ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Opportunity | Marc Marquez FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #23 : CHAPTER 22

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 869
      26
      10 เม.ย. 65

     

     
              ช่วงเวลาที่เหลือของการทำงานไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่าความวุ่นวายและการประชุม ยิ่งใกล้สิ้นสุดการแข่งขันยิ่งมีข้อมูลให้เก็บและตั้งข้อสรุป ตลอดการเดินทางของเราจนมาถึงออสเตรเลีย ฉันเลี่ยงข้อเท็จจริงที่ว่ากำลังคิดถึงมาร์ค มาร์เกซ และมันอาจไม่เกินสิบประโยคที่เราใช้โต้ตอบกันระหว่างการทำงาน
     
              ก่อนออกจากสำนักข่าวในซิดนี่ย์ ฉันรับใบปลิวท่องเที่ยวที่บก.จากซิดนี่ย์มอบให้ ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสไปอินเดีย หรือแม้แต่คอสตารีก้า ตลอดเวลามักหยุดคิดถึงมันเมื่อนั่งอยู่ในท่าเรือยามเย็น
     
             อย่างคืนในกาตาร์ที่บอกมันกับมาร์ค
     
             ฉันปัดความทรงจำทิ้ง มองภาพวิวทิวทัศน์สดใสภายในกระดาษ
     
             "มันคือรีสอร์ตคืนละพันดอลลาร์" บก.หนุ่มตัวสูงพูด "ถ้าเสร็จจากโมโตจีพี มิสทอมสันยินดีให้เธอร่วมงานนี้ ซึ่งหากเธอยินดี เธอสามารถย้ายที่ทำงานจากนิวยอร์กมาซิดนี่ย์ได้"
     
             ฉันกำลังเลื่อนเปิดหน้ากระดาษมองดูน้ำทะเลสีฟ้า สปา แปดร้านอาหาร และบ้านต้นไม้ที่ใช้เป็นบาร์ในป่าใกล้รีสอร์ต
     
             "จีซัส - นี่ห้องน้ำเหรอคะ ใหญ่กว่าห้องนอนในอพาร์ตเมนต์ฉันอีก" เสียงฉันก้องกังวาลไปทั่วโถงทางเดินวุ่นวายในเช้าวันจันทร์
     
             แต่บก.ตรงหน้ายิ้ม ไม่ได้สร้างใบหน้าเคร่งขรึมหรือแสร้งกระแอมไออย่างที่บก.ในนิวยอร์กทำ "เราอาจติดจีพีเอสให้คุณ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณจะไม่หลงทางก่อนไป"
     
             "ก่อนไป" ฉันทวนซ้ำแล้วเงยหน้า "คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไป"
     
             "พวกเขายังไม่เปิดอย่างเป็นทางการจนกว่าจะเดือนหน้า แต่เพื่อนของผมเป็นหนึ่งในทีมปล่อยข่าวสารของรีสอร์ต เธอได้ยินมาว่าสำนักข่าวเราในปีหน้าเล็งเป้าไปที่หัวข้อท่องเที่ยว เราจึงได้โอกาสเหมาะ"
     
             "โอกาสอะไรคะ"
     
             "เข้างานเปิดตัวรีสอร์ต งานปาร์ตี้ อะไรก็ตามที่คุณอยากเรียก เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้รับการยอมรับจากผู้คน นักวิจารณ์ คนมีชื่อเสียง นักการเมือง และนักข่าวอย่างเรา"
     
             ชายตรงหน้ากำลังไล่ชื่อนักแสดงฮอลลิวู้ดระดับเอลิสท์ แต่สมองตอนนี้กำลังพยายามตามเรื่องราวให้ทัน คอสตารีก้า ประเทศที่อยู่ไกลจากอีกฟากของอเมริกา
     
             "เราต้องการให้คุณเขียนบทความ รายละเอียดยิบย่อยต่างๆ รวมถึงความนุ่มของหมอน คุณภาพของอาหารรูมเซอร์วิส"
     
             ฉันก้มลงมองกระดาษ มีรูปน้ำตกและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มหึมา ผู้คนเข้าป่าทำกิจกรรม มันไม่ใช่การท่องเที่ยวที่สนุกสุดเหวี่ยง หรืออะไรที่เรียกว่า adventurous แต่ทั้งหมดนั้นฟรี
     
             ยังไงก็ตาม ฉันไม่ได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ควรจะรู้สึก
     
             ฉันเงยหน้ามองบก.แล้วบอกตัวเองอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ นี่คือสิ่งที่เธอขอมาตลอด
     
             หากไปต้องใช้เวลาในอินเดียหลายคืน อีกวันเดินทางไปคอสตารีก้า อาร์เจนติน่า หยุดแวะเพื่อชมสวนและชิมไวน์ อย่างน้อยอาจสี่วัน จากนั้นไป Chile, Panama นั่งเครื่องไปต่อที่ Bahamas
     
            ไม่มีเวลาให้บินกลับไปสเปนหรือแม้แต่พบหน้าเพื่อนที่นิวยอร์ก แล้วความคิดเรื่องมาร์คก็คล้ายกับบางอย่างที่ตีเข้าใส่กระทันหัน คำสัญญาที่มั่นใจว่าจะทำได้ จะส่งบทความที่ดีและเริ่มต้นกับโมโตจีพีต่อในปีหน้า
     
     
     
      
            "....ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกับเขาเลยเหรอ"
     
            แก้วกาแฟถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะดังกว่าที่ตั้งใจไว้ ฉันกลืนของเหลวร้อนลงคอ มองเจ้าของเสียงที่ขัดความคิด เจนจ้องมองอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามบนระเบียงห้องพัก "ฉันไม่รู้" ฉันส่ายศีรษะ รู้ว่าเธอหมายถึงใคร "ฉันคิดว่าไม่"
     
            "แต่เธอคิดถึงเขา มันต้องมีทางที่จะแก้ไขเรื่องทั้งหมดนี้"
     
            "เขาไม่ต้องการคุยกับฉัน บก.ก็ไม่ต้องการให้ฉันคุยกับเขา มันไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้ เพราะทั้งฉันและเขาไม่มีเรื่องให้ต้องขอโทษ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงยังมีงานทำอยู่ บางทีอาจโดนไล่ออกพรุ่งนี้ - ฉันคิดว่าฉันฉลาด คิดว่าเข้มแข็งพอจะปกปิดความรู้สึกได้ แต่ไม่"
     
            "ฉันไม่ชอบแบบนี้ เลน่า ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้ ไม่แม้แต่คอนราด ตอนอยู่กับมาร์คเธอเป็นตัวเองเหมือนตอนที่อยู่กับเรา กับครอบครัวของเธอ เธอเป็นตัวของเธอเอง"
     
            ฉันเปิดแล็ปท็อปขึ้นกั้นใบหน้าของเราไว้ หวังจะเพ่งมองตัวหนังสือในจอแล้วรวบรวมสมาธิขึ้นใหม่ แต่มือของเจนเอื้อมปิดมัน
      
            "เราต้องพูดเรื่องนี้ เพราะฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นเราจบงานในอาทิตย์ข้างหน้าและไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอไม่รู้ว่ามันอึดอัดแค่ไหนที่เห็นเธอสองคนแสร้งยิ้มให้กันเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หรือตอนที่พวกเธอแยกย้ายกัน แล้วคนใดคนหนึ่งหยุดเดิน ตั้งท่าจะอ้าปากพูด แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทำอะไรสักอย่าง"
     
            "เพราะทุกคนคอยแต่จะโทษฉัน" ฉันเผลอขึ้นเสียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงพยายามสูดลมหายใจหนักๆ แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว "ตอนที่ฉันเปิดใจ เธอรู้ว่าทุกอย่างจบยังไง เมื่อฉันพูดความในใจ พวกเขาคิดว่าฉันมองโลกในแง่ร้าย และเมื่อฉันปิดใจ พวกเขาหาว่าฉันไม่มีหัวใจ แม้กระทั่งเรื่องที่คอนราดนอกใจฉัน พวกเขาก็โทษว่าฉันไม่มีเวลาให้เขา และมันสมควรแล้วที่เขาจะนอกใจไปหาเพื่อนของฉัน"
      
           สมเพชตัวเอง อาจเป็นคำที่ใช้ได้กับเรื่องทั้งหมด มันเลวร้ายกว่าเก่าเมื่อเห็นเจนแสดงสีหน้าเห็นใจอยู่เงียบๆ
     
           ฉันเป็นฝ่ายรู้สึกมากเกินไป และคนที่รู้สึกมากเกินไปแพ้เสมอ นึกอยากย้อนกลับไปต้นปีเพื่อแก้ไขทุกอย่างใหม่ ปฏิเสธทุกคำชวนจากมาร์คหรือใครก็ตามรอบตัวเขา เพราะมันอาจไม่จบเช่นนี้ เราจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้รู้สึกอะไรหากต้องบอกลาและไม่ได้พบกันอีก
     
           "ฉันไม่เคยโทษเธอ" เจนส่ายศีรษะ "ฉัน เนลสัน ไม่เคยมีใครโทษเธอ เราทุกคนทำพลาด เลน่า และผู้คนมีความคิดเห็นห่วยๆเสมอ แต่ใครสนกัน เธอไม่ได้เปลี่ยนไปตามสิ่งที่พวกเขาพูด เธอยังเป็นเธอ และการรู้สึกรักใครสักคนไม่ใช่สิ่งที่ผิด"
     
           ขณะนั้นเองที่เนลสันออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันรอบเอว ผมของเขาเต็มไปด้วยบางอย่างที่แปลกประหลาดและเป็นสีเขียว เส้นผมติดเป็นแผง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยอาการตื่นตกใจ
     
            "เกิดอะไรขึ้น?!" เขารีบถาม เกือบลื่นน้ำบนพื้นที่หยดลงจากร่างของตัวเอง ใบหน้านั้นดูจริงจัง ซึ่งมันมากพอจะทำให้ฉันกับเจนระเบิดหัวเราะพร้อมกัน
     
            "มีอะไรอยู่บนหัวของนาย" เจนตะโกนถาม
     
            ชายหนุ่มกลอกตาใส่ ดูสับสนกับเสียงหัวเราะที่ได้ "ไข่กับอะโวคาโดมาร์กผม"
     
            เราเริ่มหัวเราะหนักกว่าเดิม จนกระทั่งเจนตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปคว้ามือถือ "รู้มั้ย ฉันคิดว่าเราต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อร้องเพลงกันสักเพลง"
     
            "วันนี้เป็นวันที่ยาวนานมากๆสำหรับฉัน" ฉันยกกาแฟขึ้นดื่มอีกหน "ฉันคิดว่าฉันจะขอผ่าน"
     
            "ไม่ๆ มันกำลังเกิดขึ้น เราจะร้องเต้นเพลงโปรดของเราสามคน"
     
            "แต่--"
     
            "เธอติดเงินฉันอยู่แปดสิบดอลลาร์" เจนย้อน
     
            ฉันจึงวิ่งไปกระโดดขี่คอของคนที่มีความสูงเท่ากัน "คิดจะใช้วิธีนี้กับฉันเหรอ"
     
            "ปล่อยฉัน! เธอมันตัวหนักยิ่งกว่าช้างแอฟริกา!" เจนหมุนตัว พยายามสลัดฉันให้หลุดออกจากหลัง
     
            "เกิดอะไรขึ้น" เนลสันถามกลางคัน เขายังหยุดอยู่ที่เดิม น้ำหยดลงบนพื้นเป็นแอ่ง "แล้วฉันควรจะทำอะไรต่อไป"
     
            เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขา กลั้นหัวเราะเมื่อเห็นเส้นผมที่มีไข่กับอะโวคาโด รวมถึงสีหน้าไม่เข้าใจปนงุนงงที่เขากำลังทำ มันไม่ใช่หลายครั้งที่เนลสันจะสร้างเสียงหัวเราะ และคนนอกส่วนใหญ่มักคิดว่าเขาจะสร้างความสุขให้ผู้คนได้แค่เฉพาะตอนที่เทผงสีขาวลงบนโต๊ะเท่านั้น
     
            แต่เรารู้ดีว่าเขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับมันแล้ว
     
            ขณะนั้นเจนกำลังเร่งเสียงเพลง Just the way you are ของ Bruno Mars เธอวิ่งไปหยิบขวดแอลกอฮอล์บนโต๊ะที่ได้มาจากรูมเซอร์วิสเมื่อบ่ายนี้ แล้วเราก็เริ่มตะโกนร้องท่อนแรกของเพลง
     
     

     
     
             สนามเซปังในมาเลเซีย มาร์คทำได้ไม่ดีนัก เขาล้มลงไปในโค้งที่สิบเอ็ด แต่สามารถกลับเข้าร่วมการแข่งขันได้ แม้รถจะมีสภาพไม่สมบูรณ์นัก เขาจบลงในอันดับที่สิบเอ็ด นักแข่งจากทีมดูคาติ อันเดร โดวิซิโอโซ่คว้าอันดับที่หนึ่งไป
     
             ระหว่างนั้นมาร์คประสบปัญหาอาหารเป็นพิษก่อนวันการแข่งขัน แม้กระทั่งเพื่อนของเขาอย่างโฆเซ่ มาร์ติเนสก็สภาพดูไม่ดีนัก การพบหน้ามาร์คนอกเวลาดูจะยากขึ้นทุกวัน เมื่อกลับจากสเปน ทีมงานของมาร์ค เพื่อนของฉันที่สำนักข่าวและครอบครัวเซอร์ไพรส์วันเกิดที่สวนหลังบ้านในบาร์เซโลน่า พ่อกับแม่ยังคงสถานะหย่า แต่ทั้งคู่พูดคุยตามปกติ แขนแม่ยังเข้าเฝือก และเธอย้อนระลึกชีวิตวัยรุ่นโดยการให้คนในงานเขียนข้อความสั้นๆใส่เฝือกลงไป
     
             มาร์คไม่ปรากฏตัวที่งานวันเกิดของฉัน บ้านครอบครัวมาร์เกซที่อยู่ห่างไปสองร้อยหลามืดสนิท ซานติบอกว่าพวกเขากลับเซอร์เวร่า ตั้งใจจะขายบ้านข้างฉันในเดือนธันวาคมนี้  ฉันคิดว่าบางทีมาร์คอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันเกิดใคร เพราะฉันไม่สำคัญอีกแล้ว - หรืออาจไม่เคยสำคัญ
     
            "สุขสันต์วันเกิดเลน่า!" ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนมาจากหน้าบ้าน ฉันเพ่งมองผ่านความมืดในเวลาสองทุ่มครึ่งและพบว่าโฆเซ่กำลังแบกช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มาให้
     
            "โฆเซ่ ฉันคิดว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่" ฉันเดินไปหาเขา ยื่นแก้วแชมเปญให้ชายหนุ่มกระดกซดพลางชะเง้อมองช่อดอกไม้ "นั่นของขวัญให้ฉันรึเปล่า"
     
            "โอ้ มันมาจากมาร์ค" โฆเซ่รีบตอบ
     
            ร่างกายหยุดชะงัก ตระหนักว่าตัวเองเงียบไปครู่ใหญ่ โฆเซ่เริ่มกระแอมแล้วยื่นช่อดอกไม้มาให้ฉันอย่างระมัดระวัง มันเป็นดอกพีโอนี่สีขาว
     
            'คุณกำลังตัดดอกกุหลาบใช่รึเปล่า'
     
            เสียงของมาร์คที่เคยตะโกนถามระหว่างรดน้ำต้นไม้เริ่มดังก้องในหัว
     
            'มันคือดอกพีโอนี่ต่างหากค่ะ' ฉันเคยตอบไปแบบนั้น
     
      

     
      
            สนามสุดท้ายของการแข่งขันที่สเปนเกิดขึ้นวันที่ 13 พฤศจิกายน มาร์คเตรียมตัวฝึกซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแข่งจริงในบ่ายวันนี้ ฉันเงยหน้าจากแล็ปท็อปที่เขียนบทความ จ้องมองเขาที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ประจำเพื่อหยิบถุงมือหนาใส่ทีละข้าง
     
            เอมิลิโอ ผู้จัดการส่วนตัวของเขาเดินตามมาด้วย แต่ยังไม่มีใครเข้าไปทักทายเพราะสีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยที่เขานำมันเข้ามาด้วย เราทั้งหมดให้ความสนใจอย่างเปิดเผยเมื่อเอมิลิโอเดินไปคุยกับมาร์ค
     
            เสียงเร่งเครื่องยนต์ช่วยกลบอะไรก็ตามที่เขากำลังขึ้นเสียงใส่มาร์ค เวลาต่อมามาร์คพูดบางอย่างกลับไป ดูใจเย็นแต่เคร่งเครียด ชายวัยกลางคนจึงเดินหัวเสียออกจากพิท ที่ทำให้ฉันเริ่มนั่งอย่างไม่เป็นสุขคือตอนที่เอมิลิโอชำเลืองมองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
     
            "เลน่า" ใครบางคนเรียกขณะที่ฉันมองตามร่างสูงของเอมิลิโอ เมื่อหันกลับมาพบว่ามาร์คกำลังลากเก้าอี้นั่งลงข้างฉัน
     
            ใจเต้นตุบๆด้วยอาการตื่นตระหนก ฉันพยายามปั้นยิ้มขึ้นใหม่ "มีอะไรให้ช่วยคะ"
     
            "ผมแค่อยากคุย" เขาเบ้หน้าแล้วยักไหล่ "มีเวลาอีกสักพักก่อนเริ่มซ้อม และผมมีบางอย่างต้องบอกคุณ"
     
            "ถ้าเกี่ยวกับเอมิลี่ ฉันคิดว่าคุณน่าจะชวนเธอดินเนอร์เพื่อทำความรู้จักกับเธอโดยตรง"
     
            มาร์คเลิกคิ้วทันที "เอมิลี่?" เขาถามเสียงสูง
     
            "คุณส่งข้อความหาเธอไม่ใช่เหรอคะ หลายวันมานี้พวกเขาพูดกัน"
     
            "So?" (แล้วยังไง?) คือทั้งหมดที่ได้กลับมา - เขาไม่ได้ปฏิเสธ

            แต่ก่อนที่ฉันจะได้ปล่อยคำถามล้านอย่างที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ถาม มันก็ได้เวลาที่มาร์คจะต้องออกสู่สนามแข่ง ฉันปล่อยให้เขากลับไปทำหน้าที่ ทำในสิ่งที่เขารัก ปัดความวุ่นวายใจที่มีไปให้พ้น เพราะตัดสินใจเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
     
     

     
    Marquez
     
             "...มันผ่านไปรวดเร็วมากครับ" มาร์คยิ้ม "การแข่งขันสนามแรกเหมือนพึ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ถ้าให้พูดตามตรงบางครั้งผมยังคิดว่าทั้งหมดนี้คือความฝัน ครอบครัวของผมเก่งเรื่องการทำให้ผมยังคงมีสมาธิและมีสติกับทุกๆเรื่อง พวกเขาบอกว่าจะจัดปาร์ตี้ในเซอร์เวร่าหลังผมกลับไป และมันพิเศษสำหรับผมมากๆที่จะได้เห็นคนในเซอร์เวร่าร่วมฉลองกัน"
     
             "ตอนที่คุณอายุสี่ปี คุณขอรถจักรยานยนต์จากพ่อของคุณ ทำไมถึงไม่เป็น go-kart หรืออย่างอื่นคะ"
     
             มาร์คจ้องมองรอยยิ้มของหญิงสาวผมสีน้ำตาล เส้นผมของเธอชื้นเหงื่อ เขาตั้งสมาธิกำมือไพล่หลังเพื่อป้องกันไม่ให้เผลอสัมผัสตัวเลน่า
     
             สิ้นสุดการแข่งขันสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2016 แล้ว มันเร็วอย่างน่าใจหาย วันนี้สนามที่บาเลนเซียเขาได้ในอันดับที่สอง พอใจแล้วเพราะรู้ว่าถ้วยรางวัลเป็นของตน
     
             "ผมจำไม่ค่อยได้หรอกครับ คงเพราะว่าตอนเด็กพ่อแม่ของผมเคยไปที่สนามแข่งเพื่อดูการแข่งขัน และพวกเขาเป็นอาสาสมัครที่นั่นด้วย มันอาจสร้างแรงบันดาลใจให้ผม การมองดูรถจักรยานยนต์พวกนั้นทำให้ผมอยากได้มันเหมือนกัน" เขาตอบเธอ
     
             "สุดท้ายนี้ เราทราบกันดีถึงสไตล์การขับขี่ของคุณ บางคนบอกว่าคุณก้าวร้าวและเสี่ยงมากเกินไปในสนาม แล้วคุณคิดเห็นยังไงกับการขับขี่ของตัวเองคะ"
     
             ชายหนุ่มสูดหายใจลึกๆ "สำหรับผม ถ้าผมไม่พยายามลอง ผมจะไม่รู้เลยว่ามันมีจุดลิมิตอยู่ที่ไหนครับ เมื่อผมรู้ลิมิต ผมจะสามารถระมัดระวังกับมันได้"
     
             "เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับซีซั่นนี้ ฉันขอบคุณที่คุณและทีมงานมอบเวลาให้เราค่ะ เราประทับใจมากๆกับมิตรภาพที่พวกคุณมอบให้ ขอให้คุณมีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน และโชคดีในซีซั่นหน้านะคะ"
     
             เสียงร้องเชียร์ของแฟนคลับบนอัฒจันทร์ดังก้อง อากาศยามบ่ายในบาเลนเซียไม่ร้อนจัดในช่วงปลายปี แต่ตอนนี้ร่างของมาร์คเต็มไปด้วยเหงื่อ ชุดแข่งหนาๆคลุมร่าง รู้ว่าอีกสักพักใหญ่กว่าจะได้ถอดมันออก
     
             แม้จะรับรางวัลบนโพเดียมเรียบร้อยแล้ว แต่สนามสุดท้ายของฤดูกาลยังเต็มไปด้วยผู้คน แฟนคลับยังไม่พร้อมจากลา เขารู้ดี เพราะเคยเป็นหนึ่งในนั้น การรอคอยให้การแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้งนั้นดูทรมาณใจพอๆกับตอนรออาหารสุดโปรดมาตั้งตรงหน้า
     
            หญิงสาวตัวเล็กยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย เธอกำลังจะเดินจากไปพร้อมนักข่าวและช่างกล้อง แต่เขาคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน 
     
            "คือ...เรื่องก่อนหน้านี้เรายังคุยกันไม่จบ" เขารีบพูด
     
            "คุณไม่ต้องกังวล--"
     
            "เลน่า คุณอยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงส่งข้อความหาเธอ" เขาขัด เผลอโน้มตัวเข้าใกล้พื้นที่ส่วนตัวของเธอ
     
            อยู่ห่างจากพวกเธอ
     
            มาร์คกล่อมตัวเองทุกครั้งที่ไปเยือนอิบิซ่าในฤดูร้อนและพบสาวๆในบิกินี่ แน่นอนว่าเขาเก็บเกี่ยวช่วงเวลาไปกับการเล่นสนุกและร่วมถ่ายรูปกับพวกเธอ ทว่าไม่เคยปล่อยตัวไปมากกว่านั้น
     
            แต่ทุกคนอาจรู้ดีว่าคำพูดตักเตือนโง่ๆนั้นใช้ไม่ได้ผลกับหญิงสาวที่กำลังยืนตรงหน้าเขา
     
            "ทำไมคะ" เธอถามในที่สุด
     
            "ผมขอเบอร์บก.ของคุณจากเอมิลี่ เพราะต้องการเกลี้ยกล่อมบก.ให้คุณอยู่กับผมต่อในปีหน้า" เขาพูด เว้นวรรคครู่หนึ่งเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเธอ "คิดว่ามันอาจดีกว่าถ้าคุณไม่รู้เรื่อง แล้วตอนนี้คุณก็ทำให้ผมรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น"
     
            "ฉันสับสน"
     
            "ใช่ ผมก็เหมือนกัน แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมส่งข้อความหาเธอ"
     
            "เพราะเธอบอกคนอื่น และคนอื่นๆพูดเรื่องของคุณกันทั้งนั้น"
     
            "ทำไม" เขาเผลอถามในเสียงที่ดังกว่าเก่า "ทำไม เลน่า คุณจะสนทำไมว่าผมจะส่งข้อความหาเพื่อนร่วมงานคุณ"
     
            "เพราะอยู่ดีๆคุณก็ไม่ยอมคุยกับฉัน!"
     
            ชั่วครู่หนึ่งมาร์คชะงัก เขาไม่ต้องการให้ใครสอดรู้สอดเห็นฟังบทสนทนาจึงรีบดึงเธอให้เดินกลับเข้าพิท ทั้งคู่เดินผ่านทางด้านหลัง เลี้ยวซ้ายขวาไปตามทางเพื่อออกจากพิท รวดเร็วพอๆกับตอนที่มาร์คใช้มือเปิดประตูรถบัสออกแล้วดึงเลน่าตามเข้ามา
     
            "รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงไม่คุยกับคุณหลังเลิกงานอย่างเดิม ทำไมถึงไม่ได้ตอบข้อความคุณ" เขาถามอีกครั้ง แต่ไม่ได้รอให้เธอตอบกลับ ใจเต้นตุบๆด้วยความตื่นเต้น รู้ว่าเก็บคำพูดไม่อยู่อีกแล้ว "เพราะกับคุณ ผมเหมือนจะทำให้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด เพราะไม่พูดอะไรดูจะดีกว่าการพูดบางอย่างที่ผิด - ที่ไม่ควร  ผมไม่ต้องการให้คุณเจอกับชีวิตวุ่นวายของผม ไม่ต้องการให้คุณตัดสินใจทีหลังว่าจะจากผมไปเพราะทนไม่ได้กับชีวิตของผม หรือต้องร้องไห้เพราะผมเป็นต้นเหตุ และผม--"  
      
            เขาหยุดพูดเมื่อรู้ว่ากำลังจะปริปากบอกสิ่งที่ไม่ควรออกไป ริมฝีปากเม้มแน่นจนเริ่มเจ็บปวด
     
            บอกเธอไป แค่คำพูดสั้นๆประโยคเดียว บอกเธอซะ!
     
            แต่เขาไม่ได้ปริปาก เริ่มได้ยินเสียงหัวเราะดังอยู่ที่ไหนสักแห่งในหัว มันกำลังตะโกนว่า ขี้ขลาด!
            
            เลน่ายังคงมองเขา แต่กลับดูไม่ยินดีเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด แม้เขาจะคิดว่าเธออาจรู้สึกดีขึ้นหากรู้เหตุผล ทั้งหมดนั้นทำให้มาร์ครู้สึกแย่กว่าเก่า เขาอาจเป็นฝ่ายเดียวที่คิดมากเกินไป อาจเผลอให้ตัวเองรู้สึกดีกับเธอเกินไป
     
            แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้ - ไม่อีกต่อไป
     
            หลังจากคัดค้านกับเอมิลิโอจนกลายเป็นการทะเลาะใหญ่โตเมื่อเช้านี้ มาร์คตัดสินใจแล้วว่าเขาเป็นผู้ใหญ่มากพอจะตัดสินใจเรื่องของตัวเองได้ รวมถึงความสัมพันธ์กับใครสักคน ยอมรับว่าใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะตัดสินใจก้าวออกจากวงความกลัวได้
     
            มันเป็นก้าวแรกของเขาที่เข้าสู่เส้นทางใหม่ มาร์คไม่เคยมีปากเสียงกับเอมิลิโอ แต่รู้ดีว่าอีกไม่นานทั้งคู่จะกลับมาเคลียร์กันได้ เพราะมันเป็นเช่นนั้นทุกครั้ง เขารู้ว่าเอมิลิโอรักเขาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ระยะเวลาสิบสองปีทำให้เชื่อใจอย่างนั้น
     
            "ผมไม่ได้จะขอเอมิลี่เดต ผมไม่สนว่าใครจะพูดยังไง ไม่สนว่าใครจะแต่งเรื่องแบบไหน เพราะมันไม่ใช่ความจริง ผมไม่คิดอยากออกเดตกับใครนอกจากคุณ คุณเป็นคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตแล้วทำให้ทุกอย่างต่างออกไป และใช่ มันสับสนน่าหงุดหงิด แต่ผมชอบที่คุณเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ผมไม่เคยเจอ"
     
            เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าอ่านใจเลน่าไม่ออกเลยสักนิดขณะที่เธออ้าปากเรียก "มาร์ค--"
     
            "เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งพูดอะไร คุณจะต่อว่าผมยังไงก็ได้ ผมรู้ว่าผมผิดในหลายเรื่อง อาจจะทุกเรื่อง แต่หลังจากนี้เราจะไปดินเนอร์กันต่อได้รึเปล่า หรือไปดูหนัง ดื่มกาแฟ พูดคุยกัน หรือคุณอยากกลับนิวยอร์ก เราไปวิ่งกันที่เซ็นทรัลพาร์กก็ได้ ผม--"
     
            "มาร์ค" เลน่าเร่งเสียงเพื่อขัดเขาอีกครั้ง เธอยิ้ม
     
            แต่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง ไม่ใกล้เคียงกับความสุขหรือสัญญาณบ่งบอกว่าเธอจะตอบตกลงกับเขา
     
            "บอกผมทีว่าคุณจะตอบตกลง แต่คุณแค่แกล้งทำให้ผมตกใจ ผม--"
     
            "คุณไม่ได้อยู่ข้างฉันตอนที่ฉันต้องการคุณ"
     
            สิ่งที่อยากพูดก็หายวับไปเหมือนฟองสบู่ที่แตกออกกลางอากาศหลังเธอพูดประโยคสั้นๆแต่ชัดเจนนั้นจบ เขาตัวแข็งทื่อ
     
            "ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิด ฉันรู้ดีว่าคุณมีงานต้องทำ ฉันมีความสุขที่เห็นคุณประสบความสำเร็จ ได้เห็นคุณทำในสิ่งที่รัก หากคุณคิดว่าฉันจะแยกคุณออกจากสิ่งเหล่านั้น ฉันอยากให้คุณรู้ไว้ว่าฉันไม่เคยมีจุดประสงค์แบบนั้นเลย แต่ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา คุณตั้งใจหลีกเลี่ยงฉัน คุณดูไม่ต้องการพูดกับฉันเลยสักนิด"
     
            ไม่ - ไม่ใช่แบบนั้น เขาต้องการ เขาต้องการเจอหน้าเธอทุกวันด้วยซ้ำ  มาร์คคิดว่าตัวเองสามารถพูดมันออกไปได้ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ ปากไม่แม้แต่จะขยับ
     
            "การอยู่เคียงข้างกันตอนที่ใครสักคนต้องการคุณ คือสิ่งสำคัญที่สุดของความสัมพันธ์ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด" เธอถอนหายใจ มอบรอยยิ้มเล็กๆให้เขา ทว่ามันกำลังทำให้รู้สึกเหมือนถูกผลักลงหน้าผา "ยังไงก็ตาม ฉันเข้าใจว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องพวกนั้น และไม่เป็นไรค่ะ มันก็แค่นี้แหละ..."
     
            เขานิ่งเงียบ ยืนจ้องมองหน้าเธอ
     
            ความจริงที่เคยคิดว่าหูทนได้กับทุกสภาพเสียงดัง เพราะที่ผ่านมาเครื่องยนต์ไม่ได้ทำให้แสบแก้วหูเท่าไหร่นัก แต่ความเชื่อนั้นถูกทำลาย เพียงเพราะคำพูดเบาๆจากปากของเลน่า ไม่ใช่คำต่อว่า หรือแฝงความโกรธเกลียดชัง แต่มันกำลังทำให้เขาหูอื้อ
     
            เลน่าพูดบางอย่างที่เขาได้ยินไม่เป็นประโยค บางอย่างที่เกี่ยวกับการแสดงความยินดีสำหรับตำแหน่งแชมป์ คำขอบคุณมากมายที่เขา ทีม และครอบครัวปฏิบัติกับเธอมาตลอดหนึ่งปี ช่วงเวลาดีๆที่ทั้งคู่มีให้กัน
     
            แต่เขายังพูดไม่ออก
     
            เริ่มย้อนคิดถึงเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา  เขาไม่ได้อยู่ข้างเธอ ไม่ได้ตอบข้อความในตอนที่เธอเปิดใจบอกแม้กระทั่งเรื่องที่ว่าพ่อแม่ของเธอหย่า ไม่ได้อยู่ข้างเธอเพื่อรับฟังหรือพูดคุยใดๆ ไม่ได้คอยให้กำลังใจเธอเมื่อนอร่า เบ็นเน็ตประสบอุบัติเหตุและอยู่ในโรงพยาบาล
     
            เขาส่งแค่ดอกไม้โง่ๆไปให้เธอในวันเกิด ทั้งๆที่สามารถไปหาเธอได้ในบาร์เซโลน่า เวลานั้นเขานั่งรอไฟลท์อยู่ที่สนามบิน ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องด้วยซ้ำ แต่ความขี้ขลาดทำให้ไม่ไปหาเธอ กลับส่งโฆเซ่ มาร์ติเนสไปแทน
     
            "ขอบคุณค่ะ"
     
            คือประโยคสุดท้ายที่เธอพูดและเขากลับมาได้ยินชัดเจนอีกครั้ง เธอเดินจากไป ปิดประตูบัสลงเบาๆ
     
            ทว่ามันแรงเหมือนตบเข้าใส่หน้า เพราะทั้งหมดที่เธอพูดคือความจริง
     
     

     
       
    Layna
     
            การฉลองหลังสิ้นสุดการแข่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มและผู้คนที่ตะโกนหมายเลขห้าเป็นภาษาอังกฤษ Give me five คือสิ่งที่มาร์คและทีมงานใช้เรียกหลังเขาคว้าแชมป์โลกได้ห้าสมัย เราจบลงที่บาร์แห่งหนึ่งในบาร์เซโลน่า อากาศเย็นเรื่อยๆเมื่อฟ้ามืด
     
            แต่การดื่มไปแล้วไม่รู้กี่ช็อตทำให้ไม่รู้สึกหนาว ฉันเดินออกจากบาร์โดยไม่สวมเสื้อโค้ต มันเลอะเทอะไปด้วยเตกีล่าที่อเล็กซ์ทำหกเพราะพยายามจะปีนขึ้นไปบนโต๊ะบาร์ตะโกนคำว่า Give me five
     
            ฉันยังไม่เมา แต่มากพอจะรู้ว่าต้องกลับบ้าน อีกไม่นานฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้พูดทุกสิ่งในสมองออกมา ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่
     
            อีกเรื่องคือไม่ได้หวังให้มาร์คเดินออกจากบาร์ตั้งแต่สามทุ่ม เพราะตัวเด่นของเรื่องอย่างเขามีหลายเหตุผลให้อยู่ฉลองต่อ แต่ขณะที่เห็นมาร์คผลักประตูกระจกของร้านออก ฉันคิดว่าสภาพของเขาไม่ต่างจากคนเมาในเวลาเที่ยงคืนเท่าไหร่
     
            "เฮ้ เลน่า" ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ทั่วทั้งใบหน้าแดงก่ำ แต่เขายังไม่เดินเซ
     
            "คุณจะไปไหนคะ" ฉันเหลือบตามองในบาร์ ทีมงานกำลังเกาะกลุ่มคุยกัน ปล่อยเสียงหัวเราะสบายใจที่ไม่เคยได้ยินระหว่างอยู่ในฤดูกาลแข่งขัน
     
            "คุณนั่นแหละไปไหน" เขาย้อน
     
            "กลับบ้านค่ะ"
     
            "ทำไมถึงกลับเร็ว คุณไม่อยากเห็นหน้าผมใช่มั้ย"
     
            เขาคงไม่มีทางถามแบบนั้นถ้าสติยังอยู่ครบ "ไม่ใช่ค่ะ แต่อากาศหนาวมากแล้ว และฉันอยากกลับไปนอน"
     
            "ผมจะไปส่ง"
     
            "ไม่เป็นไรค่ะ"
     
            มาร์คส่ายศีรษะ "ไม่ปลอดภัย คุณต้องการกล้ามเนื้อของผมเพื่อคอยปกป้อง"
     
            ฉันมองมาร์คที่ค่อยๆรูดแขนเสื้อขึ้นแล้วยกแขนเพื่อเบ่งกล้าม ดูไม่สะเทือนกับความหนาวเย็นที่สัมผัสแขน "ใจเย็นๆค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเนื้อหนังให้ฉันเห็นก็ได้"
     
            "คุณชอบใช่มั้ยล่ะ" เขาเริ่มยกชายเสื้อขึ้นต่อ ฉันยอมรับว่าจ้องมองกล้ามหน้าท้องนั้นครู่หนึ่ง ซึ่งดีที่มันไม่กลายเป็นช่วงเวลาน่าอึดอัด เพราะอีกฝ่ายไม่มีสติพอจะสังเกตุเห็น "แล้วแบบนี้ล่ะ"
     
            "ฉันเห็นมาหมดแล้วค่ะ จำได้รึเปล่าว่าคุณเคยเดินออกจากห้องน้ำในโรงแรมฮิลตันแบบไม่มีเสื้อใส่"
     
            ฉันเริ่มก้าวเท้าออกเดิน ได้ยินเสียงคนตามมาจากข้างหลัง "ช่าย ผมเห็นคุณมอง และผมดีใจที่คุณชอบรูปร่างของผม"
     
            ฉันเกือบจะหัวเราะ "คุณเมามากเลยนะคะ"
     
            แท็กซี่ขับมาจอดริมทางเท้า ฉันปล่อยให้มาร์คเข้ามานั่งข้างในด้วย เรานั่งกันเงียบๆระหว่างทาง แปลกใจนิดหน่อยที่มาร์คไม่ปริปากพูดอีก เขาเหม่อมองนอกหน้าต่าง ดูกลมกลืนไปกับสภาพอากาศหม่นหมอง จนกระทั่งเราออกจากรถและอยู่หน้าบ้านของเขาในบาร์เซโลน่า ชำเลืองไปทางขวามองเห็นพ่อกำลังเก็บเตาปิ้งบาร์บิคิวเข้าบ้าน
     
            ฉันกดออดหน้าบ้านครอบครัวมาร์เกซ โรเซอร์เป็นคนเปิดประตูให้เรา
     
            "พาเขาไปบนห้องทีเลน่า ฉันจะทำเครื่องดื่มแก้เมาให้"
     
            ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยสักนิด
     
            นึกอยากจะย้อนเวลากลับไปที่หน้าบาร์ ไม่ได้ต้องการจะแก้ไขอะไร แต่ที่อยากย้อนกลับไป เพราะฉันจะได้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ปล่อยให้มาร์คเดินออกจากบาร์พร้อมเพื่อนของเขาสักคน เราจะได้ไม่ต้องพบกัน ฉันจะได้ไม่ต้องแบกร่างเขาเข้าห้องนอน
     
            "ผมรู้สึกอยากร้องเพลง เลน่า คุณชอบฟังเพลง ผมรู้ คุณคิดว่าอย่างผมร้องเพลงไหนแล้วจะเหมาะที่สุด"
     
            "ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันไม่เคยเห็นคุณร้องเพลงเลย"
     
            แล้วเขาก็เริ่มพึมพำทำนองเพลงของ Justin Bieber "What do you mean oh oh ohhh--"
     
            "คุณดื่มอะไรเข้าไปถึงได้เมาเร็วอย่างนี้คะ" ฉันหัวเราะ
     
            ตอนที่กำลังจะปล่อยตัวจากเขาเพื่อหมุนลูกบิดประตู มาร์คก็คว้ามือไว้ ฉันไม่รู้ว่าเราใกล้กันแค่ไหน แต่เมื่อเงยหน้าสบตาก็เริ่มชะงัก ดวงตาของเขาดูเข้มกว่าเก่าในความมืด
     
            "ผมไม่ได้เมาขนาดนั้น เลน่า" ประโยคนั้นเบาเกือบคล้ายเสียงกระซิบ
     
            เขากำลังจะจูบฉัน และตอนนี้ร่างแทบขยับไม่ได้ ความร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง คล้ายไฟถูกจุดขึ้นเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสเบาๆ ฉันได้ยินสมองกำลังตะโกนคัดค้านเพราะรีบเอนตัวหนีก่อนที่จูบจะยากเกินปฏิเสธ
     
            ปล่อยตามใจตัวเองไปมากกว่านี้มีแต่จะทำให้เราลำบาก
     
            เราสองคนไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อมาถึงในห้อง โรเซอร์เดินเข้ามาและมอบเครื่องดื่มบางอย่างให้มาร์ค ลูกชายของเธอเบ้หน้าบิดเบี้ยวเมื่อกระดกมันเข้าปาก ฉันยิ้มเมื่อเห็นเขาเริ่มกลิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังโรเซอร์ออกจากห้อง อากาศเริ่มหนาวจึงใช้ผ้าห่มคลุมร่างคนบนเตียงไว้
     
            "บางทีผมอาจคิดผิด" เขาว่า
     
            "เกี่ยวกับอะไรคะ"
     
            "เกี่ยวกับคุณ ที่ใช้ชีวิตจริงจังตลอดเวลา และคิดว่าคุณคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนอารมณ์ดีอย่างผม"
     
            "คุณคิดอย่างนั้นเหรอคะ" ฉันก้มลงยิ้มให้เขา
     
            มาร์คสบตา เขาเริ่มพูดช้าๆ "บางทีมันอาจเป็นผมต่างหาก ที่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ"
     
            ฉันเอื้อมปิดโคมไฟหัวเตียง เพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็นหน้า ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้าอย่างไร ทุกอย่างที่พอจะทำได้คือหัวเราะเบาๆแล้วพยายามพูดอย่างอารมณ์ดีที่สุด "รู้รึเปล่าคะว่าสัตว์จะต้องไปที่ไหนถ้าหางของพวกมันหายไป"
      
            คนบนเตียงนอนขมวดคิ้ว "ที่ไหน"
     
            "ที่ร้านขายปลีก (Retail store)" ฉันตอบเป็นภาษาอังกฤษ
     
            มาร์คเบ้หน้า "อะไรเนี่ย มุกคุณแย่สุดๆไปเลย"
      
            "สุดๆจนคุณตลกมากเลยใช่มั้ยล่ะ" ฉันเท้าคางข้างหนึ่งกับฟูกเตียงมองหน้าเขา ฉวยเอาเวลาสั้นๆที่พอจะมีไว้ให้นานที่สุด "แล้วรู้มั้ยคะว่านินจาใส่รองเท้าประเภทไหน"
     
            "เกรงว่าจะต้องขอเฉลย" เขาเลื่อนสายตามองเพดาน ดูหมดเรี่ยวแรง เสียงเริ่มแหบ
     
            "รองเท้าผ้าใบค่ะ (Sneakers)"
     
            คำตอบทำให้ริมฝีปากของมาร์คเม้มแน่น "นั่นไง!" ฉันยิ้ม ปรบมือแล้วใช้นิ้วชี้หน้าเขา "คุณอยากจะหัวเราะ ฉันมองออก"
     
            "ให้ตายเถอะ" มาร์คหัวเราะพลางใช้ฝ่ามือปิดดวงตาสองข้าง
     
            เราสองคนเงียบสนิทหลังเสียงหัวเราะเบาๆสิ้นสุดลง เมื่อเปลือกตามาร์คปิดสนิท ฉันจึงลุกจากพื้นข้างเตียง กระซิบคำว่า ฝันดี ก่อนเดินไปทางประตูห้อง รู้ว่าอาจไม่ได้กลับมาที่นี่อีก อาจไม่ได้เห็นหน้าคนบนเตียงอีกต่อไป แต่การเห็นรอยยิ้มของมาร์คเป็นครั้งสุดท้ายนั้นดีที่สุดแล้ว
     
            มันพอดีกับที่เสียงถอนหายใจในความมืดดังขึ้นเบาๆ "ผมขอโทษ เลน่า" เขาทิ้งท้ายก่อนฉันออกจากห้อง ปิดประตูกั้นชีวิตของเขาและฉัน ที่ไม่เคยเหมือนกัน
     
     
     

    LANY - 13
     
     
     
     
     
     
    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×