ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Opportunity | Marc Marquez FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.07K
      49
      10 พ.ย. 66


     
     
               ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ  คล้ายเสียงแตกกระจายของน้ำมัน กลิ่นหอมชวนฝันของอาหารบางอย่างที่ตีเข้าจมูกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  มันอาจเป็นกลิ่นของเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ทอด ภาพลางๆในสมองเป็นใบหน้าของแม่ที่กำลังยืนอยู่หลังเตาทำอาหารในครัวสีขาว พ่อยืนรินกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ข้างๆ
     
               แต่เพราะมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ไม่ใช่ความจริง จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวเองกลับมา จนสุดท้ายทุกอย่างดูชัดเจนมากขึ้น เปลือกตารับรู้ถึงแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นแต่แรกนั้นยังคงอยู่ และมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
     
               ฉันฝืนลืมตา รู้สึกตาหนักอึ้ง จากนั้นค่อยๆไล่สายตาไปรอบตัวเมื่อรู้ว่าเพดานที่เห็นไม่ใช่ในอพาร์ตเมนต์ตัวเอง กระทะวงกลมสีดำอยู่ตรงหน้า เบคอนสี่แผ่นวางกระจายใกล้สุขเต็มที และชายหนุ่มที่ถือมันจ่อหน้าฉันอยู่
     
               "เยี่ยม" เขาฉีกยิ้ม รอยยิ้มไม่ได้พิเศษเหมือนยิ้มให้คนพิเศษ แค่ยิ้มธรรมดา "หลายคนบอกว่าปลุกด้วยกลิ่นของอาหารมักได้ผลเสมอ"
     
               "Oh my god!" ฉันสปริงตัวจากโซฟาคับแคบที่นอนอยู่ มองดูสภาพตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า รองเท้ายังสวมอยู่ที่เท้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากเสื้อผ้าที่ยับเยินกว่าเมื่อคืน
     
               "ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก" มาร์คเดินกลับไปที่โซนครัวและเทเบคอนลงจาน "ดูเหมือนไอ้ประโยคที่ว่า คืนนี้ฉันจะไม่นอน คงจะไม่ประสบความสำเร็จนะ"
     
               ฉันไม่ได้ตอบอะไรคนช่างเหน็บแนมตรงเคาน์เตอร์ สมองกำลังเริ่มประมวลผลทีละนิด และสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนหลอดไฟเปิดใหม่ก็คือ เวลา 
     
               "Holy Crap!" ฉันอุทานแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "เราสายแล้ว! เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!"
     
               "เฮ้ เบคอนพึ่งเสร็จเองนะ" ชายผมน้ำตาลเข้มขมวดคิ้วคัดค้าน "แล้วเช้านี้ก็ดูสดใสดีด้วย คุณน่าจะทำใจให้สบายแล้วนั่งกินอาหารเช้าที่ผมอุส่าห์ทำเผื่อ"
     
               "ไม่ ไม่ ไม่มีทาง ฉันไม่ได้มาเฝ้าคุณเพื่อให้เราทั้งคู่ไปสายในเช้านี้" ฉันเก็บกระเป๋าจากบนโต๊ะ จากนั้นวิ่งเซๆเหมือนคนพึ่งตื่นไปหามาร์ค ผู้ที่กำลังจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้เคาน์เตอร์ "ไปเดี๋ยวนี้ เราไม่มีเวลาแล้วค่ะ"
     
               "เดี๋ยว - ผมจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น" มาร์คโวยวาย พอดีกับที่ฉันจับปลายแขนเสื้อของเขาแล้วลากไปตามทาง โทรศัพท์มือถือในมือเริ่มสั่น และมันเป็นเนลสันที่โทรมา  นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าเราสาย สายมากจริงๆ
     
               "คุณต้องไป ไปเดี๋ยวนี้ด้วย" ฉันถือวิสาสะหยิบบัตรรูดเข้าห้องของมาร์คมาด้วย จากนั้นรีบดึงเขาเข้าไปในลิฟท์
     
               "เฮ้ ใจเย็นๆหน่อยเลน่า คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้" มาร์คบอกเมื่อเห็นฉันอยู่ไม่สุขระหว่างที่ยืนจ้องตัวเลขในลิฟท์ สภาพตอนนี้คงคล้ายกับคนติดยาที่กำลังมีอาการขาดยาอยู่
     
               "ให้ใจเย็นได้ยังไงคะ คุณก็รู้ว่านิวยอร์กรถติด แล้วตอนนี้มันแปดโมงยี่สิบหกแล้ว"
     
               "มันจะไม่เป็นไรหรอก เชื่อสิ" มาร์คพูดอย่างสบายใจ เขาเอาสองมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ ท่าทางใจเย็นแตกต่างจากฉันที่ยืนอยู่ข้างตัว
     
               ข้อความในมือถือฉันโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเนลสันที่ส่งข้อความมาบอกข่าวดี "รถรอเราอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงแรม"
     
               ฉันใช้มือทาบหน้าอกแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก  ดีกว่าการยืนรอโบกแท็กซี่เป็นไหนๆ
     
               คนในลิฟท์ข้างฉันเหลือบตามามอง เขาอมยิ้มบางอย่างที่ฉันไม่รู้สาเหตุ  ก่อนที่จะได้ถามคำถามนั้น มือหนาข้างหนึ่งของเขาก็ออกจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นเอื้อมมาจัดทรงผมให้ สายตาเขาจดจ้องไปที่เส้นผมฉันเหมือนตอนที่หนุ่มๆกำลังจัดการกับเน็คไทตัวเองอย่างละเมียดละไม  และท่าทางนั้นกำลังทำให้ฉันแข็งทื่อจนเผลอกลั้นหายใจ
     
               "คุณควรส่องกระจกก่อนออกจากห้องบ้าง" เขาว่า พอดีกับที่ลิฟท์เปิดออก
     
               และคราวนี้มันก็กลายเป็นฉัน ที่เดินตามหลังเขา เพราะเหตุการณ์สามวินาทีในลิฟท์เมื่อครู่
     
     

     
     
               เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าต่อให้มีรถมารับยังไงก็สายอยู่ดี และฉันไม่คิดว่านิวยอร์กไทมส์จะปลื้มกับสิ่งนี้ พวกเขามีงานอีกมากมายต้องทำ และตอนนี้พอจะเดาหน้าพิธีกรสัมภาษณ์มาร์คได้ลางๆในหัวว่าเธอคงจะยิ้มปิดบังอารมณ์ฉุนเฉียวไว้ในใจอย่างสุดความสามารถ
     
               หายนะสิ่งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเรามาถึงชั้นที่ห้าสิบในตึกนิวยอร์กไทมส์คือบก.ลิซ่า ทอมสันที่ยืนเท้าเอวจ้องฉันเหมือนอยากจะแล่เนื้อฉันออกบางๆเป็นหลายๆส่วน เธอเข้าไปจับมือทักทายมาร์คด้วยรอยยิ้มครู่หนึ่ง จากนั้นคนทั้งหมดก็รีบพานักแข่งดาวรุ่งไปเตรียมตัวที่ห้องแต่งตัว
     
               "เกิดอะไรขึ้น" ลิซ่าอ้าแขนสองข้างถามอย่างเอาจริงเอาจัง "เธอมีหน้าที่รับผิดชอบให้มาร์ค มาร์เกซมาในเวลาแปดโมงเช้า - แปดโมงเช้า เข้าใจใช่มั้ย เกิดอะไรขึ้นเธอถึงได้พาเขามาในอีกสิบนาทีก่อนการสัมภาษณ์จริง"
     
               "ฉันขอโทษค่ะ" ฉันพูดอย่างจริงจัง พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้เหมือนเด็กฝึกงานที่โดนตำหนิครั้งแรกและจ้องหน้าบก. "มันจะไม่เกิดขึ้นอีก"
     
               "นั่นไม่ใช่คำอธิบายที่ฉันต้องการ สิ่งที่ฉันต้องการจะรู้คือเกิดอะไรขึ้นเธอถึงได้พาเขามาที่นี่สาย และ--"
     
               ประตูห้องแต่งตัวถูกแง้มเปิดออกขัดเสียงใหญ่ทรงพลังของบก.ลิซ่าทันควัน เธอหยุดสิ่งที่พูดและอ้าปากค้างมองคนที่ชะโงกหัวออกจากประตูห้อง  มาร์ค มาร์เกซเดินเข้ามาหาเรา เขาอยู่ในเสื้อผ้าที่เกือบจะดูดี  ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด แต่เขายังไม่ได้เปลี่ยนกางเกงกับสวมเสื้อสูท และปลายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเหมือนรีบสวมมันลวกๆ
     
               "มันเป็นความผิดของผมครับมิส" มาร์คมองไปที่ลิซ่า "ผมเป็นคนทำให้เรามาสาย เลน่าไม่ได้ผิดอะไรทั้งนั้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องต่อว่าอะไรเธอ"
     
               ความเงียบก่อตัวขึ้นเมื่อมาร์คพูดจบ ลิซ่ายังอ้าปากค้าง แต่คราวนี้ลดมือที่กำลังชี้หน้าฉันอย่างคาดโทษลงและเท้าเอวข้างหนึ่ง  เธอมองมาร์ค คล้ายกับกำลังตกตะลึงในสิ่งที่เขาพูด
     
               "อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้อง--"
     
               "ไม่ครับ ผมแค่พูดไปตามความจริง" มาร์คพูดขัดหญิงสูงวัยกว่าด้วยสีหน้าจริงจัง หรือเขาอาจจะมีสีหน้าอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ยกเว้นเมื่อคืนที่ยิ้มคล้ายกับเมานิดหน่อย
     
               ฉันยืนแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบกลับไป และมาร์คยังไม่กลับเข้าห้อง บก.ดูเหมือนกำลังจับผิดชายหนุ่มตรงหน้า คล้ายกับว่าการจ้องมองเขาจะทำให้เขาพูดอะไรบางอย่างที่เธอต้องการ อะไรอย่างเช่น 'เปล่าครับ ผมแค่พูดปกป้องเลน่า อันที่จริงเธอผิดเต็มๆ'
     
               มาร์คเลื่อนสายตามามองฉันเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัด เขาเริ่มพูด "เลน่า เข้ามาหน่อยได้มั้ยครับ มีอะไรให้ช่วย"
     
               ฉันพยายามรวบรวมสติใหม่หลังจากที่มันลอยคว้างเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า "โอ้ - ค่ะ ได้เลย"
     
               ครู่ต่อมาค่อยๆเดินหลีกตัวเดินผ่านบก.ที่มองตามด้วยตาที่ยังจ้องเขม็ง  มาร์คถอยหลังเข้าห้องและแง้มประตูเปิดให้กว้างขึ้น   ภายในห้องมีเสียงพูดคุยวุ่นวายของช่างแต่งหน้าและหญิงสาวสวมแว่นที่กำลังหมกมุ่นกับเสื้อผ้าผู้ชายบนราว  อเล็กซ์ มาร์เกซนั่งอยู่หลังโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ริมหน้าต่าง
     
               ประตูถูกปิดลงเมื่อฉันเดินเข้ามาถึงภายใน มาร์คเดินกลับไปที่เก้าอี้ตัวเองและปล่อยให้ช่างทำผมจัดการทรงผมของเขาต่ออีกครั้ง
     
               "คุณมีอะไรให้ฉันช่วยคะ" ฉันถามแล้วถูมือไปมาเมื่อเหงื่อออก  ทุกคนในห้องแต่งตัวมองฉัน รวมถึงอเล็กซ์
     
               "หวัดดีตอนเช้าเลน่า" อเล็กซ์โบกมือทักทาย "อย่าอยู่ใกล้มาร์คมากนักล่ะ เขาอาจใช้ให้คุณทำอะไรจนคุณไม่มีเวลาได้สนใจตัวเอง"
     
               เพราะคำเหน็บแนมนั้นทำให้ฉันรู้ว่าสองพี่น้องยังไม่ได้เคลียร์เรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้  มาร์คเหลือบตามามองฉัน จากนั้นดึงเก้าอี้สูงซึ่งมีไว้สำหรับโต๊ะบาร์มาใกล้ตัว มือใหญ่ๆนั้นตบบนเบาะสองครั้ง
     
               "นั่งลงสิเลน่า" เขาบอก
     
               "พี่ไม่มีสิทธิ์สั่งเธอ" อเล็กซ์ย้อน
     
               "ฉันไม่ได้สั่ง ฉันกำลังเสนอ และฉันพึ่งช่วยเลน่าจากบก.หน้าเครียดของเธอ" มาร์คบอก สายตายังจ้องมองที่กระจกบานใหญ่ตรงหน้า "ใช่มั้ยครับ" เขาหันหัวมาถาม
     
               ความกดดันจากสายตาหลายคู่ที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่กำลังทำให้ฉันรู้สึกตัวลีบลงคล้ายกับตะเกียบ "ฉันคิดว่า...ฉันออกไปข้างนอกดีกว่า ถ้าคุณยังไม่มีอะไรให้ฉันช่วย"
     
               "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อน" มาร์คพูดแกมบังคับ "แค่แปปเดียว ได้มั้ย เวลานี้คุณจะได้ใช้มันสัมภาษณ์ผม ถามอะไรก็ได้ที่อยากถาม เราพลาดโอกาสมาหลายครั้งแล้วหนิ จำได้มั้ย"
     
               มันก็จริงอย่างที่เขาว่า  ฉันยืนลังเลอยู่หน้าประตูพักใหญ่ แต่สุดท้ายคิดว่าเพื่องานก็ควรทำ จึงตัดสินใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่มาร์คเสนอให้ตั้งแต่แรก เขยิบมันออกห่างจากคนข้างๆเล็กน้อยเพื่อรักษามารยาทและเปิดสมุดบันทึกออก
     
               "โอเค - คุณพร้อมแน่นะคะ" ฉันถาม
     
               "พร้อมที่สุดแล้ว" เขาว่า แต่เพราะนิ้วชี้ข้างหนึ่งที่เขายกขึ้นมา คล้ายกับกำลังคิดอะไรออก ฉันจึงหยุด มองดูชายหนุ่มเอี้ยวตัวและหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงและโยนมันให้ฉัน
     
               "อะไรคะ" ฉันถามเมื่อใช้มือสองข้างรับมันได้ทันเวลาก่อนตกพื้น
     
               "เครื่องอัดเสียงไง" เขาบอกหน้าตาเฉย "คุณคิดว่าผมจะรอคุณจดยิกๆระหว่างที่ให้สัมภาษณ์เหรอ ใช้เครื่องอัดเสียงง่ายกว่าอีกนะ"
     
               "อันที่จริงคุณแค่บอกให้ฉันไปซื้อมาก็ได้"
     
               "ผมซื้อมาให้แล้ว" มาร์คยักไหล่ "เข้าคำถามเลยก็ได้ครับ" เขาทำไม้ทำมือเร่ง
     
               "ค่ะๆ ใจเย็นๆหน่อยพ่อหนุ่มใจร้อน" ฉันเหล่ตามองชายหนุ่มข้างตัว จากนั้นมองที่กดอัดเสียง แต่ปัญหาคือหาไม่เจอ แม้จะไล่หมุนรอบตัวเครื่องแล้วก็ตาม
      
               มาร์คพ่นลมออกจมูกแรงๆคล้ายกับกำลังหัวเราะ เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ นิ้วมือเราสัมผัสกัน และมันทำให้คนในห้องแต่งตัวยุติกิจกรรมตัวเองและมองมาที่เรา เหมือนกับว่าเราทำอะไรกันมากกว่าการจัดการกับเครื่องอัดเสียง
     
               ฉันรีบรวบรวมสติใหม่ รู้สึกว่าอากาศภายในห้องร้อนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทั้งๆที่เมื่อครู่กำลังมองหาฮีตเตอร์ในห้อง  "โอเค"  ฉันกระแอมไอแล้วมองกระดาษคำถาม  "เนื่องจากคุณเดินทางเกือบรอบโลกแล้ว จึงเกิดคำถามที่ว่า สถานที่ในโลกที่คุณชอบที่สุดคือที่ไหนคะ"
     
               "บ้านเกิดผม Cervera ครับ" เขาตอบ "แต่ถ้าเป็นสนามแข่งที่ชอบก็คงจะเป็น Aragon กับ Austin"
     
               "คุณโด่งดังแล้วในเวลานี้ ฉันอยากรู้ว่ามันยากมั้ยที่ต้องคอยหลบหลีกผู้คนในบางครั้ง อย่างเช่นการหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักคุณ จ้องคุณ หรือว่าทักทายคุณ"
     
               "มันไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ผมยอมรับตรงนั้น แต่บางครั้งผมก็หลบหลีกได้นะ" เขายิ้ม "มีหลายคนมาที่หน้าบ้านผมและรอที่จะเจอผมกับน้อง ค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อย แต่นั่นเป็นสถานที่หลักที่คุณจะพบผมได้"
     
               "อะไรบ้างที่คนส่วนใหญ่มักจะทำเมื่อพวกเขาพบคุณ"
     
               "ปกติแล้วพวกเขาจะเริ่มด้วยคำถามที่ว่า คุณคือมาร์เกซใช่รึเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่สนามบิน" เขาว่า "ผมชอบนะที่ได้พูดคุยกับพวกเขา ได้ให้ลายเซ็น ถ่ายรูป มันเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์เมื่อผู้คนให้การยอมรับในตัวผมและงานของผม"
     
               "คุณชนะหลายครั้งติดต่อกันจนบางทีอาจใช้คำว่า น่าเบื่อ ในช่วงโมโตจีพีปี 2014  เคยคิดเล่นๆอย่างเช่นประโยคที่ว่า 'เร็วเข้า ไล่ตามฉันให้ทัน' กับนักแข่งคนอื่นอะไรทำนองนั้นรึเปล่าคะ"
     
               "จริงอยู่ที่ผมชนะสิบสนามในตอนนั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมมีการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมกับรอสซี่, ลอเรนโซ่ และเปโดรซ่า  สนามอย่าง Sachsenring ซึ่งค่อนข้างใหญ่และเต็มไปด้วยผู้คนนั้นทำให้ผมคิดว่ามันสนุก ไม่ได้น่าเบื่อ โมโตจีพีไม่น่าเบื่อสำหรับผมครับ"
     
               "คุณแข่งในถนนทางเรียบอย่างโมโตจีพี นอกเหนือจากนั้นคุณยังขับ dirt-track, motocross มันดูเยอะเกินไปมั้ยคะในบางครั้ง"
     
               "ไม่ครับ นี่คือสิ่งที่ผมชอบ ผมชอบที่จะอยู่บนรถจักรยานยนต์ทุกวัน ผมรู้สึกเป็นอิสระ ผมชอบทุกๆช่วงเวลา และนี่คืองานของผม แต่มันก็มากกว่านั้นด้วย มันคล้ายกับว่า - เอ่อ..."
     
               ฉันเลิกคิ้วแล้วจ้องมองมาร์ค เวลาต่อมาคิดได้ว่าเขาอาจกำลังนึกคำในภาษาอังกฤษไม่ออก ฉันจึงพูดสเปนในประโยคที่ว่า "มันเป็นชีวิตที่คุณชอบ"
     
               และชายตรงหน้าก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว "ดีใจที่คุณเข้าใจ" เขาตอบสเปนกลับแล้วยิ้มให้ฉัน รอยยิ้มที่นานๆครั้งนักข่าวอย่างฉันจะได้รับ  และมันเหมือนกับแม่เหล็กที่ดูดฉันให้หยุดอยู่กับที่แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้น
     
               มันเป็นอย่างนั้นได้สักพักใหญ่ จนกระทั่งช่างทำผมวางสเปรย์ฉีดผมลงบนโต๊ะ แม่เหล็กที่ว่านั้นจึงถูกแยกออกจากกัน  ฉันกระแอมอีกรอบ มองคำถามสุดท้ายและจัดท่านั่งแก้เก้อ
     
               "คุณชนะมาหลายครั้งแล้วในช่วงอายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น ถ้าคุณหยุดระลึกถึงชัยชนะและสนามต่างๆในอดีต คุณรู้สึกกลัวบ้างมั้ยคะ"
     
               มาร์คจ้องหน้าฉัน เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินคำถามและกำลังเหม่อลอย 
     
               "คุณได้ยินฉันรึเปล่าคะ" ฉันรีบโบกมือไปมาตรงหน้าเขา
     
               มาร์คกะพริบตาถี่แล้วเริ่มพูดต่อ "ผมไม่มองกลับไปในอดีตหรอกครับ" เขาตอบ "เพราะตอนนี้ผมให้ความสนใจอยู่ที่การแข่งขันในปีนี้  มีหลายเรื่องที่น่าสนใจในปี 2016 นี้ คุณคิดว่างั้นมั้ยล่ะ"
     
               "ฉัน...." ฉันลากเสียงยาว จงใจให้มาร์ครู้ว่าไม่เข้าใจในคำถามของเขา "ไม่รู้สิคะ"
     
               "เราก็ต้องดูกันต่อไปครับ" เขายิ้ม
     
               พูดกันตามตรง รอยยิ้มนั้นกำลังทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นคงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
     
     

     
      
      
                "....ดังนั้น" เจน แฮมป์ตันพูดแล้วเคี้ยวมักกะโรนีในปากไปพลางๆ "ก็หมายความว่าเธอกับเขาไปได้สวย"
     
                "มันไม่ได้เรียกว่าไปได้สวย มันแค่ดีกว่าเดิม" ฉันอธิบายระหว่างยกกาแฟขึ้นซด
     
                เวลาสิบโมงเช้าในร้านอาหารใกล้ตึกนิวยอร์กไทมส์ครึกครื้นคล้ายเวลาเที่ยงวัน มาร์คกำลังให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์บนตึกชั้นห้าสิบพร้อมน้องชาย พวกเขาสัมภาษณ์เรื่องราวประวัติความเป็นมาก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเข้าวงการจักรยานยนต์และเข้าแข่งขัน   เจนกับเนลสันนัดฉันมาที่ร้านอาหารใกล้ตึก ซึ่งไม่เสียหายอะไรสำหรับคนที่ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตื่นมาอย่างฉัน
     
               "นั่นเรียกว่าไปได้สวยสำหรับฉันนะ อย่างน้อยเธอก็ดีกว่าฉัน" เจนเบ้หน้า "พูดให้ถูกก็คือรอสซี่ไม่มีเวลาว่างให้นักข่าวเท่าไหร่ หรืออาจเพราะฉันไม่ใช่พวกมีหน้าอกใหญ่ๆสวยๆ เขาก็เลยไม่ค่อยมีเวลาให้"
     
               "มันเกี่ยวกันเหรอ" ฉันเลิกคิ้วขึ้น
     
               "แหม เขาเพิ่งเลิกกับคู่หมั้น แล้วตอนนี้ก็ยังโสดสนิท สาวๆจากกริดให้ความสนใจกันใหญ่ เธอก็รู้ว่าผู้ชายเป็นยังไงถ้ามีโอกาสเข้ามาหาขนาดนั้น"
     
               "ไม่ใช่ผู้ชายทุกคน" เนลสันที่นั่งเงียบมานานแก้คำพูด เขาโยนเฟรนช์ฟรายเข้าปาก "และเธอ เลน่า ฉันไปคุยกับเอมิลี่ให้แล้ว คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรอีก เธอน่าจะปลอดภัยจากเล่ห์เหลี่ยมอะไรก็ตามที่ผู้หญิงมักใช้กัน"
     
               "ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนเหมือนกัน" เจนย้อนแล้วโยนเฟรนช์ฟรายใส่หน้าเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างตัว  เธอเหลือบสายตามองไปที่ประตูทางเข้าร้าน จากนั้นรีบยกมือขึ้นโบก "เฮ้ เมสัน ทางนี้"
     
               "เดี๋ยว เธอชวนเมสันมาที่นี่?" ฉันถามเสียงสูงแล้วหันไปมองเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่กำลังเดินเข้ามาหาเรา
     
               "ทำไมล่ะ เขาก็เข้ากับเธอได้หนิ ช่วงนี้เราต้องหาพวกไว้เยอะๆ โดยเฉพาะตอนที่เธอโดนเอมิลี่ว่าร้ายอะไรอย่างนั้น"
     
               "แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่" ฉันขมวดคิ้วยับยู่ยี่มองหน้าเพื่อน
     
               เจนดึงแก้วกาแฟออกจากมือฉันแล้วยกมันขึ้นซด "มันก็ไม่เห็นเป็นอะไรอยู่ดี เมสันน่ารักจะตายไป และเขาฮอต"
     
               "ฮอตเหรอ ฮอตยังไง" คราวนี้เนลสันถามบ้าง แต่เพราะเด็กหนุ่มอายุน้อยเดินมาถึงโต๊ะพอดี เราจึงยุติบทสนทนากันไว้แค่นั้น
     
               "เฮ้ หวัดดีครับ" เมสันลากเก้าอี้ข้างฉันแล้วนั่งลง  กลิ่นหอมจากน้ำหอมผู้ชายส่งกลิ่นอ่อนๆเตะจมูก และเจนดูเหมือนจะกำลังคิดสิ่งเดียวกันกับฉันเมื่อเธอหันมาทำตาโตใส่
     
               "กินอะไรมาบ้างรึยัง" เพื่อนฉันถามแล้วยื่นเมนูเคลือบพลาสติกให้
     
               "แค่กาแฟก็พอครับ" เมสันตอบ เขาตั้งท่าจะลุกไปสั่งที่เคาน์เตอร์ แต่เนลสันอาสาไปแทน เพราะตอนนี้เขาต้องการเครื่องดื่มเพิ่ม
     
               "แล้วเรื่องของพี่เป็นไงบ้าง" คนข้างๆเริ่มตั้งคำถามแล้วเอนตัวมองฉัน "ได้ยินมาว่าวันที่เราไปเล่นเกมกันในห้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โต  ผมขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเจออะไรก็ตามที่ไม่ดี"
     
               "ไม่ เปล่าเลย มันไม่ใช่ความผิดนาย" ฉันรีบยกมือปัดไปมา "ตอนนี้เคลียร์กับมาร์คแล้ว ทุกอย่างโอเคดี"
     
               "ดีจนน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ" เจนแกล้งทำมือป้องปากพูดกับเมสัน "เลน่าเป็นแฟนคลับมาร์คด้วย ฉันคิดว่าเธอกำลังล่องลอยอยู่บนสวรรค์"
     
               "พูดบ้าอะไรของเธอ" ฉันโยนทิชชู่ใส่สาวผมสั้นสีทองตรงหน้าเล่น
     
               "เอ้า ก็ความจริงหนิ และดูเหมือนเธอกำลังพัฒนามากกว่าการชอบแบบแฟนคลับด้วย"
     
               "ไม่ อย่าไปฟังเธอ" ฉันบอกเมสันแล้วกลอกตา "ต่อจากนี้ฉันจะไม่ใจง่ายแบบครั้งก่อนๆ"
     
               "พี่ไม่ได้ใจง่ายสักหน่อย" เมสันรีบตอบแทนเจนในประโยคนี้ "พูดอย่างกับว่าพี่ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าภายในสามเดือน"
     
               ฉันถอนหายใจเบาๆแล้วยกกาแฟขึ้นซด พอดีกับที่เนลสันเดินเข้ามา "อะไรกัน ใครจะแต่งงานกับใคร" เขาถาม
     
               "ไม่มีใครแต่งงานทั้งนั้นแหละ" เจนฉวยเฟรนช์ฟรายอีกชิ้นบนจานเนลสันเข้าปาก "แต่พูดถึงเรื่องแต่งงาน จำได้มั้ยที่เราเคยคุยเล่นๆกันเรื่องจัดงานแต่งกับคนในอนาคต"
     
               "โอ้ ให้ตายสิ อย่าพูดเรื่องนั้น" เนลสันเอนหัวมองเพดาน "เราพึ่งจะยี่สิบต้นๆเองนะ รีบคิดเรื่องนั้นไปทำไมกัน ถ้าไม่เป็นตามที่หวังไว้ก็ผิดหวังเปล่าๆ"
     
               "มันก็สนุกดี" ฉันพูดตามตรง ตามองจานสปาเก็ตตี้ตรงหน้าที่หมดไปตั้งแต่ห้านาทีแรก
     
               "เธออยากแต่งกับมาร์คล่ะสิ ฉันคิดว่าแฟนคลับน่าจะคิดกันอย่างนั้นทุกคน  ธีมอะไรดี เอารถมาจอดเรียงๆกันดีมั้ย หรือว่าเค้กจะเป็นรูปรถ--"
     
               "โอ้ ไม่ ไม่ย่ะ" ฉันรีบค้านเจน "มาร์คไม่ใช่ Husband material และฉันคิดว่าเราคงจะไม่เข้ากันได้ถึงขั้นนั้น  ที่สำคัญ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องปฏิเสธเพลง About time theme ของ Nick Laird-Clowes"
     
               เสียงโห่เบาๆดังขึ้นจากเพื่อนสองคนตรงหน้า "เอาจริงเหรอ เธอยังยึดติดกับเพลงนั้นอีกเหรอ" เจนถาม
     
              "แล้ว Husband material ของพี่เป็นยังไง" เมสันถามบ้าง เขาเท้าแขนทั้งสองกับโต๊ะ "หมายถึง มาร์คก็ออกจะดูดีมีอารมณ์ขัน ที่จริงพี่ไม่น่าจะปฏิเสธคนแบบนี้"
     
              "แหม เขาคือมาร์ค มาร์เกซเชียวนะ แล้วจากที่สัมภาษณ์เขามา เขาเป็นพวกหลงรักรถจักรยานยนต์ และฉันไม่ใช่คนที่จะคลอดลูกออกมาเป็นรถให้เขาพอใจได้"
     
              "แล้วอย่างผมเป็นไง" เมสันชี้หน้าตัวเอง   มันทำให้เพื่อนฉันตรงหน้าสูดหายใจแล้วมองตาค้าง "ก็แค่ถามเล่นๆ แบบว่าอย่างผมกับเนลสัน พี่จะเลือกใคร"
     
              "ฉันจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น" ฉันเลิกคิ้วขึ้น "นี่มันชักจะไปไกล ฉันจะกลับไปทำงาน"
     
              "สู้ๆสาวน้อย ขอให้ความโชคดีจงสถิตอยู่กับเธอ" เนลสันตะโกนไล่หลังมา
     
              ฉันยกมือขึ้นโบกไปมาตอบแต่ไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อนๆ เพราะตอนนี้มุ่งหน้าออกสู่ร้านอาหารอีกครั้ง  แต่เมื่อก้าวออกจากประตูร้าน ก็พอดีกับที่ไหล่ข้างขวาถูกมือใหญ่ๆจับไว้
      
              ฉันสะดุ้งและหันกลับไปมองเจ้าของมือ เห็นคนหน้าตาคุ้นเคยกำลังมองอยู่ "ผมไม่ใช่ Husband material เหรอ"
     
              "เอ่อ....คุณพูดเรื่องอะไรคะ" ฉันค่อยๆคลี่ยิ้มแห้งๆสบตากับมาร์คที่กำลังจ้องหน้า อาการตกใจกำลังทำให้สมองประมวลผลไม่ทัน "คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณสมควรจะอยู่ที่ตึกข้างหน้านั่น"
     
              "การสัมภาษณ์เสร็จเร็ว ผมเลยมาหาอะไรกินกับเพื่อนนิดหน่อย" มาร์คมองไปรอบตัวระหว่างตอบคำถาม "พอดีได้นั่งใกล้โต๊ะที่มีผู้หญิงกำลังพูดเรื่องงานแต่งงานในอนาคต"
     
              ฉันอ้าปากค้างและเงียบกริบ พูดไม่ออกและไม่รู้จะพูดอะไร  จำได้ว่าวิจารณ์มารค์ มาร์เกซไปพอสมควร แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่คนที่พูดถึงได้ยินมัน  ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ในร้าน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขานั่งโต๊ะข้างๆ หรือแม้กระทั่งมองเห็นฉัน
     
              "คุณแอบฟังฉันเหรอคะ"
     
              "โต๊ะเราไม่ได้ห่างจากแอลเอถึงนิวยอร์กนะเลน่า แน่นอนว่าผมต้องได้ยินที่คุณพูดอยู่แล้ว" เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะ "แต่ผมจะไม่ใช้ธีมเป็นรถจักรยานยนต์ในงานแต่งหรอกนะ บอกเพื่อนคุณด้วยว่าผมไม่ได้บ้าขนาดนั้น"
     
              "คุณแอบฟัง" ฉันย้อน ขารีบเดินตามคนตัวสูงกว่าที่กำลังเดินข้ามถนน
     
              "เป็นคุณคุณจะแอบฟังมั้ยล่ะ ถ้ามีใครบางคนกำลังพูดถึงคุณในบทสนทนา" เขาตะโกนถามแข่งกับเสียงการจราจรในนิวยอร์ก
     
              "ก็ฟัง" ฉันเผลอตอบอย่างไม่ได้ตั้งใจ "ไม่ - แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกหน่อยว่าคุณนั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เราพูดกันเองแบบไม่รู้เรื่องอย่างนั้น"
     
              "ไม่ล่ะ ผมชอบแอบมองแอบฟัง"
     
              "คุณเป็นพวกชอบด้อมมองเหรอคะ"
     
              มาร์คหยุดเดินตรงทางโล่งกว้างหน้าตึกบริษัทใหญ่ เขาส่ายหัวเล็กน้อย "เปล่า แอบฟังไม่เท่าไหร่ แต่ผมจะแอบมองแค่คนที่อยากมอง"
     
              มาร์คยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหัวเราะเมื่อเห็นฉันเงียบไปอีกรอบ จากนั้นชายตรงหน้าก็หันหลังออกเดินด้วยท่าทางสบายๆอีกครั้ง
     
              มันเป็นเวลาพักหนึ่งที่ฉันยืนมองแผ่นหลังของมาร์คที่เริ่มไกลออกไป จนสุดท้ายเริ่มได้สติและรีบวิ่งตามเขาไปต่อ
     
     
    Next stop : Spain
     
     

    Ed sheeran - Dive
     
     
     

    New York Times building (Midtown Manhattan, NY)
      

     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×