ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #32 : ย้อนยุค 27 (ภาคออกท่องยุทธภพ) : ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนครั้งเเรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.5K
      365
      2 ก.ค. 60


    ย้อนยุค 27

    ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนครั้งแรก

     

     

    เเก้มร้อนผ่าวสีเเดงดั่งลูกท้อ

    นัยน์ตาสดใสเป็นประกาย

    ทุกอย่างของเจ้า

    ล้วนทำให้ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง

     

    "...นี่น่ะ..."

     

    เรียกว่าความรักรึเปล่านะ??

     

    “มีข่าวมาแจ้งขอรับ”

    ร่างในชุดเกราะสีดำยกมือประสานให้กับคนทั้งที่สี่ที่กำลังนั่งปรึกษาอยู่กลางกระโจม พ่อบ้านคังเป็นคนลุกขึ้นหยิบจดหมายจากมือหน่วยอินทรีโลหิต

    “คราวนี้เป็นข่าวจากที่ไหนอีกล่ะ?”

    มู่หลี่หลงถามอย่างเบื่อหน่าย เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ กลิ่นยาฉุนกึกชวนแสบจมูกกระจายทั่วตัว

    “อย่าพาล มู่หลี่หลง”

    “เหอะ”

    โจวเจว่ยปรามเด็กน้อย ตอนนี้มู่หลี่หลงกำลังหงุดหงิดกับความพ่ายแพ้ของศึกครั้งก่อน

    การที่ต้องเป็นฝ่ายหนี แถมสูญเสียกำลังพลไป ถือเป็นการสูญเสียใหญ่หลวงของสำนักเหม่ยลี้ ถึงจะกำจัดหมาป่านิลไปได้หลายตัวก็เถอะ แต่นั่นมันก็แค่ร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเสนาธิการ เจ้าตัวพ่ออย่างหมาป่าสีขาวบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด!

    “เรียนนายน้อย ข่าวจากสำนักขอรับ”

    “หืม” โจวเจว่ยเลิกคิ้ว นิ้วเรียวสวยไล้กับผ้าพันแผลบนข้อมืออีกข้างเล่น “ข้าแจ้งท่านแม่ไปแล้วนี่ ว่ากำลังเดินทางกลับ?”

    “นายน้อย”

    พ่อบ้านคังวางจดหมายลงบนโต๊ะ “สือโถวไปจากสำนักแล้วขอรับ”

    ตึง

    หน่วยอินทรีโลหิตกับพ่อบ้านคังหันไปหาตงฉินพร้อมกัน ท่านรองทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบดาบที่ตกลงพื้นขึ้นมาถือไว้ใหม่

    โจวเจว่ยยิ้มค้าง

    “ว่าอย่างไรนะ”

    “คะ คือ”

    “ท่านคังซือหานต้องการตัวสือโถวไปเป็นศิษย์ขอรับ ตอนนี้พาลงเขาไปแล้ว”

    พ่อบ้านคังรีบเข้ามาแทรกแทนชายหน่วยอินทรีโลหิต ชายชราส่งสัญญาณให้รีบออกไปด้านนอก ตัวแทนหน่วยอินทรีโลหิตรีบโค้งคำนับ วิ่งออกไปราวกับมีมัจจุราชตามหลัง

    “ไม่จริง!!” เด็กน้อยผุดลุกขึ้น นัยน์ตากวางสั่นไหว “พี่สือไม่มีทางทิ้งข้าไปแน่!!

    “หุบปาก”

    ความเย็นยะเยือกพร้อมจิตสังหารแผ่กระจาย มู่หลี่หลงชะงักพลางเม้มปากแน่น สะบัดหน้าฮึดฮัดไปอีกทาง

    โจวเจว่ยลูบคางเกลี้ยงเหลา ใบหน้างดงามมีแถบดำคลุมครึ่งหน้า ดวงตาฉายแววดำมืด “ตงฉิน”

    “...”

    ท่านรองหน่วยอินทรีโลหิตลุกขึ้นรอคำสั่งจากนายชีวิต

    “ไปบอกลูกน้องเจ้าให้เตรียมตัว เราจะออกเดินทางต่อในไม่ช้า”

    “ขอรับ”

    คังซือหานงั้นหรือ?

    ดันไปถูกใจเจ้าตัวอันตรายจนได้สินะ

    “รู้เช่นนี้ ล่ามโซ่ไว้แต่แรกก็ดี ช่างน่าเสียดาย”

    นายน้อยได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ปล่อยให้เสียงลอยเอื่อยไปกับสายลมร้อยยามเย็น

    .

    .

    .

    ร้อน ร้อนมาก

    "อีกนานมั้ยกว่าเราจะถึงเมืองที่ว่า"

    "อะไรกัน เเค่นี้ก็ไม่ไหวเเล้วรึ?"

    "มาลองลากเกี้ยวเเบบข้ามั้ยละ ไอ้ท่านอาจารย์ที่เคารพ!!"

    สือโถวหันไปเเว้ดใส่ร่างผอมบางที่นั่งกรีดกรายชมนกชมไม้อยู่บนเกี้ยว เเผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อยังไม่น่าหงุดหงิดเท่าไอ้อาจารย์คนใหม่นี่เลย!

    สรุปข้ามาเป็นศิษย์หรือขี้ข้าเอกประสงค์กันเเน่วะ

    "นี่ก็เป็นการฝึกเหมือนกันนะ พ่อหนุ่ม"

    ฝึกความอดทนไม่ให้สติเเตกพุ่งไปบาดคอเจ้าอ่ะดิ!?

    การเดินทางระยะยาวเช่นนี้ตามหลักการแล้วควรใช้ม้า ไม่ก็สัตว์ห่าเหวอะไรก็ได้ที่ใช้ขนส่ง แต่อาจารย์คนใหม่กลับบึนปาก เลือกใช้แรงงานเขาแทน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีเงิน!

    หอยหลอดมาก นี่หรือคือปรมาจารย์!!

    ความจริงเจ้าโดนลูกหลานที่บ้านไล่ออกมาใช่มะ!?

     

    “เถ้าแก่ ขอห้องพักหนึ่งห้อง”

    เสี่ยวเอ้อของโรงเตี้ยมเงยหน้าขึ้น ก่อนอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าดุดันภายใต้หนวดเครา

    สือโถวปาดเหงื่อบนใบหน้าออก พลางเขย่าคอเสื้อคลายความร้อน พอไม่เห็นสัญญาณตอบกลับของเสี่ยวเอ้อ เขาก็ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม

    “เถ้าแก่!!

    หูหนวกไปแล้วเรอะ คนยิ่งร้อนอยู่ เดี๋ยวจับไปปิ้งกิน(?)ซะหรอก!

    “หะ! อ่ะ เอ่อ คะ คือว่า” ร่างป้อมของเถ้าแก่สั่นสะเทา พระโพธิสัตว์คุ้มครอง! โรงเตี้ยมมีตั้งมากมาย ฉไนโจรผู้นี้ต้องเลือกร้านเขาด้วย!!

    “ห้อง ตะ ตอนนี้ห้องเต็มขอรับ!

    “ว่าไงนะ?”

    สือโถวกวาดสายตราไปทั่วห้องโถงชั้นล่างของโรงเตี้ยม คำว่าร้างยังน้อยไป แม่มใกล้เคียงกับคำว่าบ้านผีสิงมาก มันจะไปเต็มได้ไง ลุงเปิดให้ผีมานอนเรอะ

    เถ้าแก่อ่านสายตาเด็กหนุ่มออก ใบหน้าอวบอูมขึ้นสีแดงจัด ถึงกิจการจะไม่ดี แต่ข้าก็ไม่ขอเปิดห้องให้โจรหรอก!

    “ยังจัดการไม่เสร็จอีกหรือ อาสือเอ้ย”

    เสียงแหบแห้งดังมาจากด้านหลังสือโถว เถ้าแก่เอี้ยวตัวไปมอง ชายชราอายุย่างแปดสิบเดินไขว้หลังเข้ามาในโรงเตี้ยม “เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ไม่ไหว ไม่ไหว”

    “จะ เจ้า”

    เถ้าแก่ชี้นิ้วใส่หน้าสือโถว “เจ้าจับคนแก่เป็นตัวประกันด้วยหรือ!?”

    “หะ?”

    “ท่านตา มาหลบอยู่กับข้านี่ขอรับ!” เถ้าแก่พยายามใช้ร่างของตนปังคังซือหานจากสือโถว “เดิมที่ข้าก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะ แต่การที่เจ้าลักพาตัวคนแก่ใกล้ลงโลงเช่นนี้มา ข้าขอสู้สุดใจ!

    คังซือหานคิ้วกระตุก ผิดกับสือโถวที่ทำหน้างง

    “ลุงพูดบ้าอะ-“

    “นั่น!

    ชี้ไปยังกระดาษสีเหลืองตุ่นบนฝาผนัง ตัวอักษรเขียนชัดเจนว่าเป็นการให้ค่าหัวสำหรับโจรถ่อยที่ออกอาละวาดในช่วงนี้

    “มันประกาศจับเจ้าใช่มั้ยล่ะ!

    “ตาบอดเหรอลุง! แค่หน้าตาก็แตกต่างกันเหมือนมีแม่เป็นศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว จะใช่ข้าได้ไง!!

    “ก็เจ้ามีหนวด!!

    “แล้วลุงไม่มีหนวดรึไง!

    “หนวดของข้าตกแต่งด้วยฝีมือเมียนะเว้ย!

    “เมื่อก่อนหนวดข้าก็ตกแต่งด้วยฝีมือพี่สาวเจียเหมือนกันเฟ้ย!” สาวกว่าและอึ๋ม(?)กว่าเมียลุงอีก จะไฟท์อ๋อ!!

    “พอ!!!” ก่อนที่จะได้มีคู่มวยผิดวัย คังซือหานรีบแทรกกลางระหว่างสองคน หันไปหาเถ้าแก่ที่ธาตุความดีเข้าแทรก “เขาเป็นลูกศิษย์ข้าเอง แม้ว่าจะหน้าโจร นิสัยโจร โดยรวมแล้วโคตรโจร ไม่ใช่โจรหรอก”

    “อย่างกับตัวเองดีตาย” สือโถวพึมพำ

    “เอ๊าะ แน่นอน เอาล่ะเถ้าแก่ ข้าขอกุจแจไปละนะ บัยส์”

    ไม่รอให้เถ้าแก่หายมึนกับโจรหลายตัวในประโยค คังหานก็ยัดเงินใส่มือ คว้ากุจแจห้องเดินผิวปากขึ้นชั้นสองไปแล้ว ทิ้งให้เถ้าแก่มองตามด้วยความกังวล

    ข้าควรไปแจ้งทางการไว้ก่อน ดีหรือไม่นะ?


    สัมผัสเปียกชื้นที่ช่วงอกบวกกับความวาบหวิวทำให้เขาลืมตาขึ้นมา ก่อนจะอ้าปากเมื่อเห็นหนองโพขนาดยักษ์ลอยอยู่ตรงหน้า

    "เฮ้ย!!!"

    สือโถวสะดุ้งสุดตัว สองมือผลักร่างนุ่มนิ่มบนตัวออก เเม่เสือป่าที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเง้างอด นางเอนร่างเปล่าเปลือยเเนบชิดเขาอีกครั้ง

    "ใจร้ายจัง นายท่าน~~"

    "นะ นายท่านอะไรกัน ถะ ถอยออกไปนะ!"

    พอพิจารณาหน้าตาแม่นางอีกที เขาเป็อันต้องอึ้งอีกรอบ

    พี่สาวสุดสะบึมที่หอนางโลมครั้งนู้นนี่หว่า!

    ริมฝีปากสีเเดงห่ออย่างเย้ายวน "นายท่านฝันถึงข้ามาตลอดมิใช่รึเจ้าคะ?"

    ฝันบ้าฝันบออะไร ข้าไม่เคยฝันถึงเจ้นะเว้ย! นี่มันอะไรกัน แม่นางมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ แอบเกาะล้อเกวียนมาเหรอครับ!

    เขาไม่รู้จะเอามือไปไว้ไหน จะดันตัวนางออกก็กลัวจะไปโดนหนองโพ เออ รู้ว่าเยอะ ไม่ต้องมาเบียดก็ได้ เมื่อก่อนข้าก็มี!! ถึงจะน้อยเเต่ก็ถือว่ามีนะ!!

    เเม่เสือป่าผ่นลมหายใจที่ข้างหู สือโถวขนลุกเกลียว ไม่นะ อย่าเชียวนะ...

    "ท่าน 'ตื่น' เเล้วนี่เจ้าคะ"

    ม่ายยยยยยยยย ลูกสือน้อยยยยยยย

    "คิก คิก ปล่อยตัวตามสบายเถิดเจ้าค่ะ"

    "ว่าไงนะ อย่าบอกนะว่า อึก"

    ร่างกายเเข็งเกร็งขึ้นมาทันใด ลิ้นร้อนสีสวยเเตะลงบนเเผ่นอก ลากยาวไปเเอ่งชีพจร มือนุ่มนิ่มคอยปรนเปรอส่วนล่างให้อย่างช่ำชอง

    สือโถวหายใจติดขัดทีนที ใบหน้าเเดงจัดด้วยเเรงอารมณ์ ทุกส่วนราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ สะโพกมนบดเบียดลงกลางลำตัว เห็นเขาครางอย่างถูกใจ นางจึงดูดดึงลงมาตั้งแต่แผ่นอกลงมาถึงท้องน้อย

    “อึก”

    ยามที่ของสงวนถูกครอบครองด้วยความอุ่นร้อน เขาเหมือนจะเห็นประตูสวรรค์ร่ำไร

    “อืมมมมม”

    สองมือขยุ้มเส้นผมนุ่มนิ่มสีดำสนิท ลิ้นร้อนเร่งจังหวะมากขึ้นจนสายธารสีขาวถูกพ่นออกมา เขาหอบหายใจ แผ่หลาไปด้านหลังอย่างเหนื่อยอ่อน

    “ยังไม่จบนะ พี่สือโถว”

    “ข้าว่า- เอ๊ะ?”

    สือโถวผงกหัวขึ้นทันใด เมื่อได้ยินเสียงทุ้มแปลประหลาด ก่อนจะช็อกตาตั้ง เมื่อเหนือร่างที่คล่อมเขาอยู่กลายเป็นชายหนุ่มนัยน์ตากวางแทน

    “เฮ้ย!!

    ผลัวะ

    หมับ

    เร็วกว่าความคิด เท้าข้างซ้ายถูกส่งไปทักทายใบหน้าหล่อเหลานั่นทันที แต่อีกฝ่ายก็เร็วเหลือเชื่อ คว้าเท้าเขาไว้ก่อนที่จะประทับแบบเฉียดฉิว

    นัยน์ตากวางที่แอบคุ้นเคยหรี่ลง “ทักทายสุดที่รักหลังจากไม่ได้เจอกันเช่นนี้รึ?”

    “ปล่อยนะเว้ย! เหวออออ”

    ชายหนุ่มออกแรงทีเดียว ทั้งร่างของสือโถวพลันไถลไปใต้ร่างอีกฝ่าย แขนแกร่งสองข้างวางคล่อมข้างตัว เขาหน้าซีดจนเป็นขาวกับสายตาร้อนแรงนั้น

    “จำข้าไม่ได้จริงหรือ พี่สือโถว”

    “หะ หา?”

    บนโลกใบนี้คนที่เรียกข้าว่าพี่มีไอ้เด็กซานอวี้ของอาเยี่ยน กับ... “มู่หลี่หลงเหรอ!!?”

    ไปทำอะไรมา ไม่สิ ถ้างั้นก็พูดง่ายหน่อย!

    “ปล่อยข้าหลี่หลง ทำแบบนี้มีแต่จะสร้างแผลใจให้แต่ละฝ่ายมากกว่านะ!

    พี่ชายเตือนละนะ!!

    พี่ชายรู้ พี่ชายเรียนมา! ถ้าเราข้ามเส้นนี้ไปเจ้าจะกลับสายปกติไม่ได้แล้วนะเอ้อ

    “แล้วไง?” (คนที่คิดว่าเป็น) มู่หลี่หลงเลิกคิ้ว อารมณ์แบบ แล้วไงใครแคร์?

    ตูไงที่แคร์ ไอ้เด็กเวร!!!

    “ขะ ข้าหน้าตาแบบนี้ จะ เจ้าเอาลงเหรอ!?”

    “เดี๋ยวก็รู้”

     

    "จ้ากกกกกกกกกกกกกก"

    ร่างสูงผอมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหายใจหอบรัว เขาปาดเหงื่อบนใบหน้าออก พอลมหายใจกลับมาเป็นปกติจึงหันมองรอบด้าน

    ฝัน??

    ตึงงงง!

    "อ้ากกกกกกกกกกกกกกก"

    เขกห้วใส่กำเเพง บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ย! บ้าเอ้ยยยยยยยยยยยยย!!

    ทำไมถึงฝันอะไรเเบบนั้นไปได้วะ!!

    ผลัวะ!

    "หนวกหู!!!"

    หมอนใบเเข็งลอยมาจากเตียงตรงกันข้าม คังซือหานที่มีเเตงกวาเต็มใบหน้าตะคอกใส่อย่างหงุดหงิด "ดึกดื่นขนาดนี้มาเเหกปากอะไรหา ถ้าข้าหน้าเหี่ยวกว่านี้จะทำไง!"

    มือเหี่ยวย่นลูบบรรดาผักบนใบหน้า เฮ้อ โชคดีหน่อยที่ยังอยู่ครบ

    สือโถวกุมหัวที่เจ็บเเปลบๆ นึกอยากจะตะโกนกลับไป หน้าท่านมันไม่เหี่ยวไปมากกว่านี้หรอก แค่นี้ก็เหี่ยวขนาดที่ว่าเอามาดึงห่ออาหารเเม่งยังเหลือเลยโว้ย ทำมากระเดะเอาเเตงกวาพอกหน้า!

    "เเล้วเป็นอะไร ฝันเปียกเรอะ"

    เฮือก

    คังซือหานหยุดมือที่กำลังจัดเรียงเเตงกวา ดวงตาฝ้าฟางมองเด็กหนุ่มอึ้งๆ สือโถวหน้าเเดงจัดจนผิวสีเเทนยังปิดไม่อยู่

    "มองทำไมเล่า! ขะ ข้า ไม่ ไม่ได้ฝันปะ ฮือ" ซบหน้าร้องไห้เเม่ม รับไม่ได้สุดชีวิต

    ชายชรานิ่งไป ก่อนกระเเอม ท่าทางกระอักกระอ่วนไม่เเพ้กัน

    "เอาน่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย ถ้าหนูน้อยของเจ้ายังอยากอาละวาด... ม้าหลังโรงเตี้ยมน่าจะดะ-"

    "บอกว่าไม่ได้ฝันเปียกไง!"

    ผลัวะ

    ขว้างหมอนใบเดิมกลับไป ความเเข็งที่เทียบเท่าก้อนหินทำเอาคังซือหานถึงกับมึน ไม่รอให้อาจารย์ได้โวยวาย สือโถวก็หยิบผ้าห่มคลุมโป่งหันหลังให้

    เขากัดริมฝีปากเเน่น นึกถึงความฝันเมื่อครู่เเล้วได้เเต่น้ำตาคลอ

    ขอภาวนาต่อสวรรค์

    ชาตินี้อย่าให้มู่หลี่หลงโตขึ้นเลย

    ข้ากลัว!!

     

    จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

    เสียงนกน้อยปลุกให้ชายชราตื่นจากความฝัน คังซือหานยันตัวจากเตียงพลางหาวอย่างงัวเงีย

    "ตื่นเช้าจังนะเจ้า"

    ที่ริมหน้าต่าง ร่างสูงผอมของศิษย์ยืนเช็ดหน้าอยู่ สือโถววางผ้าลงบนราว หันใบหน้าซีดเซียวพร้อมดวงตาดำคล้ำไปหาคนบนเตียง

    "ไม่ได้ตื่นเช้า..."

    "อย่าบอกว่าไม่ได้นอนทั้งคืน?"

    "..."

    สือโถวไม่ตอบ แต่ลักษณะเหมือนซอมบี้ก็บอกทุกอย่างได้ดี คังซือหานจุ๊ปาก

    “ก็บอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าอัดอั้นมาก น้องม้าท้ายโรงเตี้ยมยังว่าง อั้ก!

    แม่นราวจัดวาง สือโถวขว้าขันใส่หน้าชายชราดังผลัวะ คังซือหานถึงกับหงายหลังนอนนับดาวอยู่บนเตียง

    สือโถวปัดมือ แค่นคอดังหึ เดินออกจากห้อง ปล่อยให้ซากศพของผู้เป็นอาจารย์แห้งเหี่ยวอยู่บนเตียงต่อไป

    เมื่อวานร้างคนเช่นไร วันนี้ก็ร้างคนเช่นนั้น เพิ่มเติมคือเถ้าแก่เห่อเมียเมื่อวานไม่อยู่

    เขาเกาท้ายทอย คือถ้าข้าเป็นโจร บอกเลยว่าโรงเตี้ยนี้ไม่มีเหลืออ่ะ ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิดนะเออ จะตายใจมากไปหน่อยรึเปล่าคุณลุง ถ้ากลับมาแล้วแม้แต่เมียก็หายไปนี่จะไม่แปลกใจเลย

    ผลักบานประตูออกไป ความเย็นของอากาศยามเช้าปะทะเข้าหน้า เขาสูดลมหายใจลึก ความเหนื่อยล้าจากความฝันบรรลัยเมื่อคืนเริ่มจางหาย

    “เดินเล่นสักหน่อยดีกว่า”

    เขาพึมพำ ก้าวลงบันไดหินโรงเตี้ยม ต้นไม้ใบหญ้ามากมายขึ้นตามข้างทางจนเหมือนอุโมงค์ขนาดย่อม เป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคที่เขาจากมา สือโถวเหม่อมองใบไม้อย่างเพลิดเพลิน นับว่าการลงจากเขาครั้งนี้ไม่เลวร้ายเท่าไหร่

    แซ่ก แซ่ก

    “หือ?”

    สือโถวเงยหน้าตามเสียงแปลกกระหลาดเหนือหัว

    ฟึ่บ

    ใบไม้สีเขียวขจีปลิวว่อน เขาสบกับดวงตาสีชมพูท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านแมกไม้

    ตึกตัก ตึกตัก

    หญิงสาวผุดลุกขึ้น นิ้วเนียนดั่งหยกปัดปอยผมสีน้ำตาลทัดหู เนื้อผ้าเบาบางพริ้วไสวราวกับหยอกล้อกับสายลม แม้ว่าจะไม่งดงามเท่าลู่เหลียน แต่ทุกท่วงท่าของนางล้วนทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด

    “เฮ้อ ลงผิดท่าจนได้”

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    แย่แล้วไง


    .................................................(100%)..................................................


    นิยายเรื่องนี้จะไม่ปลิวใช่มั้ยคะ? 5555555





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×