ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
Prologue
"...น้องสาวของฉันตายแล้ว"
แอชตันยืนพูดอยู่ริมสะพาน มือข้างหนึ่งถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของเหลวสีออกส้มเหลืออยู่ก้นขวด คารีน่ายืนมองชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้ ดวงตาเริ่มเจ็บปวดเพราะน้ำตา
บรรยากาศรอบตัวเย็นสบายและมีลมพัด ผมยาวของคารีน่าถูกพัดไปข้างหลัง คล้ายลมกำลังดึงเส้นผมของเธอ จมูกได้กลิ่นสเปรย์ฉีดผม ดวงตาหนักและเหนื่อยล้า โทษมาสคาร่าที่กำลังทำให้ดวงตาแสบ แต่ใจยังสู้และพูดในสิ่งที่ต้องพูดต่อไป
"ฉันรู้ที่รัก" คารีน่าตอบ ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาที่ตั้งใจสร้างขึ้น มันไหลไปทั่วทั้งแก้มของเธอ "และฉันรู้ว่ามันเจ็บมาก ฉันรู้ เพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง ฉันคงรู้สึกปางตายเหมือนกัน"
เธอออกเดินช้าๆอย่างระมัดระวังไปทางริมสะพาน บริเวณที่แอชตันยืนอยู่
น้ำตาเริ่มไหลจากแก้มลงสู่ปกแจ็คเก็ตหนังสีชมพูมันวาว "ดังนั้นได้โปรด อย่าสร้างความเจ็บปวดเพิ่มไปมากกว่านี้อีกเลย" เธอพูดเสียงสั่น "และลงมาจากระเบียงนั่นได้แล้ว"
แอชตันยังคงยืนนิ่ง เขาเริ่มยกซดแอลกอฮอล์จนหมดขวด ชายหนุ่มค่อยๆหันหลังกลับมาหาเธอ เขาเซ เท้าดูไร้ความมั่นคง แขนอ้าออกเล็กน้อยเพื่อทรงตัวแม้จะดูมึนเมา คารีน่าร้องอุทานด้วยความตกใจตาม ตอนนี้น้ำตาของเธอกำลังทำงานได้ดีเยี่ยม มือสองข้างเอื้อมไปหาแอชตัน แสดงท่าทางดูระมัดระวังไม่ให้เขาตกใจ
ใช้เวลาไม่นาน ชายตรงหน้าก็โน้มตัวแล้วกระโดดลงมาหาเธอ เขาทิ้งน้ำหนักตัวเกือบทั้งหมดเข้าใส่ หญิงสาวกอดเขาไว้แน่น น้ำตาตกซึมเสื้อแขนยาวของคนที่กำลังกอด
"ถ้าทำอะไรแบบนี้อีก ฉันนี่แหละจะเป็นคนฆ่านายเอง เข้าใจไหม!" เธอสั่ง ดวงตาสองข้างหลับสนิท แขนโอบกอดแอชตันไว้ มือขยำเสื้อของเขา รู้ตัวว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าว แม้อากาศรอบกายจะเย็น
"ขอบคุณ" แอชตันคลายกอดออกช้าๆเมื่อพูดจบ ใบหน้านั้นขยับเข้ามาหาเธอ สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากตัวเขาที่ดูสดชื่นและสะอาด "เธออยู่ข้างฉันมาตลอด"
เธอมองเห็นกระบนแก้มและจมูกที่ถูกรองพื้นบางๆปกปิด สายตาจ้องมองที่ดวงตาสีน้ำตาล หวังให้เวลาเดินช้ากว่านี้อีกสัดนิด ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง ก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาสทำมันอีก
"แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ" เธอว่า ใจเต้นแรงจนอยากกรีดร้องคัดค้านมัน "ฉันต้องการนาย"
คนตรงหน้าส่ายหัวตอบอย่างเชื่องช้า ดวงตาบวมและปรือจากการร้องไห้มาตั้งแต่เช้านี้ "ไม่" เขายิ้มอย่างเหนื่อยล้า "ฉันต่างหากที่ต้องการเธอ ลู"
มันเป็นเวลาครู่หนึ่งที่ทั้งคู่จ้องมองกันและกันในระยะประชั้นชิด เธอนึกขอบคุณที่น้ำตาคลอเบ้า ภาพตรงหน้าจึงดูเลือนลาง มันไม่นานก่อนที่แอชตันจะตัดสินใจโน้มตัวลงมาจูบเธอ รอยจูบบางๆนุ่มนวลที่เธอรู้ว่าอีกไม่นานมันจะจบลง
"คัท!"
ผู้กำกับร้องลั่น ไม่นานนักเสียงปรบมือดีใจทั่วสะพานใหญ่ก็ดังก้อง
แสงสปอร์ตไลท์เริ่มหรี่ลงและดับไป ช่างแต่งหน้าทยอยกันวิ่งเข้ามา คารีน่าและแอชตันผละออกจากกันช้าๆ ปลายนิ้วของเธอสัมผัสปลายนิ้วของแอชตันอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้เธอเผลอกำมือแน่นแล้วรีบซ่อนมันไว้ข้างหลัง
แอชตันยิ้มอีกครั้ง ดูกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่กุซมาน คาแร็คเตอร์ในซีรี่ส์เมื่อครู่
และเธอ ที่ไม่ใช่ลูเครเซีย
"ทำได้ดี เทคเดียวผ่านอย่างเคย" ผู้กำกับเดินมาหาทั้งคู่ อีกฝ่ายยิ้มเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าได้รับรางวัลออสการ์เมื่อสองวินาทีที่แล้ว ช่างแต่งหน้ากำลังวิ่งเข้ามาหาคารีน่า กระดาษทิชชู่ถูกซับน้ำตาที่เธอสร้างออกทีละนิด
แอชตันยิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจ เขาโค้งหัวอย่างเล่นสนุกให้ผู้กำกับ เลี่ยงช่างแต่งหน้าที่ตั้งใจจะเช็ดเหงื่อและน้ำตาให้เขาโดยการหลบเข้ามากอดเธอแทน
"ยกความดีความชอบให้แคร์รี่ เธอเป็นคนเริ่มบอกให้ผมฝึกบทนี้ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว" เขาพูดพลางเป่าปากหันมามองเธอ
คารีน่ายิ้มตอบรอยยิ้มร่าเริงนั้นอย่างไม่ถือสา มันไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับการที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ทั้งคู่ทำแบบนี้กันมาร้อยครั้งระหว่างถ่ายทำ ถอดเสื้อผ้าเกือบทั้งหมดก็ทำมาแล้ว
ทว่าในชีวิตจริง การที่แอชตัน เรนเดรอซสัมผัสตัวเธอมันต่างกัน ยังไม่นับการที่เขาเรียกเธอสั้นๆว่าแคร์รี่
"เราพยายามกันทั้งคู่ ฉันแค่ไม่อยากให้เราต้องตาบวมไปมากกว่านี้" เธอหัวเราะพลางค่อยๆเอนตัวออกอย่างระมัดระวัง
แขนข้างหนึ่งของแอชตันจึงคลายออก มันดูเป็นธรรมชาติ เหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร คารีน่ายิ้มอย่างโล่งอกระหว่างที่ตัดสินใจเดินออกไปจากบทสนทนานี้ หวังจะทำตัวให้กลมกลืนไปกับกลุ่มสตาฟที่เดินกันวุ่นเพื่อจัดเก็บฉากรอบๆ
ในเวลาห้าโมงเย็น ไข่ดาวกับขนมปังอุ่นๆเมื่อเช้านี้เย็นชืด เธอก้มลงมองกล่องพลาสติกที่ยังมีไอน้ำเกาะ ตั้งใจว่าจะกินมันกับแอชตันเมื่อเช้าระหว่างฝึกซ้อมบท แต่ไอตาน่า แฟนของแอชตันแวะมาเยี่ยมที่กองถ่ายพร้อมแพนเค้กโฮมเมดที่แม้แต่เธอเองก็ยังทำไม่ได้
คารีน่าคิดว่าบางทีเธออาจทำแพนเค้กมาที่กองถ่ายบ้าง แต่ทุกวันนี้ใช้แพนเค้กผสมสำเร็จรูปหยอดลงบนกระทะ ถึงแม้น้องชายจะคอยชมอยู่เรื่อยว่าอร่อย แต่ยังไงมันก็เป็นแค่แพนเค้กสำเร็จรูป
ช่วงหลังมานี้นักแสดงสาวตั้งใจฝึกเล่นเปียโน เพราะมีโอกาสได้สอนไอตาน่าช่วงพักกอง ไอตาน่าผ่านเรียลลิตี้ทีวีประกวดร้องเพลงของสเปน เธออายุเพียงแค่สิบเก้าปี แต่มากความสามารถ ทำให้แม้แต่คารีน่าเองยังประทับใจ
ซึ่งมันไม่แปลกเช่นกัน ที่แอชตันจะหลงรักผู้หญิงอย่างไอตาน่า เธอทำตัวไม่ถูกทุกครั้งที่ไอตาน่ากล่าวชื่นชมเธอต่อหน้าแอชตัน มันคล้ายกับอยู่ในสถานการณ์ที่เธอเป็นก้างขวางคอคู่รัก ดังนั้นการได้รับคำชมมันช่างอึดอัดไม่สบายตัวนัก
คารีน่าไปได้ดีกับการแสดงหน้ากล้อง แต่เมื่อมีงานประกาศรางวัล ปาร์ตี้ หรือแม้แต่ช่วงแฟชั่นวีคที่ถูกเชิญไปถึงนิวยอร์ก ปารีส และลอนดอน มันก็ยังคงทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวท่ามกลางผู้คนมากมาย
ทุกคนรู้จักเธอ หรือแม้แต่พร้อมจะเล่าความลับน่าอับอายที่สุดให้ฟัง แต่เธอไม่สามารถทำสิ่งเดียวกันเฉกเช่นคนอื่นๆได้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ฝึกวิธีทำแพนเค้กด้วยตัวเองผ่านยูทูป มันก็คงจะไม่มีประโยชน์หากไม่มีคนลองชิมฝีมือของเธอ น้องชาย คริสโตเฟอร์ ย้ายไปอยู่หอของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ เธอจะใช้ชีวิตที่บ้านตัวคนเดียว และการถ่ายทำซีรี่ส์จบลงแล้ว
เธอได้พบเพื่อนใหม่ที่อาจชวนไปเที่ยวนอกเวลา เจอแอชตันเป็นรอบที่หกของการทำงาน เขายังเป็นคนร่าเริงคนเดิม แต่เมื่ออยู่ในสภาวะนิ่งเงียบก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อย่างทุกครั้ง
ทั้งคู่จูบกันมานับไม่ถ้วนภายในจอภาพยนต์และซีรี่ส์ ล่าสุดเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว การจดจำสัมผัสของเขาไม่ควรจะรบกวนจิตใจเธอหลังจากถ่ายทำเสร็จ แต่มันเป็นแบบนี้เสมอ และเธอไม่เคยชอบใจ
กลับบ้านไปนั่งดูเน็ตฟลิกซ์ นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจจะทำจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ จากนั้นอาจจ้องมองกระจกบานมหึมาในห้องน้ำก่อนเข้านอน บอกตัวเองผ่านเงากระจกว่าตัวเธอสุดยอด เก่งรอบด้าน และมากความสามารถแค่ไหน
หาอะไรก็ได้ที่ทำให้ลืมใส่ใจว่าลึกๆ เธอหวังให้บทพูดบทสุดท้ายของแอชตันเมื่อครู่คือความจริงที่เขาต้องการจะบอกเธอ
People who will be in this story (left to right)
Itzan, Aron, Ester, Ashton(made up name), Maria, Carina(made up name), Miguel, Alvaro, Mina
ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกินกับการถ่ายทำฉากสุดท้ายเมื่อเย็นนี้ แอชตันยืนมองวิวยามค่ำคืนริมหน้าต่างกว้างภายในบ้านของตน เขาเห็นเงาตัวเองในกระจกกำลังบังแสงไฟในบ้าน จ้องมองรถเล็กจิ๋วล่างหุบเขาที่เคลื่อนตัวไปมาดูวุ่นวาย
มันจบลงแล้ว เขาจะได้พักผ่อน ก่อนที่จะเริ่มออกสายโปรโมตซีรี่ส์พร้อมเพื่อนนักแสดง
เวลานี้ควรรู้สึกดีไม่ใช่หรือ? ทว่าบางอย่างทำให้รู้สึกว่างเปล่า คล้ายชิ้นส่วนบางอย่างในร่างกายถูกขโมยออกไป และเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ช่วงที่เริ่มถ่ายทำซีรี่ส์
อาจเป็นเพราะความผูกพันธ์กับเหล่านักแสดงและผู้กำกับ แอชตันปลอบใจตัวเองยามที่ยกไวน์ขึ้นดื่ม เขาเริ่มปวดหัว และคิดว่าอีกไม่นานอาจเข้านอน แต่ไม่แน่ใจว่าการที่มัวแต่คิดถึงเพื่อนร่วมงานจะทำให้หลับได้ลง
คารีน่า โมเรโน่เหมือนภาพติดตาที่คอยแต่จะคืบคลานเข้ามาในสมอง แอชตันจำรอยยิ้มของเธอยามที่เขาบอกลาเธอได้ จำได้ว่าริมฝีปากนั้นนุ่มแค่ไหนตอนที่จูบเธอเป็นครั้งสุดท้าย และเสียงสั่งคัทของผู้กำกับที่ฟังดูดังกึกก้องและน่ารำคาญกว่าทุกครั้ง
เช่นเดียวกับการที่จำได้ดีว่าเธอมักเดินจากไปก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฉากไหนก็ตาม
คารีน่าเป็นนักแสดงที่ปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ในครั้งแรกที่พบเธอ เขาประหลาดใจ เพราะหลังจากที่เธอโยนถั่วเข้าปากเล่นกับสตาฟระหว่างพักกอง เมื่อเข้าสู่หน้ากล้องเธอกลับร้องไห้ฟูมฟายจนแทบขาดลมหายใจ
เขายังจำได้อีกว่าคืนแรกหลังจากที่ได้พบเธอ เสียงหัวเราะของเธอดังก้องแค่ไหนในหัวระหว่างข่มตานอนหลับ
เมื่อไม่นานมานี้เธอช่วยจ่ายค่าเสียหายให้แก่โรงเรียนที่ใช้เป็นกองถ่าย เพราะเขา แอรอน และอัลวาโร เพื่อนนักแสดงทำโต๊ะเรียนเป็นรอยไหม้เพียงเพราะตั้งใจจะสูบบุหรี่
"อย่าใส่ใจเลย"
คารีน่าพูดอย่างนั้นตอนที่เขาขอโทษและขอบคุณเธอ
แต่จะให้เขาไม่ใส่ใจได้อย่างไร
เขาใส่ใจทุกครั้งเวลาที่ได้ออกฉากร่วมกับเธอ ตอนที่เห็นเธอในเดรสลายดอกไม้สีชมพูอ่อน ริมฝีปากสีเข้ม ฉากที่เธอต้องดึงเขาเข้าใกล้ ฉากที่ทั้งคู่ยืนเคียงข้างกัน เหมือนคู่รักที่พร้อมจะต่อสู้กับโลกเหลวแหลกในสังคมคนมีฐานะ
เขาแค่นหัวเราะเมื่อดึงตัวเองกลับเข้าสู่ความจริง
ความจริงที่ว่าเขาและคารีน่าไม่ได้เป็นคู่รักกัน เธอไม่ได้ไล่ตามคว้าความรักจากเขาอย่างบทลูเครเซียในซีรี่ส์
คารีน่า โมเรโน่ไกลเกินเอื้อม นั่นคือสิ่งที่คิดมาตลอด เธอเป็นหญิงสาวที่โด่งดังด้วยความสามารถของตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก แอชตันเห็นเธอในป้ายบิลบอร์ดตั้งแต่ที่เขาเพิ่งได้แคสติ้งภาพยนต์เรื่องแรก
ในสายตาเขาเธอโดดเด่นแบบที่ไม่ต้องพยายาม แม้แต่ตอนนั่งอ่านบทในเวลาตีห้าครึ่ง
"เมื่อไหร่กันที่พี่จะเก็บแม็กกาซีนเล่มนี้เข้าชั้น" เสียงก้องของหญิงสาวอีกคนดังทั่วบ้านหลังใหญ่
แอชตันสูดลมหายใจเข้าเบาๆ เขาตั้งใจจะดื่มไวน์ในแก้วต่อ แต่ของเหลวเหลืออยู่เพียงก้นแก้ว
รองเท้าส้นสูงของไอตาน่าดังเป็นจังหวะขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ความจริงอีกข้อที่ต้องเตือนใจตัวเองคือการที่ไอตาน่ายังคงเป็นคู่รักของเขา คู่รักที่ใครๆต่างคิดว่ารักกันปานจะกลืนกิน เรื่องโกหกที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ การเสแสร้งในที่สาธารณะเพียงเพื่อต้องการให้ปาปารัสซี่จับภาพได้
เขาจำได้ว่ามีหลายครั้งที่ไอตาน่ามาเยี่ยมหาเขาถึงกองถ่ายซีรี่ส์ เขาต้องจูบเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย รวมถึงคารีน่าที่กำลังยืนอ่านบทห่างออกไปไม่ไกล
"แล้วเมื่อไหร่ที่เธอจะเลิกยุ่งกับของส่วนตัวของฉัน" ชายหนุ่มเดินไปวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะกลางโซฟาตัวใหญ่
ไอตาน่าทิ้งตัวลงบนโซฟา เธอมองแม็กกาซีนบนโต๊ะ ที่ตอนนี้แอชตันรีบหยิบมันขึ้นมาคล้ายเป็นของรักของหวง
"แม็กกาซีนเล่มนั้นคือของส่วนตัวของพี่เหรอ" เธอแสร้งปั้นสีหน้าสงสัย "เดาได้ไม่ยากว่าพี่อาจเอาเล่มนี้เข้าไปในห้องน้ำระหว่างที่กำลังทำภารกิจ"
"ไม่ เงียบไปเลย เธอคิดเรื่องแบบนี้เป็นเมื่อไหร่กัน ฉันจะบอกพี่ชายของเธอ" แอชตันหันไปชี้หน้าเธอระหว่างเดินไปเปิดประตูใหญ่ของห้องนอน ตัดสินใจโยนแม็กกาซีนลงบนเตียง
คนอายุน้อยกว่าหัวเราะร่า "เลิกมองว่าฉันเก้าขวบสักที และตอนนี้ใครๆก็บอกว่าฉันดูเป็นสาวแซ่บ พี่ก็น่าจะลองใช้คำนั้นเรียกฉันบ้าง"
แอชตันส่ายศีรษะ เขายิ้มให้เด็กสาวบนโซฟา
เขาไม่ใช่คนรักของเธอ และเธอก็ไม่ใช่คนรักของเขา แอชตันรู้ดีพอๆกับที่มีสติรู้ว่าหัวใจอยู่ข้างไหนของหน้าอก มันไม่ต่างจากการสร้างกระแสเพื่อทำให้เธอและเขามีชื่อเสียงขึ้น ใจหนึ่งนึกสมเพชตัวเองที่ต้องยอมรับในข้อเสนอของผู้จัดการ
แต่ไอตาน่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท และแอชตันรู้ว่าเด็กสาววัยรุ่นอยากประสบความสำเร็จในสายอาชีพนี้มากแค่ไหน อันที่จริงเธอสร้างชื่อได้พอตัวหลังจากไปดูการแข่งขันโมโตจีพีและได้ถ่ายรูปคู่กับนักแข่งแนวหน้าอย่าง มาร์ค มาร์เกซ
"ฉันอยากให้เธอโทรบอกล่วงหน้าสักนิดก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้าน" เขานั่งลงบนโซฟาตรงข้าม "เธออาจได้กุญแจบ้านของฉัน แต่ยังไงบ้านนี้ก็เป็นทรัพย์สินของฉัน ที่ไม่มีชื่อเธออยู่ในนั้น"
ไอตาน่าหรี่ตามอง "แหม พูดอย่างกับว่าเราไม่ใช่คู่รักกัน" เธอเหน็บแนม "พี่ไม่คิดเหรอว่าปาปารัสซี่อาจสงสัยก็ได้ว่าทำไมแฟนสาวของแอชตันถึงต้องกดออดหน้าบ้านรอให้แฟนมาเปิดประตูให้ เราคบกันมา...."
หญิงสาวหยุดครุ่นคิด ดวงตาเหลือบมองเพดาน คล้ายกำลังคิดคำนวณตัวเลขมหาศาลบนเพดานสีขาวกว้าง
"แปดเดือนกว่า" แอชตันต่อประโยคแทน "ไม่ต้องย้ำฉัน มันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะยากลำบากสำหรับฉัน"
"บอกผู้จัดการก็ได้นี่ว่านานเกินไปแล้ว เพราะฉันเองก็เริ่มจะเหนื่อยที่ต้องคอยตอบคำถามพิธีกรในรายการว่าเรามักทำอะไรกันในวันหยุด"
มันไม่ใช่ว่าแอชตันไม่ได้คิดเรื่องนี้มาตั้งแต่สองสามเดือนที่แล้ว แปดเดือนกว่านั้นมากพอที่ผู้คนจะเริ่มไม่สนใจในความรักหลอกลวงของทั้งคู่อีก นานเกินไปสำหรับตัวเขาและเธอ
ไอตาน่าควรเติบโตในวงการบันเทิงด้วยตัวเองดีกว่าใช้ชื่อเสียงเรื่องชู้สาว เช่นเดียวกับตัวเขาเอง ทว่าเมื่อมองไปทางเด็กสาวที่รู้จักตั้งแต่สมัยเด็ก เขากลับอดนึกภาพที่เธอจับไมโครโฟนพลาสติกสีชมพูไม่ได้
เธอมีความฝันที่ใกล้จะเป็นจริง เสียงร้องของเธอกำลังพัฒนา แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขารู้ว่าไอตาน่าจะมีอนาคตที่สดใส และเขาไม่ต้องการให้ข่าวเลิกราของทั้งคู่มากลบข่าวเพลงใหม่ของเธอที่เพิ่งออกมาล่าสุด
"อีกสักสองสามเดือน" เขาพูดในที่สุด คิดว่ากำลังบอกกับตัวเองมากกว่าคนตรงข้ามโซฟา "แล้วค่อยมาว่ากันอีกที"
ชั่ววินาทีหนึ่งที่แอชตันคิดว่าตนตัดสินใจผิด แต่เขาไม่ต้องการเป็นคนเห็นแก่ตัว อดทนมาได้เกือบจะถึงเก้าเดือนแล้ว อีกแค่สองสามเดือนคงไม่ใช่ปัญหาอะไร
ตอนนี้เขาอาจใช้เวลาเพื่อคิดหาเหตุผลบอกสื่อว่าทำไมเขากับไอตาน่าถึงแยกทางกัน อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเขาหรือเธอนอกใจ และไม่คิดว่าเหตุผลยอดฮิตอย่าง "ตารางเวลาที่รัดแน่น" จะสมเหตุสมผล
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนเมื่อไอตาน่าออกจากบ้าน เขาปิดประตูกั้นตัวเองและโลกแห่งความจริงไว้ สายตาจ้องมองไปที่แม็กกาซีนบนเตียงคิงไซส์สีดำอีกครั้ง
แม้ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเขาจะได้ออกงานร่วมกับไอตาน่า ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน มันก็ไม่ได้ลบข้อเท็จจริงที่ว่าเขามองไอตาน่าเป็นเพียงแค่น้องสาวเท่านั้น และไม่มีทางมากไปกว่านั้นได้เลย
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แม้กระทั่งหญิงสาวที่เขาคอยแต่จะมองหาทั่วงานเลี้ยงทุกแห่งที่ไปในสเปน และแม้ผู้จัดการจะตำหนิถึงพฤติกรรมการชะเง้อคอยาวของเขา มันก็ไม่ได้ทำให้แอชตันหยุดทำเช่นกัน
แอชตันจะรักใครได้อย่างไร ในเมื่อใจคอยแต่จะวกกลับไปหาหญิงสาวในปกแม็กกาซีนฉบับเดือนพฤศจิกายนที่วางอยู่บนเตียง คารีน่า โมเรโน่
Lauv - There's no way
Talk
สวัสดีรีดเดอร์ทุกคนนะคะ เราห่างหายจากการแต่งนิยายไปพอสมควร คิดถึงกันรึเปล่า5555
อย่าลืมคอมเมนต์ให้กำลังใจกันนะคะ ทุกกำลังใจมีค่าสำหรับเราค่ะ ♥
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น