ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #49 : ย้อนยุค 44 : ได้โปรดอย่าเอ่ยคำสัญญากับข้า (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.11K
      950
      6 มี.ค. 62



    ย้อนยุค 44

    ได้โปรดอย่าเอ่ยคำสัญญากับข้า

     

    "ท่านตงฉิน"

    "ท่านรอง"

    เหล่าบุรุษหน่วยอินทรีโลหิตโค้งตัวคำนับร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำสนิท ตงฉินเพียงปรายตามองสองเท้ายังก้าวเดินความเร็วคงที่

    เลวร้าย

    สถานการณ์ตอนนี้ช่างเลวร้ายที่สุด

    ปึง!

    ฝ่ามือหยาบกร้านผลักบานประตูไม้เข้าไปในห้องหนังสือของจ้าวประมุขเหม่ยลี้ ภายในห้ิงไม้คร่ำครึบัดนี้อัดเเน่นไปด้วยเหล่าปรมาอาจารย์ของสำนักตรงกลางห้องมีร่างของโจวหมิงยืนทำหน้าเคร่งเครียดข้างกายมีโจวฮูหยินที่กำลังยืนอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันอยู่

    "ท่านประมุข โจวฮูหยิน" ตงฉินประสานมือคำนับ

    "มาเเล้วรึ" โจวหมืงเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้างดงามฉายเเววกังวลใจอย่างปิดไม่มิด "หาเจอรึไม่"

    "ไม่ขอรับ"

    เเว่วเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกของหลายชีวิตในห้อง โจวฮูหยินกัดริมฝีปากเเน่น "ตามหาต่อไป ต่อให้ต้องใช้คนทั้งสำนักเจ้าก็ต้องหาตัวองค์ชายให้เจอ!"

    "ขอรับ"

    ประมุขเหม่ยลี้คว้ามือนุ่มของผู้เป็นภรรยามากุมไว้อย่างหลวม ๆ เป็นเชิงปลอบใจ พวกเขาประมาทเกินไปที่ไม่คิดว่าองค์ฮ่องเต้จะกล้าลงมือกับองค์ชายสิบเอ็ดในช่วงงานเทศกาลประลองที่เนืองแน่นไปด้วยผู้มีวรยุทธ

    ยามบ่ายที่ทุกคนกำลังตื่นตาตื่นใจกับการประลองของสองสหายสนิทแห่งจวนเศรษฐีเมืองจิ้นหยางก็มีบ่าววิ่งกระหืดหระหอบรายงานว่าคุณชายมู่หายตัวไประหว่างเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์ที่ภูเขาด้านหลังของสำนัก มีเพียงรอยเลือดกองใหญ่และร่องรอยการต่อสู้ที่แลกด้วยชีวิตเป็นของดูต่างหากให้ผู้มาพบเข่าอ่อนยวบ

    ไม่ต้องเสียเวลาคิดอันใด โจวหมิงสั่งให้หน่วยอินทรีโลหิตที่ประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของเมืองรีบกลับมาตามหาองค์ชายสิบเอ็ดทันที แม้แต่ตงฉินก็ร่วมออกค้นหาด้วยตนเองจนถึงยามไฮ่ ทั้งที่เป็นเช่นนี้นอกจากรอยเลือดปริศนาแล้วพวกเขาก็ไม่พบอันใดอีก

    “แล้วน้องสี่เล่า?” คุณชายใหญ่เอ่ยถามตงฉินที่ยืนตรงอยู่กลางห้อง

    “นายน้อยออกนอกจวนไปแล้วขอรับ”

    “อืม”

    ด้วยความสามารถของโจวเจว่ยพวกเขาเชื่อว่าไม่นานต้องพบตัวมู่หลี่หลงแน่

    ใช่

    ต้องหาให้พบ

    สหายสนิทอุตส่าห์ฝากฝังแก้วตาดวงใจเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย นางจะปล่อยให้ลูกชายของพระสนมเฟยสิ้นชีพไม่ได้!

    หลังจากประชุมวิธีช่วยเหลือองค์ชายสิบเอ็ดได้ไม่กี่ชั่วยาม ตงฉินก็ขอตัวออกมาก่อน ร่างสูงใหญ่ปักหลั่นออกจากเรือนโจวฮูหยินมุ่งหน้าไปยังเรือนกระเรียนขาว ในใจรู้สึกถึงตะกอนความขุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

    เรื่องนี้จะให้ถึงหูสือโถวไม่ได้ หากเจ้าเด็กนั่นรู้ว่ามู่หลี่หลงหายไปต้องอาละวาดตามหาอย่างแน่นอน

    มือแกร่งเผลอกำแน่นเมื่อเหตุการณ์เมื่อห้าปีย้อนกลับเข้ามา ภาพของร่างสูงผอมที่นอนหายใจโรยรินอยู่ท่ามกลางบุบผาสีเลือดกรีดหัวใจเขาอย่างเชื่องช้าและเลือดเย็น ยามเห็นภาพนั้นสติที่เคยประคองมาตลอดพลันสูญสิ้น

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ตงฉินได้รู้จักคำว่า กลัว

    “เป็นอย่างไร”

    เงาร่างสีดำปรากฏอยู่ข้างกายตงฉิน หน่วยอินทรีโลหิตทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก “ขออภัยที่ข้าน้อยไร้ความสามารถ”

    “ตามหาต่อไป”

    “ขอรับ”

    “แล้วที่ข้าสั่ง”

    “เรื่องนั้น...”

    คิ้วเข้มขมวดฉับ ตงฉินหยุดเท้าหมุนตัวไปเผชิญกับลูกน้องในอาณัติไอทะมึนโพยพุ่งราวกับน้ำทะลั่ก ฟางหยงกลืนน้ำลายดังเอื้อกเหงื่อเย็นไหลลงเต็มแผ่นหลังกว้าง เรื่องที่จะรายงานให้ท่านรองต่อไปนี้ช่างเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าการที่คุณชายมู่หลี่หลงหายไปเสียอีก

    “ศิษย์น้องสือโถวทราบเรื่องนี้แล้วขอรับ”

     

    “ปล่อยข้า!!!

    “สือโถวอยู่นิ่ง ๆ ก่อน เจ้าบาดเจ็บอยู่นะ!

    “ช่างบาดแผลมันสิ แค่แผลแมวข่วนเดี๋ยวก็หายแล้ว!!

    “อย่าขยับ! เดี๋ยวแผลฉีก!

    ภายในห้องพักของอวี้อิ๋นบัดนี้เต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายยุ่งเหยิง หนุ่มตาแมวอยากกรีดร้องใส่หน้าสหายสนิทที่สติแตกอาละวาดไม่หยุดตั้งแต่ตอนที่รู้ว่ามีใครบางคนหายไปจากสำนัก สองมือได้แต่กอดเอวสือโถวอ้อนวอนให้สงบสติอารมณ์

    ให้ตายเถอะ เจ้าจะแรงเยอะไปไหนกัน!

    “สือโถวเจ้าใจเย็นก่อน ตอนนี้พวกเรากำลังช่วยกันตามหามู่หลี่หลงอยู่ นายน้อยเองก็พึ่งออกไป เจ้าช่ว- เหวออออออออ” หลิวจี่ที่จับแขนซ้ายของสือโถวลอยหวืดกระเด็นไปอีกฝั่งของห้อง เพ่ยอาที่จับแขนข้างขวาอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ตั้งตัวอันใดชายหนุ่มมีอันต้องกระเด็นตามศิษย์น้องไปติด ๆ

    โครม!!!

    “อั่ก!” บุตรชายของพ่อค้าใหญ่กระอั่กเลือดคำโต เพ่ยอาถึงกับลุกไม่ขึ้นได้แต่นอนกุมท้องน้อยอยู่กลางซากโต๊ะไม้อย่างหมดท่า ไม่เจอกันแค่สี่ปีศิษย์น้องจะแรงเยอะเกินไปหรือไม่ นี่ไม่ใช่พละกำลังของมนุษย์ปกติแล้ว!

    “สะ สือโถว”

    อวี้อิ๋นร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยอีกสองคนหมดท่าไปแล้ว สือโถวกัดฟันกรอดจับไหล่เพื่อนตัวเล็กที่ยังคงคว้าเอวตนแน่นไม่ยอมปล่อยเสียงแข็ง “ปล่อย”

    “มะ ไม่! เจ้าไปไม่ได้นะ ข้าไม่ให้เจ้าไป!!

    “อวี้อิ๋น ข้าขอเตือนครั้งสุดท้าย ปล่อย

    ไอสีดำแปลกประหลาดลอยวนรอบร่างสูงผอมในชุดขาดวิ่นของหน่วยอินทรีโลหิต พวกเขาสามคนเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น อวี้อิ๋นตกใจจนเผลอปล่อยมือที่ยึดอยู่ ร่างเล็กถอยหลังอย่างหวาดกลัว หลิ่วจี่รีบลุกขึ้นใช้ร่างของตนปังไอสีดำแสนบิดเบี้ยวนั้น

    “สือโถว จะ เจ้า” เป็นตัวอะไรกันแน่!

    “ถอยไป!!

    พอเห็นว่าสามชีวิตในห้องพร้อมใจกันเปิดทางให้อย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงผอมจึงตบเท้าพุ่งไปยังบานประตูไม้

    ตึงงงง!!

    เเอ้ก!!”

    “...”

    ตงฉินรู้สึกเหมือนเปิดประตูกระเเทกอะไรบางอย่าง นัยน์ตาคมก้มมองซากร่างที่นอนเเอ้งเเม้งอยู่บนด้วยสายตางงงวย “ไปนอนอะไรตรงนั้น?”

    “...”

    หมดกันซีนดราม่าของข้า ขอเขาโชว์ความรันทดของชีวิตสักบทนึงก่อนเเล้วท่านรองค่อยโผล่มาตบเขาไม่ได้หรือ!

    ท่านตงฉินรีบจับสือโถวไว้ขอรับ เขาจะหนีออกไปหาหลี่หลง!

    เพ่ยอาที่ได้สติคนเเรกรีบกุมท้องตะโกนจากมุมห้อง ตงฉินชะงัก นัยน์ตาคมกวาดมองความเสียหายเพียงรอบเดียวก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น มือใหญ่ออกเเรงคว้าเอวคนบนพื้นวูบเดียว สือโถวก็มีอันเป็นห้อยต่องเเต่งอยู่บนบ่ากว้าง

    เฮ้ย! ปล่อยข้านะ!!”

    ไม่มีท่าอื่นให้กร๊าวใจกว่านี้เเล้วเหรอ เเบบนี้เลือดก็ไหลลงหัวหมดสิโว้ยยยยยยยย

    ร่างเเกร่งไม่สะท้านกับฝ่ามือที่ทุบเเผ่นหลังเเม้เเต่น้อย ท่านรองเเห่งหน่วยอินทรีโลหิตกระชับร่างบนไหล่ให้เเน่นกว่าเดิม เอ่ยถามสามชีวิตที่มีสภาพสะบักสะบอมในห้อง

    ใครบอกเรื่องมู่หลี่หลง”

    ขนเเขนพากันตั้งชันเมื่อนัยน์ตาคมเลื่อนมามองที่ตน อวี้อิ๋นร้องอิ๊รีบใช้เเผ่นหลังกว้างของหลิวจี่เป็นที่หลบภัย หลิวจี่ประสานมือให้ตงฉิน “ตอนที่กำลังทำเเผลให้สือโถวมีคนในหน่วยอินทรีโลหิตมาเเจ้งให้ออกตามหามู่หลี่หลงขอรับ”

    หลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายต่อ มันคือสงครามขนาดย่อมดี ๆ นี่เอง

    ตงฉินขมวดคิ้วเเน่น เขาย้ำกับคนในอาณัติเเล้วว่าห้ามเพร่งพรายเรื่องนี้ให้สือโถวรู้เป็นอันขาด ใครหน้าไหนมันกล้าขัดคำสั่งเขากัน!

    ท่านรอง ปล่อยข้านะ! ข้าบอกให้ปล่อยไง!!”

    ฟางหยง”

    ขอรับ!”

    ฟางหยงที่กำลังยืนอาลัยให้ศิษย์อยู่หน้าห้องสะดุ้งเฮือก

    ใคร?”

    ชายหนุ่มทำหน้าอยากจะร้องไห้กับผืนธรณี มารดามันเถอะ ข้าน้อยเองก็พึ่งกลับมาจากการลาดตะเวนพร้อมท่านรองจะไปรู้มั้ยว่าสุนัขไม่กลัวตายตัวไหนมันกล้าคาบข่าวมาให้ศิษย์หัวร้อนผู้นี้ทราบ!

    ข้าถามว่าใคร”

    อ่ะ เอ่อ” ข้าไม่รู้ววววววววว

    ข้าเอง”

    “!”

    ทะ ท่านพ่อบ้านถัง” ฟางหยงอ้าปากค้างเรียกผู้มาเยือนอย่างไม่เชื่อสายตา ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานก้าวออกจากเงาความมืด เผยใบหน้าที่คล้ายกับท่านรองถึงห้าส่วน หน้าผากปรากฏรอยจากการขมวดคิ้วมานานหลายปี ผมสีดำสนิทมีสีเทาเเซมประปราย

    ถังซางเดินผ่านฟางหยงที่หลบตัวหลีกทางให้อย่างรู้งานเผชิญหน้ากับบุตรชายเพียงคนเดียวของตน

    ข้าเป็นคนสั่งให้มาบอกเด็กนี่เอง”

    “...”

    ตงฉินไม่เอ่ยอันใดมีเพียงไอฆ่าฟันที่โพยพุ่งออกจากร่างจนคนในห้องพากันกลืนน้ำลายใืดเหนียวลงคอ

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีสองพ่อลูกคู่นี้ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เกินหนึ่งชั่วยามจริง ๆ

    กล้าดีอันใด”

    พยัคฆ์ร้ายเเห่งเหม่ยลี้เเค้นเสียงผ่านไรฟัน สือโถวนึกอยากสะกิดพี่เเก เอ่อ ถ้าจะตีกันรบกวนปล่อยข้าก่อนได้รึมั้ย คือพี่ชายเเบกข้าอยู่บนบ่านะ ฮัลโหล๊

    ท่านประมุขมีคำสั่งให้เรียกหน่วยอินทรีโลหิตทุกคนตามหาคุณชายมู่” พ่อบ้านถังเหลือบมองก้อนเนื้อที่อยู่บนบ่าบุตรชายตนด้วยสายตาเรียบเฉย “สือโถวก็เป็นหนึ่งในหน่วยอินทรีโลหิต จะมัวมานอนอุตุอยู่ในจวนได้อย่างไร!”

    เเต่สือโถวบาดเจ็บอยู่!”

    เเผลเท่าเเมวดม เจ้าอย่ามาไร้สาระนะถังเฉิง!!”

    อย่ามาเรียกข้าด้วยชื่อนั้น ท่านมันไม่มีสิทธิ!”

    “!...”

    สือโถวส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่ศิษย์พี่ในหน่วย เเต่นอกจากพี่มันจะไม่ช่วยยังมีการยกธูปขึ้นมาคารวะเขาอีก ข้ายังไม่ตายเว้ยไอ้บ้า! จะรีบจุดธูปคำนับหาอะไร เจ้ารีบเรอะ!!

    “เเล้วเจ้าจะมัวนิ่งอีกนานมั้ยสือโถว รีบออกไปตามหาคุณชายมู่สิ!”

    เอ๊า นี่ข้าผิดเรอะ!

    ลงกับลูกชายไม่ได้ก็มาลงกับลูกน้องแทนเหรอลุง!

    เอิ่ม คือ” สือโถวเหมือนคนน้ำท่วมปาก ไอ้ข้าก็อยากจะไปใจจะขาด เเต่ข่วยปรายตาเหี่ยวๆดูหน่อยว่าลูกชายสุดที่รักของท่านเเบกข้าอยู่เว้ยไอ้ตาเเก่นี่!

    ตงฉินกระชับเอวของสือโถวเเน่นกว่าเดิม “ข้าไม่ให้เขาไป! นี่มันเรื่องในหน่วยของข้าท่านไม่มีสิทธิมาก้าวก่าย!”

    นี่ เจ้า!”

    พาพวกเขาออกไปซะฟางหยง”

    ขอรับ”

    เจ้ากล้า!”

    ไม่รอให้ท่านพ่อบ้านต้องกล่าวอะไรอีกเเม้ครึ่งคำ ฟางหยงก็ออกเเรงหิ้วพ่อบ้านถังออกจากห้องตามที่ได้คำสั่งทันที พวกเขาเป็นคนของหน่วยอินทรีโลหิตที่นายน้อยเเละท่านตงฉินเป็นนาย

    คำสั่งของนายย่อมมีความสำคัญมากกว่าพ่อบ้านชราผู้เพียงคนเดียว

    ถึงชายที่ว่าจะเป็นถึงบิดาของท่านตงฉินก็เถอะ

    พวกอวี้อิ๋นรับรู้ได้ว่า ‘พวกเขา’ ที่ท่านรองเอ่ยรวมถึงพวกตนด้วยจึงหอบหิ้วเเขนของศิษย์พี่เพ่ยอาที่นอนเลือดกลบปากอยู่มุมห้องคนละข้างออกจากห้องไปเช่นกัน

    ปึง

    เสียงปิดประตูดังก้อง สือโถวกระพริบตาปริบ ๆ ได้ไม่นานตงฉินก็ก้าวไปยังห้องนอนที่อยู่อีกฝั่งของห้อง

    ท่านรองวางเขาลงบนเตียงอย่างเเผ่วเบาผิดกับท่าทางดุดันเมื่อครู่ ชายหนุ่มกวาดสายตามองร่องรอยบาดเเผลของคนบนเตียงชั่วครู่ก่อนหันหลังไปหยิบกระมังที่มีน้ำอัดเเน่นเเละผ้าสะอาดผืนหนึ่งกลับมา

    เลิกทำหน้าเช่นนั้นได้เเล้ว”

    จะให้ข้าฉีกยิ้มเเป้นเเล้นเหมือนคนบ้าตอนนี้ก็ไม่ได้ป่ะวะสังคม ลูกสาวข้าหายไปทั้งคนเลยนะโว้ย!

    “...”

    สือโถว”

    ตงฉินเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงปนอ่อนใจ สือโถวหันหน้าหนีไปอีกทาง ชายพยัคฆ์เเห่งเหม่ยลี้ถอนหายใจเฮือกหยิบผ้าสะอาดชุบน้ำที่เย็นชืดไปแล้ว

    นายน้อยออกไปตามหาเเล้ว เจ้าวางใจเถิด”

    ข้าจะวางใจก็ต่อเมื่อมู่หลี่หลงปลอดภัยเเล้ว”

    สือโถว”

    ข้าไม่เข้าใจท่านเลยอาจารย์ ท่านก็รู้ว่าเเผลเเค่นี้น่ะมันไม่สะเทือนผิวข้าด้วยซ้ำ เหตุใดไม่อนุญาตให้ข้าออกไป!”

    ข้าเป็นห่วง”

    สือโถวผงะ ตงฉินฉินบิดผ้าหมาด ๆ ก่อนจะเช็ดเลือดที่เเห้งขระบนขมับของอดีตลูกศิษย์เเววตาที่เคยเย็นชาเผยบางสิ่งที่ทำให้สือโถวต้องหุบปากฉับ

    เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า ข้าเลยไม่อยากให้เจ้าออกไป ข้าผิดหรือ?”

    ท่านกลัวทำงานพลาดขนาดนั้-“

    ข้าไม่หมายถึงงาน”

    “...”

    ข้ากลัว...” กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาอีก

    เหมือนที่กลัวมาตลอดสี่ปี

    สือโถวเงียบกริบ นึกอยากจะเอาน้ำในถังสาดหน้าตัวเองสักที ข้าฝันอยู่เเน่ ๆ ไอ้เถื่อนเพียงหนึ่งเดียวของสำนักไม่มีทางมาง๊องเเง๊งหน้าเศร้าเช่นนี้เเน่! ไอ้คนตรงหน้าเขาตอนนี้เเม่งเป็นใครฟะ กล้าดียังไม่มาสิงร่างไอ้เถื่อนนี้ไม่กลัวมันจับเเดกยันวิญญาณเรอะ!!

    ถอด”

    หะ หา?”

    ตงฉินชี้ไปยังเสื้อขาดวิ่นของสือโถว “ถอดเสื้อออกข้าจะทำเเผลให้”

    เอ่อ ไม่ต้องก็ได้นะขอรับ ข้าทำเองได้”

    จะถอดดี ๆ หรือให้ข้ากระชากมันออก?”

    ขว้างเสื้อทิ้งเเทบไม่ทัน

    ฝ่ามือใหญ่ไล่ตามร่องรอยบาดเเผลเจือจางบนผิวสีน้ำผึ้งอย่างตั้งใจ ผิดกับสือโถวที่กัดฟันเเน่นใบหน้าขึ้นสีเเดงสลับเขียว ฝั่งผู้หญิงในร่างร้อง กรี๊ดดดดดดดด ข้าโดนผู้ชายเช็ดนม!! กรี๊ดๆๆๆๆ ฝั่งผู้ชายไม่ยอมเเพ้กระโดดถีบร่างชะนีในตัวขาคู่ มันใช่เวลามาเเรดหรออิบ้า ลูกสาวเจ้าโดนเชือดรียังก็ไม่รู้ อีกอย่างผิวหนังเหี่ยวๆของสาววันสี่สิบฟินกว่าเยอะ เเกจะฟินกับตงฉินทำห่าไร!

    เป็นอะไรรึ?”

    เห็นสีหน้าเปลี่ยนกลับไปมาราวสั่งได้ของสือโถว ตงฉินก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ หรือเขาจะเผลอออกเเรงมากไป?

    ปะ เปล่าขอรับ ขะ ข้าขอเช็ดเองดีกว่า” เขาเอื้อมมือไปหมายจะคว้าผ้าผืนน้อยมาเช็ดเอง เเต่คนเหนือร่างกลับชักมือกลับ ส่งสายตาดุให้อยู่นิ่งๆ

    อย่าซน”

    ด่าซะน่ารัก ตรงไหนของข้าที่มันซนวะครับ!

    ร่างสูงทรุดตัวนั่งบนขาตนเอง ลงมือปลดรองเท้าที่หุ้มสูงถึงเเข้งของสือโถว เขาสะดุ้งเฮือกรีบยกมือห้ามเจ้านายเสียงหลง “ท่านรอง!”

    นี่มันเกินไปละนะเฮ้ย เจ้านายที่ไหนมาถอดรองเท้าให้ลูกน้องกัน

    มันสกปรกนะขอรับ!”

    อืม”

    อืมเเล้วก็หยุดเช็ดสิโว้ยยยยยยย

    บะ เเบบนี้มัน

    ตึกตัก ตึกตัก

    บ้าเอ๊ย!

    ทั้งที่ผ้ามันเย็นเชียบเเต่ยามมันสัมผัสบนผิวหนังกลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่ดี เเบบนี้มันไม่ดีเเน่ ๆ !!

    พอเเล้ว!”

    “?”

    ขะ ข้า คือ” สือโถวเลิกลั่ก ฉับพลันหางตาเผลอไปเห็นเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนที่อวี้อิ๋นเตรียมไว้ให้ตรงหัวเตียง เขารีบคว้ามันไว้เเน่น “ข้าจะเเต่งตัว! เจ้า ท่าน ท่านออกไปก่อน!”

    ออกนอกไปนอกโลกได้เลยยิ่งดี!!

    ตงฉินจ้องหน้าคนบนเตียงนิ่งก่อนจะยิ้มขำ “เจ้าอายหรือ?”

    หา!? ทำไมข้าต้องอาย!!”

    เจ้าหน้าเเดง”

    เลือดลมข้าเดินดีต่างหาก! รีบออกไปเสียทีสิ!”

    ดูเหมือนร่างบนเตียงจะสติหลุดจนลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังออกปากไล่ท่านรองสุดโหดเถื่อนของสำนักเหม่ยลี้อยู่ ตงฉินเพียงยักไหล่ก่อนจะถอดเสื้อ

    เฮ้ยยยยยยยยยยยย

    จะทำอะไร!?”

    สือโถวถอยกรูดติดผนัง อีกฝ่ายชะงักมึกเล็กน้อยก่อนจะปรายตามอง “ก็นอนอย่างไรเล่า”

    นะ นอน!?”

    ความหมายเเฝงหรือความตรงได้โปรดบอกข้าก่อน!!

    ถ้าข้าออกไป เจ้าเเอบคงหนีออกไปหามู่หลี่หลงเพราะฉะนั้นคืนนี้ข้าจะนอนเฝ้า”

    “...”

    ข้า จะ ร้อง ไห้

    ตงฉินยังคงลงมือถอดเสื้อโชว์ซิกเเพ- หือ เดี๋ยวนะ

    สือโถวหรี่ตาจดจ้องก้อนขนมปังตรงหน้า

    หนึ่ง สอง สี่ หก เจ็ด ปะ เเปด!!!?

    What!?

    ปกติมันมีเเค่หกไม่ใช่เรอะ มันโผล่มาอีกหนึ่งคู่ได้ไง!?

    ก้มมองของตัวเอง

    ไม่ ข้าจะไม่ร้องไห้ อย่างน้อยชีวิตนึงสือโถวคนก่อนก็เคยสร้างไว้ให้ข้าได้ชื่นชมก่อนมันจะเหลวเป็นก้อนเดียว

    เเอบกราบขอขมาเจ้าของร่างคนเก่าที่ตอนนี้คงเกิดเป็นดาวไปแล้ว

    ไม่เเต่งตัว?”

    ข้ากำลั- เฮ้ยยยย” สือโถวเเทบพ่นน้ำลายใส่ก้อนเเปดลอนที่ว่าอยู่ระยะประชิด “ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะขอรับ!”

    ตงฉินเอียงคอ “ข้าใส่เสื้อเจ้าไม่ได้”

    “...”

    งั้น ก็ กลับ ห้อง ตัว เอง ไปสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



    ...........................(100%)...........................


    หายไปนานเลย 555 ไรท์ขอบคุณทุกคนที่ยังอ่านอยู่นะคะ เจอคำผิดตรงไหนเเจ้งได้นะคะ ไรท์ยังไม่ได้ตรวจสอบเลย รักคนอ่านทุกคนค่ะ จุ๊บ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×