ปาฏิหารย์ "รัก" ครั้งสุดท้าย
แม้ความรักในอดีตจะทำให้ปลายฟ้าเจ็บปวดมากมายแค่ไหน แต่เธอก็ยังคง เลือก และ รอ ความเจ็บปวดครั้งนั้นกลับมาอีกครั้ง ...แม้ ชีวิตเธอ จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ระหว่าง ความเป็น และ ความ ตาย แต่เธอยังคงเชื่อเสมอ ว่า ความรักจากเขา จะทำให้เธอ กลับไปสู่คนปกติได
ผู้เข้าชมรวม
318
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 1
เรื่องราวดีๆมากมายที่เข้ามาในชีวิตฉัน
ทุกๆเรื่อง มันคือความรัก และ ความทรงจำ
ณ ไร่ดอกทิวลิปที่แห่งหนึ่งประเทศฮอนแลนด์ ที่ๆราวกับสรวงสวรรค์ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเหล่าดอกไม้หลากหลายสีจะพร้อมใจกันเบ่งบานในฤดูหนาวที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ อากาศแสนอบอุ่นยามได้ใส่เสื้อผ้าหนาๆหรือแม้แต่กอดกับใครสักคนอันเป็นที่รัก เมื่อมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงไอหมอกที่ทำให้บรรยากาศหม่น มองเห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก หากแต่ได้ยินเพียงเสียงๆหนึ่งของเด็กสาวที่หัวเราะอย่างมีความสุข ในที่ๆหนึ่งของไร่ทิวลิปแห่งนี้ เพียงแค่เสียงนั้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหยุดชะงัก ที่ก่อนหน้าเดินอยู่ ก่อนจะสอดส่องสายตามองหาเสียงๆนั้นอย่างตั้งใจ มือทั้งสองข้างได้ยืนกอดอกเอาไว้อย่างเหน็บหนาว ก่อนจะค่อยๆเดินต่อไปอย่างๆช้าเมื่อเสียงๆนั้นเริ่มหายไป
มีเพียงดอกทิวลิปที่สูงเกือบถึงหัว เด็กชายคนนั้นยังคงเดินตามหาเสียงราวนั้นไม่หยุดหย่อนราวกับต้องคำสาป เขาเดินไปอย่างใจจดใจจ่ออย่างไม่รู้สาเหตุใดๆ ด้วยยังเยาว์วัยอยู่ความสูงในการสอดส่องมองหายังด้อยอยู่มาก จนบางครั้งต้องชะเง้อดูถึงจะเห็นวิวรอบๆ ยังไม่ทันมองว่ามีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ทันใดนั้นมีร่างใครคนหนึ่งชนตนเองเข้าอย่างจัง ทั้งสองล้มลงไปนอนทับกันอย่างไม่ทันตั้งตัว…ฟึบ!! ทั้งสองคนหลับตาปี๋อย่างหวาดเสียวยิ่งนัก
ก่อนที่เด็กชายคนนั้นจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับหลับฝันไปในห้วงเวลาหนึ่ง เธอผู้ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอตัวเล็ก ผิวเธอขาวอมชมพู หน้าเธอใสจนเห็นเลือดฝาดบนใบหน้า ผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอหล่นลงมากองตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นยาวประมาณกลางหลัง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เป็นชุดเด็กสาวบ้านไร่ เสื้อสีขาว กระโปรงยาวลายลูกไม้ มือนุ่มๆของเธอได้จับหน้าอกของเด็กหนุ่มคนนั้นไว้แน่น สีหน้าออกค่อนข้างตกใจเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับจดจำใบหน้าเด็กหญิงคนนั้นได้เป็นอย่างดี ที่คอเธอแขวนสร้อยคอเงิน จี้รูปดาวดวงเล็กๆราวกับเป็นตัวแทนของใครคนหนึ่ง
“ปลายฟ้า!! ลูกไปซนอยู่ไหน” เสียงผู้ชายวัยกลางคน คนหนึ่งเรียกเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา เด็กหนุ่มนั้นรู้สึกว่าเขากำลังเดินมาที่ตรงนี้ในไม่ช้า
เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อ ปลายฟ้า หันมองตามเสียงนั้นราวกับตั้งเวลาไว้ พร้อมกับรีบเอามือปัดฝุ่นที่เข่าและกระโปรงเธอทันที ก่อนที่ปลายฟ้าจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มคนที่เธอนอนทับร่างอยู่อย่างแปลกใจ
“ปลายฟ้า!!” เสียงพ่อเรียกขึ้นอีกครั้ง ปลายฟ้าอ้าปากเหวออยากจะพูดกับเด็กหนุ่มคนนั้น แต่แล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปตามเสียงของพ่อแทนที่จะทักทาย
เหลือเพียงสายตาและรอยยิ้มเล็กๆของเด็กหนุ่มคนนั้นที่ยืนมองอยู่ตรงที่เดิน กลางไร่ดอกทิวลิป รอบข้างมีทิวลิปสีชมพูบานสะพรั่ง ช่างงดงามราวกับในเทพนิยายจนสุดสายตา เขาเห็นเพียงแผ่นหลังเล็กๆของเธอผู้นั้นลับตาไป เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มให้กับตัวเองอยู่ชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
จากวันนั้นเป็นต้นมาเด็กสาวคนนั้นที่ชื่อปลายฟ้าก็หายไปพร้อมกับเสียงๆนั้นที่ทำให้คนฟังรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกดชั่วขณะ เด็กหนุ่มคนนั้นได้เดินมารอปลายฟ้าในที่ตรงนั้นทุกๆวัน แม้บางวันอากาศจะหนาวราวกับน้ำแข็ง แต่เด็กหนุ่มก็เลือกจะมารอเจอทุกครั้งอย่างตั้งใจ ยามแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ เด็กหนุ่มคนนั้นก็กลับไป เขาเฝ้ารออย่างนี้มาเกือบสามวัน และวันที่สามเด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังคงมารอ…
เช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่สาม เด็กหนุ่มคนนั้นยังคงมารอเช่นเดิม วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวจัด ผู้คนที่มาชมความงามของดอกทิวลิปค่อนข้างน้อยกว่าทุกๆวัน แต่เด็กหนุ่มคนนั้นยังคงยืนรออยู่ที่เดิม มือที่กอดอกอย่างสั่นสะท้านยังคงอดทนถึงที่สุด ก่อนจะมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา มองไปยังเบื้องหน้าเห็นเขาไม่ชัดมากนัก เพราะหมอกช่างหนาเสียเหลือเกิน ก่อนที่จะเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายร่างสูงโปร่งวัยกลางคนที่ยังคงดูดีไม่ต่างจากวัยรุ่น เด็กหนุ่มคนนั้นมองผู้ชายวัยกลางคน คนนั้นนิ่งพักหนึ่ง ก่อนที่ผู้ชายวัยกลางคนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มเขารู้สึกราวกับเคยเจอที่ไหน หัวใจเด็กหนุ่มคนนั้นเต้นแรงเหมือนที่เคยเต้น ทุกอย่างเริ่มเป็นเรื่องประหลาดขึ้นมา เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอย่างตัดสินใจ
“หนูมารอใครเหรอ บอกลุงได้ไหม”
เขาก้มลงถามเด็กหนุ่มคนนั้นน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นเริ่มหยุดถอยหลังและตัดสินใจเข้ามาคุยกับผู้ชายคนนั้นแทน
“ผมมารอเพื่อนครับ”
“เพื่อนเหรอ ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“ผู้หญิงครับ เธอใส่กระโปรงยาวๆ เธอใส่สร้อยคอที่มีจี้รูปดาวครับ”
เพียงคำตอบของเด็กหนุ่มคนนี้ ทำให้ชายวัยกลางคนๆนั้นนิ่งไปพักหนึ่ง สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสบัดนี้ได้กลายเป็นอิดโรยราวกับมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนัก
“ลุงเป็นอะไรครับ”
เด็กหนุ่มคนนั้นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ชายวัยกลางคนยิ้มรับอย่างใจดี
“เปล่าหรอก เด็กผู้หญิงที่หนูตามหาเป็นลูกของลุงเอง จะไปหาปลายฟ้าไหม”
ชายวัยกลางคนถามขึ้น เด็กหนุ่มคนนั้นยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง มองชายวัยกลางคนแววตาใสซื่อ ก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยตรงมุมปากแล้วพยักหน้า
หลังจากนั้นพ่อของปลายฟ้าก็พาเด็กหนุ่มคนนั้นมาที่บ้านพักของปลายฟ้า เป็นบ้านอยู่ท้ายไร่ดอกทิวลิป หารู้ไม่ว่าที่แสนไกลห่างจากไร่พอประมาณนั้น จะมีบ้านราวกับปราสาทหลังเล็กๆของเจ้าหญิงน้อยคนหนึ่งได้ปลูกไว้เป็นที่พักอาศัยของเจ้าของไร่ บ้านชั้นเดียวสองหลังได้ปลูกไว้ติดกัน ทั้งสองหลังทำด้วยไม้ทาสีชมพูอ่อนๆ รอบๆบ้านถูกล้อมไปด้วยรั้วไม้สีขาว บริเวณบ้านได้ปลูกหญ้าสีเขียวสลับกับดอกไม้นานาชนิดเอาไว้ มีกังหันลมเล็กๆอยู่ข้างบ้าน ยามที่ลมพัดกังหันจะหมุนราวกับเข็มนาฬิกา และที่เป็นจุดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ข้างๆบ้านอีกฝั่งหนึ่ง ใต้ต้นไม้มีเสื่อปูไว้เผื่อมีใครมานั่ง เด็กหนุ่มมองทุกๆอย่างแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันสวยงามเกินกว่าจะบรรยาย เกินกว่าที่ความเป็นจริงจะมีอยู่ เขาหันมองพ่อของปลายฟ้าราวกับมีคำถามบางอย่าง แต่แล้วก็เลือกที่จะเดินตามพ่อของปลายฟ้าไป
พ่อของปลายฟ้าเปิดประตูรั้วขึ้นยามที่เดินมาถึงหน้าบ้าน เสียงของประตูรั้วทำให้หมาในบ้านตัวหนึ่งวิ่งออกมา เป็นหมาพันธ์โกลเด้นขนสีทองเป็นเงาวิ่งออกมาต้อนรับเจ้าของถึงที่ด้วยความดีใจ เด็กหนุ่มคนนั้นชะงัก พ่อปลายฟ้าหัวเราะเบาๆ
“มันชื่อว่าเติมเต็ม เจ้าเติมเต็มมันใจดีนะ หนูไม่ต้องกลัวหรอก” พ่อปลายฟ้าพูดขึ้นราวกับรู้ความคิดของเด็กหนุ่มคนนั้นว่ากำลังตกใจเสียงเห่ามันอยู่
เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนยื่นมือไปลูบหัวเจ้าเติมเต็มเบาๆ มันชอบใจใหญ่พยายามจะเล่นด้วย แต่พ่อปลายฟ้าก็เดินเข้าไปในบ้านเสียก่อน เด็กหนุ่มรีบเดินตามพลางโบกมือให้เจ้าเติมเต็มเดินตามมา
พ่อปลายฟ้าพาเด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาในบ้าน ที่ได้ตกแต่งแบบวินเทจ ทุกอย่างดูนุ่มและสบายตา สีสันโทนสีชมพูอ่อนๆ บ้างก็ฟ้าอ่อน ดูสวยและเข้ากัน มีต้นคริสต์มาสเล็กๆวางอยู่ข้างประตู มีหมีตัวสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่บนโซฟา เด็กหนุ่มเริ่มเก็บรายละเอียดต่างๆไว้ในความทรงจำเด็กตัวเล็กๆคนนี้เท่าที่จะจำได้มากที่สุด หลังจากนั้นพ่อของปลายฟ้าก็เดินตรงมายังห้องๆหนึ่งที่มีพวงดอกไม้คริสต์มาสแขวนอยู่หน้าประตูมีป้ายเล็กๆติดไว้ข้างๆ “ห้องนางฟ้า” เด็กหนุ่มคนนั้นอ่านในใจ พ่อปลายฟ้าหันมามองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูห้องนั้น
เด็กหนุ่มคนนั้นเดินตามพ่อปลายฟ้าเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนที่พ่อปลายฟ้าจะเปิดประตูเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ภายในห้องทาสีเป็นโทนสีฟ้าอ่อน ม่านสีขาวยาวลงมาถึงพื้น เตียงใหญ่ๆผ้าคลุมและผ้าห่มสีฟ้าอ่อนเช่นกัน ตามผนังมีรูปเธอติดอยู่เกือบทั้งห้อง และมีรูปๆหนึ่งที่ติดอยู่เพียงรูปเดียวไม่มีรูปไหนติดอยู่ข้างๆคือภาพผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเธอและคนๆนั้นก็อาจจะเป็นแม่ของเธอก็เป็นได้ เด็กหนุ่มคนนั้นเริ่มมีความไม่เข้าใจในบางอย่าง ก่อนที่จะมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง เห็นร่างเด็กผู้หญิงนอนหลับอยู่ เธอไม่ต่างจากเจ้าหญิงนิทรา เด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ๆจ้องมองเด็กสาวด้วยความไม่เข้าใจ ปลายฟ้านอนหงายหลับใหลในห้วงความฝันที่คงจะงดงามเหลือเกินถึงตื่นขึ้นมาไม่ได้
“ปลายฟ้าเป็นอะไรเหรอครับ” เด็กผู้ชายคนนั้นถามขึ้นทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองให้แน่ใจว่าเด็กหญิงคนนั้นใช่ปลายฟ้าจริงๆ ก่อนที่จะรีบถามทันทีด้วยความสงสัย
พ่อของปลายฟ้านิ่งไปชั่วขณะ เขาก้มหน้าลงพร้อมๆกับแววตาที่ปนเศร้า
“เธอชอบหลับบ่อยๆ เวลาอากาศหนาวเธอจะเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก บางครั้งก็หยุดหายใจหมอบอกว่า เธอเป็นโรคหัวใจ”
“แล้วตอนนี้ปลายฟ้าเป็นยังไงบ้างครับ” เด็กคนนั้นยังคงเลือกที่จะถามต่อไปด้วยความเป็นห่วง เขาไม่คิดเลยว่าครั้งแรกที่เจอเธอจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ยินเสียงเธออีกแล้ว
“ปลอดภัยแล้วล่ะ แต่ต้องนอนแบบนี้จนกว่าอากาศหนาวจะเบาบางลง”
“นั้นเธอก็ไม่ได้ดูดอกทิวลิปบานสิครับ”
“ได้ดูสิ ในความฝันไง รอลุงก่อนนะ เดี๋ยวจะไปหาโกโก้ร้อนมาให้”
พูดจบพ่อปลายฟ้าที่ก็เดินออกไป เสียงเห่าของเจ้าเติมเต็มดังขึ้นเมื่อเห็นพ่อปลายฟ้าเดินออกไป เด็กหนุ่มคนนั้นหยิบเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆหน้าต่างมา ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆเตียงของปลายฟ้า นั่งมองเธอไม่ละสายตาไปไหน สายตาเด็กหนุ่มคนนั้นมองปลายฟ้าเพียงหรี่ตาราวกับน้ำตาจะไหลออกมา เขาปวดร้าวและทรมานอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นปลายฟ้าเป็นแบบนี้ ไม่มีคำอธิบายใดๆที่จะบอกได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผูกพันกับคนๆหนึ่งที่เจอกันเพียงแค่สองครั้งมากมายขนาดนี้ อาจเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้วก็เป็นได้
“ฉันชื่อตะวันนะ ฉันไปรอเธอที่ไร่ทิวลิปทุกๆวัน มันสวยมาก และฉันก็รู้ว่าเธอก็ชอบมัน ตื่นขึ้นมาเร็วๆนะ” เด็กหนุ่มคนนั้นพยายามจะแนะนำตนเองให้กับคนที่นอนหลับอยู่ เขาเสียงสั่นเครือ สงสารผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจับใจ
ตะวันจ้องมองปลายฟ้าไม่ล่ะสายตาไปไหน ราวกับเฝ้ารอให้เธอตื่นขึ้นมาและเห็นเขาเป็นคนแรก แรงอธิษฐานภายในใจของตะวันขอให้ปลายฟ้าลืมตาขึ้นมาสักครั้ง เธอกำลังพลาดความสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย แววตาเด็กหนุ่มดูไร้เดียงสาไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้เลย ตะวันหยิบกล้องที่แขวนไว้ที่คอขึ้นมา เขาได้ถ่ายรูปปลายฟ้ารูปหนึ่งซึ่งเธอหลับอยู่ราวกับเป็นที่ระลึก ตะวันหยิบขึ้นมาดูครั้งหนึ่งแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อยตรงมุมปาก ก่อนที่จะวางรูปนั้นไว้บนโต๊ะข้างเตียง ฟิล์มกำลังแห้งและใบหน้าปลายฟ้าก็เริ่มเห็นชัดขึ้น ระหว่างนั้นพ่อของปลายฟ้าก็เดินเข้ามาพอดี
“รอลุงนานไหม” พ่อปลายฟ้าพูดพลางยื่นแก้วโกโก้ให้ตะวัน “กินให้หมดล่ะ ร่างกายจะได้อุ่นๆ ปลายฟ้าก็ชอบกินนะ” พ่อปลายฟ้าพูดพลางยิ้มให้ตะวัน แต่รอยยิ้มนั้นช่างมีแววตาที่เศร้าเหลือเกิน
“ขอบคุณครับ” ตะวันรับมาพลางเป่าให้โกโก้เย็นลง เขาจิบโกโก้ทีละนิด พลางมองปลายฟ้าอย่างจดจ่อเช่นเดิม
“จริงสิ แล้วหนูมากับใคร พ่อกับแม่ล่ะ”
“ผมมาเที่ยวกับพ่อแม่ครับ พ่อกับแม่พักอยู่ที่รีสอร์ทอีกฝั่งหนึ่ง ที่นั่นสวยมากเลยครับ ไม่ต่างจากบ้านคุณลุงเลย”
“ที่นั่นเป็นรีสอร์ทของลุงเอง รีสอร์ทปลายฟ้า เป็นชื่อของลูกลุงเอง ปลายฟ้าชอบที่นั่นมากเลยนะ”
“เธออยากเป็นเจ้าหญิงเหรอครับ” ตะวันถามขึ้น เมื่อนึกถึงรีสอร์ทที่ได้ตกแต่งราวกับในนิยาย ทุกคนที่เข้าไปพักได้ความรู้สึกราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“ใช่ ปลายฟ้าอยากเป็นเจ้าหญิง เธอชอบทิวลิป ชอบฤดูหนาว เธอชอบบอกลุงว่า ถ้าเธอเป็นเจ้าหญิง เธอก็จะมีพลังวิเศษ และจะได้เสกให้ตัวเองหายป่วย แต่น่าเสียดายทุกๆปี เธอกลับไม่มีฤดูหนาวในความทรงจำเลย” พ่อปลายฟ้าพูดหน้าเศร้า น้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มอยู่
ตะวันมองแล้วรู้สึกเศร้าแทนไม่ต่างจากพ่อปลายฟ้าเลย แม้ตะวันจะเพิ่งเจอกับปลายฟ้าแค่ไม่นานแต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เขารู้สึกผูกพันกับเธอราวกับนานมาแล้ว สายลมหนาวยังคงแทรกแซงเข้ามาในห้องจนได้ พ่อปลายฟ้าชะงักเมื่อรับรู้ได้ เขารีบหาผ้าห่มมาห่มให้ปลายฟ้าอีกชั้นหนึ่ง
ระหว่างที่ทั้งสองนั่งคุยกัน ตะวันสังเกตเห็นนิ้วของปลายฟ้ากระดิกขึ้น ตะวันชะงักรีบวางแก้วโกโก้บนโต๊ะอ่านหนังสือข้างๆหน้าต่าง ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาปลายฟ้าใกล้ๆ พร้อมหยิบกล้องขึ้นมารอถ่ายรูปปลายฟ้าที่กำลังจะลืมตาขึ้น
“เธอกำลังจะมีฤดูหนาวในความทรงจำแล้วครับ” ตะวันพูดขึ้น น้ำเสียงตื่นเต้น พลางเล็งกล้องโพลารอยด์ไว้ที่ตารอถ่ายรูปปลายฟ้าอย่างจดจ่อ
ทุกอย่างไม่นานเกินรอ ปลายฟ้าค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ตะวันกดชัตเตอร์ทันที เขาได้รูปตอนที่ปลายฟ้าลืมตาขึ้น ตะวันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พลางหันไปยิ้มให้พ่อปลายฟ้าเช่นกัน ก่อนที่จะวางรูปนั้นไว้ข้างๆเตียงเคียงคู่กับรูปก่อนหน้า แล้วตะวันก็วางกล้องลงและมองตอนปลายฟ้าลืมตาขึ้นอย่างเต็มตา ตะวันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“สวัสดี เราชื่อตะวันนะ” ตะวันแนะนำตัวทันทีที่ปลายฟ้าได้สติ
“อยู่คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อกลับมา” พ่อปลายฟ้าเปิดโอกาสให้ทั้งสองคุยกัน ก่อนที่จะเดินออกไปพลางเรียกเจ้าเติมเต็มออกไปด้วย ก่อนหน้าที่มันนั่งเฝ้าปลายฟ้าข้างๆประตู พ่อปลายฟ้าเดินออกไปถึงประตูห้องของปลายฟ้าเขาหยุดแล้วหันหลังกลับมามองเด็กทั้งสองคนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆพลางยิ้มให้อย่างเบาใจที่ปลายฟ้ามีเพื่อนใหม่ และหวังว่าเธอจะหาย
“เธอเป็นใครกัน” ปลายฟ้าถามขึ้น พลางหรี่ตาออกมาเล็กน้อยเพราะยังไม่คุ้นกับการที่ต้องปรับสายตาให้รับกับแสงไฟในห้องได้
“ฉันชื่อตะวัน เราเจอกันในสวนทิวลิป จำได้ไหม”
“ตะวัน…” ปลายฟ้านึกถึงชื่อนั้นแล้วพยายามย้อนกลับไปคิดตามที่ตะวันบอก
“จำฉันได้ไหม”
“อ่อ นายนี่เอง คนที่ฉันวิ่งไปชนวันนั้น แล้วเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ปลายฟ้าถามขึ้นทันทีที่จำได้ เธอมีน้ำเสียงตื่นเต้นด้วยความดีใจ
“………….” ตะวันยิ้มให้ แล้วส่ายหน้าไปมา ปลายฟ้าก็ยิ้มให้ตะวันอย่างมิตรภาพเช่นกัน
“ปลายฟ้าจะมีเพื่อนแล้วใช่ไหม”
“^^” ตะวันพยักหน้ายิ้มๆ
“อยากไปรับแสงอุ่นๆข้างนอกจัง ตะวันพาไปได้ไหม” ปลายฟ้าพูดขึ้น เสียงแหบและเบาๆ
ตะวันพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนที่จะค่อยๆพยุงร่างบางๆขึ้นนั่ง
“ไหวนะ รับรองมีแสงตะวันส่องมา เธอหายแน่ๆ”
ปลายฟ้ายิ้มออกมา และเป็นยิ้มแรกของฤดูหนาวนี้ ปากเธอขาวซีดไม่อมชมพูเหมือนที่เจอกันครั้งแรก ตะวันมองใบหน้าปลายฟ้าแล้วแทบยิ้มไม่ออก แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมาให้เห็น ทั้งๆที่ในใจได้เก็บความสงสารไว้จับใจเหลือเกิน ก่อนที่ตะวันจะหันมองรอบๆห้อง เห็นโต๊ะแป้งอยู่ข้างๆ เขาเดินไปทันทีราวกับหาอะไรบางอย่าง ปลายฟ้ามองตามนิ่งด้วยความสงสัย ตะวันหยิบลิปติกสีชมพูอ่อนๆ และแป้งฝุ่น พร้อมหวีเดินเข้ามาหาปลายฟ้าที่นั่งอยู่บนเตียง
“เจ้าหญิงต้องสวยนะ ฉันจะแปลงโฉมเจ้าหญิงให้นะ” ตะวันพูดขึ้น ปลายฟ้ายิ้มออกมาเล็กน้อยตรงมุมปาก ราวกับยังไม่ค่อยจะแข็งแรงดีเท่าไหร่
“นั้นต้องให้น่ารักนะ อย่าให้สวย” ปลายฟ้าพูดขึ้น พลางหัวเราะเบาๆ
“อ้าว ทำไมล่ะ เจ้าหญิงก็ต้องสวยสิ”
“ไม่เอาหรอก สวยเดี๋ยวก็ดูจนเบื่อ แต่น่ารัก มองยังไงก็ไม่หายเบื่อสักที” ปลายฟ้าพูดเสร็จแล้วก็ยิ้มออกมาให้กับตะวัน เธอช่างน่ารัก สดใส และไร้เดียงสา
หลังจากนั้นตะวันก็ทาลิปติก ทาแป้งฝุ่น และหวีผมให้กับปลายฟ้าทุกอย่างจนเธอน่ารักขึ้นเหมือนเดิม ดูแทบไม่ออกเลยว่าป่วย เมื่อแต่งหน้าจนเสร็จตะวันก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมหนาๆมาสวมให้กับปลายฟ้าทันที เธอมองตะวันแล้วรู้สึกว่าเจอเจ้าชายในฝันสักที หลังจากที่เกือบทั้งชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่ในความฝันมานานเหลือเกิน
“พร้อมรึยัง” ตะวันถามขึ้นพลางยื่มือออกไปให้ปลายฟ้าจับ ปลายฟ้ายิ้มรับส่งมือให้กับตะวันทันที
“พร้อมแล้วค่ะเจ้าชาย”
หลังจากนั้นตะวันก็ประคองปลายฟ้าไปที่ไร่ทิวลิป ในฤดูหนาวในปีนี้ปลายฟ้าได้มีความทรงจำเป็นครั้งตั้งแต่เกิดมา เพราะเท่าที่จำความได้เธอก็ป่วยมาตลอด จากที่แม่คลอดปลายฟ้าแล้วก็เสียไปทันทีด้วยโรคหัวใจ ปลายฟ้าก็ได้เติบโตมากับพ่อสองคน แม้จะไม่อบอุ่นเท่าแม่ แต่พ่อปลายฟ้าก็ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดีเสมอมา ตะวันพาปลายฟ้าออกไปในไร่ทิวลิป แสงตะวันเริ่มส่องเข้ามารู้สึกอบอุ่น ปลายฟ้ารู้สึกอบอุ่นจากแสงนั้นราวกับได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง มือที่เมื่อก่อนได้เอาแต่ยืนกอดอกไว้ บัดนี้เธอกลับอ้าแขนรับแสงที่แสนจะอบอุ่นอย่างเต็มที่ ผู้คนเริ่มทยอยกันมาดูดอกทิวลิปเบ่งบานในยามสาย บ้างก็ถ่ายรูป บ้างก็จูงมือกันเดินชม แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนมีความสุขไม่ต่างกัน
ผลงานอื่นๆ ของ อะไรนะ กวาง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อะไรนะ กวาง
ความคิดเห็น