คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : ย้อนยุค 41 (100%) : พักนี้สหายข้าดูเปลี่ยนไป
ย้อนยุค 41
พักนี้สหายข้าดูเปลี่ยนไป
"เสียอย่าเดียว
เจ้าไม่มีความคิดที่จะฆ่า"
ตุบ
"สือโถว!!"
เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้าเมื่อร่างในเครื่องเเบบสีดำสนิทร่วงหล่นลงบนผืนดินราวกับนกปีกหัก
หัวสมองของมู่หลี่หลงชาวาบ
เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตนได้พุ่งเข้าหาพี่ชายตั้งเเต่เมื่อใด
เคร้ง
ผลัวะ
"อั่ก!"
เด็กหนุ่มไถลตัวตามผืนดิน
กลิ่นคาวคละคลุ้งทั่วโพรงปาก เเต่ถึงกระนั้นนัยน์ตากวางกลับมีเเต่เเววอาฆาตจนเห็นเส้นเลือด
จ้าวฉี่หลิงเลิกคิ้ว
"สำคัญมากหรือ?"
ดวงตาคมเบือนไปยังหน่วยอินทรีโลหิตที่นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหลัง
มู่หลี่หลงกัดฟันกรอด
เขาพยายามพยุงตัวขี้นเเม้ว่าสองเเขนจะอ่อนเเรงมากก็ตาม
ต้องช่วยให้ได้
ไม่ยอมให้ตายเด็ดขาด
ถ้าข้าไม่อนุญาต
เจ้าจะจากข้าไปไม่ได้!!
"ยังคิดจะสู้?"
"อึ่ก เเค่นี้ หึ ไม่เท่าไหร่หรอก!"
"งั้นหรือ"
จ้าวฉี่หลิงพึมพำเสียงเบา ดูท่าบุตรชายของฮ่องเต้องค์ก่อนจะอึดไม่น้อย
เเต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวมันก็จะจบเเล้ว
ชายหนุ่มกระชับด้ามดาบเเน่นกว่าเดิม
ไอสังหารคละคลุ้งจนเสวียนฝานกับเหล่าองค์รักษ์เผลอกลั้นหายใจไปด้วย
ดวงตาคมที่เคยง่วงงุนส่องประกายสังหารท่ามกลางเงามืด
"ฝากทักทายพี่น้องบนสวรรค์ด้วยเเล้วกัน"
"บอกตัวเองเถอะไอ้กร้วก!!"
"!!"
"ระวังพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!"
เคร้ง!!
ในขณะที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว
ร่างที่เคยคิดว่าเเน่นิ่งกลับกระโดดพุ่งพรวดเข้าใส่ฮ่องเต้เเห่งเเว่นเเคว้น
จ้าวฉี่หลิงตกใจจนเผลอเสียสมาธิไปวูบหนึ่ง โชคดีที่ประสาทสัมผัสของตนยังไวอยู่
ชายหนุ่มจึงไม่ได้ไปคาราวะกับสวรรค์เร็วกว่ากำหนด
"ชิ"
สือโถวสถบในลำคอ
ใกล้ขนาดนี้มันยังรับได้อีก ถามจริงว่าพี่เเกเป็นคนรึเปล่าวะ เทพยิ่งกว่าบรูชลีมาเอง!
"เจ้า?"
จ้าวฉี่หลิงได้เเต่สงสัย
จริงอยู่บาดเเผลที่เขาสร้างให้อีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ถึงตาย
เเต่อย่างน้อยก็ไม่สามารถพุ่งเข้ามาโจมตีเช่นนี้ได้เเน่
"ฝ่าบาท!!"
เสวียนฝานกระโดดออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับองค์รักษ์ร่างใหญ่อีกสองคน
สือโถวรีบถีบตัวเองออกจากจุดที่ยืนอยู่พร้อมกับพลิกตัวหลบคมดาบที่ใส่มาไม่ยั้ง
เหล่าองค์รักษ์ได้เเต่ซ่อนความตกใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
พวกเขาถือว่าเป็นมือหนึ่งของหน่วยเเม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับฮ่องเต้
เเต่ก็ถือว่ามีฝีมือไม่น้อย
การที่ไอ้หนุ่มอินทรีโลหิตตรงหน้าหลบได้ทุกกระบวนท่า ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปเเล้ว!
เคร้ง!
"พี่สือโถว!!"
เสียงเเตกหนุ่มตะโกนลั่นตรอกจนสือโถวสะดุ้งดาบเเทบหลุดมือ
เขาปัดดาบใหญ่ทิ้งพลางออกสเต็บเเร็ปด่าไอ้เด็กเวรในใจ
จะเเหกปากหาเเม่ยายของน้องสาวเเกเหรอไอ้เด็กบ้า
ข้าจะได้ตายเพราะเสียงกรี๊ดเเกก่อนนี่เเหละโว้ย!!
สือโถวตัดสินใจเลียนเเบบหนังกำลังภายในที่เคยดู ยกเท้าเตะอกไอ้ปึกด้านขวา ก่อนจะวิ่งไต่กำเเพงพลิกตัวไปยืนอยู่หน้ามู่หลี่หลง
ชิ้งงง
ยกดาบชูขึ้นสูง
พร้อมปาดคราบเลือดออกจากริมฝีปาก สะบัดหน้าขึ้นอีกสี่สิบห้าองศา
"อยากตายก็เข้ามา
เเต่ข้าจะไม่มีวันให้ใครได้สัมผัสมู่หลี่หลงเเม้เเต่ปลายเล็บเเน่!"
พูดเเล้วก็รู้สึกฮึกเฮิมไปอีก
หูยยยยยยย เเมนมากตัวข้า อนาคตสามีเเห่งชาติอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเเล้วโว้ย! //น้ำตาไหลพราก
"นี่เจ้-!"
"หยุด"
องค์รักษ์ทั้งสองหยุดชะงักตามคำสั่งของผู้เป็นนาย พวกเขาโค้งทำความเคารพก่อนหลีกทางให้นายเหนือหัว
"ทำไมไม่ตาย?"
อ่าว
นั่นปากเหรอวะ?
"เหอะ คิดว่าเเผลเเค่นั้นจะทำอะไรข้าได้เหรอ!"
"อือ"
"เออ
เจ้าคิดถูกเเล้วเพราะเเม่งโคตรเจ็บเลยโว้ย!"
"อ้าว"
คนที่เหลือถึงกับเผลออุทาน
สือโถวลูบบาดเเผลที่กำลังสมานตัวบริเวณช่องท้องพลางเบ้หน้า
ถึงเเผลจะหายเร็ว
เเต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เล่นกระซวกไส้ทะลักขนาดนั้นก็ทำเอาเขาช็อคจนสลบได้เหมือนกัน
จ้าวฉี่หลิงเลื่อนสายตามองเศษผ้ารุ่งริ่งบริเวณหน้าท้องของอีกฝ่าย ชายหนุ่มพบว่าบาดเเผลกำลังสมานกันอย่างรวดเร็ว
หืม? หรือว่า...?
"ฝ่าบาทจะเอาอย่างไรดีขอรับ"
เสวียนฝานกระซิบเสียงเครียด
เจ้าหนุ่มนี่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเเถมเเสดงเจตนาว่าพร้อมจะปกป้ององค์ชายสิบสี่ เเม้จะต้องเเลกด้วยชีวิตก็ตาม ทำให้การจะสังหารเป็นไปได้ยากกว่าเดิม
"สือโถว หนีไป"
"เก็บเเรงไว้พร้อมวิ่งเถอะหลี่หลง"
ทางสือโถวเองก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน ถึงจะทำเป็นเท่เเต่ความจริงเขาก็เเอบเครียดไม่น้อย
จะหนีไปให้ได้สองคนดูยังไงก็เป็นเรื่องยาก
คิดเเล้วอยากร้องไห้
ทำไมตอนชาติก่อนข้าไม่ดูหนังจีนให้เยอะกว่านี้วะ!!
ในสถานการณ์เเบบนี้พระเอกเเม่งหนียังไง
ใครก็ได้ช่วยบอกที!!
"ปล่อย"
"??"
จู่ๆ
ร่างสูงในหน้ากากหมีก็พูดขึ้น สือโถวกระพริบตาปริบๆอย่างุนงง ปล่อยอะไร? ปล่อยนก ปล่อยปลา
ปล่อยจิ้งเหลน มันใช่เวลาเล่นเหรอไอ้จิ้งหรีด!!
เเม่ทัพผมขาวหันขวับไปหานายเหนือหัว
"จริงเล่น?"
"ข้าขำ?"
เป็นอันว่าจริง
องค์รักษ์เก็บดาบเข้าฝักตามคำสั่งของเจ้าชีวิต
เเต่สือโถวก็ยังไม่คลายความหวาดระเเวง
เห็นร่างที่เล็กกว่าเป็นเช่นนั้นจ้าวฉี่หลิงจึงเก็บอาวุธตัวเองบ้าง
"พักรบ"
"ข้าจะเชื่อได้ไงว่าเจ้าไม่ได้ตอเเหล"
"ตอเเหลคืออะไร?"
"อาหารชนิดหนึ่งเเถวเเถบทะเลทรายมั้งไอ้ควาย!"
"ข้าไม่หิว"
"อ่ะ เอ่อ ฝ่าบา-"
ชิ้งงงง
"ขออภัยขอรับ คุณชาย"
จ้าวฉี่หลิงถอนสายตากลับจากข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์
"สือโถว"
"สนิทอ่อถึงมาเรียกชื่อ"
"สนใจจะเข้าวังหลังหรือไม่"
"คุณชาย!!/นายท่าน!!"
มู่หลี่หลงเผลอกำชายเสื้อของสือโถวเเน่น
ผิดกับคนถูกชวนที่กระพริบตาปริบๆ "หะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?" มันพูดอะไรนะ
อยากเข้าห้องน้ำ?
"สนใจจะทำงานที่วังหรือไม่"
ฟู่ว ค่อยยังชั่วหน่อย
ขันทีจางลอบถอนหายใจเฮือก
"ไม่สนหรือ?"
"เผื่อเจ้าจะลืม
คือเมื่อกี้เจ้าพึ่งเอาดาบกระซวกท้องข้ามั้ย??" มันเป็นวิธีชวนเข้าทำงานสมัยโบราณเหรอ? เเบบเจาะท้องชาวบ้านเสร็จเเล้วก็ตบไหล่บอกว่า
'ดูจากท่าทางหน่วยก้านดีไม่เลวเเม้ไส้จะไหล
ใจยังสู้ งั้นมาทำงานโรงงานหมีน้อยกับเราเถอะสหาย!' งี้เหรอวะ!
"เเต่เจ้าก็ดูสบายดีนี่?"
"สบายบ้านเจ้าสิ!"
รบกวนช่วยเเหกตามองกองเลือดล่างขวาด้วย เห็นอะไรเเดงๆมั้ย? นั่นน่ะเลือดที่กลั่นกรองออกมาจากร่างกายข้าล้วนๆเลยโว้ย!!
คิดเเล้วน้ำตาจะไหล
ขนาดบริจาคเลือดยังไม่เสียไปเยอะเท่านี้เลยนะ!
"ข้าช่วยชีวิตเจ้าอยู่นะ"
ช่วยชีวิตหรือกระชากชีวิตกันเเน่
เล่นซะข้าเลือดพุ่งเป็นไลออนคิงเลย คิดเเล้วอยากคำรามใส่หน้า โฮกกกกกก!
"ไม่ทำ?"
"เออดิ!"
"เงินดีนะ"
"ไม่สนโว้ย!"
"เดือนละสามร้อยตำลึงทอง"
"บางทีไปเดินเล่นในวังก็ไม่เลวเท่าไหร่"
"สือโถว!!!"
มู่หลี่หลงเเหวเสียงพร้อมคว้าเอวคนต้องหน้ามากอดอย่างหวงเเหน
อืม นี่เเกล้งโง่หรือโง่จริง พุงข้ามีเเผลอยู่นะไอ้เด็กเวร!!
"เจ้าจะทิ้งข้าเหรอ!"
"หึ"
"ขำอะไร!"
เด็กหนุ่มหันไปตะวาดใส่พี่ชายร่วมสายเลือด
จ้าวฉี่หลิงเพียงยกยิ้มมุมปากภายใต้หน้ากาก
"ขำหมาถูกทิ้ง"
"เจ้า!!"
"พอ! จะตะโกนอะไรนักหนา เเม่เเกเป็นคอล*นักร้องประสานเสียงมาก่อนเหรอหะ!!"
สือโถวเอี้ยวตัวตบหัวเด็กหนุ่มดังป้าบ
เหล่าข้ารับใช้เผลอสะดุ้งเฮือก ไอ้หนุ่มนี่เป็นใคร ตบหัวองค์ชายสิบสี่ไม่พอนี่ลามปามด่าอดีตไทเฮาด้วยรึ!?
จ้าวฉี่หลิงกระเเอมเสียงเบา
"สรุปสนใจหรือไม่?"
"ไม่!!"
"ข้าไม่ได้ถามเจ้า"
"เเต่ข้าจะตอบ!!"
"สือโถว"
"ปฎิเสธไปสิพี่สือ
จะมัวยืนนิ่งเป็นป้ายสุสานทำไม!"
เอ้า? คือข้าผิด??
สือโถวกระเเอม
ในฐานะที่เเก่สุด(?)ในนี้เขาต้องเเสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาหน่อย!
"สามีภรรยาไม่ควรทะเลาะเบาะแว้งกันนะ ถึงข้าจะยังไม่ยอมรับ
เเต่ถ้าเจ้าจ่ายค่าสินสอดข้าเองก็ไม่ขัด"
ความหมายสั้นๆคือ
เชิญเจ้าเอาไอ้หน้าวอกนี่ไปปู้ยี้ปู้ยำ เเล้วจงทิ้งทรัพย์สินไว้ที่นี่ซะ!
นี่เเหละคือวิถีที่บิดาควรทำ!!
"..."
"..."
"เงียบกันทำไม? เฮ้ย
ไม่ต้องกังวลหรอกน่า
ข้าคิดไม่เเพงหรอกเดี๋ยวบวกค่าที่เจ้าเจาะพุงข้าอีกสามเเสนตำลึงทองพอ"
คิดไม่เเพงจริงๆนะ
ทำไมต้องเบ้ปากมองบนกันขนาดนั้นอ่ะ
“กลับ”
“เฮ้ย! คิดจะไปง่ายๆงี้เลยเหรอ เฮ้ย!!!”
จ้าวฉี่หลิงไม่คิดจะสนใจคนด้านหลังอีก
ชายหนุ่มหันหลังจากไปราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเหตุปะทะแสนดุเดือด
สือโถวเห็นดังนั้นก็ได้แต่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ
อย่าถามว่าทำไมไม่เข้าไปตีมันต่อ ข้ามันคนรักสงบไหนเลยอยากจะซ่าโดนเจาะรูเพิ่มที่ท้องกัน!
แต่คนโบราณช่างขี้ตืดนัก
เเค่สามเเสนตำลึงทองก็ยังจะงก!!
"เริ่มการประลอง!!!"
สิ้นเสียงดุดันของกรรมการเหล่าชายฉกรรจ์ต่างลุกฮือโห่ร้องอย่างดุเดือด
สือโถวเเอบเขยิบตัวออกจากรัศมีความเร่าร้อน
ถ้าไม่ติดว่าพี่เเกทั้งหลายอยู่หน่วยอินทรีโลหิต ข้าคงนึกว่ากำลังอยู่ในดงเด็กช่าง
อะไรจะเถื่อนขนาดนี่ พวกเจ้าไม่คิดจะรักษามาดที่แทบไม่มีของหน่วยหน่อยรึ?
"ฮ่ะๆ ช่างน่าสนุกยิ่งนัก"
คนงามยกพัดปิดใบหน้าท่อนล่าง
นัยน์ตางดงามโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวชวนให้บุรุษใจเต้น
เเต่เนื่องจากข้าคือผู้ชายที่เป็นชะนีมาก่อน
นอกจากจะไม่ฟินยังรู้สึกหางคิ้วกระตุก จึงทำเพียงส่งยิ้มเห่ยไปให้โจวเจว่ย
น่าสนุกตรงไหนวะคนสวย
คือถ้าอีกสามวินาทีมีการยกไม้หน้าสามมาฟาดกันข้าจะไม่สงสัยเเม้เเต่น้อย
เเค่เชียร์ทีมตัวเองจำเป็นต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้มั้ย
กลัวว่าเพื่อนจะน้อยใจโดดทะเลตายถ้าเชียร์ไม่ดังเหรอ??
"อย่ามัวเเต่ยืนนิ่งเลย
ไปนั่งกับข้าเถิด"
"มะ ไม่เป็นไรขอรับ"
ร่างในเครื่องเเบบอินทรีโลหิตพยายามขืนตัวจากฝ่ามือนุ่มที่กำลังคว้าต้นเเขนตนไว้
สือโถวเเอบสถบในใจ
อุตส่าห์หลบมาได้ตั้งหลายวัน ไหงหวยดันมาออกวันนี้วะ!
"ทำไมรึ? หรือว่าเจ้ากำลังหลบหน้าข้าอยู่?"
เอื้อก!
"เจ้าเกลียดข้าหรือสือโถว??" ดวงตางดงามเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเหมือนสั่งได้
คนงามเเค่กำลังจะร้องไห้
เเต่ข้านี่สิ น้ำตาไหลท่วมอกเเล้ว!
ถามเเค่นี้จำเป็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหรอ? มืออ่ะ จำเป็นต้องโอบเอวข้าด้วยเหรอพี่ชายคนงาม!!
ทำอะไรช่วยเกรงใจซะมีย์ที่ยืนทะมึนเป็นกรรมการบนเวทีด้วยได้ม้ายยยยยยยย
"อาสือ"
"ไม่เกลียด ไม่เกลียดเลยขอรับ!"
ไอโคตรเวรี่เลิฟยูเลยด้วย เพราะงั้นช่วยเอาหน้าออกไปทีขอรับนายน้อย!
ท่านจะมาอ่อยข้าตอนไหนก็ได้
เเต่ต้องไม่ใช่ตอนที่สามียืนหักมืออยู่บนเวทีโว้ย!
โจวเจว่ยกลับมายิ้มสดใสดั่งดวงอาทิตย์ยามเช้า
ถ้าไม่ติดว่าสวยเเละรวยกว่านี่ด่าอิตอเเหลไปเเล้วนะ
"งั้นไปกันเถอะ
ข้าไม่ได้เจอเจ้าตั้งหลายวันขอ 'กอด' ให้หายคิดหน่อยก็ดี"
"เดี๋ยวข้าก็จะประลองเเล้วนะขอรับ"
อีกสามคิวเอง
คงไม่มีเวลาไปจิบชากับท่านหรอก
คิดเเล้วเเล้วเเอบอยากกระทืบตงฉิน
เเม่งออกกฎบังคับให้หน่วยอินทรีโลหิตเข้าร่วมประลองเผื่อเฟ้นหาคนเเข็งเเกร่งที่สุด
ลำบากขี้ข้าอย่างพวกเขาที่ต้องลากสังขารอดหลับอดนอนมาตีกันบนเวที
บางทีไอ้พวกด้านล่างที่ตะโกนด่ากันนี่อาจจะเนียนด่าท่านรองอยู่ก็ได้
เเหม่ เห็นเเล้วรู้สึกอยากร่วมวง พ่อจะยกนิ้วกลางให้รัวๆเป็นของขวัญวันเกิดเลยไอ้สัตว์โลก!
"เหม่ออะไรน่ะสือโถว"
นี่ก็ยังจะไม่ลดความพยายาม
เอาความคิ้วตี้นี่ไปอ้อนตี-
เเฮ่ม อ้อนสามีตรงนู้นดีกว่ามั้ยขะรับ
"สถานที่นี้ช่างวุ่นวายนัก
ข้าว่านายน้อยไปยืนดูอยู่ตรงนั้นดีหรือไม่ขอรับ"
ชี้ไปยังระเบียงไม้ที่ยื่นออกมาให้เหล่าจ้าวสำนักมาชื่นชม
"หืม? เป็นห่วงข้าหรือ"
เปล่า
ข้ากำลังไล่ต่างหาก ทำไมนายน้อยโง่?
เเต่เพื่อชีวิตเเละลมหายใจอันยืนยาว
เขาจึงพยักหัวหงึกหงักจ้องอีกฝ่ายตาเเบ๋ว
"คนงดงามเช่นนายน้อยไม่ควรอยู่ในดงอสุรกายเช่นนี้หรอกขอรับ"
"หืมมมมม"
"ไปเถิดขอรับนายน้อย เดี๋ยวข้-"
จุ๊บ
"!!"
"เห็นเเก่ความพยายามของเจ้าหรอกนะ
วันนี้ข้าจะ 'ปล่อย' ไปก่อนก็ได้"
คนงามขยิบตาอย่างซุกซนให้เป็นการส่งท้าย
ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้สือโถวยืนพะงาบปากโดยไร้เสียงอยู่กับที่
มือหยาบกร้านเเตะผิวเเก้มที่ยังคงเหลือกลิ่นหอมของคนงามเจือจางพลางกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเเผ่นหลังสัมผัสได้ถึงไอสังหารเเบบเข้มข้น
ไม่ต้องหันไปก็รับรู้จากไส้ติ่งว่ามันมาจากใคร
โจวเจว่ย
ไอ้ผู้ชายเเฬด!!!
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
โจวเจว่ยเงยหน้าขึ้นก่อนจะยกยิ้มให้สหายตั้งแต่เยาว์วัยที่ยืนหน้าเคร่งเครียดค้ำอยู่เหนือหัว
“ข้าทำอะไรหรือ?”
“เมื่อครู่...”
ตงฉินเว้นช่วง
นายน้อยยกพัดใบปิดใบหน้างดงามช่วงล่างของตน
ดวงตาหวานซึ้งเหล่มองไปยังสนามประลองแสนวุ่นวายด้านล่าง
ที่กลางลานประลองอิฐสีเทาเข้มมีร่างคุ้นเคยในชุดหน่วยอินทรีโลหิตสีดำยืนทำหน้าเหม็นเบื่อมองคู่ต่อสู้วาดลวดลายอวดวรยุทธ์
“ตามที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!
รองหัวหน้าหน่วยอินทรีโลหิตขมวดคิ้วฉับ
ริมฝีปากหนาเม้มแน่นอย่างอดกลั้น
ตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่บนระเบียงร่วมกับจ้าวสำนักอีกมากมาย
การจะมามีปากเสียงคงไม่ใช่เรื่องดีต่อสำนักเหม่ยลี้
ยิ่งมีโจวหมิงนั่งเป็นสง่าอยู่ตำแหน่งประธานด้วยแล้ว
“เจ้า...ชอบเด็กนั่น?”
“อืม”
“...”
ในที่สุดโจวเจว่ยก็เอ่ยสิ่งที่ตงฉินอุตส่าห์เลี่ยงไม่รับรู้มาตลอด
ไม่ใช่ไม่สังเกตเห็น แต่เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองก็ ‘ชอบ’ บุรุษคนเดียวกับสหาย
จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น
ขอให้ไม่ใช่โจวเจว่ยก็พอ
“ทำหน้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือ
หืม?”
แต่ดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว
นัยน์ตาคมเลื่อนมาสบตากับสหายเพียงหนึ่งเดียว
“ข้าเองก็เหมือนกัน”
“หือ?”
รอยยิ้มของนายน้อยแห่งหุบเขาเหม่ยลี้แข็งกระด้างไปชั่ววูบ
ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”
“เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่าอะไร
โจวเจว่ย”
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ตงฉินเอ่ยนามของสหายโดยไม่มียศศักดิ์
โจวเจว่ยแย้มยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ฉบพลันบรรยากาศโดยรอบพลันหนาวเหน็บอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เหล่าผู้ชมบนระเบียงไม้ต่างเหลือบมองกันด้วยความสงสัย
“งั้นหรือ งั้นหรือ”
“...”
“ผู้ชนะคือสือโถวหน่วยอินทรีโลหิตแห่งสำนักเหม่ยลี้!!!!”
“เฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!”
“เลี้ยงเหล้า!! เลี้ยงเหล้า!!!
เลี้ยงเหล้า!!!!”
“ขอบคุณสำหรับสำหรับกำลังใจอันมากล้น
แต่ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องบอกเหล่าพี่น้องทั้งหลายว่าข้าไม่มีเงินว่ะ”
“ไปตายซะ!! ไปตายซะ!!!
ไปตายซะ!!!!”
โจวเจว่ยกับตงฉินมองไปยังสือโถวที่กระโดดหลบบรรดารองเท้าของผู้คนด้านล่าง
เหมือนคนตัวผอมจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่จึงหมุนตัวมาเลิกคิ้วให้
สักพักสือโถวก็ยิ้มแผล่ก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นสูงมาทางพวกเขาสองคน
“ข้าชนะแล้วนะอาจารย์ นายน้อย!!!”
“อืม”
“เก่งมาก สือโถว”
โจวเจว่ยโบกมือกลับไป แม้ว่าจะงงงวยกับยกนิ้วกลางของสือโถวอยู่ก็ตาม
ชายหนุ่มกระซิบผ่านไรฟันในขณะที่กำลังโบกมือให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น...”
“...”
“ก็เตรียมรับผลที่ตามมาให้ดีเถิด
เพื่อนรัก”
............................................100%............................................
ห่างหายไปนานเลย ไรท์ไม่ได้เทนะคะ 555 เเค่ช่วงนี้มันไม่มีเวลาบวกกับรู้สึกว่าตอนหลังมันไม่ค่อยสนุก เลยอยากจะรีไรท์ด้วย มันก็บั่บติดขัดไปหม๊ดดดดดด
เเต่ถึงอย่างนั้นไรท์ดันเเต่งบทอื่นไปไกลซะเเล้ว เล่นเเต่งไปถึงตอนสวีทกันเลย555
เเต่นั่นเเหละ เพราะจะรีไรท์เลยเเต่งต่อไม่ค่อยออก 555
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามนะคะ จะพยายามรีดสมองออกมานะก๊ะคุณ
(???)
ร่างในอีกไม่กี่ปีของใครสักคนนี่เเหละ อุคริ
ความคิดเห็น