ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Opportunity | Marc Marquez FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #22 : CHAPTER 21

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 831
      23
      10 เม.ย. 65


     
     
    Marquez
     
             มันเป็นสุดสัปดาห์ที่น่าภูมิใจของมาร์คในสนามอารากอนที่สเปน บ้านเกิดของเขา ชายหนุ่มคว้าตำแหน่งที่หนึ่งมาอีกครั้ง คะแนนแชมป์โลกนำห่างอย่างน่าตกใจ หยุดพักหนึ่งอาทิตย์เต็มไปด้วยกิจกรรมและการออกงานต่างๆที่ต้องทำ มาร์คตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นในเซอร์เวร่า ตัดสินใจไม่วิ่งออกกำลังกายเพราะมีงานอีเวนท์ที่ต้องวิ่งรอบสนามในเย็นนี้
     
             Emilio Alzamora ผู้จัดการของมาร์คปรากฏตัวที่หน้าบ้านตรงตามเวลานัด เขาไม่แน่ใจว่าการก้าวขาเข้าไปในรถสีดำที่จอดรออยู่จะเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่หลายครั้งที่เอมิลิโอนัดเขาในวันหยุดพักผ่อน เพราะส่วนใหญ่การพูดคุยผ่านโทรศัพท์มักสะดวกกว่า
     
             "เป็นยังไงบ้าง" ชายวัยกลางคนถามเมื่อเข้ามาถึงในรถ
     
             ไม่มีเหตุผลที่มาร์คจะต้องโกหก เอมิลิโอรู้จักเขามาตั้งแต่อายุสิบสองปี ชายผู้นี้รู้ทุกอย่างที่อยู่ในความคิดของเขา มาร์คเคยโทษที่ตัวเองหัวเราะตลอดเวลาภายในสามนาที เพราะเมื่อเขาอารมณ์เสีย มันช่างจับผิดได้ง่ายจนเกินไป
     
             "ดีครับ" เขาปิดประตูรถพร้อมๆกับที่ผู้จัดการเริ่มจับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่ง
     
             "ฉันแค่อยากให้เราเตรียมพร้อมก่อนงานเริ่มเช้านี้ อเล็กซ์เป็นไงบ้าง" คนหลังพวงมาลัยถามอีกครั้ง
     
             รถขับออกสู่ถนนอีกแห่งในละแวกบ้านของมาร์ค เขาโบกมือให้หญิงชราที่พึ่งออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอเกือบทำถุงของสดตกเมื่อมองทะลุเข้ามาในรถและเห็นหน้าเขา
     
             เซอร์เวร่าเป็นเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น มันอาจเป็นที่รู้กันในเช้าวันต่อมา มาร์คยังคงสงสัยว่าผู้คนในเมืองนี้ขุดคุ้ยเรื่องของเขากับเลน่าจากที่ไหน เพราะเธอไม่เคยมาถึงบ้านในเซอร์เวร่า แต่การพูดคุยปากต่อปากอาจมีพลังเหลือล้น
     
             "นายกำลังคิดเรื่องเธอ" ผู้จัดการของเขาทำลายความเงียบ "อีกครั้ง"
     
             มาร์คละสายตาจากวิว ไม่ได้สนใจเพลงยุคสองพันที่กำลังดังอยู่ "หมายถึงอะไรครับ"
     
             "ผู้หญิงคนนั้น เธอชื่ออะไร เบ็นเน็ต?" เอมิลิโอขมวดคิ้ว เขาไม่ได้หยุดเพื่อรอให้มาร์คแก้ประโยค "ทุกๆคนดูประทับใจเธอ แม้แต่แม่ของนาย"
     
             ชายหนุ่มเริ่มขยับที่นั่งบนเบาะรถอย่างอึดอัด อากาศในฤดูใบไม้ผลิเริ่มหนาวเย็น เขาไม่รู้จุดประสงค์ของการเปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ตอนนี้ รวมถึงการที่ผู้จัดการของเขากำลังพูดถึงเลน่าครั้งแรกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
     
             มาร์คไม่ต้องการให้เอมิลิโอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขา ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆที่พอจะมีเก็บไว้บ้าง แต่เขาอาจไม่ใช่คนที่เก็บความลับเก่งนัก เขาไม่ต้องการให้เอมิลิโอรู้เรื่องนี้ เดาได้ว่าผู้จัดการส่วนตัวจะมีความเห็นอย่างไร
     
             "ก็ไม่ใช่ทุกคน" เขาผ่อนลมหายใจระหว่างตอบ
     
             "แต่ดูเหมือนนายจะเป็นหนึ่งในนั้น" คนข้างเขาเริ่มหัวเราะเบาๆ "ฉันจะไม่โทษนาย แค่จำไว้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของงานเท่านั้น ไม่งั้นนายอาจจบเหมือนทิน่า"
     
             มาร์คเม้มริมฝีปาก "ผมไม่เคยไม่เป็นมืออาชีพ แต่ทิน่าไม่ได้จริงจังกับอาชีพแข่งรถตั้งแต่แรก เธอถึงตกหลุมรักช่างภาพและเลือกที่จะเลิกแข่งรถมากกว่าจะยอมบอกเลิกผู้ชายเพราะถูกออกคำสั่ง - คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก"
     
             "ก็ดีสำหรับเธอ" เอมิลิโอยักไหล่ "แต่นายฝึกฝนหนัก ทุ่มเทกับอาชีพนี้ ฉันไม่ได้หวังให้นายโยนมันทิ้งไปเสียเปล่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีปากกากับเครื่องอัดเสียงเตรียมพร้อมจะแฉเรื่องของเรา"
      
             มันไม่มีทางเป็นแบบนั้น - มาร์คอยากตะโกนเถียงแต่กลั้นใจเม้มริมฝีปากอีกครั้ง เขาเท้าแขนกับประตูรถใกล้ตัว กล่อมให้หูฟังแต่เพลงเก่ายอดฮิตของวงกรีนเดย์
     
             "อย่าทำเป็นเงียบทั้งๆที่นายก็รู้ว่าฉันพูดความจริง"
     
             "ใช่ ผมฝึกหนัก เพราะผมชอบแข่งรถ นั่นคือความจริง" แต่ส่วนอื่นไม่ใช่ความจริง
     
             "ฟังนะ ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรักของนาย แต่ถ้านายอยากเป็นมืออาชีพและไม่เสียสมาธิ นายต้องยอมทิ้งบางอย่างไปบ้าง นายยังมีครอบครัว ทีม เพื่อนๆ เราพยายามกันมามากกว่าสิบปีเพราะสิ่งนี้ อีกไม่นานโมโตจีพีจะเป็นยุคของนาย ถ้านายล้มเหลว ฉันก็ล้มเหลว และเราจะไม่ล้มเหลว"
     
             มาร์คไม่ยอมตอบกลับผู้จัดการของเขา ปล่อยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจนถึงที่หมาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเอมิลิโอเต็มใจให้เป็นแบบนั้น
     
             ภาพหลอนกับความเป็นจริง ระยะห่างจากบาร์เซโลน่าและเซอร์เวร่าไม่ได้น้อยนิด เขาคิดสิ่งนี้เพราะไม่อยากยกเรื่องความห่างไกลระหว่างสเปนกับอเมริกาขึ้นมา มันห่างกันเกินไป และไกลจนน่าใจหาย  เขาไม่รู้ว่าอาการหงุดหงิดขี้รำคาญที่ทำใส่เลน่าบ่อยๆจะกลายเป็นอะไรที่มากกว่านั้น
     
            ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง? หากเลน่าจบจากการทำงานนี้ไป ทั้งคู่อาจลงเอยกันได้ แต่มาร์ครักการแข่งรถและโมโตจีพี คิดว่าจะแข่งรถต่อไปเท่าที่ร่างกายพอจะรับไหว มันอาจก่อให้เกิดภาพหลอนและความคิดผิดๆว่าเขาสมควรจะอยู่คนเดียว และการอยู่ใกล้นักข่าวเป็นความคิดที่โง่ รวมถึงคบกับคนที่อยู่อีกฟากของโลกในนิวยอร์ก
     
            แต่มันเป็นแค่ความคิดผิดๆใช่รึเปล่า? จริงๆแล้วการมีความสัมพันธ์กับใครสักคนไม่ได้ทำให้ความสามารถในการแข่งรถหรือสมาธิน้อยลง นักแข่งมากมายมีคู่ครองและให้กำเนิดลูกตัวน้อย แต่พวกเขายังสามารถทำคะแนนดีได้ในสนาม
     
            แล้วทำไมไม่สารภาพกับเธอไปตรงๆ? ทำไมต้องมานั่งคิดถึงความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ทำไมต้องเถียงกับความคิดสองแง่ที่ผุดขึ้นในสมอง แทนที่จะตัดสินใจพูดกับเธอไปว่าเขารู้สึกดีกับเธออย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่น
     
            ทว่าเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อปี 2011 เข้ามาตอกย้ำ ระหว่างการฝึกซ้อมในรุ่นโมโต2ที่ออสเตรเลีย การล้มศีรษะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ประสาทตาเสียหาย จำความรู้สึกหดหู่เศร้าหมองได้ว่าตนอาจไม่สามารถกลับมาหายดีได้อีก จำได้ว่าช่วงตาล่างมองไม่เห็น ทำได้เพียงมองขึ้นด้านบนเท่านั้น
     
            หลังรับการรักษา มาร์คสามารถมองเห็นได้แค่ตาข้างเดียว และเสียแชมป์ให้กับสเตฟาน โบลด์ แต่เพราะครอบครัวและคนรอบข้างมองโลกในแง่ดี สุดท้ายจึงผ่านมาได้ ไม่นานเขาจึงเข้ารับการผ่าตัด เปลี่ยนมุมมองของกล้ามเนื้อจนสุดท้ายกลับมามองเห็นได้เป็นปกติ
     
            มีบางวันที่เขาตื่นขึ้นมาและจำไม่ได้แม้กระทั่งประเทศที่กำลังเหยียบอยู่ เพราะทุกๆอย่างดูเบลอ สมองถูกสั่งการให้คิดถึงเรื่องแย่ๆและสื่อรอบโลกที่เขียนถึงเขา เขาเกือบสูญเสียความเป็นตัวเอง
     
            บางครั้ง บางช่วงเวลาในอดีตเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำ แต่มาร์คจำได้ดีว่าคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัวเป็นห่วงแค่ไหน ยังจำน้ำตาของแม่กับใบหน้าเป็นกังวลของพ่อและน้องชาย เลน่าไม่สมควรได้รับผลกระทบเลวร้ายใดๆเพราะเขา
     
            แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกๆนาทีหรือวินาทีข้างหน้า เขาไม่สามารถบังคับสิ่งเหล่านั้นได้ เมื่อรู้สึกใจเสียจึงพยายามเมินไปคิดเรื่องอื่นแทน เปลี่ยนความคิดตัวเองเสียใหม่
     
            ต่อจากนี้ต้องทำในเรื่องที่สมควรจะทำแล้ว ไม่ใช่เพราะอยากทำ หรือการเอาแต่ใจของตัวเอง
     
     

     
    Layna
     
              หลังการแข่งขันพอมีเวลาให้พักผ่อน งานครึ่งหนึ่งเขียนเสร็จเรียบร้อย อีกไม่นานการตีพิมพ์จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ฉันไม่ได้คิดเรื่องต่อจากนั้น รู้แค่ว่าต้องการอยู่ในส่วนของโมโตจีพีให้นานที่สุด โดยหวังว่าการใช้เวลากับปัจจุบันและไม่คิดถึงอนาคตจะทำให้ทุกอย่างเรียบง่าย
     
              ตั้งแต่คืนสุดท้ายในอิตาลีเราวุ่นวายกับงานและข้อมูลที่ได้ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ วันนี้เป็นวันรวมตัวครั้งแรกของเพื่อนร่วมงานหลังจากการแข่งขันที่สนามอารากอนจบลง เราพูดคุยและให้คำปรึกษาทุกเช้าวันอังคารหลังอาทิตย์การแข่ง แบ่งปันข้อมูลที่ได้และคุยกับบก.ผ่านวิดีโอคอล
      
              ในตอนที่เปิดประตูเข้าร้านเบเกอรี่เงียบสงบแห่งหนึ่งในบาร์เซโลน่า การครุ่นคิดทำให้ตระหนักได้ว่าเมสันเป็นคนเดียวที่เห็นว่าฉันเต้นกับมาร์คในมิซาโน ค่อนข้างแน่ใจว่าเจนหรือเพื่อนคนอื่นๆไม่ได้สนใจมองเพราะกำลังเถียงว่าใครสมควรได้โบนัสปลายปีนี้
     
              เมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์สั่งอาหารพร้อมกลิ่นขนมอบไปทางบริเวณกลุ่มโต๊ะยาวหลังร้าน ยังไม่มีเพื่อนนักข่าวมาถึงครบ แต่พบว่าเจนกับเนลสันกำลังเชิดคางเต้นหมุนวนเหมือนฉากซินเดอเรร่าพบเจ้าชาย เพลง About time theme ดังคลอมาจากลำโพงขนาดเล็กของเพื่อนร่วมงานอีกคนที่กำลังส่งยิ้มมา
     
              ฉันหยุดเดินทันที วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ว่างแล้วใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอว "Really. really?"
     
              "ชู่ววว" เจนหันมามอง ปล่อยศีรษะซบกับไหล่ของเนลสัน ไม่ได้สังเกตุว่าอีกฝ่ายเผลอสะดุ้งเล็กน้อย "เรากำลังมีโมเมนต์"
     
              ชายหนุ่มผมสีดำสะบัดผมยุ่งๆ ใบหน้าประหลาดใจหายวับไป คล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้น ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน "โมเมนต์ดีๆที่น่าจดจำ"
     
              ฉันกลอกตา เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางกระเป๋าไว้ เพลง About time theme เล่นวนซ้ำอีกครั้ง "ตลกมากๆ ให้ฉันเดา เมสันคงเล่าทุกรายละเอียดให้พวกเธอฟัง"
     
              "โอ้ไม่ เมสันสุดหล่อไม่ได้เล่า" เจนปฏิเสธ เธอเดินไปหรี่เสียงเพลงลงจนสุดท้ายเปลี่ยนไปเป็นเพลงแร็พที่คนอเมริกันกำลังฮิต "เราอยู่ที่นั่นกันทั้งหมด"
     
              "ใช่ ลืมหมดแล้วรึไง" เนลสันเดินไปเปิดกล่องโดนัท เขาเสยเส้นผมหยิกยุ่งก่อนจะหยิบโดนัทขึ้นมา "และฉันก็ถามรายละเอียดอีกนิดๆหน่อยๆจากเมสันผ่านข้อความคืนนั้น"
     
              ฉันเกือบจะถามว่าข้อความที่คุยกันเกี่ยวกับอะไร แต่ยั้งใจไว้ ยิ่งพูดเรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันไม่ได้ชอบเก็บความลับกับเพื่อน แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะสารภาพทุกอย่างตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาว่านอนในห้องพักของมาร์ค หรือแม้แต่จูบในอพาร์ตเมนต์ที่นิวยอร์ก และเพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยคุยเรื่องอื่นนอกจากบทสัมภาษณ์ก็นั่งรวมอยู่ในตอนนี้เช่นกัน
     
              ซึ่งค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพื่อนทั้งสองไม่ได้ถามอะไรต่อ ไม่หรี่ตาจ้องมองอย่างที่ชอบทำ  เจนกลับไปเพ่งจอแล็ปท็อปบนโต๊ะอีกครั้ง และเนลสันยัดโดนัทชิ้นที่สามเข้าปากขณะที่นิ้วโป้งของมืออีกข้างกำลังใช้เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์
     
              "บก.อยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว" เจนละสายตาจากแล็ปท็อปมามองฉันอีกครั้ง เธอก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ "ภายใน--"
     
              แล้วโทรศัพท์บนตักก็เริ่มดังขัดจังหวะ ฉันเดินออกจากร้าน การหาความเป็นส่วนตัวยามหกโมงเช้าในบาร์เซโลน่ายังพอเก็บเกี่ยวได้หากเทียบกับนิวยอร์ก บก.ไม่ได้ใช้วิดีโอคอล แต่เป็นสายปกติ และบางอย่างทำให้รู้สึกว่าสิ่งต่อไปนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
     
              "เบ็นเน็ต" เสียงเข้มของหญิงวัยกลางคนดังปลายสายเมื่อกดรับ ฉันนึกภาพลิซ่านั่งหลังโต๊ะทำงาน หมุนเก้าอี้เบาะสีดำไปมาและหยุดเพื่อมองวิวผ่านกระจกใสบานใหญ่หลังโต๊ะ
     
              "ใช่ค่ะ ฉันเอง" ฉันฝืนลมหนาว กัดฟันแล้วเดินต้านลมไปข้างหน้าตามทางช้าๆ
     
              "ครั้งสุดท้ายที่ฉันถามเธอเรื่องโมโตจีพี เธอตัดสินใจยอมทำต่อในปีหน้า แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว"
     
              ครู่นั้นทำให้เผลอหยุดเดิน ฉันรีบบังคับให้สีหน้าเป็นปกติ แม้จะรู้ว่าบก.ไม่ได้อยู่เพื่อจ้องมองมัน "ทำไมคะ คุณบอกว่างานของฉันยอดเยี่ยม ฉันประสบความสำเร็จได้ดีพอๆกับข่าวบันเทิงและบทความท่องเที่ยว"
     
              "แน่นอนฉันพูดแบบนั้น แต่ฉันไม่คิดว่าตอนนี้เธอมีความสามารถในการตัดสินใจอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับมาร์ค มาร์เกซ"
     
              "ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร" 
      
              "เบ็นเน็ต เราทั้งคู่รู้ดีว่าสิ่งที่ฉันเคยเตือนเธอไปไม่เป็นผล เธอไม่ได้เชื่อฟังฉันเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมืออาชีพ ในอนาคตฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะเขียนบทความอย่างเป็นกลาง และถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันต้องส่งคนอื่นไปแทน สำนักข่าวเราจะได้รับความสนใจหลังจากตีพิมพ์ในต้นปีหน้า และฉันต้องการแน่ใจว่าจะไม่มีความผิดพลาด ฉันอยากให้เธอประสบความสำเร็จ ฉันมอบโอกาสให้เธอเพราะรู้ว่าเธอไม่ได้ไร้ความสามารถ แต่เธอต้องทำตามหน้าที่เป็นกลาง ทุกคนหวังความเป็นกลางจากนักข่าว ถ้าเธอทำไม่ได้ อาชีพนี้อาจไม่ใช่ทางของเธอ"
     
             บก.หยุดพูด ทว่าน้ำเสียงจริงจังเป็นทางการของเธอยังดังในหัว ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่คำขู่ แต่มันเป็นความจริง
     
             อาจใช่ที่ปีนี้บทความทั้งหมดที่เขียนไปน่าประทับใจในสายตาของลิซ่า เพราะครึ่งหนึ่งของปีฉันไม่ได้รู้สึกกับมาร์คอย่างที่กำลังรู้สึกในครึ่งปีหลัง แต่การยอมแพ้และไปจากมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
     
             ฉันทำสิ่งนี้ได้ สื่อสารกับทีมช่างได้ ใช้เวลาเกือบทั้งคืนไปกับการจดจำเรื่องเครื่องยนต์และวิธีการทำงานที่ไม่เคยรู้รายละเอียดลึกซึ้ง ฉันไม่ต้องการให้ทั้งหมดนั้นสูญเปล่า
     
             "ฉันเข้าใจค่ะ และต้องการโอกาสในเวลาที่เหลือของปี ฉันมั่นใจว่าบทความทั้งหมดจะเป็นกลางที่สุด"
     
             "หรือบางทีเธออาจไปอยู่ฝ่ายนิตยสาร เขียนบทความบันเทิงและการท่องเที่ยวอย่างที่เธอขอฉันมาตลอดสองปี" ลิซ่าตอบกลับ น้ำเสียงใจเย็นจนน่าขนลุก "มีงานในบทความท่องเที่ยวว่างอยู่ - ยังไงก็ตาม ฉันหวังว่าปลายปีนี้เธอจะทำอย่างที่บอกได้ แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องปีต่อไป"
     
             เธอวางสายไปโดยไม่รอให้ฉันพูดต่อ
     
             เย็นวันนั้นฉันค้นพบว่าเรื่องแย่ๆของวันยังไม่จบลง อาจเพราะรู้สึกดีมานานมากเกินไป เมื่อถึงจุดสูงสุดจึงต้องตกลงอีกครั้ง เพราะหลังเปิดประตูบ้าน พ่อและแม่นั่งรออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น จ้องมองมาทางฉัน
     
             "เราตัดสินใจจะหย่า"
     
             พ่อเป็นคนพูดคำนั้นหลังเกริ่นเรื่องเกือบหนึ่งนาทีเต็ม แม่เพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่ที่โซฟาอีกตัว มองดูปฏิกิริยาของฉัน ยอมรับว่าชั่วครู่หนึ่งโล่งอก พวกเขาไม่ได้ป่วย ไม่ได้กำลังจะตาย แต่ความโล่งอกหายไปเมื่อความเป็นจริงซึมเข้าในสมอง แม้มันจะเลวร้ายมากแค่ไหน แต่บางอย่างรู้ตัวว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้น
     
             ฉันไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ทั้งคู่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ แม่พูดเรื่องเซ็นใบหย่าตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา ประโยคหลังจากนั้นอื้ออึงคล้ายจ้องมองภาพเบลอ  ฉันแค่ต้องการเวลาส่วนตัวก่อนจะกลับเข้าสู่ความเป็นจริง ก่อนจะต้องยอมรับกับการตัดสินใจแบบผู้ใหญ่ที่ควรจะทำ
     
             ฉันออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่ได้ถอดเสื้อโค้ตออก พ่อและแม่ไม่ได้ปริปากห้ามระหว่างที่เดินออกมา สุดท้ายตัดสินใจส่งข้อความหาเจน แปลกใจที่ยังไม่น้ำตาคลอจนภาพพร่ามัว  มาร์คไม่ได้ตอบข้อความกลับตั้งแต่เมื่อวานนี้ และฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ความคิดโง่ๆทำให้กดส่งข้อความเรื่องหย่าของพ่อกับแม่ไปหาเขา
     
             ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เหลือคอนซีลเลอร์ในกระเป๋าเครื่องสำอางค์ถูกกลบหนาๆบริเวณรอบดวงตา มาร์คยังคงไม่ติดต่อมา และเมื่อเราพบกัน เราไม่ได้พูดเรื่องอื่นนอกจากงาน เขาไม่ได้หยุดเพื่อคุยกับฉัน ซึ่งการรอเขากลายเป็นความหวังลมๆแล้งๆอีกครั้ง
     
             ในคืนต่อมาแม่เกิดอุบัติเหตุรถชน บาร์เซโลน่าที่เคยสว่างสดใสยามค่ำคืนกลายเป็นสิ่งตรงกันข้าม ฉันทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ในสนามบินหลังได้รับสายจากพ่อเมื่อสิบนาทีที่แล้ว
     
              สิบนาที - ช่างดูห่างไกลเป็นปีเมื่อตอนนี้วิ่งเข้ามาถึงโรงพยาบาล ฉันรู้ว่าตกเครื่อง ไฟลท์ไปญี่ปุ่นประกาศพอดีกับตอนที่วิ่งออกจากสนามบิน เจนตะโกนร้องเรียก เช่นเดียวกับนักแข่งและทีมงานแปลกหน้าจากโมโตจีพีที่ร่วมไปไฟลท์เดียวกันกำลังมองมา
     
              "เลน่าๆ เธอไม่เป็นไรแล้ว" พ่อลุกขึ้นจากที่นั่งเรียงแถวในโรงพยาบาล ท่าทางดูเหนื่อยล้า เสื้อเชิ้ตแขนสั้นเลอะเทอะ
     
              "เกิดอะไรขึ้น แม่อยู่ไหนคะ เธอเป็นอะไรมากมั้ย" ฉันถาม รีบร้อนจนพูดไม่ทันและหายใจไม่ออก
     
              "ไม่ แม่ของลูกไม่เป็นอะไร แต่แขนข้างซ้ายหักกับมีแผลตามลำตัว ไม่สาหัส เธอปลอดภัยดี" พ่อรีบประคองตัวฉันไว้ บังคับให้ฉันปล่อยลมหายใจเข้าออกช้าๆ พูดบางอย่างเพื่อทำให้ใจเย็นลง ซึ่งฉันไม่ได้ยินประโยคเหล่านั้น
     
              นอร่า เบ็นเน็ตไม่ตาย หญิงสาวที่เป็นแบบอย่างของความแข็งแกร่งให้ฉันมาตลอดหลายปีปลอดภัยดี พ่อกับแม่ยังไม่จากฉันไป ทั้งคู่แค่หย่ากัน และยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนย้ายออกจากบ้านที่อยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบแปดปี - ฉันหวังจะให้ความคิดเหล่านั้นปลอบใจ แต่ไม่ได้ผล
     
              ร่างกายเหนื่อยล้า รู้สึกสิ้นหวังมากพอจะเผลอถอนหายใจแรงแล้วเอนตัวซบอกพ่อ แม้ไม่ได้ทำแบบนี้ตั้งแต่อายุสิบสามปี แต่หน้าอกกว้างของพ่อยังต้อนรับเหมือนอดีต ฝ่ามือพ่อลูบศีรษะเบาๆ รอบดวงตาเริ่มแสบเพราะน้ำตา
     
              "เธอจะไม่เป็นไร เราจะไม่เป็นไร"
     
              มันกลายเป็นค่ำคืนที่ยาวนาน เพื่อนๆจากสำนักข่าวมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกันระหว่างที่ฉันกำลังเหม่อลอยคร่ำครวญถึงชีวิตที่เผชิญอยู่  เนลสันเงียบและแทบไม่ปริปาก เขาเป็นเช่นนี้เมื่อกังวลหรือเครียด ชายหนุ่มสูบบุหรี่จนเกือบหมดซอง โชคดีที่เจนห้ามไว้ทัน
     
              "ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าเธอไม่ไปด้วย" เจนจับมือแล้วบีบเบาๆ
     
              ตลอดเวลาสามชั่วโมงทั้งสองพยายามพูดบางอย่างที่ห่างไกลจากความเป็นจริง เล่าเรื่องอดีตกับการปลูกดอกไม้ในสวนหลังบ้าน ล่องเรือช่วงฤดูร้อน ปีนข้ามรั้วในสวนกราเมอร์ซี่ย์ที่นิวยอร์กช่วงฤดูหนาว
     
              ทั้งคู่พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องของมาร์ค เพราะเราทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาไม่ปรากฎตัวคืนนี้ แม้ซานติกับทีมคนอื่นๆจะติดต่อส่งข้อความมาให้กำลังใจ แต่ยังคงไร้วี่แววเขา  แน่นอนฉันไม่ได้หวังให้มาร์คมีเวลาว่างเพื่อปลอบใจกับชีวิตเหลวแหลกของฉัน แต่การเห็นทุกคนในทีมแม้แต่โรเซอร์ผู้เป็นแม่ของมาร์คมาที่นี่ การไม่รู้สึกผิดหวังนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้
     
              เพราะฉันต้องการเขา เพราะตอนนี้คำปลอบใจง่ายๆมีค่ากับคนที่กำลังสิ้นหวังอย่างฉัน และเพราะฉันคิดถึงเขา  หรือบางทีทุกอย่างที่ผ่านมามันอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับเราทั้งคู่ ฉันอาจเป็นฝ่ายเดียวที่รู้สึกมากเกินไป
     
     

     
    Marquez
      
              นี่อาจเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มาร์คลืมความเหนื่อยล้าของร่างกายที่ใช้แข่งขันมายี่สิบกว่ารอบในสนามโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น แม้จะไม่ได้คิดถึงเรื่องพระเจ้ากับศาสนาเท่าไหร่ เพราะมัวแต่บูชารถจักรยานยนต์ แต่คราวนี้มาร์คคิดว่าโชคอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง มันถึงทำให้สองนักแข่งจากทีมยามาฮ่าที่เป็นคู่ต่อสู้ในการคว้าแชมป์โลกล้มลงไปทั้งคู่
     
               การล้มลงในทางโค้งของสองนักแข่งฆอร์เก ลอเรนโซ่และวาเลนติโน่ รอสซี่ ทำให้ทั้งสองไม่มีคะแนนในสนามนี้ มาร์คจึงคว้าแชมป์ไปตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาลของปี 2016 เขาวิ่งกระโดดรอบลานกว้างข้างสนามใกล้จุดที่นั่งผู้ชม เสียงร้องดีใจของแฟนคลับชาวญี่ปุ่นเฮฮาดังลั่น แสงแฟลชจากกล้องสาดเข้าที่หน้า ถ่ายภาพเก็บทุกทวงท่าที่เขาทำ
     
              มาร์คได้แชมป์ในโมโตจีพีสามครั้งภายในสี่ปี บางคนอาจคิดว่าง่าย แต่มันไม่ใช่ความจริงและเขารู้ดีว่าแต่ละปีนั้นยากแค่ไหน มันไม่ใช่กีฬาที่ทุกอย่างลงตัว คาดเดาได้ และขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว มันเกิดจากรถจักรยานยนต์ ทีมโรงงานและทีมช่าง ทุกๆอย่างต้องครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ง่าย
     
              ขณะที่เขากำลังไตร่ตรองกับสิ่งเหล่านี้ ช่วงเวลาแห่งอ้อมกอดและน้ำตาเกิดขึ้นรอบตัวจากกลุ่มทีมงาน มาร์คได้บทเรียนมากมายจากปีที่แล้ว เขาเคยสร้างความผิดพลาดส่งผลต่อคะแนนสะสม และรู้ว่าปีหน้าจะแตกต่างจากปีนี้เช่นกัน
     
               แชมเปญสาดเข้าใส่เมื่อขึ้นรับรางวัลบนโพเดียม ชายหนุ่มรู้ว่าวันนี้จะยังไม่จบง่ายๆหลังคว้าแชมป์ เขาต้องหยุดถ่ายรูป เดินลงจากโพเดียม หยุดถ่ายรูปอีกครั้ง จากนั้นเริ่มให้สัมภาษณ์ที่กินเวลาจนถึงฟ้ามืด ใบหน้าชุ่มเหงื่อที่ใกล้แห้งและเหนียวนี้จะถูกถ่ายไปอีกหลายช็อต
     
               อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่เขาพบเลน่า เขาบอกตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง การไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าอยู่กับเขา คนที่ใช้ชีวิตในความเสี่ยงของการแข่งขันความเร็วตลอดเก้าเดือนภายในหนึ่งปี และคนอย่างเขาไม่เหมาะจะอยู่กับใครทั้งนั้น
     
               ทั้งคู่ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติดี เลน่าไม่ได้พูดเรื่องอุบัติเหตุของนอร่า เบ็นเน็ต ซึ่งถึงแม้มาร์คจะต้องการรู้รายละเอียดที่มากกว่าคำว่า 'เธอสบายดี' แต่เขาไม่ได้ออกปากถาม
     
               เช่นเดียวกับการที่เธอไม่ได้ถามเขาว่า ทำไมเขาถึงไม่รับโทรศัพท์หรือส่งข้อความตอบกลับเธออีก
     
               นายได้แชมป์แล้ว นี่คือทั้งหมดที่นายต้องการ - เขาสั่งให้ตัวเองคิดเมื่อเข้ามานั่งตรงข้ามเลน่าระหว่างสัมภาษณ์
     
               "ยินดีด้วยค่ะสำหรับความสำเร็จอีกปีหนึ่งของคุณ มาร์ค สนามที่โมเตกิคุณเคยได้แชมป์เมื่อ 2014 รวมถึงน้องชายของคุณก็เคยคว้าแชมป์ที่นี่เช่นกัน รู้สึกรึเปล่าคะว่าที่นี่พิเศษสำหรับคุณ" 
     
               ชายหนุ่มสูดหายใจ ขยับหมวกแก๊ปที่สวมบนศีรษะเพราะความร้อนก่อนจะเริ่มตอบ เธอดูเป็นปกติ - ใช่รึเปล่า? เขาคนเดียวใช่หรือไม่ที่ต้องเก็บความรู้สึกเพราะผู้จัดการที่อยู่ด้วยตั้งแต่อายุสิบสองบอกให้ทำ
     
               "พูดตามตรงนะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" เขาทำลายความคิดนั้นแล้วเริ่มตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มอย่างทุกครั้ง "อาจจะเพราะเรามีหมวกกันน็อคพิเศษที่เตรียมเอาไว้" เขาหัวเราะ "มันอาจนำโชคมาให้ผม เพราะมันไม่ใช่สนามที่ผมชอบมากที่สุด แต่ผมได้รับช่วงเวลาและประสบการณ์ที่น่าจดจำที่นี่ สนามโมเตกิไม่ใช่สนามที่ผมได้ชัยชนะหลายครั้ง หรือสนามที่ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนบ้านเกิด แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นสนามที่มอบความทรงจำที่ดีที่สุดในอาชีพ"
     
               "มีอะไรที่คุณอยากพัฒนาให้ดีขึ้นอีกรึเปล่าคะ" เธอถามต่อ จ้องมองดวงตาของเขาแต่ไม่ยิ้มกว้าง
     
               "ไม่มีมากครับในปีนี้" เขาตอบ "แต่ผมมีจุดอ่อนที่ต้องพัฒนาเช่นกัน ถ้าผมจะให้คะแนนตัวเอง ผมคงให้เก้าจุดห้าเต็มสิบ ครึ่งที่เหลืออาจเป็นเพราะสนามในเลอมองส์ ผมทำความผิดพลาดที่คิดว่าน่าจะหลีกเลี่ยงได้ อีกความผิดพลาดเป็นเพราะผมผลักดันตัวเองมากเกินไปอย่างที่ไม่ควรในสนามซิลเวอร์สโตน ถึงแม้ผมจะผ่านมันมาได้และแข่งขันจบในอันดับที่สี่ก็ตาม"
     
               "คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับชัยชนะทั้งๆที่ยังเหลืออีกสามสนาม รวมถึงความท้าทายตลอดซีซั่นนี้"
     
               "มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เพราะผมไม่ได้คาดหวังไว้เลย เราคิดว่าจะสามารถคว้าแชมป์ได้ที่บาเลนเซีย ถ้าคุณบอกใครสักคนที่ไม่ได้ติดตามโมโตจีพีในปีนี้ว่าพวกเราชนะก่อนสามสนามสุดท้าย พวกเขาคงคิดว่ามันเป็นชัยชนะที่แสนง่ายดาย แต่มันตรงกันข้าม ปีนี้ยากเย็นอยู่เหมือนกัน แต่เราพยายามเก็บคะแนนในทุกๆสนาม พยายามรักษาความคงที่ในขณะที่คู่ต่อสู้สร้างความผิดพลาด"
     
               "แล้วหลังจากความท้าทายในซีซั่นนี้ คุณเคยคิดรึเปล่าคะว่าการคว้าแชมป์จะเป็นไปได้หรือไม่"
     
               "สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความเชื่อมั่นและความมั่นใจ" มาร์ครีบพูด "ผมจำได้ว่าระหว่างการทดสอบช่วงฤดูหนาว หลายๆคนในทีมคิดว่าการเอาชนะในซีซั่นนี้เกือบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเราเผชิญปัญหาเยอะกว่าที่คาดไว้ ผมรู้สึกได้รับแรงผลักดัน เพราะผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และเราต้องพยายามฝึกฝน - เป็นความจริงที่เรามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่อย่างที่ผมเคยพูดไป ฮอนด้าก็ยังเป็นฮอนด้า ทีมโรงงานที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับทีมของผม ที่จะยังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมต่อไป"
     
               เลน่าพยักหน้ารับเมื่อมาร์คยิ้มและหัวเราะในประโยคสุดท้าย "อย่างที่เราทราบกัน คุณได้รับความกดดันและความคาดหวังจากผู้คน คุณมีแผนจัดการกับความคาดหวังที่เจออย่างไรคะ"
     
               "ผมไม่มีแผนครับ จริงอยู่ที่ความกดดันและความคาดหวังจะสูงขึ้นเรื่อยๆ และถ้าผมได้ในตำแหน่งที่สามหรือสี่ ผู้คนจะเริ่มประหลาดใจและวิภาควิจารณ์ แต่มันก็ยังเป็นตำแหน่งที่ดี"
     
               "สุดท้ายนี้ฉันขอแสดงความยินดีกับคุณและทีมที่ได้รับชัยชนะในซีซั่นนี้ ฉันเชื่อว่าแฟนคลับทั่วโลกคงดีใจเช่นกัน มีอะไรจะกล่าวกับพวกเขาบ้างมั้ยคะ"
     
               "ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้รับกำลังใจในเวลาที่ยากลำบากครับ" มาร์คว่า "ขอบคุณแฟนๆทุกคนที่เชื่อในตัวผมและให้กำลังใจมาตลอดการแข่งขัน รางวัลนี้ผมไม่ได้แค่มอบให้กับทีมและครอบครัวเท่านั้น แต่ให้แฟนคลับเช่นกัน"
     
               เมื่อกล้องถูกตัดไป ผู้คนเลิกให้ความสนใจทั้งคู่ในเวลาสั้นๆ มาร์คค้นพบว่าตังเองกำลังมองเลน่า อย่างที่เธอกำลังทำ - ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าแม้แต่เริ่มบทสนทนาเรียบง่าย ทั้งๆที่เคยทำอะไรมากมายมาด้วยกัน เวลาสองอาทิตย์เปลี่ยนแปลงทุกอย่างเร็วเกินไป
     
               สุดท้ายเลน่าเริ่มเม้มริมฝีปาก เธอตัดสินใจเป็นฝ่ายพูด "มาร์ค ฉันแค่สงสัยว่า--"
     
               "เราต้องไปสัมภาษณ์ต่อที่กลางแจ้ง แฟนๆรอพบคุณอยู่" ดีแลน หนึ่งในผู้สัมภาษณ์ของโมโตจีพีเดินเข้ามาแตะไหล่มาร์ค แน่นอนว่าสำเนียงอังกฤษและน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ของเขานั้น แฟนๆหลังจอทีวีคุ้นเคยดี
     
               มาร์ครีบลุกขึ้น คิดอยากหยุดเวลาสักนาทีเพื่อพักหายใจและชื่นชมกับชัยชนะที่พึ่งได้รับ เพราะเขายังคงรู้สึกว่ามันเป็นความฝัน พลังงานเพิ่มพูนหลังถือถ้วยรางวัลบนโพเดียม แต่การพบสื่อกลายเป็นอีกหนึ่งบทบาทของอาชีพ ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวตัวเล็กข้างๆ เห็นเธอกำลังยิ้มให้
     
               "คุณรีบไปเถอะค่ะ"
     
               "ผมจะ..." โทรหา - เขาอยากพูดแบบนั้น แต่ตระหนักได้ว่ามีคนในห้องมากเกินไป และเขาไม่สมควรทำแบบนั้น มันมีแต่จะทำให้ตัวเองตัดใจจากเธอยากขึ้นไปอีก
     
               ยังไม่ทันที่นักแข่งจะได้คิดคำต่อไปเพื่อต่อประโยคให้จบ ประตูห้องก็ถูกปิดใส่หน้า ร่างของเขาถูกดันให้เดินไปตามทางเหมือนเด็กที่ถูกลงโทษและต้องเดินไปห้องอาจารย์ใหญ่เพื่อตอบคำถามล้านอย่าง
     
               หากคุณเอารถจักรยานยนต์ของผมไป คุณได้พรากครึ่งชีวิตหนึ่งของผมไปด้วย - มาร์คเคยพูดแบบนั้น และยังคงคิดเช่นเดิม แต่ไม่มีใครบอกเขาว่าสื่อที่เพิ่มจำนวนมหาศาลในอาชีพที่กำลังทำนั้น จะทำให้รู้สึกเหมือนถูกพรากอีกครึ่งชีวิตไป ครึ่งชีวิตที่เขาไม่รู้ว่าตนมี
     
     
     

    Panama - Always
     
     
     
    Talk

    ฟิคเรื่องนี้ใกล้มาถึงตอนจบแล้วล่ะะ อีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ5555 ตอนนี้เราอยากให้เห็นทั้งด้านดีและไม่ดีของชื่อเสียง หลังจากมาร์คได้แชมป์ต้องรอบนโพเดียมถ่ายรูป ให้สัมภาษณ์ มีหน้าที่ต้องทำต่อเยอะมากๆ สื่อเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะกว่าสมัยก่อนหลายเท่าเลย ใครเคยดูสารคดีน่าจะรู้ว่านักแข่งบางคนก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายนี้เท่าไหร่นะ

    Some information came from : https://www.boxrepsol.com/en/motogp-en/interview-with-marc-marquez-i-learned-a-lot-from-last-year-to-manage-the-most-critical-situations/


    สำหรับคนที่อยากดูเบื้องหลังว่ามาร์คต้องทำอะไรต่อหลังคว้าแชมป์เมื่อปีที่แล้ว คลิกที่ตัวหนังสือด้านล่างเลยนะคะ
     Motegi 2016
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×