ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #46 : ย้อนยุค 41 (100%) : พักนี้สหายข้าดูเปลี่ยนไป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.65K
      605
      11 มี.ค. 61



    ย้อนยุค 41

    พักนี้สหายข้าดูเปลี่ยนไป

     

    "เสียอย่าเดียว เจ้าไม่มีความคิดที่จะฆ่า"

    ตุบ

    "สือโถว!!"

    เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้าเมื่อร่างในเครื่องเเบบสีดำสนิทร่วงหล่นลงบนผืนดินราวกับนกปีกหัก

    หัวสมองของมู่หลี่หลงชาวาบ เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตนได้พุ่งเข้าหาพี่ชายตั้งเเต่เมื่อใด

    เคร้ง

    ผลัวะ

    "อั่ก!"

    เด็กหนุ่มไถลตัวตามผืนดิน กลิ่นคาวคละคลุ้งทั่วโพรงปาก เเต่ถึงกระนั้นนัยน์ตากวางกลับมีเเต่เเววอาฆาตจนเห็นเส้นเลือด

    จ้าวฉี่หลิงเลิกคิ้ว

    "สำคัญมากหรือ?"

    ดวงตาคมเบือนไปยังหน่วยอินทรีโลหิตที่นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหลัง

    มู่หลี่หลงกัดฟันกรอด เขาพยายามพยุงตัวขี้นเเม้ว่าสองเเขนจะอ่อนเเรงมากก็ตาม

    ต้องช่วยให้ได้

    ไม่ยอมให้ตายเด็ดขาด

    ถ้าข้าไม่อนุญาต

    เจ้าจะจากข้าไปไม่ได้!!

    "ยังคิดจะสู้?"

    "อึ่ก เเค่นี้ หึ ไม่เท่าไหร่หรอก!"

    "งั้นหรือ" จ้าวฉี่หลิงพึมพำเสียงเบา ดูท่าบุตรชายของฮ่องเต้องค์ก่อนจะอึดไม่น้อย เเต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวมันก็จะจบเเล้ว

    ชายหนุ่มกระชับด้ามดาบเเน่นกว่าเดิม ไอสังหารคละคลุ้งจนเสวียนฝานกับเหล่าองค์รักษ์เผลอกลั้นหายใจไปด้วย

    ดวงตาคมที่เคยง่วงงุนส่องประกายสังหารท่ามกลางเงามืด

    "ฝากทักทายพี่น้องบนสวรรค์ด้วยเเล้วกัน"

    "บอกตัวเองเถอะไอ้กร้วก!!"

    "!!"

    "ระวังพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!"

    เคร้ง!!

    ในขณะที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว ร่างที่เคยคิดว่าเเน่นิ่งกลับกระโดดพุ่งพรวดเข้าใส่ฮ่องเต้เเห่งเเว่นเเคว้น จ้าวฉี่หลิงตกใจจนเผลอเสียสมาธิไปวูบหนึ่ง โชคดีที่ประสาทสัมผัสของตนยังไวอยู่ ชายหนุ่มจึงไม่ได้ไปคาราวะกับสวรรค์เร็วกว่ากำหนด

    "ชิ"

    สือโถวสถบในลำคอ ใกล้ขนาดนี้มันยังรับได้อีก ถามจริงว่าพี่เเกเป็นคนรึเปล่าวะ เทพยิ่งกว่าบรูชลีมาเอง!

    "เจ้า?"

    จ้าวฉี่หลิงได้เเต่สงสัย จริงอยู่บาดเเผลที่เขาสร้างให้อีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ถึงตาย เเต่อย่างน้อยก็ไม่สามารถพุ่งเข้ามาโจมตีเช่นนี้ได้เเน่

    "ฝ่าบาท!!"

    เสวียนฝานกระโดดออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับองค์รักษ์ร่างใหญ่อีกสองคน สือโถวรีบถีบตัวเองออกจากจุดที่ยืนอยู่พร้อมกับพลิกตัวหลบคมดาบที่ใส่มาไม่ยั้ง

    เหล่าองค์รักษ์ได้เเต่ซ่อนความตกใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย พวกเขาถือว่าเป็นมือหนึ่งของหน่วยเเม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับฮ่องเต้ เเต่ก็ถือว่ามีฝีมือไม่น้อย การที่ไอ้หนุ่มอินทรีโลหิตตรงหน้าหลบได้ทุกกระบวนท่า ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปเเล้ว!

    เคร้ง!

    "พี่สือโถว!!"

    เสียงเเตกหนุ่มตะโกนลั่นตรอกจนสือโถวสะดุ้งดาบเเทบหลุดมือ เขาปัดดาบใหญ่ทิ้งพลางออกสเต็บเเร็ปด่าไอ้เด็กเวรในใจ

    จะเเหกปากหาเเม่ยายของน้องสาวเเกเหรอไอ้เด็กบ้า ข้าจะได้ตายเพราะเสียงกรี๊ดเเกก่อนนี่เเหละโว้ย!!

    สือโถวตัดสินใจเลียนเเบบหนังกำลังภายในที่เคยดู ยกเท้าเตะอกไอ้ปึกด้านขวา ก่อนจะวิ่งไต่กำเเพงพลิกตัวไปยืนอยู่หน้ามู่หลี่หลง

    ชิ้งงง

    ยกดาบชูขึ้นสูง พร้อมปาดคราบเลือดออกจากริมฝีปาก สะบัดหน้าขึ้นอีกสี่สิบห้าองศา

    "อยากตายก็เข้ามา เเต่ข้าจะไม่มีวันให้ใครได้สัมผัสมู่หลี่หลงเเม้เเต่ปลายเล็บเเน่!"

    พูดเเล้วก็รู้สึกฮึกเฮิมไปอีก หูยยยยยยย เเมนมากตัวข้า อนาคตสามีเเห่งชาติอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเเล้วโว้ย! //น้ำตาไหลพราก

    "นี่เจ้-!"

    "หยุด"

    องค์รักษ์ทั้งสองหยุดชะงักตามคำสั่งของผู้เป็นนาย พวกเขาโค้งทำความเคารพก่อนหลีกทางให้นายเหนือหัว

    "ทำไมไม่ตาย?"

    อ่าว นั่นปากเหรอวะ?

    "เหอะ คิดว่าเเผลเเค่นั้นจะทำอะไรข้าได้เหรอ!"

    "อือ"

    "เออ เจ้าคิดถูกเเล้วเพราะเเม่งโคตรเจ็บเลยโว้ย!"

    "อ้าว" คนที่เหลือถึงกับเผลออุทาน

    สือโถวลูบบาดเเผลที่กำลังสมานตัวบริเวณช่องท้องพลางเบ้หน้า

    ถึงเเผลจะหายเร็ว เเต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เล่นกระซวกไส้ทะลักขนาดนั้นก็ทำเอาเขาช็อคจนสลบได้เหมือนกัน

    จ้าวฉี่หลิงเลื่อนสายตามองเศษผ้ารุ่งริ่งบริเวณหน้าท้องของอีกฝ่าย ชายหนุ่มพบว่าบาดเเผลกำลังสมานกันอย่างรวดเร็ว

    หืม? หรือว่า...?

    "ฝ่าบาทจะเอาอย่างไรดีขอรับ"

    เสวียนฝานกระซิบเสียงเครียด เจ้าหนุ่มนี่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเเถมเเสดงเจตนาว่าพร้อมจะปกป้ององค์ชายสิบสี่ เเม้จะต้องเเลกด้วยชีวิตก็ตาม ทำให้การจะสังหารเป็นไปได้ยากกว่าเดิม

    "สือโถว หนีไป"

    "เก็บเเรงไว้พร้อมวิ่งเถอะหลี่หลง" ทางสือโถวเองก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน ถึงจะทำเป็นเท่เเต่ความจริงเขาก็เเอบเครียดไม่น้อย

    จะหนีไปให้ได้สองคนดูยังไงก็เป็นเรื่องยาก

    คิดเเล้วอยากร้องไห้ ทำไมตอนชาติก่อนข้าไม่ดูหนังจีนให้เยอะกว่านี้วะ!!

    ในสถานการณ์เเบบนี้พระเอกเเม่งหนียังไง ใครก็ได้ช่วยบอกที!!

    "ปล่อย"

    "??"

    จู่ๆ ร่างสูงในหน้ากากหมีก็พูดขึ้น สือโถวกระพริบตาปริบๆอย่างุนงง ปล่อยอะไร? ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยจิ้งเหลน มันใช่เวลาเล่นเหรอไอ้จิ้งหรีด!!

    เเม่ทัพผมขาวหันขวับไปหานายเหนือหัว "จริงเล่น?"

    "ข้าขำ?"

    เป็นอันว่าจริง

    องค์รักษ์เก็บดาบเข้าฝักตามคำสั่งของเจ้าชีวิต เเต่สือโถวก็ยังไม่คลายความหวาดระเเวง เห็นร่างที่เล็กกว่าเป็นเช่นนั้นจ้าวฉี่หลิงจึงเก็บอาวุธตัวเองบ้าง

    "พักรบ"

    "ข้าจะเชื่อได้ไงว่าเจ้าไม่ได้ตอเเหล"

    "ตอเเหลคืออะไร?"

    "อาหารชนิดหนึ่งเเถวเเถบทะเลทรายมั้งไอ้ควาย!"

    "ข้าไม่หิว"

    "อ่ะ เอ่อ ฝ่าบา-"

    ชิ้งงงง

    "ขออภัยขอรับ คุณชาย"

    จ้าวฉี่หลิงถอนสายตากลับจากข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ "สือโถว"

    "สนิทอ่อถึงมาเรียกชื่อ"

    "สนใจจะเข้าวังหลังหรือไม่"

    "คุณชาย!!/นายท่าน!!"

    มู่หลี่หลงเผลอกำชายเสื้อของสือโถวเเน่น ผิดกับคนถูกชวนที่กระพริบตาปริบๆ "หะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?" มันพูดอะไรนะ อยากเข้าห้องน้ำ?

    "สนใจจะทำงานที่วังหรือไม่"

    ฟู่ว ค่อยยังชั่วหน่อย ขันทีจางลอบถอนหายใจเฮือก

    "ไม่สนหรือ?"

    "เผื่อเจ้าจะลืม คือเมื่อกี้เจ้าพึ่งเอาดาบกระซวกท้องข้ามั้ย??" มันเป็นวิธีชวนเข้าทำงานสมัยโบราณเหรอ? เเบบเจาะท้องชาวบ้านเสร็จเเล้วก็ตบไหล่บอกว่า 'ดูจากท่าทางหน่วยก้านดีไม่เลวเเม้ไส้จะไหล ใจยังสู้ งั้นมาทำงานโรงงานหมีน้อยกับเราเถอะสหาย!' งี้เหรอวะ!

    "เเต่เจ้าก็ดูสบายดีนี่?"

    "สบายบ้านเจ้าสิ!" รบกวนช่วยเเหกตามองกองเลือดล่างขวาด้วย เห็นอะไรเเดงๆมั้ย? นั่นน่ะเลือดที่กลั่นกรองออกมาจากร่างกายข้าล้วนๆเลยโว้ย!!

    คิดเเล้วน้ำตาจะไหล ขนาดบริจาคเลือดยังไม่เสียไปเยอะเท่านี้เลยนะ!

    "ข้าช่วยชีวิตเจ้าอยู่นะ"

    ช่วยชีวิตหรือกระชากชีวิตกันเเน่ เล่นซะข้าเลือดพุ่งเป็นไลออนคิงเลย คิดเเล้วอยากคำรามใส่หน้า โฮกกกกกก!

    "ไม่ทำ?"

    "เออดิ!"

    "เงินดีนะ"

    "ไม่สนโว้ย!"

    "เดือนละสามร้อยตำลึงทอง"

    "บางทีไปเดินเล่นในวังก็ไม่เลวเท่าไหร่"

    "สือโถว!!!"

    มู่หลี่หลงเเหวเสียงพร้อมคว้าเอวคนต้องหน้ามากอดอย่างหวงเเหน อืม นี่เเกล้งโง่หรือโง่จริง พุงข้ามีเเผลอยู่นะไอ้เด็กเวร!!

    "เจ้าจะทิ้งข้าเหรอ!"

    "หึ"

    "ขำอะไร!" เด็กหนุ่มหันไปตะวาดใส่พี่ชายร่วมสายเลือด จ้าวฉี่หลิงเพียงยกยิ้มมุมปากภายใต้หน้ากาก

    "ขำหมาถูกทิ้ง"

    "เจ้า!!"

    "พอ! จะตะโกนอะไรนักหนา เเม่เเกเป็นคอล*นักร้องประสานเสียงมาก่อนเหรอหะ!!"

    สือโถวเอี้ยวตัวตบหัวเด็กหนุ่มดังป้าบ เหล่าข้ารับใช้เผลอสะดุ้งเฮือก ไอ้หนุ่มนี่เป็นใคร ตบหัวองค์ชายสิบสี่ไม่พอนี่ลามปามด่าอดีตไทเฮาด้วยรึ!?

    จ้าวฉี่หลิงกระเเอมเสียงเบา "สรุปสนใจหรือไม่?"

    "ไม่!!"

    "ข้าไม่ได้ถามเจ้า"

    "เเต่ข้าจะตอบ!!"

    "สือโถว"

    "ปฎิเสธไปสิพี่สือ จะมัวยืนนิ่งเป็นป้ายสุสานทำไม!"

    เอ้า? คือข้าผิด??

    สือโถวกระเเอม ในฐานะที่เเก่สุด(?)ในนี้เขาต้องเเสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาหน่อย! "สามีภรรยาไม่ควรทะเลาะเบาะแว้งกันนะ ถึงข้าจะยังไม่ยอมรับ เเต่ถ้าเจ้าจ่ายค่าสินสอดข้าเองก็ไม่ขัด"

    ความหมายสั้นๆคือ เชิญเจ้าเอาไอ้หน้าวอกนี่ไปปู้ยี้ปู้ยำ เเล้วจงทิ้งทรัพย์สินไว้ที่นี่ซะ!

    นี่เเหละคือวิถีที่บิดาควรทำ!!

    "..."

    "..."

    "เงียบกันทำไม? เฮ้ย ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ข้าคิดไม่เเพงหรอกเดี๋ยวบวกค่าที่เจ้าเจาะพุงข้าอีกสามเเสนตำลึงทองพอ"

    คิดไม่เเพงจริงๆนะ ทำไมต้องเบ้ปากมองบนกันขนาดนั้นอ่ะ

    “กลับ”

    “เฮ้ย! คิดจะไปง่ายๆงี้เลยเหรอ เฮ้ย!!!

    จ้าวฉี่หลิงไม่คิดจะสนใจคนด้านหลังอีก ชายหนุ่มหันหลังจากไปราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเหตุปะทะแสนดุเดือด

    สือโถวเห็นดังนั้นก็ได้แต่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ อย่าถามว่าทำไมไม่เข้าไปตีมันต่อ ข้ามันคนรักสงบไหนเลยอยากจะซ่าโดนเจาะรูเพิ่มที่ท้องกัน!

    แต่คนโบราณช่างขี้ตืดนัก เเค่สามเเสนตำลึงทองก็ยังจะงก!!

     

    "เริ่มการประลอง!!!"

    สิ้นเสียงดุดันของกรรมการเหล่าชายฉกรรจ์ต่างลุกฮือโห่ร้องอย่างดุเดือด สือโถวเเอบเขยิบตัวออกจากรัศมีความเร่าร้อน ถ้าไม่ติดว่าพี่เเกทั้งหลายอยู่หน่วยอินทรีโลหิต ข้าคงนึกว่ากำลังอยู่ในดงเด็กช่าง อะไรจะเถื่อนขนาดนี่ พวกเจ้าไม่คิดจะรักษามาดที่แทบไม่มีของหน่วยหน่อยรึ?

    "ฮ่ะๆ ช่างน่าสนุกยิ่งนัก"

    คนงามยกพัดปิดใบหน้าท่อนล่าง นัยน์ตางดงามโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวชวนให้บุรุษใจเต้น

    เเต่เนื่องจากข้าคือผู้ชายที่เป็นชะนีมาก่อน นอกจากจะไม่ฟินยังรู้สึกหางคิ้วกระตุก จึงทำเพียงส่งยิ้มเห่ยไปให้โจวเจว่ย

    น่าสนุกตรงไหนวะคนสวย คือถ้าอีกสามวินาทีมีการยกไม้หน้าสามมาฟาดกันข้าจะไม่สงสัยเเม้เเต่น้อย

    เเค่เชียร์ทีมตัวเองจำเป็นต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้มั้ย กลัวว่าเพื่อนจะน้อยใจโดดทะเลตายถ้าเชียร์ไม่ดังเหรอ??

    "อย่ามัวเเต่ยืนนิ่งเลย ไปนั่งกับข้าเถิด"

    "มะ ไม่เป็นไรขอรับ" ร่างในเครื่องเเบบอินทรีโลหิตพยายามขืนตัวจากฝ่ามือนุ่มที่กำลังคว้าต้นเเขนตนไว้

    สือโถวเเอบสถบในใจ อุตส่าห์หลบมาได้ตั้งหลายวัน ไหงหวยดันมาออกวันนี้วะ!

    "ทำไมรึ? หรือว่าเจ้ากำลังหลบหน้าข้าอยู่?"

    เอื้อก!

    "เจ้าเกลียดข้าหรือสือโถว??" ดวงตางดงามเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเหมือนสั่งได้

    คนงามเเค่กำลังจะร้องไห้ เเต่ข้านี่สิ น้ำตาไหลท่วมอกเเล้ว!

    ถามเเค่นี้จำเป็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหรอ? มืออ่ะ จำเป็นต้องโอบเอวข้าด้วยเหรอพี่ชายคนงาม!!

    ทำอะไรช่วยเกรงใจซะมีย์ที่ยืนทะมึนเป็นกรรมการบนเวทีด้วยได้ม้ายยยยยยยย

    "อาสือ"

    "ไม่เกลียด ไม่เกลียดเลยขอรับ!" ไอโคตรเวรี่เลิฟยูเลยด้วย เพราะงั้นช่วยเอาหน้าออกไปทีขอรับนายน้อย!

    ท่านจะมาอ่อยข้าตอนไหนก็ได้ เเต่ต้องไม่ใช่ตอนที่สามียืนหักมืออยู่บนเวทีโว้ย!

    โจวเจว่ยกลับมายิ้มสดใสดั่งดวงอาทิตย์ยามเช้า ถ้าไม่ติดว่าสวยเเละรวยกว่านี่ด่าอิตอเเหลไปเเล้วนะ

    "งั้นไปกันเถอะ ข้าไม่ได้เจอเจ้าตั้งหลายวันขอ 'กอด' ให้หายคิดหน่อยก็ดี"

    "เดี๋ยวข้าก็จะประลองเเล้วนะขอรับ"

    อีกสามคิวเอง คงไม่มีเวลาไปจิบชากับท่านหรอก

    คิดเเล้วเเล้วเเอบอยากกระทืบตงฉิน เเม่งออกกฎบังคับให้หน่วยอินทรีโลหิตเข้าร่วมประลองเผื่อเฟ้นหาคนเเข็งเเกร่งที่สุด ลำบากขี้ข้าอย่างพวกเขาที่ต้องลากสังขารอดหลับอดนอนมาตีกันบนเวที

    บางทีไอ้พวกด้านล่างที่ตะโกนด่ากันนี่อาจจะเนียนด่าท่านรองอยู่ก็ได้ เเหม่ เห็นเเล้วรู้สึกอยากร่วมวง พ่อจะยกนิ้วกลางให้รัวๆเป็นของขวัญวันเกิดเลยไอ้สัตว์โลก!

    "เหม่ออะไรน่ะสือโถว"

    นี่ก็ยังจะไม่ลดความพยายาม

    เอาความคิ้วตี้นี่ไปอ้อนตี- เเฮ่ม อ้อนสามีตรงนู้นดีกว่ามั้ยขะรับ

    "สถานที่นี้ช่างวุ่นวายนัก ข้าว่านายน้อยไปยืนดูอยู่ตรงนั้นดีหรือไม่ขอรับ" ชี้ไปยังระเบียงไม้ที่ยื่นออกมาให้เหล่าจ้าวสำนักมาชื่นชม

    "หืม? เป็นห่วงข้าหรือ"

    เปล่า ข้ากำลังไล่ต่างหาก ทำไมนายน้อยโง่?

    เเต่เพื่อชีวิตเเละลมหายใจอันยืนยาว เขาจึงพยักหัวหงึกหงักจ้องอีกฝ่ายตาเเบ๋ว "คนงดงามเช่นนายน้อยไม่ควรอยู่ในดงอสุรกายเช่นนี้หรอกขอรับ"

    "หืมมมมม"

    "ไปเถิดขอรับนายน้อย เดี๋ยวข้-"

    จุ๊บ

    "!!"

    "เห็นเเก่ความพยายามของเจ้าหรอกนะ วันนี้ข้าจะ 'ปล่อย' ไปก่อนก็ได้"

    คนงามขยิบตาอย่างซุกซนให้เป็นการส่งท้าย ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้สือโถวยืนพะงาบปากโดยไร้เสียงอยู่กับที่

    มือหยาบกร้านเเตะผิวเเก้มที่ยังคงเหลือกลิ่นหอมของคนงามเจือจางพลางกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเเผ่นหลังสัมผัสได้ถึงไอสังหารเเบบเข้มข้น

    ไม่ต้องหันไปก็รับรู้จากไส้ติ่งว่ามันมาจากใคร

    โจวเจว่ย

    ไอ้ผู้ชายเเฬด!!!

     

    “เจ้าคิดจะทำอะไร”

    โจวเจว่ยเงยหน้าขึ้นก่อนจะยกยิ้มให้สหายตั้งแต่เยาว์วัยที่ยืนหน้าเคร่งเครียดค้ำอยู่เหนือหัว

    “ข้าทำอะไรหรือ?”

    “เมื่อครู่...”

    ตงฉินเว้นช่วง นายน้อยยกพัดใบปิดใบหน้างดงามช่วงล่างของตน ดวงตาหวานซึ้งเหล่มองไปยังสนามประลองแสนวุ่นวายด้านล่าง

    ที่กลางลานประลองอิฐสีเทาเข้มมีร่างคุ้นเคยในชุดหน่วยอินทรีโลหิตสีดำยืนทำหน้าเหม็นเบื่อมองคู่ต่อสู้วาดลวดลายอวดวรยุทธ์

    “ตามที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”

    เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!

    รองหัวหน้าหน่วยอินทรีโลหิตขมวดคิ้วฉับ ริมฝีปากหนาเม้มแน่นอย่างอดกลั้น ตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่บนระเบียงร่วมกับจ้าวสำนักอีกมากมาย  การจะมามีปากเสียงคงไม่ใช่เรื่องดีต่อสำนักเหม่ยลี้ ยิ่งมีโจวหมิงนั่งเป็นสง่าอยู่ตำแหน่งประธานด้วยแล้ว

    “เจ้า...ชอบเด็กนั่น?”

    “อืม”

    “...”

    ในที่สุดโจวเจว่ยก็เอ่ยสิ่งที่ตงฉินอุตส่าห์เลี่ยงไม่รับรู้มาตลอด ไม่ใช่ไม่สังเกตเห็น แต่เขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองก็ ชอบบุรุษคนเดียวกับสหาย

    จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ขอให้ไม่ใช่โจวเจว่ยก็พอ

    “ทำหน้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือ หืม?”

    แต่ดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว

    นัยน์ตาคมเลื่อนมาสบตากับสหายเพียงหนึ่งเดียว

    “ข้าเองก็เหมือนกัน”

    “หือ?”

    รอยยิ้มของนายน้อยแห่งหุบเขาเหม่ยลี้แข็งกระด้างไปชั่ววูบ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”

    “เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่าอะไร โจวเจว่ย”

    เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ตงฉินเอ่ยนามของสหายโดยไม่มียศศักดิ์ โจวเจว่ยแย้มยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ฉบพลันบรรยากาศโดยรอบพลันหนาวเหน็บอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหล่าผู้ชมบนระเบียงไม้ต่างเหลือบมองกันด้วยความสงสัย

     

    “งั้นหรือ งั้นหรือ”

     

    “...”

    “ผู้ชนะคือสือโถวหน่วยอินทรีโลหิตแห่งสำนักเหม่ยลี้!!!!

    “เฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!

    “เลี้ยงเหล้า!! เลี้ยงเหล้า!!! เลี้ยงเหล้า!!!!

    “ขอบคุณสำหรับสำหรับกำลังใจอันมากล้น แต่ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องบอกเหล่าพี่น้องทั้งหลายว่าข้าไม่มีเงินว่ะ”

    “ไปตายซะ!! ไปตายซะ!!! ไปตายซะ!!!!

    โจวเจว่ยกับตงฉินมองไปยังสือโถวที่กระโดดหลบบรรดารองเท้าของผู้คนด้านล่าง เหมือนคนตัวผอมจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่จึงหมุนตัวมาเลิกคิ้วให้ สักพักสือโถวก็ยิ้มแผล่ก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นสูงมาทางพวกเขาสองคน

    “ข้าชนะแล้วนะอาจารย์ นายน้อย!!!

    “อืม”

    “เก่งมาก สือโถว”

    โจวเจว่ยโบกมือกลับไป แม้ว่าจะงงงวยกับยกนิ้วกลางของสือโถวอยู่ก็ตาม

    ชายหนุ่มกระซิบผ่านไรฟันในขณะที่กำลังโบกมือให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรด

    “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น...”

    “...”

    “ก็เตรียมรับผลที่ตามมาให้ดีเถิด เพื่อนรัก”


    ............................................100%............................................


    ห่างหายไปนานเลย ไรท์ไม่ได้เทนะคะ 555 เเค่ช่วงนี้มันไม่มีเวลาบวกกับรู้สึกว่าตอนหลังมันไม่ค่อยสนุก เลยอยากจะรีไรท์ด้วย มันก็บั่บติดขัดไปหม๊ดดดดดด 

    เเต่ถึงอย่างนั้นไรท์ดันเเต่งบทอื่นไปไกลซะเเล้ว เล่นเเต่งไปถึงตอนสวีทกันเลย555

    เเต่นั่นเเหละ เพราะจะรีไรท์เลยเเต่งต่อไม่ค่อยออก 555

    ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามนะคะ จะพยายามรีดสมองออกมานะก๊ะคุณ




    (???)

    ร่างในอีกไม่กี่ปีของใครสักคนนี่เเหละ อุคริ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×