ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Opportunity | Marc Marquez FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 926
      25
      12 เม.ย. 65



     

    Marquez
      
               ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่สำหรับการแข่งในวันนี้ นักแข่งที่เดินลงจากบัสถอนหายใจยาว เสื้อยืดแขนสั้นมีปกกำลังทำให้เขาร้อนกว่าปกติ มันใช้เวลาเป็นชาติในการนั่งให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังการแข่งขันในอังกฤษ ทุกวันนี้มาร์คไม่ได้ใส่ใจกับการต่อว่าของกลุ่มแอนตี้แฟนคลับอีกต่อไปแล้ว ทว่าความเหนื่อยล้าบางครั้งก็นำพาให้เผลอสนใจสิ่งเหล่านั้น แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่มากพอจะสูบเอาพลังงานที่เหลือของเขาไปได้
     
              ที่ออสเตรียมาร์คไม่ได้ขึ้นโพเดียม รวมถึงวันฝึกซ้อมล้มลงไปในโค้งที่สอง ชายหนุ่มนั่งทรุดอยู่กับที่ จับไหล่ของตัวเองครู่หนึ่งก่อนที่จะสามารถลุกขึ้นได้ เขาถูกส่งตัวไปเช็คไหล่ข้างซ้ายที่ได้รับการกระทบกระเทือน โชคดีที่ทุกอย่างไม่สาหัส และยังสามารถแข่งในวันแข่งขันจริงได้
     
              อย่างไรก็ตาม มันเป็นการต่อสู้ที่หนักเอาการสำหรับทีมเรปโซลฮอนด้าในสนามเรดบูลริง สุดท้ายมาร์คได้ในตำแหน่งที่ห้า นักแข่งทั้งสองคนจากทีมดูคาติได้ตำแหน่งที่หนึ่งและสองตามคาด ดานี่ เปโดรซ่าเพื่อนร่วมทีมของมาร์คตามมาในอันดับที่เจ็ด
     
              เช่นเดียวกับครั้งนี้ในสนามซิลเวอร์สโตน สภาพอากาศไม่ดีเท่าที่ควร รอบแรกในการแข่งขัน ลอริส บาซ และ พอล เอสปากาโร่ล้มพร้อมกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทีมงานต้องโบกธงแดงเพื่อหยุดการแข่งชั่วขณะ มาร์คได้ต่อสู้กับคาล ครัชโลว์ นักแข่งชาวอังกฤษ แต่เขาต้องยอมแพ้ให้เจ้าถิ่นและจบลงในอันดับที่สี่
     
              ทุกคนยังสบายใจเพราะคะแนนสะสมแชมป์ของมาร์คยังนำห่างจากอันดับสองอย่างวาเลนติโน่ รอสซี่ห้าสิบคะแนน แต่นักแข่งที่มีเป้าหมายสูงสุดยังอารมณ์เสียนิดหน่อยกับการไม่ได้ขึ้นโพเดียมติดกันสองสนาม
     
              จริงอยู่ที่นักแข่งคนอื่นอาจไม่รู้สึกอะไร อาจดีใจด้วยซ้ำหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ไม่มีนักแข่งอายุน้อยมากนักที่ได้ขึ้นโพเดียมหลายครั้ง หรือมากพอจะเป็นคู่แข่งของวาเลนติโน่ รอสซี่ทั้งในและนอกสนาม แต่มาร์คไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาสนที่ความสามารถในการขับขี่ของตัวเองในแต่ละวัน
     
              หรือบางทีอาจเพราะสมาธิไม่ดีพอ เกือบครึ่งปีแล้วที่มาร์คบังคับศีรษะไม่ให้หันไปมองเลน่า เบ็นเน็ต จนกระทั่งมันกลายเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ การพูดคุยกับคนนอกวงการมอเตอร์สปอร์ตน่าสนใจขึ้นมาหลังจากการตามรังควานของเลน่า กลายเป็นความสุขเล็กๆที่พอจะหาได้ในวันตึงเครียด
     
              ครั้งแรกที่พบเธอเขาไม่ได้คิดว่าต้นเดือนกันยายนของปีเดียวกันจะเปลี่ยนไปแบบที่เป็นอยู่ ไม่เคยมีนักข่าวคนไหนอดทนวิ่งตามไปได้ทุกที่เท่าเธอ มาร์คยอมรับว่าครั้งแรกรู้สึกรำคาญ ทว่าในตอนที่เธอไม่วิ่งตามมา เขาตระหนักได้ว่าทุกอย่างดูไม่เป็นปกติอย่างที่อยากให้เป็น
     
             แน่นอนว่าเขารู้ เลน่าประทับใจเขา แต่ไม่ใช่ในแบบที่เขาเคยเห็นจากคนอื่นๆ บางอย่างในการกระทำของเธอไม่เหมือนเหล่าหญิงสาวที่พบในอิบีซ่าช่วงพักร้อน มาร์คไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของตัวเองจะถูกต้อง เขาไม่อยากให้ความคิดเรื่องไหนมากลบสมาธิในการแข่งขันและรถมอเตอร์ไซค์สุดรัก
     
             'ผมรักมอเตอร์ไซค์ เพราะมันไม่อะไรมาก' - เขาจำได้ว่าเคยพูดทำนองนั้นในการให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่ง และดูเหมือนมันจะโด่งดังพอตัว โชคร้ายที่ตอนนี้สมองอีกส่วนกำลังเถียงว่าการฟังเลน่าบ่นและเถียงกลับมาเป็นอะไรที่อยากจะฟัง
     
             เขาคิดว่าน่าจะปิดปากให้สนิท กัดริมฝีปากปล่อยให้มันผ่านไป เคยผ่านช่วงเวลาเลวร้ายกว่านี้มาเยอะแล้วแม้จำไม่ได้ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ แต่ก็เผลอพูดเพราะไม่ต้องการให้เธอไป เผลอสารภาพตามตรงด้วยความวุ่นวายใจ
     
             เลน่าชอบเขา แต่เธอไม่ต้องการอะไรที่มากกว่านั้น มาร์คเข้าใจเพราะอยู่ในจุดที่คล้ายกัน หากปล่อยให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทั้งเขาและเธออาจจบไม่สวย สื่อมากมายคอยจ้องจับผิด หากพวกเขารู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ข่าวลือทางลบที่สื่อสร้างขึ้นอาจส่งผลต่ออาชีพ
     
             แย่หน่อยที่สปอนเซอร์เข้าข้างสื่อและแกล้งหลับหูหลับตา หากเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น สัญลักษณ์จากแบรนด์ดังที่เป็นสปอนเซอร์บนชุดแข่งอาจไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่สัญลักษณ์เดียว หรือบางทีอาจเพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย ไม่มีใครรู้แน่ชัด และเสี่ยงเกินไปที่จะลอง
     
             ดีแล้ว ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้
     
             เสียงหนึ่งตะโกนบอกในใจ มาร์คมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ เพื่อนและทีมช่าง รวมถึงการแข่งขันโมโตจีพี
     
             แต่ในขณะเดียวกันกลับนึกเกลียดทฤษฎีที่ความสัมพันธ์ของอาชีพนักแข่งรถและนักข่าวที่เข้ากันไม่ได้เพราะไม่สมควร เขาชอบที่จะเสี่ยง ทำลายทุกกำแพงที่กั้นไว้ ซึ่งตอนนี้มันทำให้เขาอยากขีดฆ่าคำว่าสมควรออกจากพจนานุกรม
     
             คืนนั้นในอังกฤษมาร์คไม่ได้หลับเพราะคิดทบทวนถึงความผิดพลาดในสนามแข่ง เขารู้ว่าหมกมุ่น นึกถึงเหตุผลที่ไม่ได้ขึ้นโพเดียม หรือการตัดสินใจเลือกใช้ยางทั้งหน้าและหลัง ทบทวนถึงเวลาที่เขาทำได้ในแต่ละรอบ เกือบจะโทรหาทีมงานที่อยู่ห้องถัดไป แต่เมื่อเหลียวมองนาฬิกาจึงเริ่มลังเล
     
             เดี๋ยวก่อน เขาบอกเลน่าด้วยใช่มั้ยว่าจะรอเธอ? สมองของเขากำลังเพี้ยน เขาจะรอเธอจริงๆรึเปล่า?
     
             แน่นอนอยู่แล้วเจ้างั่ง!
     
             "ได้โปรด พี่ดิ้นไปมามากกว่าสองชั่วโมงแล้ว" อเล็กซ์ส่งเสียงโอดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงข้างๆ น้องชายของเขาโผล่หัวขึ้นมา ปัดกลุ่มควันความคิดในหัวกระจายหายไป มาร์คมองเห็นทะลุความมืดในห้องว่าอเล็กซ์กำลังพยายามลืมตา "นี่มันตีสาม และพี่กำลังรบกวนการนอนของผม"
     
             "ขอโทษที" มาร์คลุกขึ้นนั่ง เปิดผ้าห่มที่คลุมตัวออกไปแล้วรับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
     
             อีกสองชั่วโมงเขาต้องไปนิวยอร์กเพื่อกลับไปดูงานที่เคยให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์ จากนั้นถ่ายทำวิดีโอเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ พักที่นั่นคืนหนึ่ง ก่อนเดินทางไปอิตาลีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป
     
             "พูดมา" มาร์ครู้สึกว่าคิ้วของตัวเองขมวดเข้าหากัน อเล็กซ์งัวเงียดันตัวเองขึ้นแล้วพิงหลังกับหัวเตียงนุ่มๆ ทั้งคู่ไม่ได้เปิดไฟ และเลือกที่จะปล่อยให้ทั้งห้องมืดต่อไป
     
             เขาหันไปมองน้องชาย เผลอปล่อยเสียงเหมือนคนไม่มีสมอง "อะไร"
     
             "เกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่กับเลน่า"
     
             เกิดอะไรขึ้น
     
            เป็นคำถามที่ไม่อยากคิด เพราะคำถามนั้นทำให้เขาตัดสินใจใช้ช่วงเวลาพักผ่อนไปกับการซ่อมเครื่องยนต์ที่ไม่จำเป็นต้องซ่อมตลอดทั้งอาทิตย์ ทั้งๆที่ควรจะขับ dirt bike อยู่ที่ไหนสักแห่งในเซอร์เวร่าช่วงอาทิตย์หลังการแข่งขัน
     
             "ไม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
     
             อเล็กซ์มองทะลุมาในความมืด ดวงตาสองข้างจ้องเหมือนนกฮูกที่มองเห็นชัดตอนกลางคืน "จะเริ่มเดทกันรึยัง"
     
             "อเล็กซ์"
     
             "ว่าไง มาร์ค มาร์เกซ"
     
             "ฉันไม่อยากพูดถึงมัน"
     
             "งั้นผมขอเธอออกเดทได้มั้ย"
     
             มาร์คส่งหางตาไปทางน้องชาย ซึ่งอาจเป็นบางอย่างที่สามารถใช้แทนคำตอบ เพราะคนอายุน้อยกว่ารีบยกมือทั้งสองขึ้นมาเป็นเชิงยอมแพ้
     
             "เก็บกรงเล็บนั่นไว้พ่อวูลฟ์เวอร์รีน ผมไม่ได้คิดจะขอเธอออกเดทจริงๆ แค่สร้างความมั่นใจเท่านั้น และตอนนี้มั่นใจแล้วว่าในที่สุดพี่ก็ชอบอะไรที่มากกว่ารถ"
     
             "มันจะไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ทั้งนั้น"
     
             "พี่ได้บอกเธอรึยัง"
     
             มาร์คยักไหล่ ไม่กล้าส่งเสียงยอมรับ เพราะในคืนนั้นคงไม่ได้เรียกว่าสารภาพ  มาถึงตอนนี้เขาได้ยินเสียงสูดหายใจอย่างคาดไม่ถึงจากอเล็กซ์ แน่นอนว่าอเล็กซ์ไม่อยากจะเชื่อ ที่ผ่านมาพี่ชายของเขามีประสบการณ์แทบจะทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องผู้หญิง
     
             "แล้วยังไงต่อ ตกลงจะเดทมั้ย"
     
             "ฉันคิดว่าไม่"
     
             "ทำไมล่ะ"
     
             "ให้ตายสิ นายปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้เลยใช่มั้ย"
     
             "ไม่ครับผม ผมปล่อยไปไม่ได้เลย" คนพิงหัวเตียงยืดอก "ผมชอบให้ทุกๆอย่างได้รับการแก้ไข ให้มันอยู่ในที่ที่คู่ควร และตอนนี้พี่กับเลน่าไม่ได้อยู่ในที่ที่คู่ควร ดังนั้นมันทำให้ผมอยากแก้ไขสถานการณ์"
     
             มาร์คลูบเส้นผมแรงๆ คิดว่าอยากหาเครื่องดื่มที่ทำให้สมองโล่ง "ก็ได้ อยากรู้ใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น - เธอบอกฉันว่าเธอจะออกจากงาน เพราะเธอคิดว่าความรู้สึกที่ไม่เป็นมืออาชีพจะทำให้ทุกอย่างไม่ลงตัว  ซึ่งก็ถูก และเธอมีอดีตกับผู้ชายห่วยๆ ซึ่งมันทำให้เธอไม่ต้องการผูกมัดกับใคร ดังนั้นเราจะไม่ออกเดทกัน เราตกลงกันแล้ว เธอขอบคุณและดีใจที่ฉันรู้สึกอย่างเดียวกัน แต่มันจะไม่มีอะไรคืบหน้าต่อ"
     
            "แล้วเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นเหรอ"
     
            "ใช่...ไม่" เขารีบเปลี่ยนคำพูด ไม่ใช่เพราะความหลงตัวเองกำลังครอบงำ ถึงในกรณีนี้จะหวังให้มันเป็นแบบนั้น "ไม่ - ฉันไม่คิดว่าเธออยากให้เป็นแบบนี้ แต่ฉันคิดว่ามันดีแล้ว"
     
            อเล็กซ์ยังจ้องมองมา ทำเหมือนบางอย่างบนใบหน้าของมาร์คขาดหายไป "ทำไมล่ะ" เขาถามกลับ "พี่บอกเองว่าเธอไม่ได้ต้องการเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน พี่ชอบเธอ แล้วมันมีปัญหาตรงไหน เธออาจมีอดีตกับผู้ชายที่ไม่ดี แต่คนพวกนั้นไม่ใช่พี่"
     
            "เพราะฉันชอบที่มันเป็นแบบนี้" เขากางแขนสองข้างออก "จริงอยู่ที่ฉัน...ชอบเลน่า" ชายหนุ่มเบ้หน้าพร้อมยักไหล่ ยังรู้สึกแปลกเมื่อพูดประโยคนั้น "แต่ฉันไม่ต้องการให้ความรักวุ่นวายมาทำลายสมาธิ เป็นความจริงที่เลน่าเป็นคนดี เธอไม่ได้พยายามสร้างกระแสด้วยการใช้รูปถ่ายคู่กับฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่นายรู้ ตอนนี้ฉันมีทุกอย่างที่คิดว่าต้องการแล้ว"
     
            ชายหนุ่มบนเตียงข้างๆขยับตัว แสงจากจอมือถือสว่างขึ้น อเล็กซ์หรี่ตาลงยามจ้องมองจอมือถือตรงหน้า "I go in the sea as little as I can. If there's a girl and I have to accompany her, then obviously I go - นั่นใช่ที่พี่เคยพูดไว้รึเปล่า"
     
            "เปิดกูเกิ้ลหา Quote งี่เง่านั่นอยู่ใช่มั้ย" มาร์คโยนหมอนใบใหญ่ไปทางเตียงน้องชาย "ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยพูดไว้"
     
            "ดูเหมือนตอนนี้พี่จะต้องกลับมาใช้มันใหม่ พี่ใช่คนเดียวกับคนที่ชอบลองเสี่ยงอะไรแปลกๆรึเปล่า ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้พี่ชายที่ผมรู้จักกำลังอยู่ในห้องเดียวกัน"
     
            "ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น" มาร์คปิดเปลือกตาลง นอนหงายบนเตียง ผ้าปูเตียงเย็นเฉียบสัมผัสผิวหนัง
     
            เครื่องปรับอากาศค่อยๆอุ่นขึ้น เขาจึงรู้ว่าอเล็กซ์เดินไปปรับมันที่ปลายเตียง "ทุกๆอย่างไม่ถาวร อาชีพของเรา ร่างกายของเรา หรือแม้แต่สถิติที่เราทำได้ในแต่ละสนาม" อเล็กซ์ว่า "พ่อเราเคยพูดประโยคนี้ จำได้รึเปล่า"
     
            มาร์คส่งเสียงตอบรับเงียบๆ ตายังปิดเพราะไม่อยากสู้แสงจากโคมไฟหัวเตียงที่อเล็กซ์เปิด เขาปลุกน้องชายอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และตอนนี้เริ่มจะรู้สึกผิดนิดหน่อย
     
            "ไม่มีอะไรอยู่ได้ตลอดไป ถ้าพี่มีโอกาสได้มีความสุข ถึงจะแค่อาทิตย์เดียว หรือวันเดียว หรือแค่ชั่วโมงเดียว ก็ควรจะคว้ามันไว้ ใช้เวลากับมันให้นานที่สุด"
     
            เสียงอเล็กซ์ถอนหายใจ เขากลับไปนั่งที่ปลายเตียงเพื่อใช้ผ้าห่มคลุมตัว - ที่มาร์คเห็นเพราะกำลังแอบหรี่ตามอง
     
            "จริงอยู่ที่ตอนนี้เราเชื่อใจใครแทบไม่ได้ เราไม่ได้อยู่ในจุดที่คนในเซอร์เวร่าไม่จำเป็นต้องถามชื่อเราอีกต่อไปแล้ว" อเล็กซ์ดูขัดใจกับประโยคสุดท้ายนิดหน่อย "แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไว้ใจใครไม่ได้อีก ไม่งั้นเราคงจบชีวิตด้วยการอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่สักแห่งหนึ่ง นั่งเสียใจในวินาทีสุดท้ายว่าทำไมถึงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามา"
     
            ครั้งแรก - หรือครั้งที่สาม หรืออาจนับไม่ถ้วนที่มาร์คเถียงน้องชายอายุน้อยกว่าสามปีไม่ได้ ตลกสิ้นดีที่ตอนนี้คิดลังเล ซึ่งมันน่าหงุดหงิด แม้พยายามคิดเรียบง่ายว่าเลน่าก็แค่ผู้หญิงอีกคนในโลก แน่นอนว่าอาชีพกับเพื่อนๆสำคัญกว่า อันที่จริงเขาอาจเชื่อใจเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
     
            แต่เธอไม่ได้ลงข่าวหรือความลับใดๆทั้งสิ้นจากตัวเขาและทีมตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา
     
            เสียงในหัวตะโกนค้านอีกรอบ
     
            เขาอยากจะหัวเราะ ตลกสิ้นดีกับการนั่งคุยเรื่องนี้พร้อมอเล็กซ์ ที่ผ่านมาเป็นเพียงคนคอยรับฟังเท่านั้น และตลอดเวลามาร์คปฏิเสธมัน ปฏิเสธโอกาสที่จะนำพาไปสู่ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง คิดเสมอว่า 'ไม่ล่ะ ไม่ดีกว่า' ถึงจะได้สนุกกับอะไรที่มากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ แต่มันคงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดหากต้องคอยรับฟังเรื่องผู้หญิง หรือแม้แต่ชมสียาทาเล็บของเธอ
     
            มาร์คจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดที่เอ่ยถึงผู้หญิงสักคนหนึ่งมันเมื่อกี่ปีแล้ว เพราะทั้งหมดที่จำได้คือในวันวาเลนไทน์เขามอบดอกกุหลาบให้รถแข่งตัวเองเท่านั้น
      
      

     
     
    Layna
     
             บันไดสีเขียวเข้มลอกๆในซับเวย์ไม่เอื้ออำนวยกับส้นสูงที่สวม  'การไปตึกนิวยอร์กไทมส์ฐานะนักข่าวคงไม่ใช่เรื่องที่ดี หากปรากฏตัวด้วยรองเท้าผ้าใบเก่าๆ'  ทั้งเจนและเนลสันคิดเห็นเหมือนกัน ส่วนวิดีโอคอลกับพ่อเมื่อเช้านี้ไม่ดีนัก ค่อนข้างเป็นเช้าไม่สดชื่น แต่จิบมิโมซ่าที่เหลือในตู้เย็นเพื่อเพิ่มความกล้าสำหรับงานในวันนี้เรียบร้อยแล้ว
      
             น้ำเสียงของพ่อปกปิดบางอย่างเมื่อถามถึงความเป็นไประหว่างชีวิตรัก หรืออาจคิดไปเองเพราะเสียงรถไฟกับกลิ่นเหม็นเน่าภายในซับเวย์รุนแรงเกินไป  พ่อเป็นชายที่มั่นใจเสมอ ไม่สนแม้กระทั่งคำวิจารณ์จากลูกน้องหรือหัวหน้าในบริษัทสิ่งก่อสร้างที่ทำมานับยี่สิบปี และไม่เคยคิดปิดบังอะไรทั้งนั้น
     
            ฉันคิดว่าบางทีอาจได้ความตรงไปตรงมาจากพ่อ น่าเสียดายที่ความมั่นใจของตัวเองบกพร่อง
     
            พ่อและแม่อยู่พร้อมหน้าในวันกลับบาร์เซโลน่า แต่มันคล้ายกับว่าการที่ทั้งคู่อยู่พร้อมกันในวันที่ลูกสาวกลับบ้านเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่ใช่อะไรที่เป็นปกติ  ฉันหวังว่าแม่จะเงยหน้าจากแล็ปท็อปแล้วมองไปที่พ่อ หวังว่าพ่อจะเงยหน้าจากกองเอกสารเพื่อพูดคุยกับเธอ
     
            แม้จะไม่พอใจนิดหน่อยที่ตั๋วซับเวย์เพิ่มขึ้นยี่สิบกว่าเหรียญ แต่สุดท้ายมันก็พามาถึงตรงเวลาในถนนสายแปด ตึกนิวยอร์กไทมส์ชั้นสี่สิบสองมีนักแข่งผมสีเข้มนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากล้อง
     
            มาร์คเปลี่ยนจากสูทสีดำเป็นชุดออกกำลังกาย และฉันไม่รู้ว่าทำไมทีมงานนิวยอร์กไทมส์ถึงต้องการใช้เซ็นทรัลพาร์กเป็นสถานที่ถ่ายทำเพียงเพื่อจะพูดเรื่องการออกกำลังกาย ทั้งๆที่ยิมยอดฮิตอย่างด็อกพาวน์ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เท่าไหร่
     
            พวกเขาถ่ายภาพมาร์ควิ่งออกกำลังกายก่อนจะหยุดแล้วสัมภาษณ์ต่อบนโขดหินขนาดกว้างใกล้พื้นหญ้าสำหรับปิกนิก
     
            มันจบลงที่ฉันแบกเอกสารมากมายเหมือนแอนดี้ แซ็คส์ใน The devil wears Prada จนกระทั่งการถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน
      
            "ผมประหลาดใจที่คุณยังเดินต่อได้ด้วยรองเท้าคู่นั้น"
     
            มาร์คพูดเมื่อทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับ คนในสวนน้อยลงเมื่อท้องฟ้าเหลือเพียงแสงสีส้มอ่อนจากพระอาทิตย์ เขาปรากฏตัวข้างๆ ยังอยู่ในชุดออกกำลังกาย เสื้อผ้าเปียกชุ่มเหงื่อ แต่เส้นผมและใบหน้ายังไร้ที่ติ
     
            ฉันถอดส้นสูง ตัดสินใจเดินเท้าเปล่าไปตามทางเดินเย็นๆ "ผิดค่ะ ฉันเดินต่อไม่ไหว" คำตอบทำให้เขาหัวเราะเบาๆ "คุณจะไปไหนต่อคะ"
     
            ไม่ใช่คำถามที่น่าถามเท่าไหร่ บางทีเขาอาจตอกกลับมาว่ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่การปล่อยให้บรรยากาศระหว่างเราเงียบสนิทก็ไม่ดีเช่นกัน
     
            ฉันแอบเหลือบมอง เห็นมาร์คกำลังเดินกอดอก สายตามองตรงไปข้างหน้า "อาจอยู่ที่นี่ต่อ เราเดินด้วยกันคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย"
     
            "ไม่มีหรอกค่ะ" ฉันพูด "แค่หวังว่าคุณจะตามทัน"
     
            ฉันเริ่มออกวิ่งเต็มฝีเท้า ผ่านทางเดินกว้างที่นักร้องเปิดหมวกกำลังจบเพลง 'She will be loved' ขารีบกระโดดข้ามรั้วเตี้ย ได้ยินมาร์คตะโกนปนเสียงหัวเราะตามมา  เรากระโดดข้ามก้อนหิน ฝ่ากลุ่มต้นไม้ใหญ่ วิ่งข้ามสะพานแกพสตอว์จนเกือบชนนักท่องเที่ยว
     
            แสงจากนิวยอร์กรอบเซ็นทรัลพาร์กจางลงเมื่อถึงบริเวณสวนที่ใกล้กับถนนสายหก ฉันกระโดดลงบันได เริ่มเลี้ยวซ้าย เมื่อเห็นโขดหินใหญ่จึงเลี้ยวขวาในทางแยก วิ่งขึ้นบันไดสั้นๆ เลี้ยวขวามืออีกครั้งในทางสี่แยก ชะลอฝีเท้าเพื่อให้คนข้างหลังตามทัน จนกระทั่งเจอรั้วไม้แข็งขนาดใหญ่
     
            เสียงหอบหายใจถี่ของมาร์คดังชัดเจนในความเงียบสงบรอบตัวเมื่อเขาวิ่งตามมาถึง ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างชันเข่าแล้วพึมพำเป็นภาษาสเปน "คุณมันบ้า"
     
            ไม่นานเขาก็ก้มลงมองพื้น เท้าสองข้างถอดรองเท้าผ้าใบออกแล้วดันมาให้ฉัน
     
            "อากาศเย็น คุณควรมีรองเท้าใส่"
     
            "ฉันไม่เป็นไรค่ะ" ฉันโบกมือปฏิเสธอย่างไม่จริงจังแล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นกวักมือ "ไปเร็ว"
     
            คำชวนทำให้มาร์คลังเล ทว่านาทีต่อจากนั้นเขาค้านและโวยวายเพราะเห็นฉันปีนไปยัดเท้าเข้าช่องว่างรั้ว "เลน่า! คุณเข้าไปในนั้นไม่ได้ มันมีรั้วกั้น ไม่เห็นป้ายที่ตั้งอยู่ตรงนั้นเหรอ มันบอกว่าห้ามเข้า"
     
            ฉันจับรั้วแน่น ความหนาของรั้วทำให้กล้าส่งตัวสุดแรงเพื่อพยายามปีนขึ้นไปต่อ "นั่นแปลว่าแอบเข้าได้ถ้าไม่มีคนเห็น"
     
            "แต่มันอาจมีกล้องวงจรปิด เซ็นทรัลพาร์กเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างในนิวยอร์ก ผมไม่คิดว่าเราควรแหกกฎอะไรก็ตามที่--"
     
            ฉันกระแอมขัด ตั้งใจพูดแทรกในเสียงกระแอมไอว่า "นักแข่งที่แซงวาเลนติโน่ รอสซี่ในสนามแข่งอย่างก้าวร้าวกำลังปอดแหก" ซึ่งมันทำให้เขาตั้งท่าจะเถียงตอบกลับมา แต่ฉันกระโดดทิ้งตัวลงที่อีกฟากพอดี แน่นอนว่าไม่นานนัก เสียงรองเท้าของมาร์คที่กระโดดลงบนพื้นก็ดังตามมาด้วย
     
     

     
     
            "คุณรู้มั้ยว่า The Hallett nature sanctuary ตั้งชื่อตาม Hallet Jr. ชายท้องถิ่นที่ชอบส่องดูนก และเป็นผู้นำพลเรือน" ฉันพูดตอนที่มาร์คเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เอียงตัวหลบเขานิดหน่อยระหว่างที่มือใหญ่ของเขากำลังปัดป่ายแมลงตอมรอบใบหู "แถวนี้เป็นที่โปรดของคนชอบดูนก แต่ไม่ใช่หลายคนที่รู้ว่าที่นี่อยู่ในเซ็นทรัลพาร์ก"
     
            มาร์คเริ่มเดินไปบริเวณทางเดินหินสีเข้ม ตรงหน้าของเขาเป็นทางลาดชันของน้ำตกเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อมองลงไปด้านล่างคือพื้นที่ทางเดินอีกแห่งในสวน เงยหน้าขึ้นมีแสงไฟจากตึกรอบสวน เสียงการจราจรของนิวยอร์กดังแว่วมา
     
            "ก็สวยดี" เขาพูด "อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้พาไปบันจี้จัมพ์"
     
            "ถ้าคุณอยาก ฉันพาไปได้ค่ะ"
     
            หน้าอกของชายตรงหน้ากระเพื่อมเพราะเริ่มสูดหายใจแรง ใบหน้าดูหวาดกลัวระหว่างส่ายศีรษะ "ไม่ ไม่ล่ะ ขอบคุณ ผมคิดว่าผมขอผ่าน"
     
            "แต่คุณเป็นนักแข่งรถ ฉันคิดว่าคุณชอบเสี่ยง"
     
            "ผมเสี่ยงในเรื่องอื่น เสี่ยงอะไรที่อยู่บนพื้นดิน"
     
            ฉันหัวเราะ เพราะคิดว่าสีหน้ามาร์คคล้ายกำลังต่อสู้กับความสูงมากกว่าสามสิบสี่ฟุต "ไม่อันตรายหรอกค่ะ มันมีเครื่องมือที่จะทำให้คุณไม่ตกลงไปแล้วเละอยู่บนพื้น"
     
            "แหม นั่นคือสิ่งที่คนชอบ skydiving พูด" เขานั่งลงบนโขดหินหยาบๆ เว้นระยะห่างจากปลายทางลาดของน้ำตกตรงหน้าพอสมควร
     
            "คุณเสี่ยงทุกอย่างตอนอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ แล้วชีวิตตอนที่คุณไม่มีมันล่ะคะ"
     
            "แค่เพราะผมไม่ได้โยนตัวเองลงจากเครื่องบินไม่ได้หมายความผมจะไม่กล้าเสี่ยงเรื่องอื่นนี่"
     
            "คุณไม่จำเป็นต้องโยนตัวเองออกจากเครื่องบินหรอกค่ะ เพราะฉันจะอยู่ที่นั่นเพื่อผลักคุณลงไปเอง"
     
            มาร์คหันมามองฉัน พอดีกับที่ฉันหันไปมองเขากลับ  ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจ้องตาค้างและสีหน้าประหลาดใจของมาร์คกำลังทำให้กลั้นหัวเราะไม่ไหว เมื่อเขาพบว่าฉันหัวเราะ จึงยิ้มแล้วตัดสินใจเปลี่ยนท่าทางเกาหลังคอตัวเอง
     
            ทุกคนรู้ดีว่าเขาหัวเราะบ่อย มาร์ค มาร์เกซเป็นหนึ่งในนักแข่งที่ให้สัมภาษณ์และมีเสียงหัวเราะทุกครั้ง แต่การเห็นเขายิ้มหลบสายตาไม่ใช่อะไรที่เห็นผ่านหน้าจอถ่ายทอดสดหรือช่วงให้สัมภาษณ์ ฉันไม่เคยเห็นเขาทำสองสิ่งนี้พร้อมกัน
     
            ฉันคิดได้ว่าเขาอาจซ่อนอารมณ์แท้จริงไว้ยามหัวเราะ เพื่อนำพาให้ตัวเองออกจากบทสนทนาที่ไม่ต้องการ หัวเราะแค่เพราะคิดว่ามันจัดการทุกความตึงเครียดได้ แต่บางทีอาจไม่ได้หมายความว่าตลกไปกับมัน
     
            เพราะรู้ดีว่ากำลังมีความสุขทั้งๆที่ไม่ควร ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมืออาชีพมีแต่จะบ่อนทำลายตัวของมาร์คที่อนาคตยังรุ่งเรืองได้อีกยาวไกล   ฉันตัดสินใจขัดจังหวะตัวเองด้วยการหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ตัวเลขบนหน้าจอบอกเวลาสองทุ่มห้าสิบหกนาที เร็วกว่าที่คิด
     
            ค้นพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากเพื่อนนิวยอร์กมากกว่าสิบคน พอดีกับที่เห็นการแจ้งเตือนข่าวสารจากแอพซีเอ็นเอ็น
     
            'ระเบิดในนิวยอร์กสร้างความเสียหายและทิ้งจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บไว้มากกว่ายี่สิบเก้าราย'
     
            เวลาต่อมาจึงทำให้ต้องรีบวิ่งออกจากเซ็นทรัลพาร์ก มีระเบิดเกิดขึ้นในย่านเชลซีของแมนฮัตตันเวลาสองทุ่มสามสิบ ถนนสายยี่สิบสามและหกเกิดระเบิดในเวลาใกล้เคียงกัน รถพยาบาลและรถตำรวจขับทั่วท้องถนน เสียงไซเรนดังประสานแสบแก้วหู
     
            มาร์คยืนเงียบหลังจากอ่านข่าวจบ เขาเม้มริมฝีปาก ดูครุ่นคิดหนัก อาจเพราะกลัวความปลอดภัยของตัวเอง ใจคิดตัดพ้อถึงความโชคร้ายที่บังเอิญอยู่ในนิวยอร์กช่วงเกิดระเบิด หรือแม้แต่ต้องมาติดอยู่กับฉันตอนนี้ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
      
            ทางไปถนนสายหกและยี่สิบสามติดชะงัก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ไฟเบรคท้ายรถยนต์ทุกคันค้างขณะที่รถจอดนิ่งสนิท ซึ่งการที่อพาร์ตเมนต์ของฉันอยู่ในถนนยี่สิบสาม ช่างเป็นฝันร้ายที่กลายเป็นจริง
     
            "คุณแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร" มาร์คเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ อาจเพราะตระหนักได้ว่าฉันจ้องไปที่พื้นคอนกรีตซึ่งไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่ารอยหมากฝรั่งมาได้สักพัก
     
            ฉันกลับมาสวมส้นสูงอีกครั้ง และยังคงปฏิเสธรองเท้าผ้าใบจากเขา
     
            "ค่ะ คุณรีบกลับโรงแรมเถอะ"
     
            ครู่นั้นฉันรู้สึกว่ามาร์คกำลังซ่อนอะไรที่น่าอึดอัดใจไว้หลังได้ยินคำตอบ
     
            "ฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ที่จะปล่อยให้คุณเดินกลับบ้านคนเดียวในนิวยอร์ก แถมยังมีผู้ก่อการร้ายวางระเบิดใกล้อพาร์ตเมนต์คุณเมื่อไม่กี่นาทีก่อน และตอนนี้คุณยังใส่รองเท้านั่น"
     
            มันอดไม่ได้ที่จะไม่ก้มลงมองรองเท้า ฝืนใจแล้วตอบว่า "ฉันไม่เป็นไรค่ะ"
     
            ซึ่งคราวนี้มาร์คไม่ได้ตอบกลับ เขาหันความสนใจไปทางแท็กซี่คันหนึ่งที่พึ่งขับผ่านมา ส่วนฉันรีบออกเดินเพราะไม่อยากเสียเวลา ได้แต่หวังว่าเสียงส้นสูงที่กระทบกับพื้นจะทำให้มีสมาธิ ไม่ตื่นตระหนกหวาดกลัวกับซีเอ็นเอ็นที่ยังสั่นแจ้งเตือนอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
     
            แม้จะคิดว่าทรงตัวได้ดีบนส้นสูง แต่ไม่นานตัวก็เริ่มเซ พอดีกับที่ตระหนักได้ว่าข้อมือข้างขวาถูกใครบางคนจับไว้ 
     
            ฉันไม่ได้จะล้มลงไปบนพื้นเย็นเฉียบข้างล่างนั่น แต่เป็นเพราะมาร์ค มาร์เกซกำลังออกแรงดึงเบาๆอยู่
     
            "อะไร คุณจะพาฉันไปไหน"
     
            มาร์คเหลือบสายตาก้มมองฉันวินาทีหนึ่ง ดูพอใจที่เห็นว่าฉันตัดสินใจยอมแพ้และไม่สู้กับแรงดึงต่ออีก
     
            ประตูแท็กซี่เปิดอ้าออกกว้างตามมา มาร์คไม่รีรอให้ฉันหยุดเพื่อโวยวาย เขาใช้แรงทั้งหมดดันฉันเข้าไปในภายในรถ - เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาเมื่อต้นปี
     
            ชายหนุ่มก้มหัวเข้ามานั่งในรถตามก่อนปิดประตูลง เขาหันศีรษะมามองฉัน "ผมเรียนรู้ว่าการที่คุณจะยอมอะไรสักอย่าง บางครั้งก็ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อย"
     
     
     

    ISLAND - A place you like
     
     
      
    Talk

    Fact : ใครไปนิวยอร์กอย่าลืมแวะไปเซ็นทรัลพาร์กแล้วเดินไปตามทางที่เราบอกนะ555 ไม่ได้แต่งขึ้นค่ะ แต่มีอยู่จริงๆตรงทางใต้ของสวน สะพานแกพสตอว์ก็อยู่เกือบใกล้ Halett nature sanctuary เป็นโซนเดียวกับที่มีลานสเก็ตน้ำแข็งช่วงฤดูหนาวค่ะ  Halett เปิดวันจันทร์ พุธ ศุกร์ 2-5 โมง และแต่ละครั้งจะจำกัดคนที่เข้าไปนะคะะ

    ส่วนระเบิดในแมนฮัตตันหลายๆคนที่ดูข่าวปีที่แล้วน่าจะรู้ว่าเกิดขึ้นจริงในเดือนกันยายน เป็นข่าวดังอยู่พักหนึ่งเลย ใครเดินทางไปที่ไหนก็อย่าลืมระมัดระวังนะคะ ช่วงนี้ผู้ก่อการร้ายเยอะมากๆ(จะไม่โทษทรัมป์55555)
     
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×