดว่าอาจต้องการเวลาเก็บไปคิด ทว่าจู่ๆมือถือก็เริ่มสั่นขัดจังหวะ
     
            แบรด เฮอร์นานเดซส่งข้อความมาบอกในวินาทีสุดท้ายว่าดินเนอร์เย็นนี้ของเราต้องถูกยกเลิก - อีกครั้ง  แบรดเป็นนักออกแบบกราฟฟิกฝีมือดีที่กำลังผันตัวเองไปเป็นหนุ่มนักธุรกิจในย่านวอลสตรีต และการยกเลิกเวลาส่วนตัวของเราเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆในหลายเดือนนี้
     
            แอนดรูว์ เกิร์ทเลอร์ยังคงนั่งจ้องหน้า  มันอาจไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะลองสิ่งใหม่ ฉันอาจได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นกับงานสายบันเทิงและการทำสารคี แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะไปอยู่ในจุดไหนหากทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา
     
            แย่หน่อยที่คำพูดมักชอบไปเร็วกว่าความคิด
     
            "ตกลงค่ะ"
     
     

     
     
            ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ฉันต้องเดินฝ่าหิมะและความหนาวเย็นของนิวยอร์กในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเพื่อไปพบชอว์น เมนเดส เด็กอายุสิบแปดที่คาดว่ามีปัญหาเหมือนวัยรุ่นทั่วไปในช่วงอายุนั้น ฉันใช้แท็กซี่เพื่อมาย่านบรูคลิน ก้มลงมองแผนที่ในมือที่ถูกวาดลวกๆโดยแอนดรูว์ เกิร์ทเลอร์
     
            แอนดรูว์ไม่ได้วานให้มาหาเขาตั้งแต่วันนี้ แต่เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว บวกกับนัดของฉันที่พังลงไม่เป็นท่า ซึ่งตอนนี้ได้แต่หวังว่าชอว์น เมนเดสจะไม่นอนหลับตั้งแต่หัวค่ำและอารมณ์ดีพอจะเดินมาเปิดประตูให้เมื่อเห็นใบหน้าเป็นมิตรนี้
     
            ตึกแถวสไตล์บรูคลินเรียงรายข้างฟุตบาทในย่าน Brooklyn Heights ฉันเดินไปตามทางและกัดฟันเพราะความหนาวเย็นจนกระทั่งถึงที่หมาย
     
           ขารีบก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้น เตรียมเขี่ยเศษหิมะไปให้พ้นทาง กดกริ่งข้างประตูบานใหญ่ ก้าวถอยหลังสองก้าว  คิดว่าอาจปลอดภัยกว่าหากอยู่ไกลประตู เพราะไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าจะได้เจอกับเด็กอายุสิบแปดปีในอารมณ์ไหน
     
           หลังจากผ่านไปสองนาที ฉันเอื้อมมือไปกดกริ่งอีกครั้ง  ทว่ายังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ คราวนี้จึงกดแช่
     
           ในที่สุดประตูก็ถูกกระชากเปิดออกรุนแรงจนลมพัดเข้าหน้า ชายตัวสูงผมสีน้ำตาลใบหน้าโกรธเกรี้ยวกำลังยืนจ้องมองอยู่หลังประตู แววดูคล้ายอยากจะเผาฉันให้ตายๆไปจากตรงหน้า
     
           เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำ เท้าเปล่า ผมเป็นกระเซิง ผิวขาวอมชมพูที่ทำให้นึกถึงชาวไอริช แต่ปากสีชมพูดูแห้งกรังในฤดูหนาว เขาไม่ดูเหมือนชายหนุ่มอายุสิบแปด แต่เหมือนชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆมากกว่า
     
           "คุณเป็นใครไม่ทราบ" เขาเริ่มถามน้ำเสียงหงุดหงิด
     
           "ชอว์น เมนเดสใช่มั้ยคะ"
     
           "คุณมาทำอะไรที่นี่" เขาถามซ้ำ ไม่ได้ตอบคำถามที่ฉันถามไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมันเป็นคำตอบที่เขาใช้ ผู้มีชื่อเสียงบางส่วนมักไม่เต็มใจตอบรับเมื่อถูกถามถึงชื่อเสียงเรียงนาม
     
           "สเตฟานี่ ลินเดน จากสำนักข่าว Clever ค่ะ" ฉันรีบอธิบาย "ขอโทษจริงๆที่อยู่ดีๆก็มาโดยไม่ได้นัดนะคะ แต่พอดีฉันอยากมาแนะนำตัว การทำงานจะได้รวดเร็วขึ้น"
     
           ทว่าชอว์นใช้มือจับลูกบิดประตู ตั้งท่าจะปิดมันใส่หน้าฉัน "กลับไปซะ"
      
           ทันใดนั้นฉันจึงรีบใช้รองเท้าบู้ตคู่หนากั้นประตูไว้ "ฉันไม่ได้มาหาคุณเพื่อสัมภาษณ์ค่ะ มันเลยเวลาทำงานของฉันมาแล้ว"
     
            "ไม่ได้หมายความว่าคุณจะน่าต้อนรับขึ้น" เด็กหนุ่มตอบเสียงห้วน เขาตั้งใจถอนหายใจแรง เอนตัวกอดอกพิงกรอบประตู ดูประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อตระหนักได้ถึงความสูงของฉันที่เกือบจะเท่าเขา

            "ดูเหมือนทุกคนจะไม่เข้าใจ คุณน่าจะเป็นคนที่เก้าของวันนี้ที่มากวนใจผม แล้วคุณไปได้ที่อยู่ผมมาจากไหน แอนดรูว์ใช่มั้ย"
     
            "แอนดรูว์ไม่ได้บอกให้ฉันมาหาคุณ"
     
            "โอ้ แต่คุณรู้จักเขา" ชอว์นก้มลงหรี่ตามอง
     
            เพราะปฏิเสธข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจไหวไหล่ตอบแทน ลมเย็นพัดแรงขึ้นกว่าเก่าเพราะหิมะพึ่งจะหยุดตกไปในบรูคลิน  เมื่อได้โอกาสระหว่างที่เขากำลังเหลือบมองหิมะริมทางเท้า ฉันจึงแอบเหลือบมองผ่านเข้าไปในตัวบ้านเสี้ยววินาทีหนึ่ง
     
            "ข้างในนั้นเหมือนที่อยู่ของคนอกหักรึเปล่าคะ"
     
            "มันคือที่อยู่ของผู้ชายทั่วไป" ชอว์นย้อนพลางถอนหายใจยาว "เอาเถอะ พูดเรื่องที่คุณจะมาพูดซะ ห้านาที ผมจะได้กลับไปนอนสักที" 
     
            "ฉันได้เข้าร่วมการถ่ายทำสารคดีของคุณ อาจได้สัมภาษณ์และพูดบรรยายในช่วงตัดต่อ" ฉันมองชายตรงหน้าอีกครั้ง คิดได้ว่าแอนดรูว์ต้องการให้มีบุคลิกรุ่นพี่น่าเชื่อถือมากกว่านักข่าวคนหนึ่งในสายตาชอว์น "หากคุณอยากให้งานเสร็จเร็วและเป็นไปอย่างราบรื่น คุณควรจะเริ่มจากตัวคุณก่อนนะคะ อย่างเช่นทำความสะอาดห้องรกๆ ออกไปหาเพื่อนฝูง ถ้าคุณมีเพื่อนที่นี่"
     
            "มิส ผมจะไปหาจิตแพทย์แถวแมนฮัตตันถ้าอยากขอคำปรึกษา คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนี้"
     
            "ขอโทษด้วยค่ะ แต่นี่มันเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ ฉันคิดว่าเด็กห้าขวบดูแลตัวเองได้ดีพอๆกับคุณ หรืออาจมากกว่า"
     
            ชอว์นลากเสียงยาว "ไม่เคยมีนักข่าวคนไหนพยายามดูถูกผมแบบนี้เลย"
      
            "โอเค ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น" ฉันกอดอกป้องกันความหนาว และกำลังรู้สึกผิด "แต่คุณพอจะเข้าใจที่ฉันพูดไปบ้างมั้ยคะ"
     
            "ก็ไม่" เขารีบปฏิเสธเสียงไร้อารมณ์
     
            ฉันนิ่ง ใช้เวลามองท่าทีของคนตรงหน้าโดยพยายามที่จะไม่ขมวดคิ้ว ชอว์น เมนเดสเป็นวัยรุ่นอย่างเห็นได้ชัด วัยรุ่นที่ค่อนข้างมีปัญหาและอารมณ์แปรปรวน
     
            โทรศัพท์ของฉันดังขัดขึ้นก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันมากกว่านี้  ชอว์นชะงักเล็กน้อยระหว่างที่ฉันคว้ามือถือออกจากกระเป๋าแจ็คเก็ต สายตารีบไล่อ่านข้อความ
     
             ความใจเย็นทั้งหมดที่พยายามสร้างขึ้นเมื่อครู่หายวับไปเมื่ออ่านข้อความจนถึงตัวสุดท้าย ฉันหมุนตัว รีบก้าวกระโดดลงบันไดหน้าบ้านพักของชอว์นเร็วเท่าที่พอจะทำได้
     
            "เฮ้! - เกิดอะไรขึ้น จะไปไหน" เสียงเดิมดังมาจากทางข้างหลัง
     
            ฉันไม่ได้หันกลับไปมองหรือตอบอะไรกลับ แต่เมื่อโบกแท็กซี่ได้และเปิดประตูรถออก หางตาจึงเห็นว่าชอว์นยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ดูแปลกใจกับการกระทำฉับพลันของฉัน
     
            แท็กซี่เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งเมื่อบอกจุดหมายปลายทางสู่โรงพยาบาล สังเกตได้ว่าใจกำลังเต้นแรง มือเย็นเฉียบกำลังสั่นระริกด้วยความตกใจ
     
            "Hey! Stop!" เสียงทุ้มใหญ่ของใครบางคนดังลั่นมาจากถนนข้างหน้า มันมาพร้อมกับเสียงมือทุบฝากระโปรงหน้ารถแท็กซี่ที่ฉันกำลังนั่งอยู่
     
            คนขับแท็กซี่รีบเหยียบเบรคกระทันหัน เสียงล้อเสียดสีกับพื้นถนนแสบแก้วหูวินาทีหนึ่ง คนขับรถเริ่มโวยวายสบถเสียงดังเมื่อเห็นชายร่างสูงใหญ่วิ่งมาบังทางไว้
     
           ฉันรีบชะโงกมองทะลุกระจกขุ่นมั่วที่คั่นกลางระหว่างเบาะผู้โดยสารกับเบาะคนขับของแท็กซี่ในนิวยอร์ก ข่มใจไม่ให้ลดกระจกเพื่อโวยวายตามในสถานการณ์ที่ร้อนรน
     
           ชายหนุ่มที่ชื่อชอว์น เมนเดสผละจากฝากระโปรงรถ เขาเดินเข้ามาที่ประตูรถขณะจ้องมองหน้าฉันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มือใหญ่เอื้อมดึงประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว
     
           "เฮ้ - เดี๋ยว - คุณจะทำอะไรคะ" ฉันรีบร้อง อ้าปากค้างเมื่อเขาเปิดประตูแล้วทำท่าคล้ายจะดันตัวฉันให้เขยิบหนี ก่อนจะพาตัวเองเข้ามานั่งด้วยกันในแท็กซี่
     
     
     
    Elephante - Brandyn burnette - Plans
    I won't let this moment slip out through my hands
     
     
     
     

    Jay Alvaro
    (Real Name : Xavier Serrano)
     
    Talk

    ฟิคนี้เราจะใช้บรรยากาศนิวยอร์กในช่วงปลายปีนะคะ ช่วงฤดูหนาวเย็นๆ ได้ฟิลไปอีกแบบเนอะ
     
    **ชอบอย่าลืมคอมเมนต์ให้กำลังใจนะคะ หวังว่าจะสนุกกับการอ่านค่ะ
     
     
     
    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×