ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #28 : ตอนพิเศษ : มาเดททั้งทีทำไมต้องดันเจอน้องชาย (จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.87K
      297
      7 มิ.ย. 60


    ตอนพิเศษ

    มาเดททั้งทีทำไมต้องดันเจอน้องชาย (จบ)

     

    มือหยาบกร้านจับชายเสื้อของร่างอวบอูมไว้แน่น ท่านจ้าวในร่างไอ้อ้วนหรี่ตาลง บรรยากาศดำมืดฉายแววอันตรายจนอสรพิษหนุ่มต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย

    “มีธุระอะไรหรือน้องชาย?”

    “เอ่อ คือว่า” ใบหน้าแอบสวยมองพวกสองคนสลับกัน ปล่อยมือจากชายเสื้อ “ข้าอยากตอบแทน อ่า ไปดื่มชากันเถอะ!

    “หา? จะมาตอบแทนพวกข้าทำไมกัน”

    “เมื่อกี้ข้าเห็นนะ คนที่ขว้างก้อนหินสะกัดจุดพี่บึ๊กทั้งสามก่อนที่ท่านตงฉินจะมาคือพี่ชาย!

    อสรพิษเหล่มองคนข้างกาย หัวเราะใส่ผู้มีพระคุณของเด็กหนุ่มในลำคอ ท่านจ้าวเพียงเบือนหน้าไปอีกด้าน หมุนตัวเตรียมออกเดินทางไม่สนใจสือโถวแม้แต่น้อย

    หมับ!

    ดวงตาของชายหนุ่มร่างผอมส่องประกายแวววาว ว้าววววว กล้าดีจังแหะ

    นายเหนือหัวขมวดคิ้ว “ปล่อย”

    “ไม่”

    “ข้าสั่งให้-“

    “แถวนี้มีร้านน้ำชาชื่อดังอยู่พอดี เราไปกันเถอะพี่ชาย”

    “เอาสิน้องชาย” เขารีบพยักหัวเห็นด้วย นานทีจะเห็นสภาพไปไม่ถูกของเจ้านาย เขาย่อมไม่พลาดแน่ หึ หึ

    ไม่รอให้คนตัวป้อมได้ปฎิเสธ สือโถวกับหนุ่มอสรพิษก็จัดการหิ้วปีกท่านจ้าวคนละข้าง มุ่งหน้าไปยังร้านน้ำชาที่ว่าทันที

     

    “ขอน้ำชาสามที่ครับลุง!

    “ขนมไหว้พระจันทร์อีกสองด้วยลุง”

    “ซาลาเปามะพี่ชาย”

    “ขอหมี่เกี้ยวดีกว่าน้องชาย”

    “ได้ยินป่ะลุง หมี่เกี้ยวด้วย ทำช้าไม่จ่ายตังค์นะบอกก่อน”

    เป็นครั้งแรกที่ท่านจ้าวอยากเสกน้ำแข็งมาแช่แข็งคนทั้งสองที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ท่าทางเหมือนสนิทกันมานาน มืออวมอูบยกชาร้อนขึ้นจิบดับความโกรธในอก

    “ว่าแต่พวกพี่ชายชื่ออะไรกันหรือ?”

    “ข้าชื่อหยางกวาง ส่วนเพื่อนข้า...เต้าหมิงซื่อ*

    “แค่ก”

    ชิ้งงงงงงงงงงง

    ท่านจ้าวส่งสายตาอาฆาตไปให้เสนาธิการส่วนตัว แต่ไม่เพียงจะไม่สำนึก เจ้าตัวยังทำหน้ายียวนไม่รู้ไม่ชี้ใส่อีก อะไร นี่ข้าช่วยคิดชื่อให้เจ้าเลยนะ

    สือโถวเอียงคอ “หืม ชื่อเหมือนพระเอกในดวงใจของข้าเลยแหะ”

    แหงล่ะสิ ข้าได้ชื่อนี้มาตอนที่แอบย่อง เเฮ่ม เข้าเยี่ยมห้องนายเหนือหัวตอนกลางคืน แล้วดันเจอฉากเด็ดตอนที่ร่างสูงพึมพำด้วยความทรมานพอดี เอ รู้สึกจะพูดว่าอะไรนะ พี่ครับ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย เลิกให้ผมดูซิกแพคเต้าหมิงซื่อซะทีเถอะประมาณนี้ล่ะมั้ง

    ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนั้นสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ชื่อนี้น่าจะมีอิทธิพลกับเหนือหัวพอตัว

    “เต้าหมิงซื่อเรียนวรยุทธมาจากไหนหรือ ข้านับถือเจ้ามากเลย”

    เด็กหนุ่มเลียนแบบท่าดีดก้อนหินจากเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ท่านจ้าวดู ใบหน้าอวบอูมเบือนหนีไม่สนใจอีกครั้ง อสรพิษรีบตอบแทน

    “เป็นสำนักเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงหรอก เมื่อกี้แค่บังเอิญ ใครจะทำก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ”

    “ถ่อมตัวเกินไปแล้ว เออใช่ ข้าชื่อสือโถวนะขอรับ ต้องขอขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้”

    “ไม่หรอก ไม่หรอก คนที่เจ้าสมควรขอบคุณคือเขาต่างหาก เนาะ เต้า-หมิง-ซื่อ”

    สายตาอาฆาตถูกส่งมาอย่างอบอุ่นอีกครั้ง สือโถวมองพวกเขาสองคนสลับไปมา “ดูพวกท่านสนิทกันจังนะ”

    “ก็นา อยู่ด้วยกันมานานนี่นา”

    “...”

    “ไม่ทราบว่าสนิทกันถึงระดับไหนหรือขอรับ เจอกันเมื่อไหร่ แล้วนี่มากันแค่สองคน? มาทำอะไร ย่านแบบนี้จะบอกว่ามาเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ พี่หยางคิดจะทำลายความใสซื่อของเต้าหมิงซื่อหรือไร นอกจากนี้...”

    “...”

    “...”

    พวกเขาสองคนนิ่งค้าง ฟังเด็กหนุ่มพล่ามไม่หยุด โดยเฉพาะท่านจ้าวถึงกับเงิบแตกกับการสาดกระสุนคำถามของสือโถว อสรพิษหนุ่มกระตุกยิ้ม ดวงตาเรียวตี่ลืมขึ้นเล็กน้อยอย่างถูกใจ แหม แหม ให้อารมณ์เหมือนแม่สามีกำลังซักฟอกลูกสะใภ้ดีจัง

    เอาไงดี เล่นด้วยหน่อยก็คงไม่เสียหายล่ะมั้ง

    “ถามว่าสนิทกันแค่ไหน...ก็ไม่รู้สินะ” ใบหน้าผอมตอบซบลงบนไหล่อวบ สือโถวหยุดพล่าม ตาโตกับท่าทางสนิทสนมของคนตรงหน้า “เจ้าเองเถอะ ถามข้าเยอะแบบนี้อยากรู้อะไรกันเเน่ หือ?”

    เอียงคอออดอ้อนนายเหนือหัวมากกว่าเดิม สือโถวอึกอั่ก “คะ คือ เอ่อ มะ ไม่อะไร ข้าแค่...สงสัย...นิดหน่อย” เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินตอนท้าย

    ก่อนที่บรรยากาศจะได้อึดอัดมากกว่านี้ เสี่ยวเออร์ก็วางถ้วยชาพร้อมขนมลงบนโต๊ะ ท่านจ้าวสะบัดไหล่อย่างแรงทำเอาอสรพิษหนุ่มหน้าแทบทิ่มกาน้ำชา นายเหนือหัวยื่นมือข้างซ้ายไปหาเสี่ยวเออร์

    “ของที่สั่ง”

    อสรพิษหนุ่มกับสือโถวทำหน้างง คนตัวอ้วนไปสั่งอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

    “นี่ขอรับ” มือเหี่ยวย่นส่งถาดที่มีผ้าสะอาดและขวดยาเรียงรายส่งให้ ท่านจ้าวพยักหัวอย่างพอใจ ชายชราโค้งตัวก่อนจากไป

    “เจ้าบาดเจ็บหรือ!

    สือโถวลุกขึ้นอย่างร้อนรน ท่านเจ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มเล็กน้อย ดึงแขนให้นั่งลงด้านข้าง

    “เจ้าต่างหาก”

    “เอ๊ะ?” พออีกฝ่ายพูดเท่านั้นแหละ ความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นสมอง สือโถวยกมือกุมหัวทันที ลืมไปเลยว่าตัวเองหัวแตกอยู่ เเถมยังไม่ทันรักษาดีก็วิ่งตามตูดทั้งสองมาเสียแล้ว

    “งี่เง่า”

    “อ่าว พูดงี้ก็ จ้ากกกกก โอ้ยๆๆๆ เฮ้ย! เดี๋ยว! ขอเวลานอก ขอเวลา เยี้ยกกกกกก”

    การทำแผลที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการฆาตกรรม อสรหนุ่มได้แต่เขยิบตูดออกมาให้ห่างจากรัศมีการเชือด เอ้ย การทำแผลของเจ้านาย ดีที่พวกเขาอยู่ในห้องที่เป็นส่วนตัว เสียงโหยหวนด้วยความสุขสม(?)ของน้องชายจึงไม่ทำให้ใครต้องแตกตื่น

    เสียงโวยวายไม่ทำให้ท่านจ้าวสะเทือนแม้แต่น้อย สองมือยังคงทำแผลบนหัวสือโถวต่อเนื่อง

    “อย่าโวยวาย”

    “ลองให้ข้ามาจิกหัวเจ้าบ้างมั้ยล่ะหา!?”

    ทำแผลบ้านเจ้า กระชากหัวคนเจ็บจนหน้าหงายแล้วสาดน้ำยาล้างแผลใส่หน้าแบบนี้เหรอวะ! ที่บ้านสอนมากันยังไง อูย ผมหลุดไปกี่เส้นแล้วว่ะเนี่ย

    “ใครใช้บาดเจ็บ”

    “พ่อข้ามั้งแหม่ เด็กนั่นกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจะปล่อยให้เขาโดนฆ่าได้ไง”

    มือที่กำลังพันแผลเป็นขั้นตอนสุดท้ายชะงักกึก เพียงเสี้ยววินาที ดวงตาสีดำปรากฎแววสังหารขึ้นก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว

    “หึ น่าขำ” สำหรับคนที่เกลียดเด็กอย่างเจ้า...คิดว่าข้าจะเชื่อเหตุผลไร้สาระพวกนั้นหรือไง

    ท่านจ้าวเช็ดมือกับผ้าสะอาดหลังจากทำเผลให้เด็กหนุ่มเสร็จ ท่าทางราวกับรังเกียจจากการสัมผัส ทำให้คนเจ็บต้องหน้าม้าน

    "ไปกันเถอะ"

    "เอ๋ เดี๋ยวสิ!" สือโถวคว้าเเขนกลมกลึง ท่านจ้าวจิ๊ปาก เด็กหนุ่มรีบชี้ไปยังชาร้อนบนโต๊ะ "เจ้ายังไม่ได้ดื่มน้ำชาเลยนะ"

    "ไม่จำเป็น"

    "เอาน่า เต้าหมิงซื่อ อย่าให้เสียน้ำใจน้องชายผู้นี้เลย อยู่ดื่มต่อสีกหน่อยก็ดีนา"

    ร่างอ้วนเตี้ยทำหน้าหงุดหงิด ยิ่งเห็นสือโถวทำท่าจะร้องไห้ตนยิ่งเดือดขึ้นกว่าเดิม มืออวมอูบหยิบถ้วยชาขึ้นดื่มในอึกเดียว อสรพิษหนุ่มกับสือโถวเบ้หน้าเเทน น้ำชาร้อนขนาดนั้นพี่เเกกระเดือกในครั้งเดียวเลยเหรอ!?

    ตึง!

    "พอใจหรือยัง"

    "เอ่อ อืม"

    "ลุก"

    "ง่าาาาาา" อสรพิษหนุ่มอวดครวญ ร่างสูงผอมโดนลากออกจากห้องไป นานทีข้าจะได้คุยกับสิ่งสวยๆงามๆ นายเหนือหัวใจร้ายยยยยยย

    สือโถวถอนหายใจ เท้าคางลงบนโต๊ะ เหม่อมองไปยังระเบียงที่เปิดกว้างให้เห็นผู้คนสัญจรด้านล่าง ดวงตาสองคู่สะท้อนภาพสองบุรุษที่เดินเคียงข้างกันหายไปในฝูงชน

    "เฮ้อ"

    "...ยังเกลียด...อยู่สินะ..."

     

    พอออกจากโรงน้ำชาก็พบว่าท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิทเสียเเล้ว ความมืดมิดของรัตติกาลคลุมทั่วบริเวณ อสรพิษหนุ่มเดินผิวปาก จ้องเเผ่นหลังของนายเหนือหัวที่อยู่ด้านหน้า

    เเม้จะดูเด็ดเดี่ยวเเละมั่นคง เเต่การต้องมาเจอจุดดำมืดของอดีต นายเหนือหัวคงเซไม่น้อย

    ...ล่ะมั้ง

    "ท่านคิดว่าเจ้านั่นจะจำเรื่องนั้นได้รึเปล่า?"

    ตึก

    สองเท้าหยุดชะงัก

    "ไม่"

    ถ้าจำได้จริง...คงไม่มาทำดีกับเขาเเบบนี้หรอก

    ก็เจ้านั่นในความทรงจำของเขา...

    คำว่าสารเลวยังน้อยไปด้วยซ้ำ

    "ว้า~ น่าเสียดายจังเน้อ" เงยหน้าบ่นกับท้องฟ้า "เห็นเจ้านั่นมองท่านเช่นนั้น ข้าก็นึกว่าความทรงจำของเขากลับมาเเล้วเสียอีก เเหม เเต่โชคชะตาช่างเป็นใจนัก ดันมาเจอคนที่ไม่ควรมาเจอซะได้ เเล้วก็..."

    ลิ้นสองแฉกเลียริมฝีปาก "เเขกที่เราตามหาก็มาหาเองซะด้วย"

    เบื้องหน้ามีเงาสีดำบิดเบี้ยวสี่ร่างยืนจังก้าขวางทางพวกเขาสองคนอยู่ นิ้วมือทั้งห้ากางเล็บคมกริบสะท้อนกับเเสงจันทร์ ดวงตาฉายเเววอำมหิตไม่ปิดปัง

    ยักษ์เขียว

    ท่านจ้าวยืนนิ่ง มองพวกมันเหมือนกับมดปลวกข้างทาง

    "...พวก...เจ้า..."

    เสียงเเหบพร่าดังก้องไปทั่วตรอกเเคบเเห่งนี้ น้ำลายเหนียวหนืดไหลย้อยมาจากปากกว้าง เขี้ยวใหญ่ที่งอกออกมาทำให้พวกมันพูดได้ไม่ชัดนัก

    "กรี๊ดดดดดดดด"

    อสูรหนุ่มทำท่าสะดีดสะดิ้ง กระโดดกอดร่างอวบอูมดังหมับ จนหน้าท่านจ้าวฝังไปในอ้อมอกของตน

    "ท่านพี่ พวกน่ากลัวพวกนี้เป็นใครอ้า~~! เจ้าหนี้ท่านหรือ!!"

    "..."

    "ว้ายยย ข้ากลัวจังเล้ยยย เอร้ยยยยยยย(?)"

    "หุบ...ปาก!!!" หนึ่งในนั้นตวาดก้อง "พวกเจ้า...คือสะ...มุน...ของไอ้เสนาธิ...การวิปริตนั่น...สินะ"

    หยุดดีดดิ้นทันใด

    ข้าหล่อขนาดนี้ กล้าดียังไงมาหาว่าข้าวิปริต ไอ้พวกตัวประกอบค่าตัวถูก!! เดี๋ยวบิดาจับไปทำลูกชิ้นต้มให้หมาป่านิลเเดกซ์ซะหรอก!!

    "มาขวางกันเช่นนี้ ดูท่าเรื่องที่เผ่ายักษ์เขียวทรยศจะเป็นเรื่องจริงสินะ" ดวงตาสีดำสนิทดำมืดมากกว่าเดิม

    "...หึ หึ ...ก็ไม่รู้สินะ..."

    "ว้า~ คิดดีเเล้วหรือที่จะสังหารพวกข้า ไม่อยากจะคุย พวกข้าเป็นสมุนโปรดของเสนาธิการสุดหล่อ บ้านรวย หญิงเยอะ ขวัญใจมหา-"

    "เจ้ารู้...เยอะ เกิน...ไป"

    "งั้นหรือ"

    "เอ่อ เสนาธิการยังฉลาดด้วยนะ เป็นมือขวาของท่านจ้-"

    "...ต้องขอ...ให้เจ้า...จบชีวิตลงที่นี่"

    "ฟังกันหน่อยสิเฮ้ย!"

    "หุบปาก!!/หุบปากไป!!"

    "...โหดร้าย"

    หัวใจของเสนาธิการเผ่าปีศาจบอบบางมากนะเออ ทำร้ายกันมากๆเดี๋ยวข้าก็ยื่นใบลาออกซะหรอก!

    ตัวปัญหาเงียบไปแล้ว บรรยากาศกดดันจึงกลับมาปกคลุมตรอกแห่งนี้อีกครั้ง ยักษ์เขียวสี่ตัวง้างเล็บเตรียมโจมตี ท่านจ้าวส่งสายตาให้เสนาธิการเตรียมพร้อม อสรพิษหนุ่มบ่นงึมงำ รู้แล้วล่ะน่า

    โฮกกกกกกกกกกกกกก

    ร่างใหญ่ดีดตัวเข้ามาพร้อมกรงเล็บทั้งห้า อสรพิษเบี่ยงตัวหลบ แสร้งทำเป็นต่อสู้สองสามกระบวนท่าก่อนจะพ่ายแพ้

    "อ้ากกกกกกกกก"

    ร่างสูงผอมลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นราวกับเจ็บปวดเหลือเเสนกับบาดเเผลที่ได้รับ ท่านจ้าวเเอบกรอกตาบนในความเล่นใหญ่ของลูกน้อง มันใช่เวลา?

    "อั่ก จะ เจ็บปวดเหลือหลาย จำไว้เลย คร่อก"

    ว่าเเล้วก็ตาเหลือก จบการตายอย่างสวยงาม

    คราวนี้ก็เหลือเพียงคนเดียว

    ดวงตาดำมืดสี่คู่จดจ้องอยู่ที่ร่างอวบอูม พวกมันคำรามในลำคอ น้ำลายเหนียวหนืดหยดลงบนพื้นไม่ขาดสาย

    ครืน ครืนนนนนนน

    ท้องฟ้าบังเกิดประกายไฟเป็นสายลงสู่พื้นดิน แสงสว่างวาบไปทั่วบริเวณสะท้อนใบหน้าเย็นชาของท่านจ้าวปีศาจ

    ไม่จำเป็นต้องชนะ

    ร่างนี้ไม่ใช่ร่างจริง ปล่อยให้ตายไปก็ไม่ปัญหา

    เพราะคิดเช่นนั้น เขาจึงปล่อยให้เล็บเเหลมคมเเทงทะลุเเผ่นอก รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฎอยู่บนใบหน้าจืดชืด

    เจ้าพวกยักษ์เขียว

    ฉึก!!

    พรวด!!!

    เลือดสีเเดงฉานพุ่งสาดกระจายออกจากแผ่นอก ช่วงจังหวะที่กำลังล้มลงเขาดันเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่...

    ท่ามกลางฝนสีเลือดได้ปรากฎร่างคุ้นเคยที่ยืนเบิกตากว้างอยู่ไม่ห่าง

    ตุบ

    ซ่าาาาาาา!!!

    "ภูมิ!!!!!"

     

    หลังจากแขกที่เขาลากมาดื่มน้ำชาจากไปได้สักพัก สือโถวนั่งคิดนอนคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่า ตามแม่มเลยละกัน คนมันคาใจโว้ย!

    ถึงหน้าตาจะโคตรแตกต่างอย่างกับอยู่คนละกาแลกซี่ แต่สัญชาตญาณมันร่ำร้อง ไอ้อ้วนนั่นน้องชายบุญธรรมของตูแน่ๆ!

    อ้วนแล้วไง ดีซะอีก เวลากอดจะได้นุ่มนิ่ม แถมใช้เป็นฮีตเตอร์ตอนหน้าหนาวได้ด้วย บางทีที่น้องชายเขาซึน อาจจะเป็นเพราะว่าอายรูปลักษณ์ของตัวเองก็เป็นได้ เพราะงั้นอดีตพี่สาวอย่างเขาต้องตามไปกระทื- แฮ่ม แสดงอ้อมกอดแห่งรักว่าถึงน้องจะหน้าเหมือนขี้แต่พี่ก็รักนะเออ!

    ลัดเลาะซอกซอยได้ไม่กี่ทีก็คลาดกัน พอได้เสียงโช้งเช้งเหมือนคนตีกันเขาถึงได้วิ่งตามทิศทางของเสียงอย่างไม่คิดชีวิต

    แต่สิ่งปรากฎกลับทำให้สือโถวตะลึงจนลืมหายใจ

    ภาพในอดีตซ้อนทับกับร่างที่ล้มลง เลือดสีแดงฉานค่อยๆไหลออกมาจากบาดแผลกว้าง สือโถวก้มลงมองแอ่งน้ำที่แสงที่เจ่อนองอยู่ใต้ฝ่าเท้า เขาได้แต่จ้องมันอย่างโง่งม

    ในครั้งแรกสือโถวคิดว่าตัวเองกำลังฝันร้าย

    ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องที่เขาเพ้อไปเอง

    “ฮ่ะๆ อะไรกันเนี่ย”

    เขาทรุดตัวลงข้างร่างนั้น ยกมือแตะร่างของคนที่เขาเชื่อว่าคือน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากัน

    "ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง"

    มือสั่นสะเทากดบาดเเผลที่มีเลือดไหลออกมาทะลักหยุด น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายเเข่งกับเม็ดฝนที่เทลงมา ความเย็นเฉียบที่ส่งผ่านฝ่ามือมาบ่งบอกว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจ สือโถวพลันรู้สึกเหมือนทั้งร่างโดนทุบด้วยหินพันชั่ง มันทั้งหนักและตื้อไปหมด

    ไม่เอาเเบบนี้ ไม่เอานะ

    "...เจ้า..."

    เงาร่างใหญ่โตทาบทับเด็กหนุ่มไว้ทั้งตัว มันเอียงคอสงสัยว่าผู้มาใหม่คือใครกัน กลิ่นช่างเเปประหลาดนัก

    "ใคร...มนุษย์...หรือ?"

    "ยังไม่ได้ถามเลยว่านายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" พวกมันหันมามองหน้ากัน เด็กหนุ่มยังคงกอดร่างไร้วิญญาณเเนบอก หัวใจเจ็บปวดจนอยากกรีดร้องออกมา "พี่...น่ะ...นะ..."

    เเผ่วเบาเเทบเป็นเสียงหวีดหวิวในตอนท้าย ไหล่ทั้งสองข้างสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ สือโถวก้มลงซุกใบหน้าเปื้อนเลือด ฝ่ามือพยายามปิดบาดเเผลหวังว่าจะห้ามเลือดได้เหมือนคนโง่เง่า

    “ถ้า...ไม่เกี่ยว...อะไรกับเรื่องนี้...ก็ไสหัว...ไปซะ...เจ้า...หนู”

    “หึ หึ หึ ฮ่ะๆ” สือโถวเงยหน้าหัวเราะกับหยาดฝน ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวราวกับอสรกายที่หลุดมาจากยมโลก “ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ?”

    “มันเกี่ยวกันตั้งแต่แก ฆ่าน้องชายของข้าแล้ว”

    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง

     

    จากสี่ชีวิตเหลืออยู่สอง เหงื่อเย็นซึมผ่านไรผมกลิ้งลงขมับรวมกับน้ำฝนที่ตกแรงกว่าเดิมขึ้นทุกที ยักษ์ตัวสุดท้ายได้แต่ยกกรงเล็บกั้นการโจมตีแสนหนักหน่วงของมนุษย์ตัวน้อย

    เจ้ามนุษย์ตัวนี้มันอะไรกัน!!

    แม้จะมีบาดแผลทั่วตัว แต่น้ำหนักที่ลงดาบกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย ยักษ์เขียวกัดฟันอย่างเจ็บปวด แขนของตนขาดไปข้างหนึ่งแล้ว คงทนการโจมตีแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ทางที่ดีต้องหาช่องว่างแล้วจัดการเชือดคอไอ้มนุษย์นี่ซะ!

    เคร้ง! โครม!

    “แฮ่ก แฮ่ก”

    ยักษ์เขียวพยายามหายใจกอบโกยอากาศให้เข้าปอดให้มากที่สุด เด็กหนุ่มยังคงตั้งท่าเตรียมพร้อม ไอสีดำแปลกประหลาดพุ่งพวยออกจากร่างสูงผอมนั้น ช่างดูคุ้นในความทรงจำยิ่งนัก

    “เจ้า...เป็น...ใครกัน...แน่!

    “คนหล่อ”

    “...”

    แดกจุด

    “ไม่อยากก็ไม่เป็น...ไร” ร่างของยักษ์เขียวสลายกลายควัน

    ฉึก!

    “เพราะข้า...ไม่ได้อยากรู้...เรื่อง...ของคน...ตาย...นักหรอก...เจ้าโง่”

    ท่อนเหล็กขึ้นสนิมแทงทะลุช่องท้อง ยักษ์เขียวแสยะยิ้มสะใจ มันแค่ชวนคุยเพื่อให้อีกฝ่ายเปิดช่องว่างเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าสำเร็จได้ดีทีเดียว

    “คนที่โง่น่ะ...มันแกต่างหาก”

    “หือ?”

    พรวด!!!

    ยักษ์เขียวเบิกตากว้าง เลือดสีเขียวพุ่งออกจากอก ตำแหน่งเดียวกับที่ฝากไว้กับไอ้อ้วนนั่น มันก้มลงดูบาดแผลบริเวณอกอย่างไม่เชื่อสายตา “จะ เจ้า”

    “ลาขาด”

    ฉัวะ!!

    ศรีษะใหญ่ร่วงหล่นบนพื้น ใบหน้ายังคงบิดเบี้ยวด้วยความแค้นเคือง สือโถวหัวเราะในลำคอ ยกเท้าเตะศีรษะจนมันลอยไปไกล

    “จบแล้ว...”

    ความปวดร้าวแล่นทั่วอนุภาคเซลล์ในร่างกาย เขาปล่อยดาบในมือ สองขาทิ้งตัวลงราวกับตุ๊กตาชักใยที่สายขาด ปล่อยให้น้ำฝนตกลงมากระทบใบหน้าไม่ขาดสาย สายตาพร่างพรายเหม่อมองเพียงจุดเดียว

    เขายื่นมือออกไปหวังว่าสามารถคว้าร่างที่แน่นิ่งไม่ต่างกันได้ ริมฝีปากพยายามอ้าขึ้นเพื่อเรียกชื่ออีกคน แต่เสียงกลับไม่ออกมาจากลำคอแม้แต่คำเดียว

    ขอโทษ

    ขอโทษนะ

     

    “ว้าววววว ทำได้ไม่เลวเลยนี่นา”

    “...”

    งูตัวใหญ๋เลื้อยออกมาจากเงามืด ขนาดของมันเที่ยวกับกับต้นไม้สามคนโอบ ลิ้นสองแฉกส่งเสียงฝ่อทุกครั้งที่พูด

    ข้างกันเป็นหมาป่าสีขาวสว่าง นันย์สีม่วงงดงามยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง

    “เอาล่ะ ทำงาน ทำงาน”

    สันกรามกว้างอ้ากว้าง กลืนกิน เศษเนื้อของพวกยักษ์เขียวลงคอ อืมมมม รสชาติสูสีกับเนื้อหมาข้างทางได้อยู่ อสรพิษทำลาย หลักฐานทั้งหมดเสร็จแล้ว จึงหันหัวใหญ่โตมาหานายเหนือหัว นัยน์ตาที่มีเพียงขีดเดียวหรี่มองร่างผอมบางกลางกองเลือด

    “ให้ข้ากินเขาด้วยเลยหรือไม่”

    ดูท่าเนื้อจะหวานน่าดู

    เห็นนายเหนือหัวไม่ตอบ เขาจึงเลื้อยมายังเด็กหนุ่มที่หายใจโรยริน โน้มคอลงไปเตรียมกินอย่างที่ปากว่า

    “ไม่ต้อง”

    กึก

    เขี้ยวแหลมคมที่กำลังจะสัมผัสร่างผอมสูงชะงัก “ทำไม? เกิดสงสารเขาขึ้นมารึไง”

    “ไม่ใช่”

    “แล้ว?”

    หมาป่าสีขาวกลายร่างเป็นบุรุษสูงใหญ่ผมสีเงิน ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ข้างสือโถว ยื่นมือไปแตะบาดแผลฉกรรจ์ตรงท้อง ไม่นานบาดแผลนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง

    “จะฆ่า...ด้วยมือข้าเอง”

    “คำพูดสวนกับการกระทำอยู่นา ท่านจ้าว”

    “หุบปาก ลบความทรงจำของเขาซะ”

    “จ้า จ้า ใช่ซี่ ข้าก็แค่ขี้ข้าก้นเรือน อยากใช้งานตอนไหนก็ทำได้นี่” ศรีษะใหญ่โตแนบลงกับศรีษะของเด็กหนุ่ม ร่ายเวทยาวเหยียดไม่เป็นศัพย์

    นัยน์ตาสีม่วงจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคน เคยเป็นครอบครัวเดียวกัน

     

    เจอกันครั้งหน้า

    ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือคู่นี้เอง

    พี่สาว

     

    .............................................100%.....................................

     

    Q : ขอถามน้องชายที่มีบทโคตรน้อยหน่อยขร่ะ พี่สาวกับน้องชายเป็นคนยังไงเหรอค้า

    x : หา? ยัยพี่บ้านั่นน่ะเหรอ? ก็ปากหมา สารเลว แกล้งเด็ก เตะคนแก่อ่ะดิ ส่วนไอ้น้องชาย...เอะอะก็ร้องไห้เหมือนมีเขื่อนอยู่ในตัวเอง เมื่อก่อนผมแอบจดบันทึกด้วยว่าวันหนึ่งยัยพี่บ้าจะแกล้งให้หมอนั่นร้องไห้ได้กี่ครั้ง ปรากฎว่าสิบเจ็ดครั้งภายในวันเดียว! โคตรบ้าไปแล้ว!!

    Q : โอ้โห แสดงว่าพี่สาวโคตรเลวเลยสินะคะเนี่ย

    x : ...ถ้าเป็นก่อนน้องชายจะตาย...ก็ใช่อ่ะนะ หลังจากเกิดเรื่องนั้นก็สงบขึ้นเยอะ ซึ่งผมเอง...ก็พอเข้าใจ

    Q : สุดท้ายแล้วมีอะไรจะฝากมั้ยคะ?

    X : ไอ้พี่บ้า! ถึงผมจะบอกว่าให้ไปตายซะบ่อยๆก็เถอะ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้พี่เอาตัวไปแนบรถอย่างแนบแน่นแบบนั้นซะหน่อย!

    X : ถ้าคิดจะตายทั้งที ก็ช่วยเอาเงินที่แอบขโมยไปซื้อการ์ตูนเกย์แบบ Unsen ห่าเหวอะไรนั่นคืนผมมาก่อนเซ่!!!! รู้มั้ยว่านั่นมันเงินก้อนสุดท้ายที่ผมเอาไว้ซื้อกันดั้มเลยนะ ไอ้พี่บ้าาาา!!!!

     

    เต้าหมิงซื่อ* = พระเอกเรื่อง F4 เวอร์ชั่นจีน


    ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะค้า กำลังใจจากการแต่งมาจากพวกเตงเนี่ยแหละ 55555 ตอนนี้มันอาจจะอึนหน่อยๆ ประสาคนมึนอย่างไรท์

    พบคำผิดตรงไหนท้วงได้นะคะ ไรท์ยังไม่ได้ตรวจทาน บั่บแต่งเสร็จก็อัพลงเลย

    ตอนหน้าก็เข้าสู่ช่วงเนื้อเรื่องปกติและ ส่วนตอนพิเศษเรื่องวันวาเลนไทน์... ครึ่งหลังมันเป็น nc อ่ะค่ะ ไรท์ยังแต่งไม่เสร็จ เลยยังไม่ได้ลงต่อ -.,-


    *เเก้ไขครั้งที่ 1

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×