ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Opportunity | Marc Marquez FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 14

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 952
      35
      12 เม.ย. 65


     
     
           ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการพักผ่อน - ฉันถอนหายใจเมื่อสายตามองเห็นข้อความบนป้ายโฆษณาเสื้อผ้าต้อนรับซัมเมอร์ พระอาทิตย์สาดส่องยามเช้าให้ความอบอุ่น บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ ฉันกระชับเสื้อคลุมตัวบาง เหลียวมองเงาตัวเองบนกระจกรถแท็กซี่
     
           เซอร์เวร่าคือด้านที่กลับกันของบาร์เซโลน่า ที่นี่เงียบสงบ อากาศเย็นและสะอาดกว่า มันไม่ยากที่จะพบเห็นธงสีแดงหมายเลข 93 ของมาร์ค มาร์เกซบนระเบียงบ้านบางแห่ง ที่นี่คือแหล่งกำเนิดแท้จริงของเขา มีร้านขายของที่ระลึกและเสื้อผ้าเครื่องประดับของเขาอยู่ที่ถนนถัดไป และจากการคำนวณ มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆที่เขาเก็บเกี่ยวได้ในแต่ละเดือน
     
          เมื่อเข้ามาถึงอาคารที่พอจะสูงที่สุดในเมืองนี้ ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงแก้วแตกเป็นอย่างแรกหลังประตูลิฟท์เปิดออก พยายามเตรียมพร้อมถอนหายใจยาว มองไปที่เมืองเซอร์เวร่าด้านล่างที่สว่างสไวก่อนก้าวขาออกเดิน
     
          มีผู้คนจำนวนหนึ่งยืนมุงอยู่หน้าประตูกระจกใส คนแรกที่จำหน้าได้ท่ามกลางความวุ่นวายคือโฆเซ่ มาร์ติเนส เขามอบรอยยิ้มแห้งๆและผงกหัวให้เล็กน้อย จากนั้นพยักพเยิดไปที่ภายในห้องกระจกใสกว้างใหญ่ ลึกลงไปที่มีสปอร์ตไลต์และพื้นหลังสีขาวสำหรับเตรียมถ่ายภาพในวันนี้
     
          "คุณมันผู้ชายห่วยแตก!" เสียงหญิงสาวตะโกนแหบห้าวดังขึ้น
     
          หญิงสาวที่ฉันเรียนรู้ได้ทีหลังว่าชื่อเมลิสซ่ากำลังตะโกนใส่ชายตรงหน้าของเธอ เส้นผมของเขาเป็นสีน้ำตาล ตัวสูงกว่าเธอเพียงแค่เล็กน้อย - มาร์ค มาร์เกซ
     
          ฉันอยากรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าโฆเซ่กำลังเดินเข้ามามอบความรู้ในสถานการณ์นี้เพิ่มเติม เขาโน้มตัวกระซิบในระยะห่างที่พอดี
      
          "ผู้หญิงบางคนที่เคยคิดว่าจะได้เดินในโบสถ์ไปหามาร์คพร้อมชุดประโปรงยาวสีขาวกำลังโมโห เพราะเห็นรูปภาพและข่าวซุบซิบของมาร์ค"
     
          "ข่าวไหนคะ"
     
          โฆเซ่เหลือบตามองฉัน คล้ายกับได้ยินคำถามโง่ๆ "ข่าวของคุณกับมาร์คไง"
     
          "อย่าได้บอกฉันเชียวนะว่ามันเป็นแค่งาน!" เสียงตะโกนของหญิงคนเดิมดังเถียงความคิดในสมองของฉัน "คุณเดินไปหานักข่าว พวกนักข่าวที่คุณไม่เคยชอบ คุณไปส่งเธอที่หน้าบ้านกลางดึก ฉันอ่านมันในเว็บไซต์!"
     
          สมองต้องควบคุมร่างของฉันไว้เพื่อไม่ให้แหวกฝูงคนตรงหน้าไปเพียงเพื่อจะรอฟังคำตอบจากมาร์ค ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาที่กำลังลุกเป็นไฟนี้
     
          เขาไปส่งฉันที่บ้านในคืนแรกที่ถึงบาร์เซโลน่า นั่นคือความจริง แต่การที่ข้อมูลนั้นอยู่ในเว็บไซต์หรือล่องลอยในอินเตอร์เน็ตกำลังทำให้เริ่มลนลาน
     
         "งั้นถ้างานของคุณเสร็จหมดแล้ว เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ย" เธอถาม เสียงยังคงดังก้อง 
     
         และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ฉันอยากได้ยิน แม้จะเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนักข่าว - คนนอกอย่างฉัน แต่เมื่อหญิงสาวผู้นั้นเริ่มขยับตัวและออกเดิน ฉันก็รู้สึกได้ว่าโฆเซ่กำลังจ้องมองฉัน
     
         ไม่ว่ามาร์คจะพูดอะไรตอบกลับไป แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้ยิน เพราะมันมีเสียงกระแทก เหมือนของแข็งกระทบกำแพงหนา ต่อจากนั้นหมู่คนก็เริ่มขยับตัวแหวกทางพร้อมกัน เผยให้เห็นหญิงขี้โวยวาย - เมลิสซ่า กำลังเดินออกมา ในเสื้อผ้าที่ดูดีกับส้นสูงห้านิ้ว คล้ายกับกำลังเดินอยู่บนรันเวย์
     
         เธอเป็นนางแบบ แน่นอนว่าต้องเป็นนางแบบ นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะเลือกเมื่อมีโอกาสได้เลือก และมันไม่มีโอกาสที่คนสูงไม่ถึงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรอย่างฉันจะสูงพอให้พวกเขามองเห็น
     
         ยังไงก็ตาม นั่นเป็นความคิดไร้สาระ เมื่อกลุ่มคนกระจัดกระจายและเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง ฉันจึงเดินไปตรงประตูกระจกที่มีรอยร้าวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ทิ้งเป็นหลักฐานไว้
     
         "ใครที่ไหนมีไม้กวาดบ้างมั้ย และกรอบรูปใหม่ เพราะผมไม่ต้องการให้รูปของผมกับน้องชายอยู่ในกรอบ--"
     
         มาร์คหยุดตะโกนเมื่อหันมาพบฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู
     
         "โฆเซ่ วันนี้นายทำร้ายฉันตั้งแต่ตื่นเช้ามา" นักแข่งหมายเลข 93 พูด
     
         โฆเซ่จึงเดินไปผลักมาร์คที่นั่งย่อเข่าบนพื้นให้ลุกขึ้น "ไม่ นายควรจะขอบคุณฉันต่างหาก เพราะฉันเตรียมพร้อมกดสัญญาณเตือนไฟไหม้ทุกเมื่อถ้าเมลิสซ่าเกรี้ยวกราดมากกว่านี้อีกสักนิด"
     
         มาร์คเดินเข้ามาอย่างระมัดระวังเมื่อโฆเซ่จัดการเก็บกวาดเศษแก้วและเดินจากไป ฉันพึ่งสังเกตุเห็นว่าตอนนี้เขาสวมชุดลำลอง กางเกงยีนส์และเสื้อแขนยาว เตรียมพร้อมสำหรับออกหน้ากล้อง ทว่าใบหน้าไร้ความมั่นใจขณะที่มองมาทางฉัน
     
         "เลน่า คุณไม่จำเป็นต้อง--"
     
         "นี่ค่ะ" ฉันยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้ "กินซะ"
     
         เขาก้มลงมองถุงในมือฉัน "คุณเอาอาหารเช้ามาให้ผมเหรอ"
     
         "อย่าตื่นเต้นมากค่ะ มันเย็นแล้ว แต่คุณยังกินเบคอนได้ เบคอนอร่อยในทุกๆอุณหภูมิ - แล้วทำไมคุณถึงจ้องฉันแบบนั้นคะ"
     
         "คุณพึ่งเห็นผมเผชิญหน้ากับแฟนเก่าเจ้าอารมณ์ แต่ทั้งหมดที่คุณทำคือให้ผมกินเบคอนเหรอ" เขาขมวดคิ้ว
     
         "ฉันไม่ได้เสนอจะแปรงฟันให้คุณนะคะ" ฉันพูดโดยไม่เงยหน้าสบตามาร์ค "ฉันแค่อยากช่วย"
     
         "ช่วยอะไร"
     
         "ทำให้สถานการณ์ไม่แย่ไปมากกว่านี้ เดินเข้ามาคุยกับคุณเพื่อทำให้ทุกอย่างดูปกติ เอาอาหารเช้าให้คุณ เพราะอย่างน้อยวันนี้เราอาจทำงานกันทั้งวัน"
     
         ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พูดฟังดูดีหรือแย่กว่าเก่า แน่นอนว่ามาร์คอาจรู้สึกดีกว่านี้หากไม่ได้ยินคำว่า งาน ในช่วงเวลาหยุดพักผ่อนในบ้านเกิดหลังจากคว้าชัยชนะในตำแหน่งที่สองบนโพเดียมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่นี่คือสิ่งที่นักแข่งมีชื่อเสียงต้องเผชิญ ให้สัมภาษณ์ ถ่ายแบบ รวมถึงเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับสนามถัดไป
     
         "โอเค" มาร์คตอบอย่างลังเล
     
         ความเงียบคั่นกลางระหว่างเรา การตระหนักได้ว่ามาร์คไม่ได้สบตาฉัน พอๆกับที่ฉันไม่ได้เงยหน้ามองเขา มันทำให้ทุกอย่างดูแปลกประหลาดและน่าอึดอัดชั่วครู่หนึ่ง
     
         "และ" ฉันเริ่มถอนหายใจ พยายามไม่ฟังเสียงแก้วแตกที่กระทบกันเพราะไม้กวาดของแม่บ้าน "ผู้หญิงเมื่อกี้ดูเหมือนจะวิเศษมาก มารยาทดีและอ่อนโยน คุณพอจะบอกเรื่องของเธอกับฉันได้มั้ยคะ"
     
         มาร์คยิ้มอย่างลังเล "มันจะไปอยู่ในข้อความก่อนบทสัมภาษณ์ของผมรึเปล่า"
     
         ฉันเก็บปากกาและสมุดโน้ต "ถ้าคุณไม่ต้องการ ฉันก็จะไม่เขียนค่ะ"
     
     

     
     
          "What?" มาร์คถามพร้อมขึ้นเสียงสูง สายตาไม่ได้ละจากกระดาษสำหรับบทสัมภาษณ์ระหว่างยืนให้ช่างแต่งหน้าใช้ทิชชู่ซับหน้าของเขา เส้นผมสีน้ำตาลนั้นจัดทรงเรียบร้อย เสื้อผ้าสะอาดหมดจด
     
          ชายหนุ่มรีบเหลือบสายตามามองฉัน เหล่มองอย่างคนขี้สงสัย
     
          "อะไรคะ" ฉันรีบถาม นิ้วมือแสร้งเลื่อนไปมาบนแท็ปเล็ต
     
          "คุณเอาแต่จ้องผมแปลกๆ"
     
          "ฉันเปล่าค่ะ"
     
          "ไม่ คุณจ้อง" เขายังเหล่มอง "คุณจ้องมาทั้งวันแล้ว"
     
          "เปล่าค่ะ คุณจินตนาการไปเอง"
     
          "แค่ยอมรับมา ผมไม่ได้จะตื่นตระหนกหรือโวยวายอะไร" มาร์คขยับตัวเมื่อช่างแต่งหน้าเดินจากไป
     
          "ฉันรู้ค่ะ" ฉันตอบทั้งที่ตายังมองตัวหนังสือในแท็ปเล็ต ทว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแก้บทความถึงบรรทัดไหนแล้ว
     
          มันเป็นความจริงที่ว่าฉันแอบมองเขา หลังจากที่อ่านข่าวผ่านเว็บไซต์ ทุกอย่างอธิบายได้ว่ามีใครสักคนแอบถ่ายรูปของเราในคืนแรกที่บาร์เซโลน่า  เรื่องดีก็คือยังไม่มีใครตระหนักได้ว่าบ้านถัดไปจากฉันคือบ้านของมาร์ค และฉันหวังว่าจะไม่มีสาวๆคนไหนที่เป็นแฟนคลับของเขามาลอบทำร้ายเพราะภาพเหล่านั้น
     
          "งั้นก็เลิกจ้องผมสักทีเถอะ" เขาพูด สักพักจึงอ่านกระดาษในมือต่อ
     
          หรือบางทีมาร์ค มาร์เกซอาจรอเวลาเอาคืนฉันจากอะไรก็ตามที่ฉันเคยทำไว้เมื่อในอดีต เพราะเมื่อถึงเวลาถ่ายวิดีโอกลางแจ้งในสวนสาธารณะ เขาไม่ได้ชะลอฝีเท้าระหว่างที่ฉันวิ่งตามสัมภาษณ์ผ่านไมโครโฟน การชะลอฝีเท้าของเขาคือการวิ่งจ้อกกิ้ง และฉันกำลังหอบหายใจถี่ระหว่างตั้งคำถาม
     
          "...คุณมีการเทรนนิ่งแบบพิเศษเพื่อเพิ่มสมาธิให้ตัวเองรึเปล่าคะ"
     
          "ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ" มาร์คหันมาตอบ "แต่ผมไม่ได้ฝึกฝนแต่บนรถจักรยานยนต์เท่านั้น การฝึกสมาธิทำได้หลายอย่าง และส่วนใหญ่การเทรนนิ่งเป็นประจำของผมคือเข้ายิม ปั่นจักรยาน และขับใน dirt track"
     
          "ในสนามแข่ง คุณป้องกันการล้มมาได้หลายครั้ง มีเคล็ดลับอะไรบ้างมั้ยคะ"
     
          "แค่ใช้ศอก เข่า ทุกๆอย่างเพื่อประคองรถให้ได้เท่านั้นครับ" เขาหัวเราะขณะวิ่ง
     
          ฉันพยายามสูดเอาอากาศหายใจ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ใกล้ถึงคำถามสุดท้ายในกระดาษ "การฝึกฝนในสนาม dirt track มีส่วนช่วยให้คุณประคองตัวบนรถจักรยานยนต์ได้รึเปล่า คุณทำยังไงถึงได้ไม่ล้มบนสนามบ่อยเท่าคนอื่นๆ"
     
          "อันที่จริงผมก็ไม่รู้หรอก มันคล้ายกับสัญชาตญานนิดๆหน่อยๆ และต้องมีสมาธิมากถึงมากที่สุด เพราะถ้ามีสมาธิ ปฏิกิริยาจะตอบสนองตามได้รวดเร็ว มันยากที่จะอธิบายเหมือนกันว่าทำได้ยังไง"
     
          "และสุดท้ายค่ะ คุณได้แชมป์ในโมโตจีพีมาหลายครั้งแล้ว รวมถึงในรุ่นเล็ก คุณอยากได้อีกมากแค่ไหนคะ"
     
          มาร์คหัวเราะร่า - ทั้งที่ยังวิ่งออกกำลัง ฉันเริ่มคิดว่ามันอาจมีบางอย่างผิดปกติกับชายคนนี้และร่างกายแข็งแรงของเขา
     
          "มากมายเท่าที่ผมจะทำได้ ผมพยายามต่อสู้เพื่อมันทุกๆปี เป้าหมายของผมคือต่อสู้เพื่อได้เป็นแชมป์โลกเสมอ ต้องฝึกฝนทำงานหนักในทุกๆช่วงฤดูหนาวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งใหม่ ยิ่งชนะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีครับ"
     
          "ให้ตายเถอะ ฉันเกลียดคุณ" ฉันพูดเมื่อกล้องตัดเรียบร้อยแล้ว ไม่นานนักก็รีบหยุดฝีเท้า หอบหายใจควานหาออกซิเจนรอบตัว
     
          "เห็นมั้ย มันได้ผล" มาร์ควิ่งเหยาะๆอยู่กับที่ ไม่แม้แต่จะเหนื่อยหอบ "คุณจะได้สุขภาพดีขึ้น ต่างคนต่างชนะ"
     
          "ฉันก็ออกกำลังกายอยู่ค่ะ"
     
          "แต่คุณไม่ได้กินอะไรที่เฉียดผักผลไม้เลย"
     
          ฉันไม่ได้เถียงเขา เพราะหมดแรงเกินกว่าจะเปล่งเสียง พยายามลูบเหงื่อบนหน้าผากที่ไหลมาไม่จบไม่สิ้นบริเวณศีรษะ มองหาที่นั่งแต่บริเวณนี้ไม่มีแม้แต่เก้าอี้สาธารณะ
     
          "เลน่า คุณเป็นผู้หญิงน่ารัก และหุ่นคุณก็โอเคดี" เขาว่าต่อ "พยายามทำให้ตัวเองสุขภาพดีกว่าเดิมมันไม่ทำให้คุณเจ็บปวดหรอก เพิ่มพลังให้ร่างกายออกจะดีนะ"
     
          มาร์คคิดว่าฉันน่ารัก - แน่นอนเขาต้องพยายามมีมารยาทและไม่เสียดสี  ฉันพยายามคิดว่าสิ่งที่ฉันกินลงท้องไปนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับธุระของเขา มันคือท้องของฉัน ร่างกายของฉัน การที่มาร์คพูดอย่างเมื่อครู่ไม่ควรจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน สมองกำลังคัดค้าน
     
          "ฉันไม่คิดว่าอยากเป็นหนึ่งในอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าสวยหรือดูดี"
     
          "ผมไม่ได้บอกว่าคุณอยากหนิ"
     
          "พวกเราทุกคนไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟ็คแบบคุณค่ะมาร์ค"
     
          มาร์คขยับใกล้เข้ามา "เลน่า เรารู้จักกันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว คุณน่าจะรู้ว่าถ้าอยากให้ผมเถียงกลับ คุณควรจะเลือกเรื่องอื่น เพราะเรื่องชอบใจในรูปลักษณ์ของตัวเองไม่ใช่อะไรที่ผมสนใจ"
     
          "แต่บางครั้งก็ต้องทำเพราะสายตาสังคม" ฉันย้อน
     
          ชายหนุ่มจึงเริ่มขมวดคิ้วใส่ "คุณคิดว่าสิ่งที่คนอื่นๆคิดสำคัญเหรอ"
     
          "ในบางครั้งค่ะ เพราะบางทีมันก็จำเป็น"
     
          "แต่คุณเป็นอย่างที่พวกเขาคิดจริงๆไม่ได้" เขาเถียงกลับ "พวกเขาอยากคิดอะไรที่แย่ที่สุด และผมจะไม่ยอมเสียพลังงานเพื่อพยายามทำให้ผู้คนมีความสุข ผมมีเรื่องราวในชีวิตตัวเองมากพอที่จะต้องจัดการ ไม่ต้องการอย่างอื่นอีก"
     
          สิ่งที่เขาพูดคือความจริง และมันอาจดีหากฉันเขียนลงในคอลลัมน์หนังสือสำหรับวัยรุ่นที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง หรือบางทีมาร์คอาจใส่มันในหนังสือการ์ตูนเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา
     
          "พวกเขาจะตัดสินคุณอยู่ดี" ชายหนุ่มพูดต่อ "ผู้คนรักในความคิดเห็นของตัวเอง ไม่ว่าเราจะขอมันหรือไม่ แต่พวกเขาก็มีความสุขที่จะโยนความคิดเห็นแย่ๆใส่เราอยู่ดี ดังนั้นคุณควรจะมีความสุขกับชีวิตของคุณเอง"
     
          "โอเคค่ะ คุณพูดถูก" ฉันยืดตัวตรงอีกครั้งพร้อมยักไหล่
     
          "แล้วคุณล่ะ" เขาถามแล้วเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
     
          "ฉันทำไมคะ"
     
          "คุณมีความสุขกับชีวิตคุณรึเปล่า"
     
          "ฉันก็พยายามค่ะ แต่ฉันไม่ได้สูงหกฟุต ขายาวเรียวสวย อย่างที่คุณบอก ฉันไม่ได้ไดเอต และต่อให้แก่กว่านี้ก็ไม่สนใจจะกินแต่ผักเพราะกลัวไขมันส่วนเกิน ความสุขเล็กๆสำคัญกว่า"
     
          "งั้นเราก็ไม่ต่างกันมากหรอก" มาร์คเริ่มคลี่ยิ้ม
     
          มันช่างยากเย็นที่จะไม่ยิ้มตอบกลับเขา ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจหันหลัง เดินกลับไปหาช่างกล้องที่รวมตัวกันใกล้แม่น้ำในสวนสาธารณะ พบว่าพวกเขากำลังเหนื่อยหอบหายใจรับอากาศไม่ต่างจากฉัน
     
     

     
     
          และเมื่อเรากลับสู่ที่ร่ม มาร์คก็เริ่มจะโวยวายอีกครั้ง
     
          "เอาอีกแล้ว!" มาร์ครีบดึงเสื้อยืดออกจากศีรษะก่อนจะโยนไปที่ราวแขวนเสื้อผ้า "ผมไม่ได้จินตนาการไปเอง คุณทำจริงๆ"
     
          "หืมม ว่าไงนะคะ" ฉันลากเสียงยาว เม้มปากพลางมองผมตัวเองที่มัดเป็นมวยหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
     
          "คุณจ้องมองผมแปลกๆตลอดเวลา"
     
          "เปล่าค่ะ ฉันกำลังดูทรงผมตัวเองอยู่ และดูอีเมลแฟนคลับที่คุณขอให้ฉันอ่านให้ แตกต่างจากสิ่งที่คุณคิดอย่างสิ้นเชิง" ฉันหันไปมองเขา ฝืนไม่ก้มลงมองท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาโดยการรีบก้มลงมองแท็ปเล็ต "โอ้ ดูสิ  ผู้หญิงในชุดชั้นในส่งรูปมาอีกรูป เธอแนบวิดีโอเดินแบบเหมือนนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ดมาให้ด้วย"
     
          "ลบมันออกซะ"
     
          "แต่ถ้าเธอจะบอกเรื่องสำคัญล่ะคะ"
     
          "เธอเป็นคนแปลกหน้าที่ส่งรูปตัวเองในชุดชั้นในมา มิส" มาร์คว่า "เธอไม่มีเรื่องสำคัญให้พูดหรอก"
     
          "ตามสบายค่ะ อีเมลของคุณหนิ" ฉันยักไหล่ นิ้วแตะกดปุ่มรูปถังขยะ "แล้วเมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกฉันว่ามิสคะ เรียกว่าเลน่าตามปกติมันยากขนาดไหนกัน"
     
          "แล้วเลนอร์ล่ะ"
     
          "ไม่ค่ะ"
     
          ชายหนุ่มรีบหันมาพร้อมตั้งคำถาม "เพราะอะไร"
      
          "เพราะมันฟังดูแก่ และแม่ฉันเป็นคนเดียวที่เรียกชื่อนั้น"
     
          "โอเค เลน่า" เขาเบ้ปาก
     
          ฉันจึงก้มลงมองจอสี่เหลี่ยมบนตักอีกครั้ง
     
          เมื่อเช้านี้มาร์คตัดสินใจยื่นแท็ปเล็ตและเปิดอีเมลของตัวเองให้ บอกให้ฉันอ่านทั้งหมดในขณะที่เขานั่งให้ช่างแต่งหน้าละเลงสีสันและจัดแต่งทรงผม หรือแม้แต่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาคิดว่าฉันจะไม่มองตอนที่เขาถอดเสื้อออก ไม่มองกล้ามแขนแน่นๆกับรูปร่างเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร GQ
     
          และใช่ เขาเคยถ่ายแบบให้กับนิตยสารนั้นมาแล้ว
     
          "เลน่า!"
     
          "อะไรคะ" ฉันโพล่งถามกลับอีกครั้ง
     
          "หยุดนะ คุณจ้องมองผมและมันแปลกประหลาดมาก"
     
          เขาพูดถูก ฉันมองเขาบ่อยมากเกินไป
     
          ฉันชอบแอบมองมาร์ค มาร์เกซ และห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อไม่ได้มองเขา ฉันจะคิดถึงเขาแทน คิดว่าทำอย่างไรเพื่อจะกำจัดเขาออกไปจากความคิด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ก่อตัวในใจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง บก.ไม่มีทางพอใจหากรู้ว่าฉันไม่สามารถรักษาระดับความเป็นมืออาชีพและตัดสินใจเล่นบทนักข่าวสาวที่ตกหลุมรักนักแข่ง
     
          มันจะต้องไม่เกิดขึ้น ฉันจะไม่ให้ความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นอีก
     
          "แล้วเจอกันใหม่นะคะ" ฉันลุกจากเก้าอี้ วางแท็ปเล็ตของมาร์คไว้บนโต๊ะ
     
          "ว่าไงนะ" มาร์ครีบเงยหน้าจากราวเสื้อผ้า
     
          "มีนักข่าวรอคุณอยู่ข้างล่างตึก ฉันคิดว่าคงดีถ้าคุณให้สัมภาษณ์พวกเขาต่อสักนิด" ฉันพูดทั้งที่ยังไม่มองหน้าเขา มือหยิบกระเป๋าและเสื้อคลุมมาพาดแขนไว้
     
          "แล้วคุณจะยังอยู่มั้ยถ้าผมลงไป"
     
          "อาจจะอยู่ค่ะ" ฉันชะลอฝีเท้าก่อนเปิดประตูออก "มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ"
     
          "เปล่า" มาร์คตอบทั้งที่ยังมองหน้า ท่าทางคล้ายงุนงงกับสิ่งที่ฉันพูด หรืออาจเพราะการขยับตัวที่รวดเร็วของฉัน "ไม่มี ขอบคุณครับ"
     
          "แล้วเจอกันค่ะ"
     
          เมื่อออกจากห้องมา ฉันไปเข้าห้องน้ำ เมื่อก้มลงมองพื้นและไม่พบเท้าของบุคคลอื่นจึงเริ่มเปิดแล็ปท็อปวางไว้บนอ่างล้างมือ นิ้วละเลงพิมพ์ข้อความที่ยังค้างคาไว้  โดยปกติแล้วฉันควรจะนั่งอยู่ในห้องเมื่อสักครู่นี้ แต่เพราะทนไม่ไหวกับการเคลื่อนไหวของมาร์ค มาร์เกซที่ท่อนบนไม่มีเสื้อผ้า ดังนั้นสถานที่นี้จึงเป็นความหวังสุดท้ายก่อนที่ข้อความสุดล้ำในสมองจะสลายหายไป
     
          ใช่ความจริงรึเปล่า? มาร์ค มาร์เกซไปส่งเธอหน้าบ้านใช่มั้ย?
     
          ฉันก้มลงอ่านข้อความในมือถือ มันกลายเป็นเรื่องปกติที่เจนจะตื่นตระหนกกับข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต เครื่องหมายคำถามเรียงต่อกันท้ายข้อความยาวกินหนึ่งบรรทัดเต็ม เธอต้องการให้ฉันตอบคำถามทันทีที่เห็นมัน
     
          ทว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มาร์คแค่เป็นคนดีเกินกว่าจะปล่อยให้ผู้หญิงเดินตัวคนเดียวในค่ำคืนมืดมิด ซึ่งในขณะเดียวกันฉันค้นพบว่าตัวเองรู้สึกดีกับสิ่งเหล่านั้นมากเกินความจำเป็นเช่นกัน 
     
          แต่หน้าที่กับความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรนำมาควบคู่หรือรวบรวมกัน เพราะทุกอย่างจบลงที่ความวุ่นวาย
     
          ยิ่งปัดความอ่อนไหวและความคิดฟุ้งซ่านได้เร็วเท่าไหร่ ทุกอย่างจะยิ่งดี - นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง
     
          ดังนั้นเมื่อออกจากห้องน้ำในสิบนาทีต่อมาฉันจึงหยุดอยู่ระหว่างหน้าลิฟท์กับประตูบันไดหนีไฟ นักข่าวในสเปนยังรอคอยมาร์คอยู่ที่ชั้นล่าง และครึ่งหนึ่งของทั้งหมดต้องอ่านข่าวนั้น ต้องจำหน้าฉันได้ และฉันไม่พร้อมจะผันตัวเองจากการตั้งคำถามไปเป็นให้คำตอบกับเรื่องไร้สาระ
     
          ฉันเอื้อมมือไปเปิดประตูบันไดหนีไฟ มันไม่ได้หมายความว่าต้องการออกกำลังกายหรือประหยัดพลังงานตอนนี้ แต่หากการเดินลงบันไดสองสามนาทีจะทำให้ทุกอย่างเป็นปกติและสงบเงียบได้ มันก็ถือว่าดีมากพอแล้ว
     
          ทว่าก่อนที่จะได้ลงบันไดไปสุดทาง ประตูข้างหลังก็ถูกเปิดผางออกอีกครั้ง
     
          "โอ้! - ขอโทษทีครับ ผมไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในนี้ -- เลน่า?"
     
          มาร์คก้มลงมองฉัน แสงแดดจากกระจกหน้าต่างข้างกายสาดส่องแยงตามากพอที่จะทำให้เขาหรี่ตาลง ไหล่กว้างข้างหนึ่งผลักประตูปิด เหลือแค่เราสองคนตรงบันได ความเงียบจึงก่อตัวขึ้น
     
          "คุณมาทำอะไรในนี้"
     
          "ฉัน...แบบว่า แค่อยากจะออกกำลังกายสักหน่อย" เมื่อพูดจบ ฉันรู้ทันทีว่าตัวเองเป็นจอมโกหกที่ไม่ได้เรื่องเพราะสายตาของเขาที่มองมา
     
          "ด้วยการเดินลงบันไดเหรอ"
     
          "แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่คะ"
     
          มาร์คหลบสายตาและมองไปที่หน้าต่าง ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดปรากฏขึ้น
     
          "หรือคุณจะหลีกเลี่ยงฉัน"
     
          "ไม่! ไม่ เปล่าเลย - ผมแค่หลีกเลี่ยง..."
     
          "ทุกๆอย่าง ทุกๆคน รึเปล่าคะ" ฉันหัวเราะโล่งอกเมื่อเห็นเขากลับมามองคล้ายยอมรับ "ฉันก็เหมือนกัน ฉันคิดว่าคุณจะกลับไปแล้ว"
     
          "กำลังจะกลับ แต่ผมไม่พร้อมสำหรับออกหน้ากล้องอีกครั้งหลังจากที่ทำมาทั้งวัน"
     
          "ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก"
     
          มาร์คหัวเราะ มือใหญ่จับราวบันไดเดินลงมาหาฉัน "เปล่าเลย คุณไม่ได้ทำอะไรผิด เราต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อยิ้มให้กล้อง ผมไม่ใช่คนดัง ผมแค่รักการแข่งรถ การถ่ายแบบพูดคุยกับสื่อไม่ใช่สิ่งที่ผมพอใจเท่าไหร่"
     
          "คุณซ่อนความคิดนี้ได้ดีทีเดียว ถ้าคุณไม่พูดมันออกมาฉันอาจไม่รู้ว่าที่จริงแล้วคุณไม่ชอบออกสื่อขนาดนี้"
     
          "มันก็ไม่ง่ายหรอก" เขาพูดทั้งที่สายตายังมองขั้นบันได "ถามหน่อย ถ้ามีกลุ่มผู้ชายใส่เสื้อทีมกีฬาที่คุณไม่รู้จัก คุณจะทำยังไงระหว่างยอมรับความจริงกับแสร้งว่าเป็นแฟนตัวยง"
     
          "คงบอกความจริงมั้งคะ เพราะฉันไม่อยากถูกจับได้แล้วหน้าแตกทีหลัง - แต่ถ้าในบางสถานการณ์ ฉันอาจแกล้งว่าฉันรู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน เพราะไม่ชอบรู้สึกว่าตัวเองโง่"
     
          "มันคล้ายกับในกรณีของผม  ผมไม่ชอบออกสื่อ บางทีไม่รู้ในคำถามที่พวกเขาถามมา แต่บางครั้งแค่ต้องเล่นไปตามเกม เสแสร้งว่ารู้เรื่อง หรือแสร้งทำเป็นเข้าใจว่านักแข่งประเทศอื่นพูดอะไรกันต่อหน้าคุณ เพราะทุกช่วงเวลานั้นสื่อกำลังจับภาพ จับผิดทุกอย่างที่ทำ และผมก็ไม่ชอบรู้สึกว่าตัวเองโง่"
     
          "รวมถึงตอนนี้ด้วยรึเปล่าคะ แกล้งเป็นมิตรกับนักข่าว เพื่อที่ฉันจะได้ไม่เอาคุณไปเขียนลงบทความแย่ๆร่ายถึงความเลวร้ายของคุณ"
     
          "ไม่" เขาตอบสั้นๆ "ไม่ใช่ทั้งตอนนี้หรือตอนไหน และแน่นอนว่าไม่โดยเฉพาะตอนที่เรากำลังเดินลงบันไดหนีไฟที่มีกลิ่นออฟฟิศใหม่ๆเหมือนในนิวยอร์ก อันที่จริงมันเป็นช่วงเวลาที่พอจะดีที่สุดในวันนี้แล้ว"
     
         ฉันแอบชำเลืองมองใบหน้าของเขา คิดว่าจะได้เห็นใบหน้าเสแสร้งฝืนยิ้มที่พยายามสร้างขึ้นในสถานการณ์อึดอัดเช่นนี้ แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาไม่ได้โกหก ฉันเชื่ออย่างนั้น
     
         "เหมือนกันค่ะ" ฉันตอบเสียงเบา มือจับลูกบิดประตูเพื่อเลี่ยงการมองมาร์ค กลัวเกินกว่าจะให้เขาเห็นว่าฉันมีสีหน้าอย่างไร กลัวว่าเขาจะอ่านออก
     
         หลังจากออกประตูนี้ไปเราจะแยกย้ายกันอีกครั้ง นักกีฬาอย่างเขาจะปั่นจักรยานขึ้นเขาพร้อมเพื่อนในวันพักผ่อน โพสรูปอุปกรณ์เสื้อผ้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ลงโซเชี่ยลมีเดีย เตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไป ในขณะที่ฉันอาจนั่งอยู่ในบ้านที่บาร์เซโลน่า พิมพ์งานและส่งผ่านอีเมลไปหาบก. ค้นดูรูปภาพของเขาผ่านหน้าจอมือถือไม่ต่างจากคนอื่นๆ
     
         เราไม่เคยอยู่ในเส้นทางชีวิตเดียวกัน มันคล้ายกับว่าฉันเป็นแม่บ้านที่ปรากฏตัวในบ้านหลังใหญ่ของเขา ไม่มีอะไรไปมากกว่าการทักทายกับบอกลาในทุกเช้าและเย็นของวัน
     
         "เราคงเจอกันอีกครั้งที่เนเธอร์แลนด์" มาร์คทำลายความเงียบ
     
         "ค่ะ แน่นอน" ฉันยิ้มรับ มือผลักประตูเปิดออกแล้วก้าวออกไป
     
         มาร์คชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา เขาเหยียบพื้นเต็มฝีเท้าเมื่อไม่พบวี่แววของนักข่าว
     
         ด้วยบรรยากาศที่เริ่มเงียบเชียบ ฉันตัดสินใจทำลายมันด้วยคำพูดไร้สาระอย่าง "บ้านเกิดคุณสวยดีนะคะ" 
     
         "เลน่า" มาร์คเรียกขัด สีหน้าครุ่นคิดเกินกว่าจะสนใจฟังในสิ่งที่ฉันพึ่งพูด "มันจะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมขอเบอร์คุณไว้" เขาถามก่อนจะยักไหล่ "เผื่อจะถามคุณถึงบทสัมภาษณ์ วันนัดหมาย อะไรทำนองนั้น"
     
         ด้วยคำถามนั้น ฉันเกือบจะเซล้มลง
     
         ปฏิเสธไปซะ บอกให้เขาติดต่อหาเนลสัน ใครก็ได้ที่เป็นหัวหน้าทีม บอกว่ายุ่งมาก กระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ไม่ว่างแม้แต่จะแตะมือถือ พูดออกไปสักอย่าง อะไรก็ได้!
     
         ทว่าสุดท้ายแล้ว ฉันกลับตอบออกไปว่า "ได้แน่นอนค่ะ"
     
     
     

    Lauv - I like me better
     
     
    Talk

    ใครเคยมีโมเม้นต์แอบมองแล้วถูกจับได้บ้างมั้ย5555555

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่รออ่านเรื่องนี้นะคะ5555 ดีใจที่ชอบค่ะ ดีใจมากๆ เราไม่คิดว่าจะมีคนติดตามอ่านเลยตอนแรกฮืออ  ยังไงก็ช่วยอดทนกับเราหน่อยนะคะ ช่วงนี้เรายังอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าค่ะ แต่เราแวะมาตอบคอมเมนต์ของรีดเดอร์อยู่ ถ้าใครแวะมาส่องก็อาจจะเห็นนะ55

    สำหรับใครที่ชอบอ่านในมุมมองของมาร์ค ไม่ต้องห่วงค่ะ จะมีอีกแน่นอน ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×