ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Close To You (REWRITE ALL)

    ลำดับตอนที่ #3 : Three

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 66


               
     
             "ผมคิดว่าเธอค่อนข้างมีปัญหาครับ ถ้าให้พูดกันตรงๆผมคิดว่าเธอบ้า"
     
              คริสต้ากัดฟันกรอด สายตายังคงจ้องจอทีวีติดผนังขนาดมหึมาในห้องนั่งเล่นของเพนท์เฮาส์ เธอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงห้องพยาบาล ใต้ตาดูคล้ำและโหลลึกเหมือนคนใกล้หมดลมหายใจ ทว่ารอยยิ้มมุมปากหลังจากประโยคที่เขาพูดจบกำลังทำให้เธออยากตบหน้าเขาแรงๆ
     
              เสียงหัวเราะของนักข่าวที่เข้าไปสัมภาษณ์ดังอย่างสนุกสนาน ดูชอบใจกับคำตอบที่ชายหนุ่มเพิ่งพูดไป และมันทำให้เธอโกรธขึ้นอีกสิบเท่า
     
              เจ้าคนไม่สำนึกบุญคุณ เธอคิดในใจขณะกัดเล็บนิ้วโป้ง
     
              แองกัส แคมป์เบล นั่นคือชื่อของชายหนุ่มที่เธอช่วยเหลือในคืนนั้นที่ริมถนน รู้สึกเสียใจที่ยังคิดใจดีเก็บตลับเทปแตกๆไว้ให้เขา เพราะตอนนี้ชายที่ว่ากำลังล้อเลียนเธอผ่านทางโทรทัศน์อย่างสนุกปาก และแน่นอน คำว่า บ้า จะไปขึ้นอยู่บนแท็ปลอยด์วันพรุ่งนี้เช้าเพื่อใช้บรรยายถึงเธอ
     
              มันอาจดูเสียสติที่คริสต้าตัดสินใจจะขึ้นรถพยาบาลเพื่อตามแองกัสไปถึงโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คิดว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในความรับผิดชอบของเธอ
      
             อาจเป็นการทำบุญ คริสต้าในอายุสิบแปดปีคงคิดเช่นนั้น แต่หลังจากใช้ชีวิตแสนหดหู่ในโลกแห่งความจริงมานานพอสมควร เธอเลิกเชื่อเรื่องศาสนาและตัดสินใจพึ่งพาเพียงตัวเอง
     
            การทำความดี ไม่ได้แปลว่าจะได้ในสิ่งที่ดีกลับมา หรือการทำดีก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจนักในบางครั้ง อย่างเช่นครั้งนี้
     
            นักข่าวสายบันเทิงทำข่าวเร็วราวกับจรวด เพราะไม่นานหลังจากคืนที่ไปถึงโรงพยาบาล สื่อก็ออกมาพูดถึงการปรากฏตัวของเธอและการช่วยเหลือชายแปลกหน้าในเช้าวันถัดมา
     
            พวกเขารู้แม้กระทั่งว่าชายที่เธอช่วยเหลือคือใคร มาจากไหน และเป็นชายไร้บ้าน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เลือกเขียนข่าวสรรเสริญถึงเธอ แต่กลับควานหาข้อเสียของการทำเรื่องดีๆนั้นขึ้นมาแทน
     
            แน่นอน แองกัส แคมป์เบลตอบสนองนักข่าวอย่างน่าประทับใจ
     
            เธอรู้ว่าโทรศัพท์มือถือกำลังสั่นรัวอยู่บนโต๊ะใกล้โซฟา หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจจะเหลือบมองมัน รู้ว่าเพื่อนๆกำลังส่งข้อความมาหลังจากข่าวนั้นเพิ่งถ่ายทอดสดบทสัมภาษณ์ออกไป และเวโรนิก้า ผู้จัดการส่วนตัวกำลังพยายามต่อสาย หวังเป็นที่สุดว่าเธอจะรับ
     
            คริสต้าแค่ต้องการอยู่เงียบๆ ไตร่ตรองถึงความผิดพลาดที่ทำลงไป คิดหาเหตุผลว่าอะไรที่ทำให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กลับกลายเป็นบทลงโทษตัวเธอเอง
     
            คราวนี้โทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้กลับมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ใบหน้าของมาทิลด้า โจนส์ นางแบบเพื่อนสนิทสว่างเต็มหน้าจอ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอปิดโทรทัศน์ไปได้สักพักแล้ว และตอนนี้กำลังโยนรีโมทที่เผลอกำแน่นไปไว้ที่โซฟาอีกตัว
     
            "อย่าเพิ่งถามอะไรฉัน" หญิงสาวกดตอบเฟสไทม์ของมาทิลด้า คนที่อยู่อีกฟากของจอกำลังขมวดคิ้วเข้มเป็นปม
     
            "เธอได้ดูข่าวรึเปล่า คริส" อีกฝ่ายถามอย่างเคร่งเครียด คริสต้าสัมผัสได้ว่าเธอกำลังโมโห
     
            "ใช่ ฉันดูข่าวที่ว่าชายไร้บ้านคนหนึ่งกำลังบอกว่าฉันเป็นบ้า"
     
            "เขาเรียกร้องค่าเสียหายจากเธอ" มาทิลด้ารีบย้อนเสียงดังขึ้น "เขากล่าวหาว่าเธอทำร้ายเขา"
     
            คริสต้ารีบลุกขึ้นนั่งตัวตรง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน "อะไรนะ"
     
            "ห้าล้านดอลลาร์" มาทิลด้าพูดเสียงชัดเจน "เขาเรียกเงินจากเธอห้าล้านดอลลาร์ เขาบอกว่าเธอเป็นคนใช้บอดี้การ์ดทำร้ายเขาในคืนนั้น"
     
            คริสต้ารีบเดินออกจากโซฟาทันที เดินเร็วเพื่อครุ่นคิดระหว่างที่มาทิลด้ากำลังสบถด่าชายไร้บ้านด้วยหลายร้อยประโยคที่เธอไม่ได้ฟัง สายตาเหลือบมองกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ที่มองเห็นต้นไม้ในเซ็นทรัลพาร์กยามห้าโมงเย็น
     
            "ฉันจะไปหาเขา" เธอตัดสินใจในที่สุด
     
     

     
     
             "นายรู้ใช้ไหมว่าเราไม่ควรเอาสัตว์เข้ามาในนี้" แองกัสมองแมวตัวจิ๋วที่อยู่บนตัก ขนของมันเป็นสีเทาอ่อนเกือบขาว พันธุ์เดียวกับแมวของเทย์เลอร์ สวิฟท์ "นายขโมยลูกแมวของเทย์เลอร์ สวิฟท์มารึเปล่า"
     
             "อะไร" คาล กริฟฟินขึ้นเสียงสูง คล้ายไม่อยากเชื่อในคำถามของเพื่อน "ถ้าฉันได้แมวเทย์เลอร์ สวิฟท์จริงๆ เงินจะเป็นสิ่งแรกที่ฉันใช้แลกกับมัน"
     
             "นายไม่ควรเอาสัตว์เข้ามาในโรงพยาบาล"
     
             คาลเหลือบมอง มือสองข้างยังถือนิตยสารแฟชั่น ขายาวพาดไปที่โซฟาสีดำเก่าๆโง่ๆของโรงพยาบาล "มีกฎแบบนั้นด้วยเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง"
     
            "อีกห้านาทีฉันจะนอน นายควรรีบกลับบ้าน"
     
            "แหมๆ" เพื่อนเขาพึมพำพลางไล่เปิดนิตยสารต่อ "ดูสิ พ่อหนุ่มคนดังเริ่มทำตัวหยิ่งหลังจากมีคิวนักข่าวขอสัมภาษณ์ตั้งแต่เช้า"
     
            "มันห่วยแตก" แองกัสมุ่ยหน้า เขาไม่แน่ใจว่ากำลังฉุนอะไร หรืออาจเพราะแพ้ขนแมวที่นอนขดอยู่บนตัก
     
            "มันยอดเยี่ยม" คาลย้อน "นายจะได้เป็นคนดัง ทีนี้ก็จะไม่ไร้บ้านอีกต่อไป ฉันอาจเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้นาย"
     
            "มันจะดีกว่าถ้าวงเราดังมากพอจะได้ไปถ่ายแบบขึ้นปกโรลลิงสโตนส์" แองกัสเย้ยหยันถึงความเพ้อฝันตัวเอง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจขณะจ้องมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับอยู่บนตัก
     
            เกือบสองวันเต็มแล้วที่เขายังนอนอยู่ในโรงพยาบาล มันเป็นที่พักอาศัยที่ดีไม่เบา อย่างน้อยก็ดีกว่าการนอนหลับใต้สะพานในช่วงใกล้ฤดูหนาว มีอาหารให้กินครบสามมื้อ แม้รสชาติจะห่วยแตกเหมือนเศษอาหารที่ทิ้งแล้วมารวมกัน
     
            "ฉันกำลังคิดว่า—"
     
            เสียงกระชากประตูห้องดังลั่นขัดจนคนในห้องสะดุ้ง แมวบนตักของแองกัสรีบกระโดดลงจากเตียง มันวิ่งไปหลบอยู่ใต้เก้าอี้ริมหน้าต่าง ลมเย็นจากประตูที่เปิดกระทันหันทำให้แองกัสหนาวยะเยือก
     
            เขาเห็นร่างของผู้หญิงตัวสูงกำลังมุ่งหน้าเข้ามา ร่างใหญ่ของชายในชุดสีดำหัวจรดเท้าสองคนตามหลังมาด้วย
     
            "นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่"
     
            แองกัสพยายามปรับโฟกัสภาพที่เห็นตรงหน้าอย่างช้าๆ เรียบเรียงความเป็นจริงว่าสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่คิดอาจไม่ใช่อย่างเดียวกัน
     
            คริสต้า แม็คมิลเลน นางแบบชื่อดังยืนอยู่ที่ปลายเตียงของเขา เธอสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ กางเกงวอร์มและเสื้อสเว็ตเชิ้ตสีดำเข้าชุด มีเสื้อโค้ทใหญ่บางๆคลุม เส้นผมสีทองยุ่งเหยิงดูพันกัน แต่กลับเป็นคนที่ดูดีที่สุดแล้วที่เขาพบมาในสองวันนี้
     
            "ฉันช่วยนายจากการโดนทำร้ายบนถนน แต่นายกลับลอยหน้าลอยตาบอกคนอื่นว่าการ์ดของฉันเป็นคนทำร้ายนาย กล้าขอเงินจากฉันห้าล้านดอลลาร์ คิดว่าตัวเองกำลังเล่นอะไรอยู่"
     
            "เฮ้ๆ" คาลรีบลุกขึ้นยืนจากโซฟา เขาค่อยๆเดินเข้ามาอย่างระมัดระวังขณะเหลือบมองการ์ดสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ประตูห้อง คล้ายกับกำลังกันไม่ให้ทั้งคาลและแองกัสหนีไปไหน
     
            คริสต้าหันหลังไปมองเพื่อนของเขา "ฉันขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาตอนนี้ แต่จะดีมากถ้าคุณออกไป"
     
            "แองกัสเป็นเพื่อนผม ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น"
     
            "งั้นก็แปลว่าพวกคุณรวมหัวกัน" เธอหันมาสรุปขณะมองแองกัสอีกครั้ง ใบหน้าไร้ความโกรธ แต่ดูเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย
     
            ที่ผ่านมาแองกัสเคยเห็นคริสต้า แม็คมิลเลนเพียงลางๆเท่านั้น และแต่ละเหตุการณ์ที่พบเธอไม่ใช่เหตุการณ์ที่ดีและยาวนาน เธอไม่ได้ยิ้มร่าเริงแบบที่เห็นในโฆษณาหรือป้ายบิลบอร์ดใหญ่ ทว่าดูมีชีวิตชีวา ดูเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้มากกว่า แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ดูมีความสุขนัก
     
            ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากพูด เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูก และจะต่อว่าเธอก็ไม่ได้ เขารู้ดีว่าตนทำอะไรลงไป
     
            "ทำไมฉันจะต้องให้เงินห้าล้านดอลลาร์กับชายโรคจิตที่จับก้นฉันด้วย" คริสต้าพูด เสียงดูสั่น แต่ไม่ได้ร้องไห้
     
            "คุณร้องไห้อยู่เหรอ" คาลตัดสินใจเป็นคนถามคำถามโง่ๆนั้น
     
            คริสต้ายกมือเสยเส้นผมตัวเอง "ฉันไม่ได้ร้องไห้ แต่เสียงฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว" เธอตอบ ดูหัวเสียเล็กน้อย "รู้ไหมว่าฉันสามารถฟ้องพวกคุณได้ พวกคุณกำลังโกหกสื่อ โกหกทุกคนโดยไม่มีหลักฐาน"
     
            "ฉันไม่ได้จะจับก้นเธอ" แองกัสโพล่งขึ้น "วันนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น"
     
            การ์ดตัวใหญ่ผิวดำคนหนึ่งเดินเข้ามาปกป้องคริสต้า "แล้วนายจะทำอะไร" เขากัดฟันกรอดขณะถาม เหมือนกอริลล่าที่กำลังโมโห
     
            "ฉันแค่ต้องการเงิน" แองกัสตอบเสียงเรียบ เขาเริ่มรู้สึกปวดหัว "เธอเก็บเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์"
     
            ทั้งห้องเงียบกันไปครู่ใหญ่จนน่าใจหาย เงียบจนตอนนี้แองกัสแทบได้ยินเสียงแมวตัวจิ๋วออกเดินอีกครั้ง และมันเรียกร้องความสนใจนางแบบหน้าเขาไปได้ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง
     
            คนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกสิ้นหวังอย่างอธิบายไม่ได้ "นั่นคือความจริง ฉันไม่ได้ตั้งใจ และฉันขอโทษ แต่คิดว่าช่วงชุลมุนแบบนั้นจะไม่มีใครสังเกต"
     
            "เป็นความคิดที่โง่ที่สุดที่เคยได้ยิน" การ์ดข้างคริสต้าพูด ซึ่งเขาก็ยอมรับว่ามันเป็นความจริงอีกเรื่อง
     
            "นั่นมันเรื่องของวันนั้น แต่ตอนนี้ วันนี้ ฉันต้องคอยไล่ตอบคำถามทุกคนว่าตกลงแล้วฉันสั่งการ์ดทำร้ายนายจริงรึเปล่า และเรื่องพวกนี้มันโกหก สิ้นคิด งี่เง่า—"
     
            คนปลายเตียงหยุดพูดกลางคัน ชั่ววินาทีนั้นแองกัสตระหนักได้ว่าเธอกำลังเริ่มหัวเสีย เพราะการ์ดผิวดำข้างๆเหลือบสายตามอง และมันเป็นสายตาที่อ่อนโยนกว่าตอนที่มองเขาสิบเท่า
      
           "ถ้านายยังยืนยันว่าจะโกหกเรื่องนี้ต่อไป" เสียงของอีกฝ่ายเริ่มเบาและราบเรียบอีกครั้ง เธอสูดหายใจก่อนพูด "ฉันก็ยืนยันว่าจะยื่นฟ้อง"
     
           "เราจะสู้—"
     
           "Bullsh*t Carl" แองกัสขัดเพื่อนที่ตอนนี้เดินเข้ามาใกล้เตียงของเขา "พอเถอะ"
     
           "อะไรกัน" คาลคัดค้านโดยไม่กระซิบกระซาบ "เราต้องการเงิน แองกัส"
     
           "'ฉัน' ต้องการเงิน" แองกัสแก้ประโยคเพื่อน "แต่ฉันเป็นแค่ไอ้โง่โรคจิตไร้บ้านคนหนึ่ง ไม่มีปัญญาไปสู้อะไรกับใครทั้งนั้น"
     
           มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบที่แองกัสรู้สึกสมเพชตัวเองที่สุด ไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าจดจำ ออกจะหดหู่ อับอาย และห่วยแตก เขาเห็นว่านางแบบตรงหน้ามีสีหน้าเปลี่ยนไป และเขาอ่านไม่ออก แต่คิดว่าอาจเป็นเรื่องดีแล้ว ที่ตนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
     
           หลังจากการใช้ชีวิตในนิวยอร์กมานานหลายสิบปี เขาค้นพบว่าคนมีฐานะในเมืองนี้ ไม่ว่าจะอาชีพใดๆล้วนต้องการเอาชนะ ต้องการผลประโยชน์ และเห็นค่าเพียงเงินดอลลาร์เท่านั้น
     
           คริสต้า แม็คมิลเลนไม่ต่างอะไรจากคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย
     
           "ทีนี้ขอให้พวกคุณกลับไปได้แล้ว มิส ขอบคุณสำหรับการจ่ายค่ารักษาและให้ฉันได้อยู่ในห้องส่วนตัวดีๆ แต่เราจะไม่ต้องเจอกันอีก"
     
           หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องจ้องมองเขานิ่งสนิท และแองกัสปล่อยให้เธอทำแบบนั้นจนกว่าเธอจะพอใจ เขาเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่ด้านหลัง ปล่อยให้แมวกระโดดขึ้นมาบนตักอีกครั้ง
     
            มันค่อนข้างผิดคาดกับการที่เธอจ้องมองในระยะเวลานานขนาดนี้ แองกัสรู้สึกไม่สบายตัว เขาจึงเลือกที่จะสบตากลับ จ้องดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเธอที่ดูเหมือนท้องทะเลขึ้นในทุกวินาที ความจริงเพียงอย่างเดียวที่ยังยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้คือเส้นขนของแมวที่กำลังลูบไล้อยู่
     
           "อย่างนั้นก็ดี ช่วยจัดการแก้ข่าวที่นายสร้างไว้ด้วย" เธอเอ่ยปากในที่สุด เสียงเรียบและเย็นชา จากนั้นจึงละสายตาจากเขาไป
     
           หญิงสาวตัดสินใจเดินไปที่ประตูห้องโดยไร้คำจากลา การ์ดผิวดำยังมองตาขวางมาที่แองกัส การ์ดอีกคนกำลังตั้งท่าจะเปิดประตูให้นายจ้างของตน
      
            นี่มันอาจจบแล้ว ทว่าแองกัสกลับตัดสินใจทำเรื่องที่เลวร้าย และเขารู้สึกว่าร่างกายกำลังร้อนวูบวาบขณะที่กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อพูดออกไป

            ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ตนไร้หนทางอย่างที่สุด ถึงได้ตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางสกปรกนี้ แต่เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดต่อไป ไม่ใช่อยู่รอดไปวันๆ แต่อยู่รอดไปได้อย่างยืนยาวกว่าที่เป็นอยู่
     
           ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากตายจริงๆ
     
           "รอดูข่าววันพรุ่งนี้ ฉันคิดว่าคนทั้งโลกคงได้รู้ ว่าตอนอายุสิบเก้าเธอทำอะไรไว้"
     
           ปฎิกิริยาของคริสต้าทำให้แองกัสรู้ว่าสิ่งที่ตนพูดได้ผล เพราะเธอหยุดชะงักและหันกลับมามองเขา สายตาธรรมดาที่เคยใช้มองมานั้นไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว และแองกัสตระหนักว่าตนอาจคิดผิดที่ตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นลงไป บัดนี้เธอไม่ได้มองเขาเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
     
           แน่นอน เขาและเธอจะไม่มีทางไปกันได้ดี เพราะแองกัสรู้อะไรที่คริสต้าต้องการทิ้งมันไว้ตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว
     
     

     flor - Slow motion
           
     
    Talk
    เห็นรีดเดอร์หลายคนรอเรื่องนี้อยู่ เลยแวะมาอัพค่า ยังมีคนอ่านอยู่มั้ยง่ะ55555
    สงสัยค่ะว่ายังมีคนอ่านเว็บนี้กันอยู่ไหม รู้สึกนักเขียนหยุดอัพนิยายกันไปเยอะมาก
    หรือเขาย้ายไปเว็บไหนกันคะ มาแชร์กันหน่อย555
    เราห่างหายไปสักพักใหญ่ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามรอคอยกันเสมอมานะคะ รักค่า
            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×